คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : คำสัญญาของพ่อกับรอยยิ้มของแม่
ประเทศญี่ปุ่น เมืองโยโกฮาม่า ปี พ.ศ. 1907 ยุคสมัยเมจิ หลังจากที่ท่าเรือโยโกฮาม่าสร้างเสร็จราวหนึ่งทศวรรษ ความเจริญและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจเข้ามาสู่โยโกฮาม่าอย่างรวดเร็วผ่านทางท่าเรือที่เป็นเสมือนประตูเชื่อมสู่นานาประเทศ ผู้คนทั้งชาวต่างชาติและชาวญี่ปุ่นเพิ่มจำนวนมากขึ้นและอาศัยอยู่กันอย่างหนาแน่น ตึกรามบ้านช่องส่วนใหญ่เปลี่ยนไปจากตึกไม้สีขาวกลายเป็นตึกปูนหลายชั้น สถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างญี่ปุ่นเดิมกับยุโรป กลางวันมีผู้คนเดินขวักไขว่ทำการค้าและธุรกิจหลากหลายรูปแบบ กลางคืนเต็มไปด้วยงานเลี้ยงเต้นรำที่ฟู่ฟ่าหรูหรามีระดับ บางส่วนของเมืองที่ไหลตามกระแสความเจริญของสังคมไม่ทันได้ตกตะกอนเป็นแหล่งเสื่อมโทรมอันแออัดไปด้วยคนจรจัด คนงานยากไร้ และอบายมุข
โรงพยาบาลแห่งหนึ่งสร้างจากตึกไม้ทาสีขาวสะอาดสองชั้น ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ด้านนอกร่มรื่นด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม สนามหญ้าและพุ่มไม้ที่ได้รับการจัดแต่งไม่ให้รก เดือนมีนาคมฤดูใบไม้ผลิ อากาศเย็นสดชื่น ต้นซากุระข้างทางเดินออกดอกบานสะพรั่ง กลีบดอกและใบไม้โปรยละลิ่วตามกระแสลม กลีบหนึ่งปลิวไปลงแผ่วบนหัวของเด็กสาวสวมชุดนักเรียนมัธยมกะลาสีแขนยาวสีขาวที่เดินเป็นจังหวะมาตามทางเดินหิน ใบหน้ารูปไข่ของเด็กสาวระบายด้วยรอยยิ้ม แก้มของเธอเป็นสีแดงเลือดฝาดอย่างคนสุขภาพดี ริมฝีปากเป็นกระจับสีเดียวกับกลีบดอกซากุระบนหัว ผมสีดำขลับถักเป็นเปียหลวมๆสองข้าง ผู้คนที่เดินผ่านไปจะได้ยินเสียงใสๆฮัมเพลงประจำโรงเรียนสตรีโยโกฮาม่า ดวงตาของสาวน้อยกลมโตเป็นประกาย ใกล้ถึงโรงพยาบาล “อามาโนะ” บ้านของเธอแล้ว ในใจของเด็กสาวเต็มไปด้วยความสุขสดชื่นที่จะเอาใบประกาศที่เป็นม้วนสีขาวในมือไปอวดพ่อและแม่ของเธอ
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล แม้จะเป็นเวลาบ่ายแก่ใกล้ปิดก็ยังมีคนไข้อยู่หลายสิบคน เนื่องจากคุณหมออามาโนะได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจจากชาวเมืองโยโกฮาม่ามาตลอดเวลาสิบกว่าปีที่เปิดโรงพยาบาล ด้วยความเอาใจใส่คนไข้ มีเมตตา และยังมีฝีมือดีไม่แพ้หมอฝรั่ง เด็กสาวเลือกที่จะเดินเข้าโรงพยาบาลทางด้านหลังไม่ผ่านส่วนหน้าที่มีคนไข้รออยู่
“กลับมาแล้วหรือจ๊ะ ชิสึนะ” เสียงทักทายดังมาจากคุณแม่ หรือที่คนไข้ชอบเรียกว่า “คุณน้าพยาบาลคนสวย” อูโนะในวัยสามสิบกว่ายังมีใบหน้าที่สวยสดใสไม่เสริมแต่ง และดูอ่อนกว่าวัยมากด้วยความที่เป็นคนใจเย็นยิ้มแย้มอยู่เสมอ หญิงสาวอยู่ในชุดแม่บ้านใส่ผ้ากันเปื้อนสีขาวสะอาดมีรูปร่างสูงโปร่งเช่นเดิมเมื่อเทียบกับหญิงชาวโยโกฮาม่าคนอื่นๆ
“กลับมาแล้วไค่ะ คุณแม่” ชิสึนะเดินรี่เข้าไปหาแม่ซึ่งกำลังจัดเตรียมสำรับข้าวเย็นอยู่ วันนี้มีงานฉลองเรียนจบของลูกสาวคนเล็กของบ้าน ซึ่งคุณแม่อูโนะลงมือเข้าครัวทำกับข้าวชุดใหญ่พิเศษด้วยตนเอง
“ยินดีด้วยนะจ๊ะ ลูกสาวคนสวยของแม่” ชิสึนะเข้าไปกอดแม่ ต่างก็ยิ้มแย้มและหัวเราะให้กัน ถ้ามีคนมาเห็นภาพนี้ จะพบว่าหญิงสาวทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก (ซึ่งอูโนะดูเหมือนเป็นพี่สาวมากกว่าแม่)
“แม่คะ ลูกสาวแม่นอกจากจะเรียนจบแล้ว ยังได้ประกาศณียบัตรเรียนดีด้วยนะคะ” ชิสึนะยื่นกระดาษม้วนห่อด้วยริบบอนสีแดงสดให้แม่ดู ประกาศนียบัตรเรียนดี จะมอบให้กับนักเรียน 10 คนแรกจากทั้งชั้นเรียนกว่า 200 คนที่มีคะแนนสูงสุด อูโนะมองลูกสาวด้วยสายตาชื่นชมและภูมิใจ
“เก่งเหมือนแม่เลยนะเรา” เสียงทุ้มของผู้ชายวัยกลางคนดังขึ้น
“คุณพ่อ!!” ชิสึนะผละจากอ้อมแขนของแม่ไปกอดพ่อแทน คุณพ่ออามาโนะ ชินทาโร่ในวัยสี่สิบยังคงเค้าความหล่อในวัยหนุ่มไว้เพียงแต่เพิ่มริ้วรอยความสุขุมบนใบหน้าจากวัยและประสบการณ์ที่มากขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ใช้พินิจมองสิ่งต่างๆอยากเฉียบแหลมลึกซึ้ง บัดนี้ทอประกายอ่อนโยน
“ตรวจคนไข้เสร็จแล้วหรือคะ?” อูโนะถามสามียิ้มๆ ชินทาโร่หอมที่หน้าผากโหนกๆของลูกสาว แล้วหันไปหอมแก้มภรรยาเบาๆ (ต่อหน้าลูกเนี่ยแหล่ะ)
“พอดีคนไข้ใกล้จะหมดแล้ว คุณอาซากิบอกว่าเห็นลูกเดินมาเข้าทางด้านหลัง หมออิซาวะเลยบอกให้พ่อมาหาลูกน่ะ” คุณอาซากิเป็นพยาบาลรุ่นน้องของอูโนะส่วนหมออิซาวะก็เป็นรุ่นน้องของชินทาโร่อีกที ทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน และมาร่วมทำโรงพยาบาลอามาโนะ เนื่องจากหมออิซาวะนับถือชินทาโร่มาก (หมออิซาวะจบจากมหาวิทยาลัยในเกียวโต ซึ่งชินทาโร่เคยไปเป็นอาจารย์รับเชิญหลายครั้ง) ทั้งสองคนยังไม่มีลูกและสนิทสนมกับครอบครัวอามาโนะมาก
“พอดีเลยค่ะ กับข้าวเสร็จแล้ว ชวนอาซากิกับหมออิซาวะมาร่วมเลี้ยงฉลองด้วยเลยนะคุณ”
“ว้าว! จะได้กินมื้อใหญ่ฝีมือแม่ วันนี้อ้วนแน่เลยเนอะพ่อ” ชิสึนะกลืนน้ำลายดังเอื้อก
“ลูกผอมจะแย่อยู่แล้ว ถ้าอ้วนจริงแม่จะดีใจน่ะสิ”
“แต่พ่อว่า หนูหุ่นดีแล้วก็สวยแเหมือนแม่เลยแหล่ะ เห็นแล้วนึกถึงแม่เราสมัยก่อน”
“คุณค่ะ!”
ทั้งสองคนสบสายตาที่เต็มไปด้วยความรักซึ่งกันและกัน จนชิสึนะอายแทน “เอ่อ.. หนูไปแปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า เชิญหวานกันตามสบายนะคะ ” นั่นแหล่ะ แม่ถึงจะเขินหน้าแดง ส่วนพ่อก็หัวเราะชอบใจ (พ่อจะกลายเป็นหนุ่มขี้อายก็ต่อเมื่อมีคนอื่นอยู่ด้วยเท่านั้น ขนาดคุณยายเรกะ พ่อยังเขินเลย)
บรรยากาศในครอบครัวเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข ตั้งแต่ชิสึนะจำความได้ เธอไม่เคยเห็นคุณพ่อคุณแม่ทะเลาะกันเลย ทั้งสองมีแต่ความรักและความเชื่อใจกันตลอดมา คุณพ่อเป็นหมอใหญ่ก็จริง แต่ก็ไม่เคยเอาความลำบากเคร่งเครียดที่ทำงานมาใส่อารมณ์กับครอบครัว เวลาอยู่กับลูกและเมีย พ่อจะเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ส่วนแม่ก็เป็นศรีภรรยาที่สวยน่ารักและใจดีกับทุกคน สำหรับชิสึนะแล้ว แม่เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบที่สุด สองพ่อลูกจะช่วยกันแกล้งหยอกล้อให้แม่ได้หัวเราะหรือเขินอายเป็นประจำ
“คัมปาย ! ยินดีด้วยนะ ชิสึนะ” หมออิซาวะยื่นแก้วทรงสูงใส่ไวน์ให้ชิสึนะชน เขาเป็นคนเจ้าเนื้อร่างสูงใหญ่ ใส่แว่นตากรอบดำหนา ใบหน้าค่อนข้างกลมที่ยิ้มกว้างๆออกแดงด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ หมอเป็นผู้ชายที่เปิดเผย ใจกว้าง อารมณ์ดีเสมอ ต่างจากภรรยาคือคุณอาซากิที่ค่อนข้างจะคิดมากและขี้กังวล บนโต๊ะอาหารของบ้านอามาโนะเต็มไปด้วยอาหารจานใหญ่หน้าตาน่ากินหลายจานที่แม่อูโนะทำเพื่องานฉลองของลูกสาว รสชาติไม่ต่างจากร้านอาหารชั้นนำของโยโกฮาม่า พร้อมด้วยไวน์ราคาแพงของพ่อชินทาโร่ยิ่งช่วยขับกล่อมรสชาติและบรรยากาศ
“ยินดีด้วยนะจ้ะ” คุณอาซากิพูดยิ้มๆ เธอเป็นสาวร่างเล็กและค่อนข้างเตี้ยต่างจากสามี
“ขอบคุณค่ะ ทุกคน” ชิซึนะชนแก้ว (แน่นอนว่าเป็นเพียงน้ำผลไม้)
“ชิสึจังได้รางวัลเรียนดีด้วยนี่ คุณแม่เขาบอกน้าน่ะ”
“ทั้งสวยทั้งเก่งเหมือนแม่ไม่มีผิด” หมออิซาวะชม ชิสึนะหน้าแดงเล็กน้อย อูโนะยิ้มขันที่เห็นชินทาโร่ยิ้มหน้าบานพลางพยักหน้าหงึกหงัก
“รางวัลนี้มีความหมายมากค่ะ เพราะคิดจากคะแนนสะสมตลอด 6 ปี ทั้งการเรียนและกิจกรรม นักเรียน 10 คนแรกที่ได้รางวัล จะได้รับประกาศนียบัตรและของขวัญจากท่านผู้ว่าโยโกฮาม่าในงานเลี้ยงฉลองที่จัดขึ้นพรุ่งนี้” อูโนะอธิบายแทนลูก
ชิสึนะวางช้อนในมือ สีหน้าจริงจังขึ้นเป็นครั้งแรก
“ที่หนูดีใจมากที่ได้รางวัล ไม่ใช่เพราะเรื่องพวกนี้หรอกค่ะ”
“หมายความว่ายังไงจ๊ะ?” คุณอาซากิถามแทนทุกคน
“มันสำคัญมากกับความฝันของหนูค่ะ” ชิสึนะหันไปสบตากับชินทาโร่ สีหน้าของเด็กสาวเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“ชิสึนะ!” อูโนะเรียกลูกเบาๆและหันไปชำเลืองมองสามี
“ลูกหมายถึงเรื่องอะไร” ชินทาโร่พูดเสียงเรียบ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
“เมื่อ 6 ปีก่อน ในงานเลี้ยงที่บ้านตระกูลไค..” ชิสึนะพูดช้าๆพลางก้มหน้านิดๆ ตากลมโตเหลือบมองผู้เป็นพ่อ “เราคุยกันว่าถ้าหนูเรียนจบแล้วได้รางวัลเรียนดี และเมื่อถึงตอนนั้น..”
“หากลูกยังมีความตั้งใจเช่นเดิม พ่อจะเป็นผู้สนับสนุนและช่วยให้ฝันของลูกเป็นจริง..” ชินทาโร่พูดต่อ สองพ่อลูกมองหน้ากัน ดวงตาของชิสึนะไม่มีความลังเลใดๆ แต่สั่นไหวด้วยไม่ทราบว่าผู้เป็นพ่อที่เธอทั้งรักและเคารพจะคิดอย่างไร
“ความฝันของชิสึนะ หมายถึง..” คุณอาซากิหันไปกระซิบกับสามี หมออิซาวะยิ้มๆ ใจนึกไปถึงภาพเมื่อวันวาน
10 กว่าปีผ่านไปไวอย่างกับกระแสลมที่พัดผ่านโยโกฮาม่าออกสู่ทะเล จากเด็กน้อยผอมกระร่องถักเปียปลิวสะไหว 2 ข้าง ยามที่เธอวิ่งหนีแม่ไปซ่อนไม่ยอมอาบน้ำ หรือยามที่ใบหน้าเล็กส่ายไปมาอย่างดื้อดึงไม่ยอมให้เปลี่ยนเสื้อผ้า ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ที่จอมซนวิ่งเข้ามาซ่อนในห้องตรวจของเขา แล้วมานั่งตาแป๋วดูเขาตรวจคนไข้ เด็กน้อยเกิดความสนุกขึ้นมาจนแอบหนีแม่เข้ามาอีกไม่รู้กี่ครั้ง จนคนไข้ของเขาเคยชินกับภาพที่เด็กน้อย นั่งจ้องเขม็งอยู่ข้างๆหมอ บางครั้งก็แย่งเอาหูฟังหัวใจของเขาไปตรวจเอง ไม่ว่าจะด้วยสภาพแวดล้อมหรือสายเลือดก็ตามที ชิสึนะฝันอยากเป็นหมอตั้งแต่เด็กแล้ว และแม้เวลาจะผ่านไป... จากเด็กตัวเปี๊ยกเปลี่ยนเป็นสาวน้อยที่สดใสสะพรั่งราวกับดอกซากุระ.. ความฝันก็ยังคงเป็นเช่นเดิม หากแต่จะส่องประกายชัดเจนมากขึ้น
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ อูโนะทราบดีว่าสามีลำบากใจเช่นไร ในยุคสมัยเช่นนี้ แม้ว่าผู้หญิงจะมีสิทธิและบทบาทมากขึ้น แต่หญิงสาวชาวโยโกฮาม่าส่วนใหญ่พอใจที่จะแต่งงานเป็นแม่บ้านดูแลสามีและลูกมากกว่า สังคมเองก็ยังไม่ยอมรับว่าผู้หญิงจะสามารถทำงานได้เช่นเดียวกับผู้ชาย โดยเฉพาะทางการแพทย์ ในประเทศญี่ปุ่นขณะนี้ มีแพทย์หญิงนับได้ไม่ถึง 10 คน อย่าว่าแต่ในโยโกฮาม่า โรงเรียนแพทย์เกือบทุกโรงเรียนก็เป็นโรงเรียนชายล้วน หากว่าชิสึนะอยากเป็นหมอจริงจะต้องพบกับความยากลำบากมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การหาที่เรียน, การสอบเข้า, การเรียนที่ใช้เวลานานกว่า 4 ปี และอาจจะต้องถึงขั้นไปเรียนต่อต่างประเทศ แม้ว่าใจหนึ่งจะเข้าใจและเห็นใจลูกสาว แต่อีกใจหนึ่งก็เป็นห่วงเหลือเกินเพราะเป็นลูกสาวคนเดียว สมัยก่อนนั้น เธอไม่มีใครคอยเป็นห่วงคอยกังวลจึงสามารถไล่ตามความฝันได้อย่างเต็มที่ แต่ชินซังจะสามารถปล่อยลูกสาวไปผจญความลำบากมากมายเช่นนั้นได้หรือ
ชินทาโร่เอ่ยขึ้นช้าๆ (ท่ามกลางการลุ้นของทุกคน หัวใจของชิสึนะเต้นดังตึกตักในอก)
“ถ้าหากต้องลำบาก..”
“หนูก็จะพยายาม..”
“ถ้าไม่สำเร็จ?”
“หนูก็จะพยายามต่อไป..”
“เพราะว่าเป็นความฝันของลูกอย่างนั้นหรือ?”
“อาจเป็นเพราะว่า...หนูเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่ค่ะ!”
สองพ่อลูกมองหน้ากัน ชั่วเวลาแค่อึดใจ.. แต่สำหรับใครบางคนมันช่างยาวนานและสำคัญพอๆกับเวลาที่ผ่านมาเกือบทั้งชีวิต.. แล้วรอยยิ้มจางๆก็ปรากฏบนใบหน้าของชินทาโร่ โดยไม่ต้องมีคำพูดใด
“คุณพ่อ!!” ชิสึนะวิ่งไปกอดชินทาโร่ด้วยความดีใจ
“พ่อกับแม่จะช่วยลูกเต็มที่จ้ะ” อูโนะพูดแทนชินทาโร่ คุณอาซากิและหมออิซาวะช่วยกับตบมือยินดีกับสาวน้อยที่ทั้งบอบบางและสวยน่ารักราวกับดอกซากุระ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะเดินบนเส้นทางที่ยากลำบากกว่าใคร
“ขอบคุณมากค่ะ หนูรักพ่อกับแม่มากที่สุด” น้ำตาแห่งความดีใจไหลเปื้อนแก้มของชิสึนะ ทำให้แม้ว่าจะเป็นกังวลต่ออนาคตของลูกมากเพียงใด อูโนะกับชินทาโร่ก็อดที่จะยินดีและเป็นสุขไปพร้อมกับลูกสาวของตนไม่ได้ในเวลานี้
กลางดึกเงียบสงบ สัพพเสียงต่างๆพากันหนีหายเข้าสู่ห้วงนีทรารมณ์ เหลือแต่สาวน้อยที่พลิกตัวกระสับกระส่ายนอนไม่หลับอยู่บนเตียงนุ่ม วันนี้ดูว่าหัวใจจะเต้นดังเหลือเกิน ความรู้สึกทั้งยินดีทั้งปลาบปลื้ม ความภูมิใจและความซาบซึ้งใจยังคงพากันวิ่งวนอยู่ในความคิด แม้ว่าเธอจะพยายามข่มตาให้ตัวเองหลับแต่ก็ทำไม่ได้ หลังจากนับแกะตัวที่ห้าร้อยชิสึนะของเลิกพยายามและลุกนั่งบนเตียง สายตามองกวาดไปตามห้องมืดที่มีเพียงแสงจันทร์เสี้ยวลอดผ่านม่านสีขาวของหน้าต่างไม้หัวเตียง ลมเย็นจากข้างนอกพัดโชยเข้ามาพร้อมกลิ่นของซากุระ ตากลมโตหยุดนิ่งอยู่กับรูปถ่ายใส่กรอบที่วางบนโต๊ะเขียนหนังสือของเธอ รูปภาพขาวดำที่ถ่ายด้วยกล้องของชาวยุโรป3-4 รูปวางซ้อนกันอยู่ 2 รูปหน้าสุด รูปหนึ่งเป็นภาพพ่อกับแม่ในชุดกิโมโนเต็มยศ (พ่ออุ้มเด็กทารกตัวจิ๋วไว้ในอ้อมแขนเพียงข้างเดียว อีกมือโอบเอวแม่เอาไว้ สีหน้าของพ่อแม่ดูสงบนิ่งและเปี่ยมสุข อีกรูปหนึ่งมองไกลๆเป็นเงาของเด็ก 4 คนที่กลอดคอกันกลม แต่ล่ะใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่แลดูคล้ายคลึงกัน แต่ชิสึนะรู้ว่าเบื้องหลังรอยยิ้มของเด็กผู้ชายตัวสูงคนริมนั้นถูกเค้นออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก ในขณะที่ยิ้มของเด็กสาวผมหยักศกตรงกลางออกจะฝืนไปบ้างด้วยความความเหน็ดเหนื่อย (เพราะต้องวิ่งไปดูรูปที่ถ่ายแล้วกลับมาบังคับพี่ชายให้ยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด เข้ามาใกล้ๆอีกหน่อย เอียงหน้าอีกฯลฯ) เด็กหนุ่มอีกคนรอยยิ้มนั้นดูเหยเกเพราะอาการปวดฟันที่กำลังโยก คงมีเพียงแต่เด็กสาวผอมกะหร่องตรงกลางที่ยิ้มร่ากว่าใคร ชิสึนะคิดถึงเพื่อนๆในวัยเด็กของเธอมากเหลือเกินวันนี้
เป็นไงบ้างคะ สองบทแรกหนูมินวางแผนไว้ว่าจะเป็นการรำลึกความหลังกันให้หายคิดถึงจึงยังไม่มีเนื้อเรื่องอะไรมาก เนื่องจากหนูมินชอบคู่ของชินทาโร่และอูโนะมากที่สุด ตัวเอกของเรื่องนี้จึงเป็นชิสึนะลูกสาวที่คนเขียนเคยกล่าวถึงว่าจะได้เป็นหมอนั่นเอง ส่วนคนที่ชอบมาริโกะกับไครอบททื่สองนะคะ จะมีเรื่องลูกของทั้งสองคน ตัวชิสึนะเองนั้นคงมีนิสัยคล้ายกับอูโนะ แต่จะมีข้อเสียบ้างเช่นขี้งอน ใจอ่อน ขี้สงสาร และอ่อนหัดในด้านความรักเหลือเกิน หนูมินว่าอูโนะนั้นสมบูรณ์แบบในด้านความเป็นมนุษย์มากๆไม่เหมือนมาริโกะ ที่ยังมีข้อเสียมีอะไรที่ต้องพัฒนาซึ่งทำให้มาริโกะเป็นตัวละครที่หลายๆคนรักและคอยเอาใจช่วย ตัวชิสึนะเองก็เหมือนกันที่อุปสรรคต่างๆจะช่วยขัดเกลาเธอให้เติบโตเป็นผู้หญิงที่ดีในที่สุด
ความคิดเห็น