คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Sexy dangerous! 5
ร่างบางถอนหายใจเฮือก เมื่อแสงไฟที่เปิดจ้าเกือบจะทั้งวันดับวูบลงเสียที หญิงสาวหลับและลืมตาอยู่หลายรอบเพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงธรรมชาติ ที่ไม่สว่างจ้าเหมือนแสงสปอตไลท์ ขยับร่างกายไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยล้า
ความจริงมันควรจะเสร็จไปตั้งนานแล้ว เพราะงานแค่นี้มือโปรระดับเธอถือว่าเป็นเรื่องที่หมูมาก หากไม่มีคนร่างสูงยืนกอดอกพิงกายอยู่กับประตู ตาคมจ้องมองมาที่ พร้อมส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ เธอเกลียดรอยยิ้มแบบนี้เหลือเกิน วันนี้ทั้งวันตลอดการทำงาน ไม่ว่าตากล้องจะสั่งให้เธอโพซท่าไหน คนตรงหน้าเป็นต้องแย้งขึ้นมาทุกที ทำให้การทำงานต้องเป็นไปด้วยความยากลำบาก เดี๋ยวก็สั่งโน่นสั่งนี่ สักพักไม่พอใจก็บอกให้แก้ใหม่ยกเซต ทำให้เธอต้องเวียนวนเข้าออกห้องแต่ตัวอยู่บ่อยๆ เพื่อนเปลี่ยนชุดอยู่หลายครั้งหลายครา นึกแล้วก็อยากจะตบหน้ากวนๆนั่นสักฉากให้หายแค้นไปเลย
สาวสวยสูดอากาศเข้าปอดอย่าเต็มที่เพื่อรวบรวมกำลังใจ หวังเพียงแค่จะเดินเลี่ยงร่างสูงที่ยืนขวางทางอยู่นั้นออกไป โดยที่ไม่ต้องปะทะคารมกันเพราะแค่นี้เธอก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว หญิงสาวก้าวฉับตรงไป หากแต่ร่างของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาหยุดกึกขวางทางฉับพลัน จนเธอสะดุ้งโหยง
“นี่เหรอนางแบบเบอร์หนึ่ง งานแค่นี้ใช้เวลาไปทั้งวัน ชักไม่แน่ใจแล้วสิ ที่ดังเนี่ยเพราะฝีมือ หรือว่าใช้เต้าไต่ขึ้นมา” สายตาเจ้าเล่ห์หลุบต่ำลงไปมองเล็กน้อย ทำให้อีกคนถึงกับชักสีหน้าไม่พอใจ
“เพราะเธอ! เธอจงใจจะแกล้งฉัน!” เสียงใสแหวใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างเหลืออด
“อ้าว! อย่ามากล่าวหากันมั่วๆนะ ฉันไปทำอะไรให้เธอไม่ทราบ” ร่างสูงยังลอยหน้าลอยตาพูด พร้อมกับทำท่าทางยียวนกวนประสาทให้อีกฝ่ายได้โมโหเล่น หากแต่ต้องกระเด็นออกไปเนื่องจากแรงผลักของร่างบางนั้น ก่อนที่ร่างบางจะวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ร่างสูงมองตามไปจนลับสายตา ริมฝีปากหยักยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
ซอนมีเดินออกมาจากห้องแต่งตัวเงียบๆ สอดส่ายสายตามองหาผู้จัดการส่วนตัวที่ปกติจะอยู่กับเธอตลอดเวลาทำงาน และเป็นคนคอยไปรับไปส่งเธอเสมอ หน้าหวานส่ายเล็กน้อย เมื่อไม่เห็นวี่แววของบุคคลดังกล่าวเลย หายไปไหนของเค้านะ มือบางหยิบกระเป๋าใบเล็กขึ้นมาค้นหาโทรศัพท์มือถือเพื่อจะติดต่อไป
“หาใครอยู่เหรอ” มาอีกแล้ว เสียงนี่ คุ้นๆหู คิดจะตามจองล้างจองผานกันไปตลอดชีวิตหรือไง
“ยุ่ง!” ดวงตาหวานขุ่นมัว ปากงามเม้มสนิทไม่กล่าวสิ่งใดต่อ เดินเลี่ยงจากเยอึนเสียนิดหน่อยออกไปยังลานกว้าง มองหารถของผู้จัดการคนสนิทกลับไม่เห็นแม้แต่เงา
“รอคุณฮยอนอาอยู่เหรอ” เสียงเข้มที่ฟังดูเหมือนพูดขึ้นมาลอยๆ ทำให้หญิงสาวต้องหันขวับไปมองทันที
“ตามฉันมาทำไม!!” ซอนมีเอ่ยเสียงห้วน
“ใครบอกว่าฉันตามเธอมา รถฉันจอดอยู่นี่ ฉันแค่เดินมาเอารถ อย่ามั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองหน่อยเลยน่า ฉันไม่ตาบอดมาเดินตามคนอย่างเธอหรอก”
ปากอิ่มยิ้มหวานออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ หลังจากที่สมองอันชาญฉลาด(โอ้ว หลงตัวเองชะมัด)นึกไปถึงเรื่องราวภายในอดีต
“ฉันจำได้ว่าตอนที่ฉันเข้ามหา’ลัยใหม่ๆ เธอเองไม่ใช่หรอที่ตามฉันต้อยๆ เช้า กลางวัน เย็น” ปาร์ค เยอึน อึกอักเล็กน้อยเมื่อโดนคนสวยตรงหน้าย้อน แล้วรีบคิดหาคำแก้ตัวพัลวัน
“ก็นั่นมันตอนนั้น โถ่เอ้ย ฉันก็ไม่ได้พิศวาสเธอเท่าไหร่หรอก แค่จะจีบเล่นๆเท่านั้นแหละน่า” เยอึนรีบถอนหายใจหลังจากเอาตัวรอดจากสายตาจับผิดของร่างบาง ก่อนจะนึกสนุกแกล้งขยับตัวเข้าไปหาซอนมี จนเธอต้องถอยล่นออกห่างทันที ภาพในอดีตวิ่งเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว
วันนั้นเป็นวันแรกที่เธอได้ตำแหน่งดาวมหาวิทยาลัยมาครอบครอง ชายหญิงมากหน้าหลายตาต่างพากันมารุมล้อม ยื่นดอกไม้ส่งมาให้บ้าง ตุ๊กตาน้อยใหญ่บ้าง จำได้ดีว่ามันเป็นวันที่แสนจะวุ่นวายสำหรับเธอวันหนึ่ง และที่วุ่นวายกว่านั้นคือตอนที่เธอพยายามเดิมฝ่าฝูงชนที่รายล้อมอยู่ ก็มีร่างสูงของใครบางคนมาปะทะกับตัวเธออย่างแรง จนผงะหงายหลังล้มลงไปสร้างความอับอายเป็นอย่างมาก ยังไม่จบแค่นั้นเมื่อร่างที่ว่าก็เสียหลักล้มทับลงมาที่ตัวเธอ ปากหยักของคนตัวโตประทับเข้าที่ริมฝีปากอิ่มของเธอ จำได้ว่าพอตั้งสติได้เธอก็ตบหน้าเขาอย่างแรง สร้างความฮือฮาให้กับเหล่านักศึกษาที่เห็นเหตุการณ์ จนเธอต้องรีบวิ่งออกไปทันที อยากจะเอาปี๊บมาคลุมหัวให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยด้วยซ้ำ
“หยุดอยู่ตรงนั้นนะ! อย่าเข้ามาใกล้ฉัน” ซอนมีมองหาตัวช่วย เผื่อว่าจะมีใครผ่านมาแถวนี้บ้าง หรือบางที่อาจจะเจอฮยอนอาก็ได้ เมื่อเห็นท่าทางตื่นกลัวของฝ่ายตรงข้าม ก็ทำให้ปาร์ค เยอึนปล่อยกิ๊กออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“ถ้าเธอกำลังมองหาผู้จัดการของเธอ ก็ไม่ต้องหาให้เหนื่อยหรอก เพราะฉันไล่เค้ากลับไปแล้ว”
“อะไรนะ!!!” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทันที
“ฉันบอกเค้าให้กลับไปก่อน ฉันจะไปส่งเธอเอง เพราะยังไงเราสองคนก็รู้จักกัน”
“ไอ้!...ไอ้บ้า! ทำแบบนั้นได้ยังไง” เสียงใสตะคอกกลับ
“ทำไม? เธอกลัวเหรอ...ที่ต้องกลับกับฉัน” คนตัวสูงพูดอย่างอารมณ์ดี มองคนตรงหน้าแล้วส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ หลังจากรู้ตัวว่าถือไพ่เหนือกว่าแน่ เมื่อเห็นว่าแม่ดาราสุดฮ็อทของใครๆเตรียมท่าจะวิ่ง มือหนาก็รีบคว้าตัวเธอไว้ทันทีพร้อมกับดันร่างบางเข้าไปชิดกับรถสีดำคันหรู
“ปล่อยนะ ไอ้บ้า ไอ้ลามก ปล่อยฉัน!” หญิงสาวแหวเข้าให้ ยายามดินให้หลุดจากอ้อมแขนนั้นพัลวัน เบี่ยงกายนิดๆเพื่อจะได้ไม่ต้องสบประสานสายตานั่น
“ฉันว่าเรามาระลึกถึงความหลังกันดีกว่า”
ซอนมีพยายามเบี่ยงหน้าหลีกให้ห่างจากหน้าคมที่กำลังก้มลงมาใกล้ จนแทบจะแนบติดกันอยู่แล้ว
“ก้มหน้าทำไมล่ะ ปกติเห็นเชิดหน้าอยู่ตลอดหนิ” นิ้วเรียวแกร่งพยายามเชยคางของร่างบางขึ้น แต่ใบหน้าเรียวของอีกฝ่ายสะบัดออก
“ฉันจะฟ้องพี่ยูบิน!”
“เหอะ! เอาเลย เชิญตามสบาย แต่ก่อนจะฟ้องก็ออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อนเถอะ”
“ฉันไปได้แน่!” จบคำพูด ปาร์ค เยอึนก็ถึงกับสะดุ้ง ปล่อยมือจากหญิงสาวทันที เพราะรู้สึกเจ็บแปลบที่เท้า เนื่องจากรองเท้าส้นแหลมของร่างบางกดลงมาอย่างแรงบนรองเท้าหนังสุดหรูของเธอ
พอได้จังหวะร่างบางก็รีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันที ออกแรงวิ่งไปได้แค่เพียงสองก้าวก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมือหนาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือแล้วตวัดร่างของเธอเข้ามาโอบรัดไว้ด้วยแขนแกร่ง
“ช่วย!..อุ๊บ!!!” ปากหยักได้รูปจัดการลงทัณฑ์ริมฝีปากอิ่ม ของคนที่เป็นตัวต้นเหตุของอาการปวดแปลบเมื่อสักครู่นี้ มันรุนแรงดุดันไร้ความอ่อนโยนโดยสิ้นเชิง มือหนาตรึงใบหน้าเรียวไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้อีก รู้สึกได้ว่าคนในอ้อมแขนกำลังสั่นเทิ้ม มือที่เคยกักขังร่างบางเอาไว้ตอนนี้กลับลูบไล้สำรวจทั่วเรือนร่างอย่าถือสิทธิ์
จุมพิตที่เคยดุดัน บัดนี้ค่อยๆลดกำลังลงก่อนจะแปลเปลี่ยนเป็นจูบที่อ่อนหวานจนร่างระหงรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปตามสัมผัสของคนตัวสูง สองแขนที่เคยผลักไสกลับกอดรั้งร่างของอีกคนเอาไว้แน่นราวกับใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยว
เสียงครางอันแผ่วเบาของอีกฝ่าย ทำให้เยอึนเตลิดจนแทบจะถอนตัวไม่ขึ้น ก่อนที่จิตใต้สำนึกจะกระซิบบอกกับเธอว่า เธอจะทำแบบนี้ไม่ได้ ซอนมีคือคนรักของคิม ยูบินเพื่อนของเธอ แต่จะทำยังไงดีล่ะ ในเมื่อเธอก็ได้รับการตอบสนองกลับมาเช่นกัน แม้จะดูเหมือนไม่เต็มใจนัก แต่ก็ทำให้มีความสุขไม่ใช่น้อย
ซอนมีรู้สึกคล้ายกับร่างกายของตัวเองไร้น้ำหนัก เหมือนมันกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ จิตใจของเธอมันกำลังเตลิดไปไกล ความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง และมันก็ควรจะเป็นพี่ยูบินของเธอเท่านั้นไม่ใช่เหรอที่เธอจะยอม ไม่ใช่คนๆนี้ แต่แล้วก็รู้สึกราวกับหล่นวูบลงมาตกที่พื้นแข็งๆอย่างรวดเร็ว จนหญิงสาวแทบทรุดลงไปกองกับพื้น (อุปสรรค์เยอะ อิอิ)
ปาร์ค เยอึนจำต้องยอมถอนตัวออกจากริมฝีปากหวานของร่างเล็กอย่างเสียดาย ประคองอีกร่างเอาไว้อย่างทะนุถนอม ก่อนจะปล่อยให้เป็นอิสระเหมือนกับรู้ว่าเธอจะไม่หนีไปไหนอีก
ทั้งคู่สบตากันนิ่ง ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยคำใดๆออกมา ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเงียบๆ ราวกับต่างคนต่างกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง นานแสนนานจนปาร์ค เยอึนรู้สึกอึดอัด
“ขึ้นรถเถอะ ฉันจะไปส่ง”
มิน ซอนเยวางแก้วกาแฟร้อนลงไปบนโต๊ะอย่างเบามือ เหม่อมองออกไปภายนอกผ่านกระจกใสของร้านกาแฟเล็กๆใจกลางเมือง ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีแสงจากหลอดไฟหลากสี มันชั่งทำให้รู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก
“ซอนเย แน่ใจนะว่าเธอทำถูกแล้ว” เสียงใสๆจากผู้เป็นเพื่อนเอ่ยถาม
“...อืม...” ตอบออกมาขณะที่สายตายังจับจ้องมองรถลาที่กำลังวิ่งขวักไขว่ไปมาอยู่บนท้องถนน
“แต่ฉันอยากให้เธอคิดดูดีๆนะซอนเย ว่าสิ่งที่เธอกำลังทำมันส่งผลร้ายกับตัวเธอเองรึเปล่า”
“ฉันคิดดีแล้วโซฮี!” หญิงสาวสวนกลับมาทันที
“ฉันจะไม่ปล่อยให้คนเลวๆพวกนั้น ได้ยืนลอยหน้าลอยตาอย่างสง่างามอยู่ในสังคมได้หรอก”
“แต่ถึงคนพวกนั้นจะตายไป พ่อกับแม่ของเธอก็ไม่กลับมาหรอกนะ!”
“โซฮี!!” หน้าหวานหันขวับมามองที่เพื่อน จ้องเขม็งอยู่นานจนโซฮีรู้สึกร้อนๆหนาวๆ
“ฉันรู้ว่าถึงยังไงพ่อกับแม่ฉันก็คงไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก แต่ฉันจะทำให้ไอ้พวกนั้นมันได้รู้ถึงความเจ็บปวด ที่ฉัน พ่อฉัน แม่ฉันเคยได้รับ!”
“ตามใจละกัน ฉันคงห้ามเธอไม่ได้” โซฮีเอ่ยปัดๆไป เพราะรู้ว่าคนอย่างมิน ซอนเยถ้าคิดจะทำอะไรแล้ว ถ้าให้เอาช้างมาฉุดก็คงไม่อยู่ ได้แต่คิดอย่างปลงๆ
เอออออออ วันนี้ไรท์เตอร์มั่วมากเลย ต้องขอโทษท่านผู้อ่านด้วยคับ
ปล.ขอบคุณทุกคอมเม้นที่คอยให้กำลังใจกัน จะพยายามพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้นนะคับ
ความคิดเห็น