คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Sexy dangerous! 9 100%
“ขอบใจเธอมากนะคิมบอม ที่ยอมช่วยฉัน”
รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยของมินซอนเยหลังจากที่วางโทรศัพท์จากเพื่อนชายของเธอ เมื่อคืนเธอเองได้ขอร้องให้เขาช่วยจัดการเรื่องบางอย่างให้ ถึงแม้ในตอนแรกดูเหมือนชายหนุ่มจะปฏิเสธ แต่ทว่าเขากลับยอมตกลงจะช่วยเหลือหล่อนในสิ่งได้ร้องขอ ถ้าคิมบอมได้ทำตามแผนที่วางไว้ ต่อจากนี้ไปเธอก็คงจะปล่อยให้พวกตระกูลคิมได้จมอยู่กับความทุกข์ทรมารจากเวรกรรมที่พวกเขาก่อโดยจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก
พลันปากบางก็หุบยิ้มทันที เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างสูงของคนแปลกหน้าที่กำลังเดินผิวปากหวือตรงมายังเธอ ดูจากสีหน้าแล้วท่าทางจะเป็นคนอารมณ์ดี ต่างจากเจ้านายสาวของเธออย่างลิบลับเลย แล้วทำไมต้องนึกถึงยัยนั่นด้วยเล่า!!!!
“สวัสดีค่ะ” มินซอนเยกล่าวทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ค่ะ...ยูบินอยู่รึเปล่า”
“ไม่อยู่ค่ะ...ยังไม่เข้ามาตั้งแต่เช้า ได้นัดไว้รึเปล่าคะ”
หลังจากที่ได้ยินคำตอบของมินซอนเยร่างสูงก็ทำหน้าฉงน คนบ้างานอย่างคิมยูบินเพื่อนของเธอเนี่ยนะ จะยังไม่เข้าบริษัทตั้งแต่เช้า หรือว่ามันจะป่วย? จะเป็นไปได้ยังไงกันก็เมื่อคืนยังนั่งดื่มด้วยกันอยู่เลย
หิวก็หิว วันนี้อุตส่าห์เคลียร์งานเสร็จเร็วแล้วกะว่าจะมาชวนไปกินข้าวด้วยกันแท้ๆ หยุดความคิดไว้แค่นั้นก่อนจะหันไปจ้องหน้าสาวสวยอีกคน แล้วสายตาเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมของปาร์คเยอึน ยังไงวันนี้ก็ไม่ยอมเสียเที่ยวหรอก โอกาสดีๆอย่างนี้หาได้ยาก ขอควงสาวๆสวยๆไปกินข้าวกันสักมื้อเถอะ ยืมตัวเลขาฯแกก่อนสักชั่วโมงละกันนะยูบิน
“ฉันปาร์คเยอึน คุณ....”
“มินซอนเยค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“เช่นกันค่ะ”
“คุณคงเป็นเพื่อนของคุณคิมยูบิน?” หญิงสาวเอียงคอเล็กน้อยในขณะที่ถาม
“ใช่ค่ะ...ไม่ใช่เพื่อนธรรมดานะ เพื่อนรักด้วย” ปาร์คเยอึนตอบกลับแบบขำๆตามแบบฉบับของเธอ
“แปลกนะคะ ไม่น่าเชื่อว่าคนพรรค์นี้จะมีคนรักด้วย”
“หืม??! คุณว่าไงนะ” สีหน้าขี้เล่นของปาร์คเยอึนเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของร่างบาง ไม่รู้ว่าหูฝาดไปเองหรือเปล่าถึงได้ถามออกไปอีกรอบ
“อ้อ...คือดิฉันหมายถึงคนน่ารักๆอย่างเจ้านายของดิฉันเนี่ย ไม่แปลกเลยนะคะที่จะมีคนที่รักเธอมากมายขนาดนี้” มินซอนเยที่เหมือนเพิ่งจะรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา ก็รีบแก้ต่างให้ตัวเองทันที
“...ค่ะ...เพิ่งรู้นะคะว่าคนสวยๆเค้าก็มีมุขตลกด้วย” น้ำเสียงเนือยๆตอบออกไป พร้อมกับสายตาที่จ้องไปยังร่างบางอย่างจับผิด ก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดแบบนี้นี่นา ผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไรกับครอบครัวของคิมยูบินเธอเองก็ไม่อาจรู้ แต่ที่มั่นใจคือสาวสวยคนนี้คงเป็นอันตรายสำหรับเพื่อนของเธอไม่เบาแน่
“เป็นเลขาฯคงเหนื่อยน่าดู ว่าแต่คุณทานอะไรบ้างรึยังคะ” ร่างสูงเปลี่ยนเรื่องทันทีโดยที่ยังเก็บความสงสัยเอาไว้ข้างใน
“ยังเลยค่ะ กะว่าอีกสักพัก” เมื่อได้ยินเช่นนั้นปาร์คเยอึนก็ยิ้มออกมาทันที นี่แหละจุดประสงค์
“งั้นเราไปทานข้าวกันมั๊ย ฉันน่ะหิวจะแย่อยู่แล้ว”
“แต่ดิฉันยังทำงานไม่เสร็จเลยนะคะ” สีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงไปมองกองเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ จะไปได้ยังไงล่ะในเมื่อสิ่งที่เธอต้องทำมันยังไม่เสร็จสมบูรณ์เลย
“ฉันจะบอกยูบินมันเอง คุณไม่ต้องกลัวนะ” หลังจากที่จบคำพูดของปาร์คเยอึน มินซอนเยก็เงียบไปสักพัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาของร่างสูงที่กำลังยืนรอคำตอบตาละห้อย
“ดูท่าคุณจะหิวมากเลยนะคะ” ร่างบางพูดกลั้วหัวเราะ ทำเอาอีกคนต้องหน้าแดงด้วยความอาย
“ก็ได้ค่ะ...แต่คุณรอฉันสักครู่จะได้รึเปล่าคะ”
“ได้สิ!” ปาร์คเยอึนตอบกลับทันทีด้วยความดีใจ ก็มันหิวแทบจะกินนิ้วตัวเองได้แล้วนี่นา
สองร่างก้าวไปตามทางเดินโดยมีจุดหมายอยู่ที่ลิฟต์ตัวใหญ่ ปาร์คเยอึนแอบชำเลืองมองคนข้างๆอยู่เรื่อยๆในขณะที่กำลังรอลิฟต์ จนหญิงสาวคนอีกคนต้องหันมาถาม
“ที่หน้าฉันมีอะไรติดอยู่เหรอคะ”
“อะ...เอ่อ เปล่าๆ ฉันแค่คิดว่าคุณเป็นคนสวยนะ ไม่สนใจจะเป็นดาราบ้างเหรอ ฉันช่วยคุณได้นะ” แต่คำตอบของร่างสูงก็เรียกเสียงหัวเราะจากมินซอนเยได้ทันที
“ทำไมเหรอ ฉันพูดอะไรผิดรึเปล่า”
“เปล่านี่คะ แล้วถ้าเกิดว่าฉันสนใจอยากจะเป็นดารา คุณจะช่วยฉันได้จริงๆเหรอ”
“ได้สิ ปาร์คเยอึนซะอย่าง” จบคำพูดของร่างสูง ทั้งสองก็โพล่งหัวเราะออกมาพร้อมกัน
ติ๊ง!!
เสียงลิฟต์ดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดออก ทั้งสองกำลังจะก้าวเข้าไป หากแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อพบว่าใครบางคนยืนอยู่ภายในลิฟต์
“ยูบิน...”
“จะไปไหนกัน” เสียงห้าวเปล่งออกมา ใบหน้าเรียบเฉยเหมือนคำพูด ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ขาเรียวก้าวออกมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของทั้งสอง ตาคมมองไปยังเพื่อนรักของเธอแล้วตวัดกลับมาจ้องที่ร่างเล็กของอีกคนตาขวาง
“ยูบิน แกมาก็ดีแล้ว ฉันกะว่าจะ...”
“มินซอนเย เธอยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!” ปาร์คเยอึนพูดไม่ทันจบ คนผิวเข้มก็สวนขึ้นมาทันที พร้อมกับส่งมือมาคว้าหมับเข้าที่เรียวแขนของร่างบางที่ยืนอยู่ด้านข้าง แล้วออกแรงกระชากให้อีกฝ่ายเดินตามไปอย่างขัดขืน
“เฮ้ย! ยูบินแกจะทำอะไร” ร่างสูงตะโกนด้วยความตกใจพร้อมๆกับพาร่างของตัวเองวิ่งตามทั้งคู่ไป เสียงปิดประตูดังปัง เล่นเอาร่างสูงที่อยู่ด้านนอกต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ปาร์คเยอึนยกมือขึ้นกุมขมับทันที คนที่เธอต้องเป็นห่วงควรจะเป็นใครกันแน่เนี่ย จะเป็นคิมยูบินหรือว่ามินซอนเย
เพี้ยยย! เพี้ยยย!
เสียงฝ่ามือของคิมยูบินตวัดลงไปบนใบหน้าของร่างบางอย่างเต็มแรง จนหน้าสวยถึงกับสะบัดไปเล็กน้อย มินซอนเยยกมือเรียวข้างขวาของตัวเองขึ้นมากุมที่พวงแก้มใสที่ตอนนี้ปรากฏรอยแดง จนรู้สึกชาไปทั่วใบหน้า ช้อนสายตาขึ้นไปมองคนที่เป็นฝ่ายกระทำ มืออีกข้างกำหมัดแน่น รู้ดีว่าความอดทนมันถึงขีดสุดถึงได้ระงับอารมณ์ไว้อย่างสุดความสามารถ
“นี่มันอะไรกัน!” เสียงหวานถามออกไปจนแทบจะเป็นเสียงตะคอก อยู่ดีๆก็มาทำร้ายร่างกายกันดื้อๆโดยที่เธอยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ มันจะมากไปแล้วนะคิมยูบิน
“เลว!!” คิมยูบินขบกรามแน่นพลางสบถลอดไรฟันออกไป ตาคมจ้องเขม็งไปที่อีกฝ่ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ จิตใจของผู้หญิงคนนี้ทำด้วยอะไรกัน ถึงได้โหดเหี้ยมอำมหิตเพียงนี้ คิดจะฆ่าคนโดยที่ไม่กลัวความผิด แล้วยังมาลอยหน้าลอยตาถามราวกับไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
“หึ! เอาแต่ว่าฉัน คุณเคยส่องกระจกดูตัวเองบ้างรึเปล่า” ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรที่ทำให้ร่างโปร่งทำแบบนี้ แต่เธอเองก็ยอมไม่ได้เช่นกัน เล่นมาว่ากันแรงขนาดนี้มีหรือที่คนอย่างมินซอนเยจะไม่สวนกลับ
“เธอกำลังจะบอกว่าฉันเลวใช่มั๊ย...แต่รู้อะไรมั๊ย ที่ฉันทำมันยังไม่ได้ครึ่งเธอด้วยซ้ำมินซอนเย!” มือเรียวบีบแน่นเข้าที่ต้นแขนของร่างบางเพื่อระบายความโกรธแค้น
“ปล่อยฉันนะ! ฉันไปทำอะไรให้คุณไม่ทราบ” นึกไปถึงแผนการที่เธอกับเพื่อนชายกำลังร่วมมือกัน มันก็ไม่น่าจะรวดเร็วขนาดนี้นี่นา
“ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ ที่แม่ฉันต้องนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา และที่พ่อฉันรถคว่ำ มันก็เป็นฝีมือเธอทั้งนั้นไม่ใช่รึไง!” คนผิวเข้มตะคอกใส่อีกฝ่ายจนหญิงสาวเองต้องสะดุ้ง
“คุณว่าไงนะ...” เสียงครางถามราวกับดังมาจากที่ไกลแสนไกล ตาแก่หัวงูคิมยูโซรถคว่ำอย่างนั้นหรือ มันจะเป็นฝีมือของเธอได้ยังไงกัน ในเมื่อนี่ก็เป็นข่าวใหม่สำหรับเธอเช่นกัน
“ต้องการอะไรมินซอนเย ที่เธอเข้ามาที่นี่เธอต้องการอะไรกันแน่” ยูบินพูดเสียงอ่อน ลองพูดดีๆดูสักครั้ง เผื่อว่าร่างบางจะยอมอ่อนลงแล้วบอกอะไรเธอบ้าง
“อยากรู้มากใช่ไหมคิมยูบิน ได้...ฉันจะบอกให้ก็ได้” มินซอยเยเงียบไปสักพัก ยื่นใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้หน้าคมของอีกฝ่าย กระตุกยิ้มให้เบาๆก่อนจะพูดออกมาราวกับเสียงกระซิบ
“รอไปถามพ่อคุณในนรกเถอะ”
เมื่อร่างสูงได้ฟังก็ถึงกับต้องกัดฟันกรอด แล้วดวงตาคมก็ฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมา มือเรียวปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ สร้างความงุนงงให้กับอีกฝ่ายยิ่งนัก
“จริงสิ...เธอรู้รึเปล่าว่าเมื่อเช้าฉันหายไปไหนมา” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่ตอบแต่อย่างใด เธอจึงพูดต่อทันที
“เมื่อเช้าฉันไปที่โรงพักมา เรื่องพ่อของฉันน่ะ...แต่ไม่ต้องกลัวหรอกนะ ฉันไม่ได้พูดอะไรที่มันเกี่ยวข้องกับเธอหรอกนะ ไม่ต้องห่วง”
“แล้วทำไมฉันต้องกลัว ในเมื่อฉันยังไม่ได้ทำอะไร”
“โกหก! เรื่องเลวๆแบบนี้จะมีใครทำได้อีกนอกจากเธอ”
“ถ้าคิดว่าฉันทำแล้วทำไมไม่บอกกับตำรวจเค้าไปเลยล่ะ”
“ที่ไม่บอก ก็เพราะว่าฉันจะจัดการกับเธอเองน่ะสิ”
“คิดว่าคนเลวๆอย่างพวกคุณจะไม่มีศัตรูที่ไหนอีกรึไง หึ! ฉันจะบอกอะไรให้นะ บาปกรรมน่ะมันมีจริง แล้วฉันก็ยังเชื่ออีกว่ามันกำลังตามพวกคุณทันแล้วด้วย” หญิงสาวยิ้มเย็นๆให้คิมยูบิน แล้วหันหลังเดินกลับไปยังประตู
“จะรีบไปไหน! อยู่คุยกันก่อนสิ” คิมยูบินว่าพร้อมกับเดินไปกระชากแขนของอีกฝ่ายอย่างแรง แล้วตวัดแขนแกร่งโอบรัดร่างที่กำลังดิ้นขลุกขลักอยู่ในตอนนี้
“เอ้า! ดิ้นเข้าไป ดิ้นสิ! ยิ่งดิ้นฉันยิ่งจะรัดแน่น” เสียงห้าวขู่อีกฝ่ายแต่ดูเหมือนว่ามันไม่ได้ผลเลย ในเมื่อร่างบางก็ยังคงพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดนั้นพัลวัน คิมยูบินซึ่งตอนนี้เริ่มเหนื่อยที่ต้องยื้อยุดกับร่างบางในอ้อมกอด ตัดสินใจเหวี่ยงอีกคนลงไปบนโซฟาหรูตัวยาว ก่อนที่จะขึ้นคร่อมทันทีโดยไม่ให้อีกฝ่ายตั้งรับได้ทัน
“ปล่อยนะ! คุณจะทำอะไร” มินซอนเยพยายามเบี่ยงหน้าหลบใบหน้าคมของร่างสูงที่กำลังคร่อมทับตัวเธออยู่ ซึ่งตอนนี้ก้มลงมาใกล้จนเหลือช่องว่างเพียงไม่กี่เซนต์
“เธอคิดว่าไงล่ะ หืม?” ลมร้อนๆถูกเป่ารดต้นคอเรียวของมินซอนเย เสียงพูดฟังดูแหบพร่าสร้างความขยะแขยงให้เธอยิ่งนัก
มือบางของซอนเยพยายามผลักไหล่กว้างของคนด้านบนออก ในขณะที่จมูกคมของอีกฝ่ายกำลังไล้แผ่วเบาอยู่ที่แก้มเนียนใส แล้วซุกไซร้ลงไปเรื่อยๆจนถึงลำคอขาว มินซอนเยร้องขึ้นทันทีเมื่อมือเรียวของคิมยูบินสอดแทรกเข้าไปใต้ร่มผ้า สัมผัสกับหน้าท้องแบนราบให้รู้สึกถึงความร้อน พร้อมกับเลื่อนสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
“คุณจาบจ้วงกับฉันมากเกินไปแล้วนะ!”
“ไม่เอาหน่า...อย่าพูดแบบนี้สิ เธอเป็นคนเสนอฉันเองแท้ๆ”
“ฉันทำแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่!”
“ก็ที่ทำอยู่นี่ไงล่ะ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นฉันอาจจะสงสาร แล้วก็ปล่อยเค้าไป เพราะฉันเองก็ไม่ชอบขืนใจใครอยู่แล้ว...แต่นี่เป็นเธอ ฉันจะคิดว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่นี่เป็นการยั่วฉัน...ก็แล้วกันนะที่รัก” เสียงกระซิบที่แหบพร่าในตอนท้าย ก่อนจะส่งริมฝีปากร้อนไล้ไปตามลำคอจนถึงหัวไหล่มน ไม่นานชุดที่สวมใส่ก็ล่นหลุดลงมาเผยให้เห็นผิวขาวเนียนละเอียด คิมยูบินมองสำรวจร่างตรงหน้าด้วยแววตากรุ้มกริ่มอย่างไม่คิดที่จะปิด ราวกับกำลังหิวกระหาย ดวงตาหวานสั่นระริกด้วยความกลัว ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่มินซอนเยจะรู้สึกกลัวยูบินมากเพียงนี้
“ดูสิ...แหม อยากได้ฉันจนตัวสั่นเชียว”
“คุณเยอึน! ช่วยด้วย” แล้วซอนเยก็ตะโกนออกไปสุดเสียง เมื่อนึกถึงใบหน้าคมของคนที่เธอพอจะขอความช่วยเหลือได้ หวังว่าเค้าจะคงยังไม่ไปไหนนะ
“จะเรียกหาคนอื่นทำไมกัน เกรงใจกันบ้างสิ ฉันเองก็ช่วยเธอได้นะ...” จมูกโด่งไล้ไปตามผิวขาวเนียน พร้อมกดริมฝีปากร้อนลงไปขบเบาๆ ร่างของอีกฝ่ายสั่นสะท้านไปทั่ว จนต้องกัดริมฝีปากบางเอาไว้เพื่อสะกดกลั้นเสียงครางและอารมณ์บางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้น ด้วยสติที่ยังพอมีหลงเหลืออยู่
“ช่วยด้วย!”
“ร้องไปเลย ร้องให้ดังๆด้วยนะ เธอเองก็น่าจะรู้ดีว่าบนชั้นนี้มีแค่เรา...สองคน มันน่าสนุกใช่ไหมล่ะ”
“อย่า...”
“ผู้หญิงอย่างเธอคงผ่านโลกมาเยอะ...แค่นี้จะกลัวอะไรกัน” ซอนเยผ่อนลมหายใจที่ขาดห้วงออกมา เมื่อถูกอีกฝ่ายงับแผ่วเบาที่ใบหู กัดฟันข่มความร้อนรุ่มที่ก่อตัวขึ้นภายในร่างกาย
สุดท้ายหญิงสาวจำต้องยอมพ่ายแพ้ต่อสัมผัสของร่างสูง ปล่อยให้เปลวไฟแห่งความปรารถนานำพาไปจนพบกับความสุขสุดหฤหรรษ์
“แต่งตัวซะ” คิมยูบินโยนชุดเดรสที่ยับยู่ยี่ให้ร่างบางที่นอนหอบอยู่บนโซฟา ก่อนจะหันมาสนใจติดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตนเองต่อ
“ฉันไม่ได้มีเวลามากหรอกนะมินซอนเย ฉันเองต้องทำงาน เธอก็เหมือนกัน รีบๆแต่งตัวแล้วออกไปทำงานซะ!” ร่างสูงเดินอ้อมไปหลังโต๊ะทำงานแล้วนั่งลงบนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ หยิบแฟ้มเอกสารที่วางอยู่มาเปิดอ่าน โดยไม่แม้แต่จะปลายตามองอีกคนที่อยู่ร่วมห้อง
“คุณมันเลวที่สุด!” คำพูดแรกหลุดออกมาจากริมฝีปากของมินซอนเย หลังจากที่เงียบไปนาน
“ฉันว่าเราสองคนดูเหมาะสมกันดีออกนะ คนเลวสองคน...หรือเธอว่าไง” คิมยูบินเงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มงาน ยิ้มกริ่มให้ร่างบางพร้อมกับหลุดหัวเราะออกมา เมื่อเห็นอีกคนโกรธจนตัวสั่น
“เอาน่า...ฉันว่าเรื่องแค่นี้เธอเองก็คงไม่ถือหรอกจริงมั๊ย ออกไปได้แล้ว ฉันจะได้ทำงานสักที”
มินซอนเยยืนนิ่ง มองใบหน้ายียวนที่ก้มลงไปสนใจกับเอกสารตรงหน้า มือเล็กกำแน่นด้วยความอัดอั้นตันใจที่ตอนนี้เธอเองไม่สามารถทำอะไรได้เลย ก่อนจะตัดสินใจหันกลับไปยังบานประตูแล้วต้องหยุดชะงัก
“เดี๋ยว! ฉันลืมบอกเธอไป” เสียงห้าวเว้นไปสักพักก่อนจะเริ่มพูดต่อ
“ขอบใจนะสำหรับของว่าง...อืม...เรื่องรสชาตินี่” มือเรียวยกขึ้นแตะคางมนของตนเองอย่างใช้ความคิด “ไม่ไหวจะเคลียร์ ปรับปรุงหน่อยละกันนะ จืดชืดชะมัด” จบคำพูดของยูบิน ร่างบางก็หายไปพร้อมกับเสียงปิดประตูดังปัง
คิมยูบินหัวเราะเบาๆกับตัวเอง หลังจากที่ได้ยั่วอารมณ์โมโหของอีกฝ่าย ต่อจากนี้คนอย่างมินซอนเยคงหายซ่าลงไปเยอะเลยทีเดียว กว่าจะเรียกความเชื่อมั่นในเสน่ห์ของตัวเองกลับคืนมาได้ก็คงอีกนานเชียวล่ะ คิดจะเล่นกับมินซอนเยคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง มันก็ต้องทำแบบนี้ล่ะ
_______________________
หายไปนาน ไม่มีอะไรจะพูดเลยนอกจากขอโทษจริงๆคับ
ยุ้ง ยุ่ง
[ยังมีใครรอแกอยู่มั๊ยเนี่ย???]
ความคิดเห็น