คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : (ノ・◡・)ノ ♥ favour you : two
TWO
เบื่อ-มาก
นั่งเฉยๆมาจนถึงห้าทุ่ม ไม่เคยอยู่นิ่งขนาดนี้มาก่อน แทบจะกัดลิ้นตายอยู่แล้ว!
หลังจากกินขนมปังกันคนละก้อนแบบพออิ่มไป เขาสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกัน จะทำอย่างอื่นก็ไม่เอื้ออำนวยสักอย่าง มือถือแบตหมด หาหนังสืออ่านก็ไม่ได้ มันมืดเกินไป เลยได้แต่นั่งมองฟ้าทีคนข้างๆที
“เบื่อป่ะ”
“อือ”
“ง่วงยังอะ”
“ยัง เพิ่งนอนไปเองนี่” ถูกของชานยอล พวกเขาเพิ่งนอนกันไปแบบเต็มอิ่ม แล้วใครหน้าไหนจะไปนอนหลับ เขาก็ลองพยายามแล้วนะ แต่ตาสว่างมาก ไม่มีความง่วงสักนิด
“หาไรทำดีกว่า หันหน้ามานี่ มาตอบคำถามฉัน” แบคฮยอนพิงหลังเข้ากับผนังแล้วดึงชานยอลให้หันมาเผชิญหน้ากัน จับท่าทางให้เข่าชนกันพอดีในท่านั่งขัดสมาธิ
“ว่ามา”
“นายชอบฉันมั้ย”
“...” อีกคนนิ่งไม่ตอบ ทำเพียงขมวดคิ้ว แบคฮยอนที่เปิดคำถามแต่ไร้คำตอบก็คิดทบทวนคำถามตัวเองอีกรอบ มันไม่ได้ยากอะไรเลย แค่ตอบว่าใช่หรือไม่ใช่เท่านั้นเอง หรือว่า...
“ฉันถามเร็วไปหรอ”
“ประมาณนั้น”
“อ่า เราเพิ่งเจอกันแค่สองวัน นับตั้งแต่ฉันบอกชอบนายเมื่อวานสินะ เข้าใจๆ”
“แต่นายก็โอเคนะ”
“งั้นถามใหม่ ฉันเป็นยังไงในสายตานาย” ตั้งคำถามที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อโครงงานส่งวันพีชสู่มือแบคฮยอน อีกคนคิดยังไงเขาจะได้ปรับ ดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ
“อืม...ก็ดีนะ....”
“แค่นี้?” ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆพลางจ้องตาชานยอลนิ่ง อะไรคือก็ดีนะ หมายความว่ายังไง ดีมากแค่ไหน หรืออะไร ยังไง งง ไม่เข้าใจ
ฝ่ายโดนจู่โจมก็นิ่ง ตกใจลึกๆที่แบคฮยอนยื่นหน้าเข้ามา แต่พอเห็นหน้าก็คงเป็นอาการของคนที่อยากจะเค้นคำพูดของเขาให้ขยายความมากกว่านี้ จะว่าไปพอดูใกล้ๆแล้วแบคฮยอนหน้าใสมาก แก้มก็แดงธรรมชาติ จมูกเล็กๆ ปากแดงๆ รวมๆแล้วน่ารักดี
“เอาหน้ามาใกล้ทำไม”
“ตอบมา ก็ดีนะคืออะไร ขอมากกว่าหนึ่งประโยค” นอกจากจะไม่เอาหน้าออกห่างแล้วยังมาจับแขนเขาอีก เขย่าอีก แล้วเปลี่ยนมาจับมือเขาทั้งสองข้างแน่น สงสัยกลัวเขาหนี...
“คิดอะไรพูดแบบนั้น ยิ้มง่าย เข้ากับคนอื่นเก่ง เห็นอะไรก็ดีไปหมด ไม่คิดมาก ไม่เครียด อยู่ง่ายกินง่าย ตามใจคน ใจอ่อน ถ้าจะทำอะไรก็ตั้งใจทำ ล่ะมั้ง...”
“โห เยอะขนาดนี้เลยหรอ” แบคฮยอนอึ้ง แค่สองวันนี่ได้เยอะขนาดนี้เลยหรอ เขายังไม่ทำอะไรเลยนะนอกจากอ่านการ์ตูนแล้วก็นอนอะ
“อือ นายเป็นคนอ่านง่าย”
“ง่ายเกินไปป่ะ นั่นนิสัยฉันเลยนะ” ไม่ปฏิเสธเลยเพราะว่าที่พูดมาทั้งหมดน่ะตัวเขาล้วนๆ พอมาฟังๆดูแล้วเขาก็น่าจะอ่านง่ายจริงๆ เวลาจะทำอะไรก็ไม่ค่อยคิดอะไรอยู่แล้ว จงอินบอกว่านิสัยแบบเขานี่ดี ดูชิวๆดี มันเลยทำให้เขามีความสุขตลอดเวลามั้ง
“แล้วนายชอบฉันได้ไง” แบคฮยอนผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะเอาหน้าออกมาพิงผนังเหมือนเดิม ถึงคราวต้องโกหกอีกแล้วสินะ แล้วชอบได้ไงวะ จะให้บอกว่า อ๋อ ฉันเห็นรูปนายจากเพื่อนแล้วชอบเลย ก็ไม่น่าจะโอเค งั้น...
“ไม่มีเหตุผล ชอบเฉยๆ”
“คิดว่าฉันเชื่อมั้ย”
“ไม่ ฮี่ๆ” แบคฮยอนปล่อยมือข้างหนึ่งจากมือชานยอลมาเกาแก้มตัวเองพร้อมกับยิ้มตาหยีอย่างที่ชอบทำ อากิปกิริยาซื่อๆของอีกฝ่ายทำเอาชานยอลหลุดหัวเราะรอบที่สองของวัน มือข้างที่ว่างยกขึ้นมายีหัวอีกคนเล่น
“ทำไมถึงมาจีบฉัน”
“โอ้ยหัวยุ่งเลย ไม่บอกหรอก จีบติดแล้วถึงบอก” ร่างเล็กจับมือใหญ่ที่ยีหัวเขาไม่หยุดให้ออกห่าง แม้จะโดนแกล้งแต่ก็ส่งยิ้มให้อีกคนอยู่ดี แล้วก็ยิ้มมากขึ้นอีกเมื่อชานยอลก็ยิ้มตอบกลับ
โอ้โห ยิ้มแล้วหล่อกว่าเดิมอีก
“บ้าจี้ป่ะ”
“นิดหน่อย”
“ไหนดูซิ” แล้วแบคฮยอนก็สลัดมือชานยอลออก เปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นเอวของคนตัวสูงแทน ชานยอลสะดุ้งตอนที่นิ้วเรียวจิ้มมาที่เอวเขาก่อนจะรีบขยับตัวหนี แบคฮยอนที่เห็นรีแอคชั่นที่ต้องการก็ยิ่งแกล้งเข้าไปใหญ่
“ฮ่าๆ ตลกอะ เฮ้ยอย่านะ ฮ่าๆ โอ้ย ฮ่าๆ” พอหยุดมาหัวเราะก็โดนแกล้งกลับด้วยวิธีเดียวกัน แบคฮยอนน่ะบ้าจี้ขั้นสุดยอด ฉะนั้นแค่ชานยอลมาจี้นิดเดียวก็ดิ้นเป็นเจ้าเข้าแล้ว แล้วนี่มาจี้เขาทั้งตัวไม่หยุด ตายแบคฮยอนตายแน่
“ชานยอล พอ ฮ่าๆๆ เหนื่อยแล้ว ฮ่าๆๆๆ อ๊ะ ฮ่าๆ” คนโดนแกล้งดิ้นไม่หยุด ลุกขึ้นวิ่งหนีก่อนจะโดนจับตัวได้แล้วจี้เอวต่อ ขาแข้งพันกันมั่วไปหมดจนขัดกันเองล้มลงไปกองทั้งคู่ เสียงลมหายใจหอบดังระงม ชานยอลที่เป็นเบาะรองรับอีกฝ่ายก็เหนื่อยพอกันที่ต้องทั้งจับทั้งดึงทั้งยื้อคนบ้าจี้มาให้เขาแกล้มสมใจอยาก ผงกหัวขึ้นดูแบคฮยอนที่ใช้อกเขาเป็นหมอน
“เหนื่อยจะตายแล้ว” แบคฮยอนกลิ้งตัวลงมานอนพื้น แผ่หลาเช่นเดียวกับชานยอล เหลือบมองคนขี้แกล้งก็จัดการดึงแขนอีกฝ่ายมาหนุนซะเลย ทำโทษที่แกล้งเขาจนเหนื่อยขนาดนี้
“เหนื่อยเหมือนกัน”
“นายแกล้งไม่เลิก”
“ใครเริ่มก่อน”
“แต่ฉันถูกรังแกโดยนาย นายผิดอะปาร์คชานยอล” ตะแคงข้างจ้องชานยอลที่มองเขาก่อนหน้านี้แล้ว แบคฮยอนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงสนิทกันได้เร็วขนาดนี้ อาจเพราะสถานการณ์บังคับให้เขาอยู่ด้วยกันรึเปล่า ไม่ก็อัธยาศัยดีทั้งคู่ล่ะมั้ง
“ผิดก็ได้”
“ดีมาก กู๊ด!” หยิกแก้มเป็นรางวัลที่ยอมรับผิด แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อใบหน้าที่เขามองอยู่ก็เคลื่อนเข้ามาใกล้จนแทบชิด
ไม่รู้อะไรดลใจให้ชานยอลทำแบบนั้น แต่การที่แบคฮยอนยิ้ม หนุนแขนเขา แล้วมาหยอกแก้มกันแบบนี้ทำให้เขาอดใจไม่ไหว กลิ่นหอมอ่อนๆของแบคฮยอนก็ดึงดูดไม่น้อย บอกแล้วไงว่าแบคฮยอนน่ะมีเสน่ห์ แล้วเหมือนปาร์คชานยอลจะหลงเสน่ห์ซื่อๆนี้เข้าเสียแล้ว
“งื้อ ใกล้ไป”
“นับหนึ่งถึงสามแล้วค่อยลืมตา” ไม่รอให้สงสัยต่อชานยอลก็ประทับริมฝีปากลงไปบนกลีบปากบางเสียแล้ว แบคฮยอนหลับตาปี๋ เนื้อตัวแข็งทื่อไปหมด เรียกช็อคก็ได้ แต่ก็ยังนับเลขในใจ พอถึงสามชานยอลก็ผละออกพอดี ร่างเล็กที่นอนนิ่งลืมตาทันที มองคนที่กลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิมแล้วยกมือมาปิดปากตัวเองแน่น
โดนจุ๊บปากไปสามวินาทีถ้วนไม่ขาดไม่เกิน...
“อื้อออออ อำอะไรอองอาย อาอูบอันแอบอี้ไอ้ไอ”
“ฟังไม่รู้เรื่อง เอามือออก”
“ทำอะไรของนาย มาจูบกันแบบนี้ได้ไง”
“ก็....”
“ไม่ได้นะ ห้ามทำอีกนะ ยังจีบไม่ติดเลย ยังไม่ได้เป็นแฟนกันเลย ไม่ได้แล้วนะ ห้ามข้ามขั้นสิ”
“...” มองคนที่ดิ้นทุรนทุรายบนแขนเขาแล้วขำในลำคอ ถ้าจะโวยวายด้วยเหตุผลที่น่ารักขนาดนี้นะ เหตุผลอะไรก็ตามที่ทำให้แบคฮยอนมาจีบเขา เขาขอขอบคุณไว้ตรงนี้เลย
“จงอินรู้ได้ตายแน่”
“อะไรนะ”
“เปล่า ห้ามทำอีกนะ”
“ดูท้องฟ้ามั้ย ตอนนี้สว่างมาก”
“ดูๆ”
ถ้าหลอกให้ไปไหนก็ไปรึเปล่าเนี่ยบยอนแบคฮยอน...
FAVOUR YOU
“หายไปไหนมาวะ โทรหาไม่ติด”
“ไปทำโครงการส่งวันพีชสู่มือแบคฮยอนมา”
“ห่ะ...”
“ไปห้องสมุดกับชานยอลเมื่อวาน แล้วหลับยาวจนห้องสมุดปิด ติดอยู่ในนั้นจนถึงเช้า” แบคฮยอนทิ้งตัวลงนอนที่เตียงของตัวเอง อ่า ที่นอนสบายๆนุ่มๆแบบนี้ อยากนอนจังเลย เมื่อคืนได้กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า นอนได้นิดนึงก็ต้องตื่นมาเจออาจารย์ที่ร่ายบทสุนทรพจน์อยู่นานเนื่องจากมาแอบนอนในห้องสมุด ว่ากันไปจนสิบโมงถึงได้ย่างกรายเข้ามาในห้อง เจออะไรอีก เพื่อนซี้ตัวดำคนนี้ไง คาดว่าน่าจะมีอีกสักสองสามคำถามเป็นอย่างต่ำ
“เฮ้ยจริงดิ แล้วทำอะไรกันบ้าง”
“มีจับมือ คุยกัน”
“จับมือหรอ ทำไมได้จับวะ”
“มืด ไม่จับเดี๋ยวหลง”
“คุยกันแล้วอะไรอีก มีมากกว่านั้นมั้ย”
“มีจะ....มะไม่มี คุยกันเฉยๆ อ้อ ดูดาวด้วย โรแมนซ์สุดๆ”
“ไอ้หมาไม่เนียน มีจะ...จะอะไรวะ บอกกูมา” แบคฮยอนกรอกตาขึ้นตา ให้ตายเถอะ นี่กะว่าจะไม่บอกแล้วนะ แต่ด้วยความที่มันหูดีได้ยินเขาเผลอพูดออกไปนี่สิ
“มี...จี้เอว แบบจั๊กจี้อะ โคเรี่ยนซีรี่ย์มากมึงกูบอกเลย”
“หน้ามึงบอกว่ามันไม่ใช่แค่จี้เอว” กรอกตาอีกรอบ มันจะเก่งเกินไปละ อยากได้คำตอบแบบไหนมึงบอกกู แม่งถ้าบอกว่าได้กันแล้วคงจะเชื่อสินะ
“เอออออ จี้เอวเสร็จก็นอน แล้วอยู่ดีๆมันก็พุ่งเข้ามาจูบกู พอใจมั้ย จะนอน”
“เหยดดดดดดดดดดดดดดด โกหกรึเปล่ามึง คนหน้าตาดีๆอย่างมันเนี่ยนะจะเริ่มจูบมึงก่อน” นี่บยอนแบคฮยอนหน้าตาห่วยแตกขนาดนั้นเลย? ถึงขนาดถ้ามีคนหล่อๆมาจูบก่อนนี่โกหก? กูเลิกเป็นเพื่อนมึงได้มั้ย?
“เออกูโกหก เอาที่มึงสบายใจ ราตรีสวัสดีพรุ่งนี้มีชัยไปเอาดีโอโดคยองเอสโอโอซูมาเป็นเมียนะเคมจงเอน บ๊าย” พูดจบก็ดึงผ้าห่มคลุมโปงแล้วหลับตาทันที คือง่วง ง่วงม๊ากกกกกก อยากนอนเว้ยยยยยย
“ไม่ได้”
ความมืดหายไป ต้องกลับมาเจอแสงอาทิตย์ที่จงอินมันเดินไปเปิดผ้าม่านและดึงผ้าห่มเขาทิ้งในนอนเอ้งเม้งอยู่ที่พื้น
“ไม่เอาแบบนี้ดิ ขอนอนก่อนไม่ได้หรอ เราเป็นรูมเมทกันนะ ให้ตายยังไงกูก็ต้องเจอหน้ามึง”
“ก็กูยังอยากรู้อยู่ จูบเสร็จแล้วไงต่อ”
“ไหนมึงไม่เชื่อกู”
“เล่ามาก่อน กูจะตัดสินใจเอง”
“โอ้ยยยยยยยยยย มันชวนกูดูดาวไง ก็นั่งดูเฉยๆ คุยไรเรื่อยเปื่อย”
“อะไรอีก”
“มึงเป็นพี่สรยุทธ์ขวัญใจซีวอนและดงเฮแห่งเอสเจหรอ ทำไมถามละเอียดจังวะ” เอาคางเกยหมอนไว้ หนังตาก็จะปิด แต่เพื่อนรักเพื่อนเลิฟก็ไม่ปล่อยเขาเสียที แม่งเอ้ย!
“กูจะได้คำนวณไงว่ามึงจะสำเร็จมั้ย”
“เออ มันรู้แล้วนะว่ากูมีจุดประสงค์ในการจีบมัน”
“เหี้ย!”
“ไม่ๆ กูยังเป็นคนอยู่”
“มันรู้ได้ไงวะ มึงบอกมันหรอ”
“ก็กูโกหกไม่เก่งอะ มันเลยรู้” นับว่าเป็นการอดทนขั้นสุดที่เขาสามารถปรือตามองจงอินได้ทั้งที่สมองใกล้ตายแล้ว
จงอินลากเก้าอี้มานั่งแล้วทำท่าคิดอยู่พักหนึ่ง นานจนเขากำลังจะนอนอย่างสุขสบาย
“มันรู้แต่มันก็จูบมึง!”
“ห๊ะ เออๆ ใช่ๆ” บอกเลย สะดุ้งสุดตีน คนกำลังเคลิ้มแม่งตะโกนเสียงดัง กูตกใจเป็นนะแหม
“มึงยังมีโอกาส เช็คตารางมันวันนี้ดิ๊ว่ามันจะไปไหนอีก ช่วงนี้ต้องเร่งทำคะแนน”
“โนๆ เดี๋ยวนี้กูไม่ต้องเข้าเฟซบุ๊คมันเพื่อหาแล้วว่ามันอยู่ส่วนไหนของเซ้าท์โคเรีย กูมีไลน์กันแล้วเว้ย”
“จั๊ดง๊าวววววววววววว เจ็งสัส” ห่ะ อะไรจัดๆเง่าๆนะ
“พอใจมึงยัง กูจะนอน”
“เออๆ ใครห้ามมึงนอนวะ ผ้าห่มนี่ก็ห่มดีๆ กลัวพื้นหนาวหรอ”
เขาเรียกกวนส้นตีน ใครห้ามไม่ให้กูบอก มึง! ใครโยนผ้าห่มกูไป
มึง! ไง! ไอ้! สัส!
___ __ ___ _ ___ __ ___
อ่าวๆพี่ชาน อย่าเพิ่งรีบ
#ฟิคชานแบคโมเดล
ความคิดเห็น