ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    yuri WG**Sexy dangerous**

    ลำดับตอนที่ #6 : Sexy dangerous! 6

    • อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 52







          มิน ซอนเยใช้เวลาไม่นานในการรอลิฟต์ ก่อนเจ้าตัวจะแทรกกายเข้าไปด้านในแล้วกดไปยังชั้นที่เป็นจุดหมายอย่างร้อนใจ  ก็นี่มันเลยเวลาเข้างานของเธอแล้วนี่นา 

        พอประตูลิฟต์เปิดออก เธอก็รีบก้าวออกมาทันที  แต่ก็ต้องสะดุดตากับพนักงานสี่ห้าคนที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่ที่โต๊ะเลขาฯหน้าห้องท่านประธานใหญ่ของบริษัท  แล้วสายตาทุกคู่ก็จ้องมองมาที่เธอ  ก่อนทุกคนจะแยกย้ายกันไปทำงาน  นี่มันเกิดอะไรขึ้น หรือว่าเธอจะโดนไล่ออกแล้ว  มิน ซอนเยหยุดชั่งใจเล็กน้อย  แล้วก้าวเดินผ่านสายตาแปลกๆพนักงานที่เพิ่งสลายตัวกัน

        ทันใดนั้นประตูบานใหญ่ของห้องประธานกรรมการก็ถูกเปิดออก  ร่างสูงของคนผิวเข้มก้าวออกมา  ตามมาด้วยหญิงร่างอวบนางหนึ่ง  ซึ่งเธอไม่รู้สึกคุ้นหน้าเลยแม้แต่น้อย  คาดว่าผู้หญิงคนนั้นคงอายุราวๆสามสิบปลายๆเห็นจะได้  ทั้งสองคุยกันเล็กน้อย  ดูเหมือนคนร่างสูงกำลังสั่งกำชับอะไรสักอย่าง  เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเรื่องอะไร  ก่อนที่หญิงร่างอวบจะนั่งแปะลงบนเก้าอี้ตัวที่เธอเคยใช้นั่งทำงาน  แล้วคนผิวเข้มก็หันมาสนใจเธอ  ก้าวยาวๆเพียงไม่กี่ก้าวมาหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้า 

    “ยืนบื้ออยู่ทำไม! ไปทำงานสิ!” เสียงพูดนั้นแสดงถึงความหงุดหงิดของเจ้าตัว  หญิงสาวมองไปยังร่างท้วมที่กำลังนั่งทำงานอยู่เงียบๆ แล้วหันกลับมามองคนตัวสูงข้างหน้า

    “อ้อ! ฉันลืมไป ว่าเธอเพิ่งมา คงยังไม่รู้ว่ามีคำสั่งด่วนย้ายตำแหน่งของพนักงานบางคน” คิม ยูบินเน้นเสียงไปที่คำว่า ‘บางคน’  ร่างบางรู้ดีว่าบางคนที่ว่าหนึ่งในนั้นคงต้องเป็นเธอแน่ๆ  จะย้ายเธอไปอยู่แผนกไหนล่ะ หรือจะให้เธอไปเป็นแม่บ้าน

    “ตามฉันมาสิ” เสียงห้าวเอ่ยนิ่งๆ ก้าวผ่านมิน ซอนเยไปอย่างรวดเร็ว ร่างบางถอนหายใจเฮือกก่อนจะเดิมตามไป

        บรรยากาศในลิฟต์มันชั่งหน้าอึดอัดเหลือเกินสำหรับมิน ซอนเย  เห็นนิ้วเรียวของอีกฝ่ายกดย้ำไปยังชั้นที่ถัดลงไปเพียงชั้นเดียว  แต่ทำไมเหมือนลิฟต์มันเคลื่อนที่ช้ามาก ไม่ถึงซะทีเถอะ อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว  ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ร่างสูงก็เดินดุ่มไปทางซ้ายมือแล้วหยุดอยู่ที่หน้าห้องทำงานขนาดใหญ่อีกห้องหนึ่ง  ร่างบางเหลือบมองไปยังป้ายหรูที่ติดอยู่หน้าห้อง แล้วต้องเบิกตากว้างราวกับกำลังตกใจกับอะไรบางอย่าง  ‘รองประธานกรรมการ’ 

    “ดูท่าทางเธอจะตกใจนะ” ร่างสูงส่งยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์
    “นี่คือตำแหน่งใหม่ของเธอ   เลขาฯของฉัน!”


         นี่คิม ยูบินคิดจะเล่นตลกอะไรกับเธอ  ถึงได้ย้ายเธอมาเป็นเลขาฯส่วนตัวแบบนี้  จะแยกเธอออกมาจากผู้เป็นพ่อ  หรือคิดจะแก้แค้นกันเรื่องวันนั้น  แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรเธอก็ไม่สนหรอก   ในเมื่อเธอได้เลื่อนระดับคนผิวเข้มตรงหน้าให้ขึ้นมาเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   ลองดูสักตั้งก็ไม่เสียหายนี่นา

    “กฎของฉันคือห้ามมาสาย  เธอต้องเข้างานก่อนที่ฉันจะมาถึงบริษัท ไม่ใช่เหมือนวันนี้”   คิม ยูบินยกแขนขึ้นมองดูเวลาที่นาฬิการาคาแพงหูฉี่ของเธอ แล้วชักสีหน้าไม่พอใจใส่อีกคน
    “เธอมาสายสามสิบนาที”

    “ค่ะ ฉันมีเหตุสุดวิสัย” เลขาฯใหม่ของท่านรองประธาน ตอบไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

    “เหตุอะไรของเธอ  หรือว่าเมื่อคืนมัวแต่ไปมั่วกับผู้ชาย จนตื่นสายกินเวลางานฉัน”

    “นี่คุณคิม ยูบิน! คุณจะว่าฉันมาเกินไปแล้วนะ  จะพูดจะจาอะไรก็กรุณาให้เกียรติกันด้วย!” เสียงหวานตอบกลับอย่างไม่ลดละ

    “ถ้าผู้หญิงอย่างเธอมีเกียรติมันก็ดีน่ะสิ!"

    “คิม ยูบิน!!”  ร่างบางตวาดออกไปอย่างเหลืออด คำพูดนี้มันจะดูถูกเธอเกินไปแล้ว

    “ขอกาแฟให้ฉันแก้วนึง  เร็วๆด้วย ฉันไม่ชอบรอนาน” พอออกคำสั่งเสร็จ ก็ปึงปังเข้าไปในห้องทำงานทันที ปล่อยให้หญิงสาวทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่เพียงลำพัง หันมองไปที่โต๊ะทำงาน  ก็เห็นภาพความกระจัดกระจายของแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างไม่เป็นระเบียบ  ร่างบางจัดเก็บเอกสารให้เข้าที่ก่อนจะเดินไปยังอีกด้านของโต๊ะทำงานเพื่อจะชงกาแฟให้กับคนอารมณ์ร้อน


         ภาชนะสีทึบซึ่งข้างในมีของเหลวสีดำบรรจุอยู่  ถูกร่างระหงบรรจงวางลงอย่างเบามือ  คิม ยูบินเงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มเอกสารที่กำลังอ่านก่อนจะปิดมันลง  แล้วเสือกแฟ้มหนาออกไปอย่างไม่ใยดี  หยิบถ้วยกาแฟที่เพิ่งได้รับขึ้นมามองราวกับกำลังพิจารณา  เอนหลังไปพิงกับเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่
    พ่นลมหายใจออกมาอย่างฉุนๆ

    “ไม่ได้ยินที่ฉันบอกรึไง  ฉันไม่ชอบรอนาน! มัวทำอะไรของเธออยู่ ฉันสั่งเธอไปเป็นชาติแล้ว!”

    “ขอโทษค่ะ ฉันเห็นว่าโต๊ะมัน...”

    “พอได้แล้ว! ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวของเธอ!”  มือหนาที่ถือแก้วกาแฟอยู่ยกขึ้นมาเล็กน้อย  ก่อนที่จะแตะขอบแก้วลงไปที่ปากหยัก  แต่แล้วก็ต้องกระแทกแก้วลงบนโต๊ะอย่างแรง  หลังจากที่ลิ้นหนาได้สัมผัสกับรสชาติของกาแฟที่มิน ซอนเยยกมาให้  จนร่างบางต้องตกใจกับการกระทำของอีกฝ่าย

    “เธอไม่รู้รึไงว่าฉันไม่ใส่น้ำตาล!!!”

    “ก็ฉันเพิ่งมาทำงานกับคุณ จะไปรู้ได้ยังไงล่ะว่าคุณใส่หรือไม่ใส่น้ำตาล  แล้วทำไมคุณไม่บอกฉันล่ะคะ” 

    “เธอไม่มีสิทธิมาเถียงฉันนะมิน ซอนเย!  ไปยกมาใหม่!” มือเรียวหนาเอื้อมไปหยิบแฟ้มมาเปิดอีกครั้ง  เอ่ยออกมาเสียงดัง เมื่อเห็นว่าร่างที่ยืนอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะออกไปง่ายๆ
    “ฉันบอกว่าให้ไปยกมาใหม่ หูตึงรึไง!” ดวงหน้าหวานบึ้งตึงจ้องมองไปยังคนที่ออกคำสั่ง ก่อนจะหมุนตัวกลับแล้วเดินออกไป


         มิน ซอนเยกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับกาแฟถ้วยใหม่  วางลงไปที่โต๊ะทำงานขนาดใหญ่อย่างไม่ใยดี  ทำให้คนที่ก้มหน้าก้มตาอ่านรายงานอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามอง  มือหนาหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบเล็กน้อย ก่อนจะทำหน้าเหมือนกับครั้งแรกไม่มีผิด
    “จะให้บอกอีกกี่รอบ ว่าฉันไม่ใส่น้ำตาล!”

    “แต่ฉันก็ไม่ได้ใส่ลงไปสักเม็ดหนิคะ!”  เธอยืนยันอย่างหนักแน่น  ก็เธอไม่ได้ใส่มันลงไปจริงๆนี่นา

    “โกหก! ก็มันยังมีรสของน้ำตาลชัดๆ  ไปยกมาให้ฉันใหม่” 
         ร่างบางบรรจงปิดประตูลงช้าๆ  แล้วสูดหายใจเข้าปอดจนลึก  เธอสุดที่จะทนกับคนๆนี้แล้วนะ  ในเมื่อเธอไม่ได้ใส่น้ำตาลลงไป  มันจะมีรสชาติของน้ำตาลได้ยังไง? ยัยนี่ต้องต่อมรับรสเสียแน่ๆเลย แล้วดวงตาหวานก็มีประกายลุกวาวขึ้น  เมื่อคิดได้ว่าเธอต้องโดนคนผิวเข้มที่นั่งอยู่ในห้องนี่เล่นงานเอาแล้วแน่ๆ  หึ! แล้วเราจะได้เห็นดีกันแน่


          มือหนาหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สาม แล้วมองดูคนที่นำมาเสริฟอยู่นิ่งๆ
    “หวังว่าคงไม่ต้องกลับไปชงมาใหม่นะ” ตาคมฉายแววเจ้าเล่ห์  ค่อยๆยกมือที่ถือถ้วยกาแฟขึ้นมาช้าๆ ทำท่าเหมือนว่าจะดื่ม แต่กลับวางมันลงไปที่เดิม พร้อมกับเงยหน้าขึ้นบอกสิ่งที่ต้องการกับเลขาฯสาว
    “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว  ฉันอยากดื่มชา”  แวบหนึ่งของนัยน์ตาหวาน  คิม ยูบินมองเห็นแววตาที่ดูจะเยาะเย้ยถากถางเธอ แค่เพียงแวบเดียวเท่านั้นเธอจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
    “ขอแบบเข้มข้นนะ”

    “ได้ค่ะ...ขอแบบเข้มข้น...ฉันจัดให้!”  มือบางค่อยๆเอื้อมไปหยิบถ้วยกาแฟร้อนขึ้นมา  ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กับคิม ยูบิน แล้วบรรจงสาดของเหลวร้อนที่บรรจุอยู่ในถ้วยทึบนั่นใส่คนเรื่องมาก 
        คิม ยูบินสปริงตัวลุกขึ้นทันที  รู้สึกแสบร้อนไปทั่วช่วงตัวและลำคอ ซึ่งบัดนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากโดนของร้อนและประกอบกับอารมณ์โกรธของเจ้าตัว

    “เธอ!!”  นิ้วเรียวยาวชี้ฉับไปที่อีกฝ่าย

    “เป็นไงคะ เข้มข้นพอไหม?” ริมฝีปากบางแสยะยิ้มออกมาอย่างถือดี  ส่งสายตาไปมองอีกฝ่ายอย่างสมเพช
    “หรือว่ายังไม่พอ ฉันจะได้เอามาเสริฟอีกรอบ”




           พอร่างบางหมุนตัวกลับไปยังประตู  คิม ยูบินก็ก้าวพรวดจากตำแหน่งเดิม  มาชิดตัวเลขาฯสาว  มือหนาคว้าหมับอยู่ที่ต้นแขนกลมกลึงของอีกฝ่าย  พร้อมกับออกแรงบีบจนมิน ซอนเยเองก็รู้สึกเจ็บ  แต่เธอก็เลือกที่จะข่มอารมณ์ลงไป  เก็บเอาไว้ให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้  เธอรู้ดีว่าการแสดงความอ่อนแอให้ศัตรูเห็น  มันเป็นการทำร้ายตัวเองทางอ้อม  

    “เธอรู้ใช่มั๊ยว่าไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับฉัน!”

    “ฉันบอกคุณแล้วไง ว่าฉันทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด”  ดวงตาหวานมองคนตัวสูงอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องสะใจ

    “ดี! ต่อไปนี้ ฉันจะได้ไม่ต้องยั้งมือกับเธออีก” 

           ริมฝีปากหยักบดขยี้เข้าไปที่ริมฝีปากบางอย่างรุนแรง   ดันตัวของอีกฝ่ายเข้าชิดกับผนังกำแพงห้องเพื่อยันกาย  มือเรียวยาวล็อกข้อมือเล็กตรึงเอาไว้แน่น  เพื่อไม่ให้เธอใช้มันประทุษร้ายได้   มิน ซอนเยเบี่ยงหน้าหลบเป็นพัลวัน  ดิ้นพล่านอย่างไม่ยอมจำนน  จนตอนนี้พละกำลังที่เคยมีในตอนแรกเริ่มอ่อนลงด้วยความเหนื่อยล้า  

          เมื่อลิ้มรสความหอมหวานของริมฝีปากบางจนพอใจ  จึงส่งลิ้นร้อนผ่าวไล้เลียไปตามซอกคอระหง  ขณะที่มือหนาก็กำลังสอดไล้เข้าไปใต้ร่มผ้าอย่างถือสิทธิ์  เคล้นคลึงไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งราวกับราชสีห์กำลังขย้ำตะปบเหยื่ออย่างหิวกระหาย   คิม ยูบินกระตุกยิ้มเล็กน้อย  เมื่อรู้สึกได้ถึงอาการสั่นเทิ้มของร่างบางในการกักกุม  

          มิน ซอนเยในตอนนี้เหมือนโดนคนตัวสูงสูบเรี่ยวแรงไปจนหมด  ไม่มีแม้แต่แรงที่จะผลักไสร่างนั้นออกไป  ขาเรียวสั่นจนแทบจะยืนไม่ไหว  ด้วยถูกรุกรานไปไม่น้อย  มือบางขยุ้มเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่นเพื่อปลดปล่อยอารมณ์บางอย่าง  เธอจะทำอย่างไรดี  ดูเหมือนร่างกายเธอเริ่มที่จะบังคับไม่ได้  เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น  ศัตรูอันดับหนึ่งที่เพิ่งเลื่อนขั้นขึ้นมาหมาดๆก็จะยิ่งได้ใจ  เธอจะต้องตกไปเป็นผู้แพ้  แพ้เพราะสัมผัสของคนๆนี้  เพราะสัมผัสบ้าๆนี่  เพราะร่างกายที่คอยแต่จะทรยศเจ้าของ

         ใบหน้าคมถอนออกจากซอกคอขาว  เลื่อนขึ้นไปคลอเคลียเลาะเล็มที่ด้านหลังใบหูแดงก่ำ  เอ่ยวาจาออกมาด้วยเสียงนุ่มหูที่ดังกว่าเสียงกระซิบเพียงเล็กน้อย

    “ว่าไง...เธอทำอะไรได้มากกว่านี้รึเปล่า”  
          มิน ซอนเยออกแรงผลักร่างสูงออกโดยเร็วเมื่อเริ่มได้สติจากคำพูดของคนผิวเข้ม  ถ้าปล่อยไปอีกเพียงไม่กี่วินาที  มีหวังร่างกายของเธอคงต้องโอนอ่อนผ่อนตามไปกับสัมผัสของร่างสูงที่มอบมันให้แน่   
     
          ใบหน้าของคิม ยูบินเปลี่ยนเป็นเครียดขึงทันที  ขายาวก้าวปราดไปล็อกตัวร่างเพรียวไว้อีกครั้ง  ร่างบางผวาเฮือก ด้วยคิดว่าคราวนี้เธอคงต้องกลายเป็นผู้แพ้  ก็ในเมื่อคนตัวสูงกระชับมือกับลำแขนเรียวของเธอแน่นราวกับคีมเหล็ก 


    ก๊อก ก๊อก ก๊อก~

    “พี่ยูบินคะ  อยู่ข้างในรึเปล่า”

          ราวกับเสียงสวรรค์ของมิน ซอนเย  ประตูห้องเปิดออกปรากฏร่างระหงของสาวสวยซึ่งเธอคับคล้ายคับคลาว่าจะเป็นดาราสาวที่กำลังดังเปรี้ยงปร่างอยู่ในตอนนี้   คิม ยูบินปล่อยมือจากร่างบางทันทีแล้วถอยหางออกไปเล็กน้อย  














    ขอเม้น+โหวตเป็นกำลังใจด้วยนะคับป๋ม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×