ค่ำคืนหนึ่งในฤดูหนาว
ถ้าคุณอ่านนิยายนี้คุณจะได้พบโลกใบใหม่ที่สวยงาม สดใส หวานเเหวว กุ๊กกิ๊ก น่ารัก ติดตามชมเลยคร้า
ผู้เข้าชมรวม
47
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เสียงกริ๊งของโทรศัพท์ตั้งโต๊ะภายในบ้านในห้องทำงานของปะนุพงษ์ดังขึ้นมา มันทำลายความรู้สึกของเขาในเวลานั้นทำให้เขากลับมาสู้โลกแห่งความเป็นจริงในเวลานี้ เขาค่อยๆเอื้อมมือไปยกหูโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะทำงานแล้วยกมันขึ้นมา พูด “ฮัลโหลนี่ผม ดร.ปะนุพงษ์พูดครับ”
เสียงตอบกลับมาจากโทรศัพท์ “ดร.เองเหรอค่ะ นี่ปองนภาพูดค่ะ” แล้วดร.หนุ่มใหญ่ก็พูดตอบเธอกลับไปว่า “คุณปองนภาเองเหรอครับ คุณปองมีธุระอะไรกับผมรึเปล่าครับนี่” หญิงสาวไม่รอรีพูดตอบ ดร.หนุ่มใหญ่ไปทันที “แหม๋!!ดร.ค่ะ ต้องมีธุระด้วยเหรอค่ะปองถึงจะโทรมาหาดร.ได้นะค่ะ” เธอพูดเหมือนตัดพ้อต่อว่าเขาไปนิดๆ ทำให้ดร.ประนุพงษ์รีบพูดตอบเธอกลับมาทันที่ว่า “เปล่าๆครับคุณปอง ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น อย่างที่คุณปองกำลังคิดอยู่นะครับ เพียงแต่ผมเห็นคุณปองโทรมาหาผม ก็เลยถามคุณปองไป เพื่อว่าจะมีธุระอะไรให้ผมได้ช่วยคุณปองได้บ้างก็เท่านั้นเองครับ” หญิงสาวฟังน้ำเสียงของเขาแล้วเธอเชื่อในคำพูดของเขา แล้วเธอก็ถามเขาว่า
“วันนี้ดร.ไม่ออกไปทำงานเหรอค่ะ” ดร.หนุ่มใหญ่ตอบเธอกลับไปว่า “คุณปองวันนี้วันอะไร คุณไม่รู้รึครับนี่” หญิงสาวทำหน้างงงงระหว่างที่เขานั้นถามกลับมาอย่างงงงงว่า ”ไม่รู้สิค่ะ ดร.ว่าวันนี้อะไรละค่ะ” ดร.หนุ่มใหญ่จึงช่วยตอบเธอไป “วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ไงละครับ “ หญิงสาวเหมือนคิดได้รีบดูปฎิทินแผ่นพับที่ว่างตั้งไว้บนโต๊ะทำงานในห้องของเธอทันทีและเห็นว่าเป็นวันอาทิตย์ เธอก็เลยตอบเขากลับไปแบบเบาๆและน้ำเสียงป่นอายๆว่า “จริงด้วยสิ!ค่ะดร.สงสัยปองจะเบอๆไปซะแล้วค่ะนี่ น่าอายจังเลยค่ะ” เธอพูดเหมือนมีน้ำเสียงที่อ้อยอิ่งและอายๆให้กับเขาฟัง ดร.หนุ่มใหญ่ฟังเหมือนไม่ได้ศัพท์ก็พูดทวนคำถามเธอกลับมาว่า
“คุณปองว่าอะไรนะครับเมื่อกี้นะอายๆอะไรรึครับผมฟังไม่ค่อยถนัดเลยนะครับ” ปองนภาก็ตอบเขากลับไปว่า “เปล่าค่ะไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ดร.หนุ่มใหญ่ทวนคำถามเธออีกครั้งว่า คุณปองนภาโอเคนะครับ!! ไม่มีอะไรแน่ นะครับ” หญิงสาวเธอตอบแก้เก้อเขินออกไปอีกครั้งว่า“ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ แค่ปองนั้นอายๆ ดร.นะค่ะ ที่จำวันหยุดไม่ได้ก็เท่านั้นเองค่ะ” เธอตอบ ดร.ไปในอาการที่ยังเก้อเขินและอายๆอยู่ ดร.หนุ่มใหญ่ ตอบกลับมาให้กำลังใจเธอว่า “ช่างเถอะครับ อย่าคิดอะไรมากไปเลยนะครับ บางครั้งคนเรานั้นทำงานกันเพลินไปจนลืมดูวันและเวลาไปก็มีมากมายครับผิดพลาดกันได้ครับ”
อันที่จริงนั้นปองนภา เธอนั้นจำวันที่ได้ แต่ไม่ได้จำว่าวันนี้เป็นวันอะไรเท่านั้นเอง ปองนภาเธอจำได้ว่าวันนี้เป็น วันเกิดของดร.ปะนุพงษ์เธอกะว่าจะโทรศัพท์มาแสดงความยินดีและอวยพรวันเกิดให้กับเขา ให้เขาเซอร์ไพร์เธอเล่นว่าวันนี้วันเกิดของ ดร.ปะนุพงษ์ แต่เธอนั้นดันมาหน้าแตกก่อนที่ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันหยุดราชการคือวันอาทิตย์นั้นเอง
ปองนภา เนตรศิลปสาน หญิงสาวสวยมาดมั่นวัย 24ปีเพื่อนบ้านของ ดร.ประนุพงษ์ จินตมณี เจ้าของห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่แห่งหนึ่งในประเทศไทย ปองนภาเธอเองก็เป็นกออกแบบตบแต่งเธอยังไม่เคยรู้เลยว่าเพื่อนบ้านของเธอดร.หนุมใหญ่คนนี้นั้นเป็นเจ้าของธุรกิจที่ใหญ่โตระดับประเทศ เขามาซื้อบ้านอยู่ในหมู่บ้านเดี่ยวกับเธอและก็อยู่ใน ซอยเดียวกัน เธอรู้ว่าเขาจบ ดร.มาเท่านั้นเอง และทำงานเกี่ยวกับการตลาดเท่านั้นเอง
ตัวปองนภาเธอยังเป็นโสดอยู่ เธอรู้ว่าดร.ปะนุพงษ์นั้นก็ยังเป็นโสดไม่มีครอบครัวเหมือนกับเธอ เธอแอบชอบ ดร.ปะนุพงษ์ แต่ดร.ปะนุพงษ์กับดูจะเฉยๆกับเธอในเรื่องนี้โดยที่เขานั้นยังไม่เคยได้คิดอะไรกับเธอเลยในเรื่องนี้ ที่คบหากับเธอมาเพราะว่าเธอนั้นเป็นเพื่อนบ้านที่น่ารักที่ดีคนหนึ่งเท่านั้นเอง โดยเฉพาะเรื่องของความรักที่เธอนั้นพยามที่จะพิชิตหัวใจของ ดร.ชายหนุ่มใหญ่คนนี้นั้นให้ได้ ในขณะที่ดร.ประนุพงษ์นั้นพยายามที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องเกี่ยวกับความรักด้วยเหตุผลที่เขาคิดว่าเขายังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัวในเวลานี้ ด้วยเหตุใดนั้น ด็อกเตอร์เองนั้นก็รู้ดีอยู่ในจิตใจกับสิ่งที่ผ่านๆมาในอดีต ที่เขานั้นยังคงฝังใจถึงใครคนหนึ่งที่เขานั้นรักและยังคงไม่ลืมเธอคนนั้นได้เลย
“ฮัลโหลคุณปองนภาครับ คุณปองยังฟังผมพูดอยู่รึเปล่าครับ“ เสียงเรียกแว่วๆดังลอดผ่านโทรศัพท์ออกมาในระหว่างที่เธอนั้นกำลังคิดอยู่ว่าจะพูดอวยพรวันเกิดวันนี้ให้กับ ดร.ประนุพงษ์เขาดีรึเปล่านะ แล้วเธอก็พูดตอบเขามาว่า “ออ ฟังๆอยู่ค่ะดร.” ดร.หนุ่มใหญ่ถามเธอต่อไปอีกว่า “ตกลงคุณปองไม่มีธุระอะไรกับผมแน่นะครับที่โทรมานี่นะ นั้นก็โอเคนะครับเดียวผมขอตัวทำงานที่ค้างไว้บนโต๊ะนี้ต่อนะครับ” ก่อนที่เขาจะว่างโทรศัพท์ลงเสียงของปองนภาก็พูดรอดผ่านหูโทรศัพท์ออกมาได้ยินแว่วๆว่า “ดร.ค่ะเดี๋ยวก่อนค่ะ อย่าเพิ่งว่างสายนะคะ” เขาได้ยินเสียงเธอดังรอดออกมาแว่วๆ ดร.รีบเอาโทรศัพท์กลับขึ้นมาแนบที่หูอีกครั้งหนึ่งทันทีแล้วพูดตอบเธอไปว่า “คุณปองมีอะไรอีกรึครับผมฟังอยู่ครับ” แล้วปองนภาก็พูดตอบเขาไปแบบเบาๆว่า “แฮปปี้เบิดร์เดย์ค่ะ ดร.” ดร.ประนุพงษ์ทำหน้าแบบงงงง และก็สงสัยเธอบ้างละคราวนี้ก่อนที่จะถามเธอนั้นออกไปว่า
“นี่คุณปองกำลังล้อผมเล่นอะไรรึครับนี่ ผมงงงงไปหมดแล้วละ คุณปองอย่าบอกผมอีกนะว่า วันนี้ เป็นวันเกิดของผมนะ ฮึฮึฮึ คุณนี่ขี้เล่นจริงๆเลยนะครับ” ปองนภานิ่งเงียบไปนิดหนึ่ง ก่อนที่จะพูดกับเขาออกไปใหม่ว่า "วันนี้ วันที่ 19 กันยายน คุณลองดูปฎิทินสิค่ะว่าใช่วันเกิดของคุณรึเปล่าค่ะ ถ้าปองนั้นจำไม่ผิดก็คงจะใช่นะค่ะ”
ดร.หนุ่มหันไปมองปฎิทินที่แขวนไว้ทีประตูห้องแล้วก็จ้องมองไปที่ วันที่ เดือน และปี เห็นว่าวันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ ที่19 กันยายน- ซึ่งมันก็ตรงกับวันคล้ายวันเกิดของเขาพอดี ตรงกับที่ปองนภานั้นบอกกับเขาเมื่อสักคู่นี้จริงๆว่าวันนี้วันเกิดของเขาพอดี ตัวดร.หนุ่มใหญ่นั้นลืมไปเลยว่าเขาเองนั้นเคยมีวันเกิดกับเขาด้วยเพราะว่าเขานั้นไม่ได้สนใจกับวันเกิดของตัวเองนั้นมาเป็นเวลานานมากแล้วนับตั้งแต่ที่มีใครคนหนึ่งนั้นเคยให้ความสำคัญและสนใจกับวันเกิดของเขาอยู่ทุกๆปีในอดีตที่เคยผ่านมา เธอคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนก็คือคนรักของเขาเมื่อในอดีตนั้นเอง "จูน” (เสาวลักษณ์ ศิวกานนท์ ณ.คร) ลูกสาวนายทหารยสนายพลคนหนึ่ง เธอเป็นหญิงคนรักของ ดร. หนุ่มใหญ่คนนี้มื่อในอดีตที่ผ่านมาเนินนานมากแล้วนั้น...
และแล้ว ภาพแห่งความทรงจำเก่าๆในอดีตบวกกับบรรยากาศเก่าๆในเวลานั้นตอนค่ำๆของคืนวันหนึ่งเมื่อในอดีตนั้นได้ผุดขึ้นมาจากความทรงจำของดร.หนุ่มใหญ่ในเวลานี้ “นุค่ะ วันนี้จูนมีอะไรจะให้นุด้วยค่ะ แต่นุต้องรับปากกับจูนก่อนว่านุจะต้องหลับตาก่อนนะค่ะ” ประนุพงษ์ทำหน้าสงสัยและงงงงมาก ก่อนที่จะพูดบอกกับเธอไปว่า “จูนคุณกำลังล้อเล่นอะไรกับผมอีกละนี่ คุณจะแกล้งเอาอะไรมาให้นุอีกละ555 จะให้นุนั้นตกใจใช่ไหมละ นุรู้ทันจูนนะ 555 อย่าดีกว่าไหนๆเอามาให้นุดูซะดีๆนะ 555” หญิงสาว เธอ จากที่กำลังยิ้มๆอยู่อย่างมีความสุขเธออยากจะสนุกและคิดว่าจะเซอร์ไพร์ชายหนุ่มคนรักของเธอนั้นให้ประทับใจซะหน่อย แต่ชายหนุ่มนั้นกับมาพูดแบบนี้ทำลายความตั้งใจและอยากจะเซอร์ไพร์ของเธอลงไปกลางคัน เธอถึงกับนิ่งเงียบเฉยและหน้างอลงไปทันที
ประนุพงษ์เห็นจูนเงียบไปไม่พูดไม่จ่าและไม่เล่นเหมือนเมื่อสักครู่นี้เลย เขาเกิดความสงสัยจึงถามสาวคนรักออกไปว่า “จูน จูน คุณเป็นอะไรไปละ ทำไมถึงนิ่งเงียบไปละทำไมทำหน้างอละ นุทำอะไรผิดพูดอะไรไม่ดี ออกไปหรือจ้ะจูน” หญิงสาวยังคงทำหน้านิ่วนิ่งไปอีกประนุพงษ์ก็พูดอ้อนเธอต่อไปอีกว่า “จูนถ้างันนุขอโทษจูนนะนะครับ” หญิงสาวยังคงทำหน้านิ่งอยู่ดี และเขาก็พูดต่อไปว่า “ถ้านุพูดอะไรไม่ดีไปนุขอโทษจริงๆนะจูนนะ จูนอย่าโกรธนุนะ เอา ก็เอาจูนจะให้นุหลับตานุก็จะหลับจะเล่นอะไรกับนุ นุก็ย่อมแล้วละ ขอเพียงอย่างเดียวจูนอย่าโกรธนุเลยนะครับ เท่านั้นนุก็พอใจแล้วละ นุจะไม่ขออะไรจูนมากไปกว่านี้อีกแล้วละ” หญิงสาวค่อยเลิกตามองดูชายหนุ่มที่พรำพรรณาไปต่างๆนาๆจนอดแอบยิ้มและขำเขานิดๆก่อนที่จะพูดกับเขาออกมาว่า “จริงนะค่ะ ที่นุพูดมานิ ให้ทำอะไรก็ต้องทำนะ” ชายหนุ่มรีบพูดตอบรับพยักหน้ารับเธอไปทันที่ “จ้ะจริงๆจ้ะ จริงๆๆจ้ะยอมทุกอย่างเลยละจ้ะ ด้วยหัวใจดวงน้อยๆของข้าน้อยคนนี้เลยขอรับแม่หญิงท่าน” “บ้า นุบ้า อายนะนี่ ทำพูดดีไปเถอะนะ”
หญิงสาวยิ้มให้กับความทะเล้นหน้าตายของเขาก่อนที่จะบอกกับเขาให้เขาหลับตา “นั้นนุก็ต้องหลับตาอย่างที่บอกไว้ห้ามแอบดูด้วยจริงๆไม่งันยกเลิกคำที่พูดออกมาเมื่อตะกี้นี้ทั้งหมดเลยจริงๆด้วยนะค่ะ” ชายหนุ่มไม่ยอมก็ต้องยอมเพราะได้พูดสัญญากับเธอออกไปแล้ว และไม่รู้ว่าสาวคนรักนั้นจะทำอะไรกับเขาก็ต้องปล่อยให้เธอนั้นทำไปแม้ว่าจะเสียวๆอยู่บ้าง ว่าเธอจะแกล้งเล่นอะไรกับเขาก็ช่างเพราะว่าเธอเคยแกล้งเขาเสมอๆแบบไม่รู้ตัวแบบนี้บ่อยๆ แล้วเธอก็บอกกับเขาอีกต่อไปว่า “นุหลับแล้วใช่ไหม” ชายหนุ่มตอบมาเบาๆว่า “หลับแล้วขอรับนายหญิง” “ดีมาก เอาละ ที่นี้ ก็ค่อยๆยืนมือออกมาอย่างช้าๆด้วย” ชายหนุ่มทำตามที่เธอนั้นบอกแบบกล้าๆกลัวๆแต่ก็ยอมที่จะยื่นมือให้เธอยอมทำตามที่เธอนั้นบอกทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเธอนั้นจะให้อะไรหรือล้อเล่นอะไรกับเขาในเวลานี้
ไม่นานในความรู้สึกของชายหนุ่มเหมือนมีสิ่งของบางอย่างที่ห่อหุ้มด้วยกระดาษอย่างดีเหมือนมีโบว์ผูกติดไว้มาอยู่ในมือที่เขากุมไว้และตอนนี้ก็กุมหอนั้นไว้ทั้งสองข้าง เขาอยากจะเปิดตาเพื่อมองมันจังเลยแต่ก็ทำไม่ได้เพราะยังไม่ได้รับอนุญาตจากหญิงคนรักเลย แล้วเสียงของหญิงสาวก็บอกให้เขานั้นค่อยๆลืมตาขึ้น
”เอาละค่ะนุค่อยๆลืมตาขึ้นได้แล้วละ” มันเหมือนคำสั่งจากสวรรค์ที่เขาอยากจะทำอย่างมากเลยในเวลานั้นแล้วเขาก็ค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วก็มองไปที่มือของตัวเอง เห็นห่อกระดาษของขวัญรูปหัวใจเล็กๆเต็มไปหมดที่ห่อมีโบว์ผูกไว้อย่างดี ประนุพงษ์ ทำหน้างงงงแบบสงสัยแล้วมองหน้าจูน ก่อนที่จะถามจูนออกไปเบาด้วยความสงสัยว่า “จูน...นี่...มันอะไรครับนี่นุงงไปหมดแล้ว” หญิงสาวยิ้มแล้วบอกกับเขาให้รีบแกะห่อ “อย่าเพิ่งพูดและถามอะไรเลยค่ะรีบๆแกะดูก่อนสิคะ” ชายหนุ่มค่อยๆบรรจงแกะห่อกระดาษออกอย่างละเมียดละไมที่ละน้อยเพื่ออยากรู้ว่าข้างในนั้นมีอะไรอยู่
กระดาษถูกแกะออกประนุพงษ์เห็นข้างในกระดาษที่ห่อแล้วว่าเป็นกอบรูปขนาดไม่ใหญ่มากนักภายในมีรูปภาพของเขาและเธอนั้นนั่งสวีทคู่กันอยู่บนโขดหินริมทะเล เธอตบแต่งภาพได้น่ารักมากดูเก๋ไก๋เป็นอย่างดี ปะนุพงษ์มองดูภาพนี้แล้วเขาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ว่าเป็นวันที่เขาและเธอนั้นไปเข้าฉากถ่ายทำละครเรื่องหนึ่งด้วยกันที่ริมทะเลชายหาดชะอำและวันนั้นเขานั่งอยู่กับเธอที่โขดหินแห่งนั้นมีเพื่อนตัวประกอบละครด้วยกันแอบมาทางด้านหลังแล้วบอกให้เขาและเธอนั้นหันหน้ามาแล้วแอบถ่ายรูปเขากับเธอไว้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจูนนั้นจะได้รูปถ่ายนี้มาได้ “อึ้งๆเลยใช่ไหมละค่ะนุอิอิอิ” “จูนนี่คุณได้รูปนี้มาได้อย่างไงกันละวันนั้นพี่เปี๊ยกเขาถ่ายไว้แต่เขาไม่ได้ให้เรามานิ” “อิอิอิ ฝีมือจูนซะอย่างค่ะนุ จูนไปขอพี่เปี๊ยกเขามาเพราะว่าจูนนั้นบอกเขาว่า จูนจะเอาไปใส่กรอบแล้วให้เป็นของขวัญวันเกิดกับใครคนหนึ่งในวันนี้ค่ะ แฮ้ปปี้เบิรด์เดย์ค่ะนุ”
“แฮปี้เบิรด์เดย์”....คำ คำนี้ทำให้ประนุพงษ์ทำหน้าอย่างงงงงก่อนที่จะถามจูนออกไปว่า “จูนวันนี้เป็นวันเกิดของผมหรือครับนี่” จูนยิ้มๆและก็ทำท่าพยักหน้าตอบให้เขารู้ว่าใช่ก่อนที่เธอจะพูดออกมาอีกว่า “ใช่ค่ะ วันนี้วันเกิดของนุไงละค่ะ นุสงสัยอะไรรึค่ะนี่” ประนุพงษ์ถามเธอไปว่า “คุณรู้ไหม ว่าผมนั้น ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำไปเลยว่าวันนี้นั้นเป็นวันเกิดของผม เพราะผมนั้นไม่เคยสนใจกับวันเกิดของตัวเองเลยจริงๆครับ" "จริงเหรอค่ะนี่" "ใช่ครับ ออ แล้วคุณไปเอาวันเกิดของผมมาจากไหนกันละครับนี่” จูนยิ้มๆทำหน้าระรื่นเหมือนทำให้ประนุพงษ์นั้นแปลกใจเธอแล้วสงสัยเธอได้ก่อนที่เธอจะพูดปนยิ้มๆออกมาว่า “งงงงอีกแล้วใช่ไหมละคะนี่ว่าจูนรู้วันเกิดของนุได้อย่างไงใช่ไหมละ คริคริคริ” หญิงสาวยิ้มๆทำหน้าระรื่นทำให้ประนุพงษ์นั้นสงสัยเข้าไปใหญ่ว่าเธอนั้นรู้วันเกิดของเขามาได้อย่างไรกัน ทั้งๆที่เขาเองนั้น ก็ยังจำวันเกิดของตัวเองไม่ได้เลยจริงๆ
แล้วเขาก็ถามย้ำเธอไป คุณไปเอาวันเกิดของผมมาจากไหนกันครับนี่” “จูนซะอย่างค่ะจูนบุกไปค้นหาที่อำเภอเลยค่ะนี่.ฮิฮิฮิฮิ” แล้วเธฮก็พูดต่อไปว่า “ฮิฮิฮิ อะ!! ล้อเล่นคะคริคริ ไม่ใช่หรอกคะ จูนไปขอกับคุณแม่ของนุมาค่ะ ท่านน่ารักมากเลยอุตสาห์ไปหาวันเดือนปีเกิดของนุเอามาให้หมดเลยค่ะ”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง คุณนี่ไม่เบาเลยนะจูน ฮึฮึฮึ เล่นเข้าหาผู้ใหญ่นี่เองหวังเปิดประตูหน้าบ้านใช่ไหมละ 5555” จูนฟังเขาพูดกำลังยิ้มๆอยู่ก็เปลี่ยนเป็นหน้าบึ้งคิ้วขมวดทันทีก่อนที่จะพูดตอบไปทันที่ว่า “บ้า!!คนบ้า เดี๋ยวเถอะนุนี่ทำเป็นพูดไปนะ”
“อิอิอิ นุก็ล้อจูนเล่นเหมือนกันนะ ฮาฮาฮา หายกันแล้วนะ ฮาฮาฮา” ชายหนุ่มหัวเราะขำเธอในขณะที่หญิงสาวนั้นก็อดยิ้มตอบมาหาเขาไม่ได้เพราะความทะเล้นของเขานี่ละที่ค่อยมัดใจเธอไว้เสมอ
และแล้วเขาก็ค่อยๆหยุดหัวเราะสายตาจ้องมองสายตาเธออย่างลึกซึ้ง แล้วเขาเอามือของเขานั้น จับและกุมมือของเธอไว้ แล้วค่อยๆยกมือของเธอเอาขึ้นมากุมไว้ที่หน้าอกของเขาก่อนที่จะค่อยๆเลือนมือของเธอออกไปบรรจงจูบเบาๆลงไปที่หลังมือของเธอ สายตาของหญิงสาวในเวลานั้นเมียงมองการกระทำของเขาตลอดเวลาจนเธอนั้นหน้าแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจน ดวงตาของประนุพงษ์จับจ้องมองดวงตาของสาวคนรักอย่างไม่กระพริบ จนเธอนั้นแทบจะหลบสายตาของเขาไป แต่เธอก็ไม่ทำเพราะใจเธอนั้นคงไม่ยอมแน่ๆ
ทั้งคู่จดจ้องมองตากันอยู่เป็นเวลาหนึ่งนาทีอย่างไม่กระพริบสายตากันเลยในเวลานี้ แล้วประนุพงษ์ก็ค่อยๆขยับตัวเข้าหาเธอก่อนที่เธอจะเอียงอายแล้วเมินหน้าหนีเขาไปอีกทาง แต่ประนุพงษ์ก็เอามืออีกข้างรีบจับคางเธอไว้เบาๆก่อน ก่อนที่เธอจะเบือนหน้าอายหนีเขา พร้อมกับจ้องมองตาเธออย่างไม่กระพริบแล้วส่ายหน้าเขาไปมาเหมือนกับบอกเธอว่าไม่ให้เมินหน้าหนีตาของเขาไปไหนเขาค่อยๆก้มหน้าลงไปหาริมฝีปากที่บอบบ้างของเธออย่างช้าๆ จนจนสันดั้งจมูกที่โด่งเรียวคมชนเข้ากับดังจมูกของเธอริมฝีปากของเขาและของเธอนั้นเกือบจะติดกันแล้วในอีกไม่ถึงวินาทีนี้เอง....
และแล้ว...เขาก็บรรจงจูบลงไปที่ริมฝีปากบางๆของเธอเบาๆหนึ่งที่ก่อน แล้วก็เลือนริมฝีปากของเขาออกจากเธอนิดหนึ่ง แล้วก็พูดเบาๆกับเธอออกมาว่า “จูน ผมรักคุณ” หญิงสาวแววตาที่เปล่งเป็นประกายแวววาวมองตาของชายหนุ่มคนรักดุจดังพญาอินทรีที่กำลังจ้องมองตาเธออยู่อย่างลึกซึ้งในเวลานี้ แล้วเขาก็บรรจงจูบลงไปอีกที่ริมฝีปากของเธออีก จนเธอนั้นตาเหม่อลอยดูอ่อนเรี่ยวแรงลงไปอย่างเห็นได้ชัดเจน เธอปล่อยกายให้เขาทำ เธอไม่นึกเลยว่าคราวนี้ประนุพงษ์นั้นจะจูบเธอจริงๆ หลังจากที่เขานั้นเคยจะพยามจะทำอย่างนี้มาหนึ่งครั้งแล้ว และเขาก็ไม่ทำ แต่คราวนี้เขาทำและทำจริงๆด้วย เขาทำให้เธอนั้นได้รับรู้ถึงการโดนจูบว่าเวลาที่โดนชายจูบนั้นทำให้จิตใจของเธอนั้นไหวหวั่นไปทั่วร่างกายเมื่อโดนจูบซึ่งเธอนั้นไม่เคยโดนชายใดนั้นจูบมาก่อนเลย...
แล้วเธอก็เผลอใจพูดกับเขาออกมาเบาๆว่า “นุค่ะจูนก็รักนุค่ะ จูนรักนุมากด้วยค่ะ” ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นเขายิ่งหักห้ามใจตัวเองไม่ได้อีกต่อไปแล้วเขาทำรุกเล้าโลมฝ่ายหญิงต่อไปอย่างต่อเนื่องและเมามัน จนลืมไปว่าเขากำลังเกินเลยขอบเขตของคนที่รักกันในวัยเรียนจนเกินไปแล้ว หญิงสาวยอมให้เขาทำเช่นนั้นเพราะว่ารักเขามาก แต่แล้วเหมือนมีอะไรบางอย่างมาบอกเตือนใจเธอว่า “ลูกเอย แม่อยากเห็นลูกของแม่รับปริญญา” “ใช่ ลูก และวันนั้นพ่อก็ภูมิใจในตัวลูกมากเลยละฮึฮึฮึ”
ความรู้สึกของเธอนั้นเหมือนมีสปริงดีดทำให้เธอนั้นชุกคิดและก็ได้สติ เธอจึงพยามจะพูดกับชายหนุ่มคนรักนั้นออกมาว่า “นุค่ะ อื้ออื้ยๆ นุค่ะอย่าค่ะ” หญิงสาวพยามจะบอกอะไรกับเขาแต่ประนุพงษ์ก็ไม่ปล่อยให้เธอนั้นพูดออกมาเพราะริมฝีปากของเขานั้นประกบเข้ากับริมฝีปากของเธอไว้โดยไม่ยอมเปิดโอกาสให้เธอนั้นได้พูดเลยในเวลานี้ ครั้งนี้คงจะไม่เหมือนกับครั้งก่อน ที่เขาไม่ยอมจูบเธอ แต่ครั้งนี้เขาก็จูบเธอจริงๆและไม่ปล่อยให้เหมือนกับเมื่อครั้งก่อนที่อยู่ในดิสโก้เทคเหมือนครั้งที่แล้วแน่ๆ ตอนนี้เขาคิดว่าเขาไม่ได้ฉวยโอกาสรังแกเธอเลย แต่เธอนั้นเต็มใจยอมให้เขานั้นทำ และทำด้วยความเต็มใจที่ใจของเขานั้นต้องการและพร้อมที่จะมอบให้กับสาวคนรักในวันเวลานี้จนกระทั้ง
จูนพยามจะบอกและห้ามนุไม่ให้ทำอะไรเธอไปมากกว่านี้ แต่ประนุพงษ์เหมือนกับหูอื้อเขากำลังจะเกินเลยไปอีกขั้นหนึ่งนอกเหนือจากการจูบกันธรรมดาเฉยๆ จูนตั้งสติได้อีก พยายามจะเอามือเหนียวรั้งประนุพงษ์ไม่ให้ทำอะไรมากเกินไปกว่านี้อีกแต่ก็สู้แรงที่แข็งแรงอย่างประนุพงษ์ไม่ไหวจนเธอนั้นอ่อนเรียวแรงลงไปอีกเหมือนเธอนั้นอยากจะร้องไห้ เธอพยามจะบอกอะไรแก่ประนุพงษ์แต่เขาไม่ฟังเธอเลยนี่เขารักเธอมากจนหน้ามืดไปเลยรึนี่ แล้วลมหายใจของจูนนั้นก็เริ่มหอบแรงและแรงถี่ขึ้น ถี่ขึ้นเรื่อยๆเป็นจังหวะๆในขณะที่ริมฝีปากเธอนั้นยังคงถูกประกบติดสนิทเข้ากับริมฝีปากของประนุพงษ์ตลอดเวลา มือของเขานั้นเกนี่ยวรั้งมือของเธอไว้แน่นมาก เสียงขอของเธอพยามเล็ดรอดออกมาบาๆฟังได้ศัพท์บ้างไม่ได้ศัพท์บ้างว่า
“นุค่ะ นุค่ะ นุนุนนนน!!! ฮื้อออ!! พอก่อนเถอะค่ะ จูนเหนื่อยแล้วนะนุ โอย!! นี่เรากำลังจะเลยเถิดกันไปใหญ่แล้วนะค่ะนุ นุฮื้อๆๆๆ จูนขอร้องเถอะนะนุฮื้อๆๆ”
ชายหนุ่มกำลังอยู่ในอารมณ์รักอย่างต่อเนื่องและก็พยามจะทำต่อไปให้ถึงที่สุดสู่จุดมุ่งหมายของใจและก็คงไม่ได้ฟังที่เธอนั้นพูดเท่าไหร่เลย มือของเขาพยามที่จะซอกไซ้เพื่อจะปลดอาภรณ์ของเธอนั้นออกให้ได้ “นุค่ะ!! เรายังเรียนกันอยู่นะค่ะ นุนุไม่นะนุ ไม่นะค่ะ อย่าทำแบบนั้นเลยนะนะ! นุนะ โอ๊ย!!! นุอย่าทำแบบนี้สิ!!! ฟังจูนพูดบ้างสิค่ะนุนนนน!!! ฮื้อออๆๆ”ชายหนุ่มกำลังได้ฟิวส์ และไม่ได้ฟังที่เธอนั้นพูดขอร้องออกไป
และแล้ว...เขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอนั้นสะอึกสะอื้นออกมาเบาๆ ทำให้เขานั้นหยุดนิดหนึ่งและฟังเสียงร้องไห้เขาค่อยๆยกตัวเองยันตัวขึ้นนิดหนึ่งแล้วหันไปมองหน้าของเธอเห็นเธอนั้นร้องไห้ตาแดงสะอึกอื้นอย่างไม่หยุด เขาเริ่มคิดได้และได้สติขึ้นมาแล้วก็ตั้งสติได้แล้ว เมื่อนึกได้ว่าตัวเองนั้นกำลังทำอะไรลงไปในเวลานี้ ทำให้ใจเขานั้นเหมือนมีเบรกอย่างดีมาหยุดการกระทำของตัวเขานั้นลงทันที ก่อนที่การกระทำนั้นกำลังจะเลยเถิดไปกันใหญ่
แล้วประนงพงษ์ก็อุทานบ่นกับตัวเองขึ้นมาทันทีว่า “โอ้!!...จูน นี่นุกำลังทำอะไรลงไปนิ จูนนุ นุขอโทษนะ นุขอโทษจูนจริงๆ ทำไมนุถึงเป็นคนแบบนี้ ทำไมห้ามใจตัวเองไม่ได้นะ นุขอโทษ” ชายหนุ่มรีบพละร่างตัวเองนั้นออกจากเธอทันทีแล้วเดินกุมศีรษะไปนั่งที่เก้าอี้ที่โต๊ะดูเขาเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจน...หญิงสาวเห็นชายหนุ่มคนรักนั้นเดินพละไปนั่งที่เก้าอี้ที่โต๊ะเธอค่อยลุกขึ้นแล้วดึงเสื้อที่หลุดจากไหล่เธอขึ้นแล้วติดกระดุมสองสามเม็ดใส่ไว้ตามเหมือนเดิม ก่อนที่เธอจะเดินตรงไปหาชายคนรักที่นั่งกุมศีรษะตัวเองนั้นอยู่....
“นุค่ะ” ชายหนุ่มได้ยินเสียงเรียกของเธอ เขาค่อยๆเอามือที่กุมศรีษะไว้ลงแล้วค่อยๆเบื่อนหน้ามามองเธอ ก่อนที่เขาจะพูดแต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร จูนสาวคนรักก็เอามือมาปิดไว้ที่ปากเขาไว้แล้วส่ายหน้าไปมาบงบอกว่าไม่ให้เขาพูดอะไรในเวลานี้ ประนุพงษ์มองหน้าเธอเห็นแววตาของเธอนั้น มันบงบอกถึงอะไรบางอย่างที่เธอนั้นสื่อถึงเขาในเวลานี้ เธอยิ้มเหมือนกับจะมีน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความปราบปลื้มใจที่เขานั้น สามารถระงับจิตใจตัวเขาเองได้ และไม่กระทำสิ่งที่เกินเลยนั้นลงไป แล้วจูนสาวคนรักก็โผเข้าไปกอดเขาไว้ด้วยความรักกับความสุขใจที่เธอนั้นมีให้กับเขา ประนุพงษ์เองก็รู้สึกดีขึ้นมามากและคิดว่าเขาโชคดีที่ไม่ทำอะไรเธอลงไปในเวลานั้นมันอาจเป็นตราบาปที่ติดตัวเขาไปเป็นแน่แท้ที่ทำอะไรเธอในเวลาที่ไม่เหมาะไม่ควรนั้นลงไป และแล้วทั้งเขาและเธอนั้นต่างอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันประนุพงษ์เอามือลูบศรีษะลูบผมเธอไปมาเหมือนเขาจะมีน้ำตาไหลออกมานิดๆปะป่นกับรอยยิ้มที่สุขใจในเวลานี้ขึ้นมา มันช่างเป็นวันเกิดของเขาที่เขานั้นเกือบจะฉลองและผิดพลาดใหญ่หลวง แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยดี....
ดร.ประนุพงษ์กำลังนั่งนึกถึงเรื่องราวเก่าๆในอดีตกับวันเวลาในวันเกิดของเขาในวันนั้นอยู่ แต่หารู้ไม่ว่า ในมือของตัวเองนั้นกำลังถือหูโทรศัพท์ไว้ และในสายที่ถืออยู่นั้น มีเสียงของใครคนหนึ่งที่เขานั้นคุยค้างไว้อยู่กำลังส่งเสียงเรียกเขาอยู่ในเวลานี้ “ฮัลโหลๆๆ ดร.ค่ะ ดร.ค่ะ ดร.เป็นอะไรไปค่ะนี่ ทำไมเงียบหายไปเฉยๆละค่ะนี่ ดรค่ะ” แล้ว...เสียงที่เรียกผ่านสายโทรศัพท์นั้นก็มาปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเขาขึ้นมาในเวลานี้เสียงเรียกของหญิงสาวที่กำลังถือสายโทรศัพท์เพื่อรอสายตอบจาก ดร.หนุ่มใหญ่คนนี้อยู่ เธอเรียกเขาอยู่ตลอดเวลาเมื่อเห็นว่าไม่มีเสียตอบและนิ่งหายไป ชั่วครู่หนึ่ง ก็ทำให้เขานึกขึ้นมาได้และกลับคืนจากห่วงภวังค์แห่งความนึกคิดนั้นทันที
”เออ เออ คุณ คุณปองครับ ผมผมพูดอยู่ครับ” หญิงสาวได้ยินเสียงตอบกลับมาเธอ ถอนหายใจยาว และรู้สึกโล่งใจมากเลยที่ ดร.นั้นส่งเสียงตอบกลับมาเพราะเธอกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไปเพราะอยู่ๆเขาก็เงียบเสียงหายไปเฉยๆชั่วระยะเวลาหนึ่ง “โอ เฮ้ออออ!! โลงอกจังเลยค่ะปองดีใจที่ได้ยินเสียงคุณตอบกลับมา ปองนึกว่าดอกเตอร์เป็นอะไรไปซะอีกค่ะ”
ชายหนุ่มได้ยินเธอพูดเช่นนั้นก็รู้สึกผิดที่ทำให้เธอนั้นถือสายรอเขาอยู่นานโดยที่ไม่ได้พูดตอบเธอไปเพราะอะไรนั้นเขารู้อยู่แก่ใจตัวเองดีจึงพูดตอบเธอกลับมาว่า “คุณปองครับ ผมขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณถือสายรออยู่นานเลยนะ เมื่อกี้ผมคิดถึงและนึกถึงอะไรบางอย่างไปหน่อย ขอโทษคุณจริงๆด้วยนะครับ” หญิงสาวฟังน้ำเสียงของเขาแล้ว เหมือนว่าเธอนั้นจะเข้าใจเขา เขาอาจมีอะไรให้คิดขึ้นมาในเวลานั้นก็เลยไม่ได้ติดใจอะไรเขาแค่เขาตอบกลับมาเธอก็รู่สึกดีใจแล้วละ “ไม่เป็นไรค่ะ แค่ด็อกเตอร์ส่งเสียงตอบมาปองก็ดีใจแล้วละค่ะ คิคิคิ นึกว่าจะต้องบุกเข้าไปพังประตูบ้านคุณและเข้าไปช่วยคุณซะแล้วไมละ ฮาฮาฮา” หญิงสาวพูดติดตลกหัวเราะไปด้วย ดอกเตอร์หนุ่มใหญ่ก็อดยิ้มออกมาให้กับคำพูดของเธอนั้นไม่ได้จริงๆ ก่อนที่เขาจะพูด บอกกับเธอนั้น ออกไปว่า
“คุณปองครับขอบคุณมากนะครับสำหรับคำว่า “แฮบปี้เบิดร์เดย์นี้สำหรับผมครับ” “ อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะด้วยความยินดีค่ะ คิคิคิ” แล้วดร.หนุ่มก็ถามเธอต่อไปอีกว่า “เอ๋ แล้วนี่คุณปองรู้ได้อย่างไรครับว่าวันนี้วันเกิดของผมละครับนี่ ผมแค่สงสัยเท่านั้นเองละครับฮึฮึฮึ” หญิงยิ้มๆแล้วรีบพูดสวนตอบเขากลับมาแบบให้เขาคิดว่า “อยากรู้จริงๆรึค่ะ เอาอย่างนี้ไหมค่ะ วันนี้ตอนค่ำๆคุณว่างไหมค่ะ ปองมีอะไรจะให้คุณค่ะ” พูดจบเธอก็ยิ้มนิดๆ แล้วดร.ก็พูดออกมาว่า เดี๋ยววันนี้ ตอนบ่ายผมกะว่าจะไปหาคุณแม่ที่บางบัวทอง ผมไม่ได้ไปหาท่านเกือบเดือนแล้ววันนี้ก็เป็นวันเกิดของผมด้วยผมคิดว่าผมจะไปเซอร์ไพร์คุณแม่หน่อย”
“ดีค่ะ ปองว่า ปองเห็นด้วยค่ะ ดร.ควรจะไปหาคุณแม่บ้างนะค่ะคุณแม่ของดร.ท่านก็คงจะคิดถึงดร.เหมือนกันค่ะ” หญิงสาวพูดออกมาอย่างนี้เหมือนใครบางคนที่เคยบอกเขาไว้เหมือนกันแต่เขาก็พยามจะไม่นึกถึงเจ้าของคำพูดนั้นอีกในเวลานี้เดียวจะเพลินไปอีก จึงพูดกับปองนภาไปว่า
“เออ เออ คุณปองครับ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว คุณปองนั้นว่างไหมครับวันนี้ ตอนบ่ายๆ ผมอยากจะชวนคุณไปเยี่ยมหาคุณแม่ผมด้วยกันครับ แต่ถ้าคุณไม่ว่างก็ไม่เป็นไรครับ” ในใจของหญิงสาวนั้นเธอตอบรับเขาไปตั้งแต่ยังไม่เอยชวนตั้งนานแล้ว แต่ในเมื่อเธอนั้นเป็นผู้หญิงมั่นคงหนึ่ง เธอก็ต้องมีเล่นตัวกันบ้างสิเดี๋ยวเขาจะคิดว่าเธอนั้นง่ายไปหน่อยชวนแค่นี้ก็ไปแล้ว เธอจึงพูดตอบเขาไปว่า “ด็อกเตอร์ค่ะ จะดีรึค่ะ ปองเป็นผู้หญิง แล้วอีกอย่าง คุณแม่คุณจะเข้าใจผิดได้นะค่ะ” หญิงสาวพูดจบก็แอบยิ้มๆให้กับตัวเองเอามือปิดปากให้เขานั้นมีทางออกกับคำพูดของเธอเอาใจเธอลุ้นฟังไปด้วยอย่างใจจดใจจ่อ เวลาเช่นนี้ที่เธอนั้นอยากจะออกไปกับเขาสองต่อสองนั้นมันหาได้อยากมาก แล้วเขาก็ชวนด้วยแล้วโอกาสมาถึงแล้วจะปล่อยให้หลุดไปได้อย่างไรกันละนี่ แต่ว่า ดร.เขาจะว่าอย่างไงต่อไปนะ ตัวเองก็ใจไม่ดี ดันพูดไปแบบนั้นทำไมกันนะ เธอนึกแล้วก็โมโหตัวเองที่พูดแบบนั้นออกไปทำไมนะ “คุณปองครับ...คุณปองครับ” “เอะๆว่าไงค่ะ ค่ะฟังอยู่ค่ะ”
“อืม ผมคิดแล้วคิดอีกว่า ที่คุณพูดมานั้นมันก็ถูกนะครับ” แล้วอกเตอร์ก็นิ่งเหมือนกับใช้ความคิดอยู่ ส่วนปองนภารู้สึกหน้าจ๋อยๆขึ้นมาทันทีสงสัยคงจะแห้วแน่ๆเลยเธอเองก็ทำใจไว้บ้างแล้วที่ดันพูดออกไปอย่างนั้นนี่ แล้วเสียงของดร.ก็พูดต่อไปว่า “แต่ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะอธิบายให้คุณแม่ฟังเองครับว่าคุณเป็นใครครับ ผมขอร้องเถอะนะ คุณไปเป็นเพื่อนผมหน่อยนะครับ นะครับนะ” ปองนภารู้สึกอยากระเบิดความดีใจหัวเราะออกมาให้มันดังๆ แล้วเธอก็พูดตอบเขาไปว่า “ค่ะ เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ดร. ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวตอนบ่ายเราเจอกันนะค่ะขอปองเตรียมตัวหน่อยนะค่ะ”
ธอพูดจบก็ยิ้มๆแล้วก็พูดในใจว่า”yes!!” แล้วดร.หนุ่มก็พูดตอบมาอีกว่า “ขอบคุณมากนะครับคุณปอง ผมดีใจครับที่คุณรับปากผมว่าจะไปกับผมนะครับ ออ แล้ววันนี้ขากลับผมจะพาคุณไปหาอะไรทาน เพื่อเป็นการเลี้ยงฉลองวันเกิดให้กับตัวเองที่ลืมมันไปนานแล้ว แล้วจู่ๆคุณก็มาปลุกวันเกิดของผมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ตกลงไหมครับ” ปองนภายิ้มๆอายแล้วก็ตอบเขาไปเบาๆว่า “ค่ะ แล้วเจอกันนะค่ะบ่าย” เธอรีบตัดบทแล้วรีบว่าง เพื่อว่าเขาจะเปลี่ยนใจ....
ผลงานอื่นๆ ของ มิสเตอร์ ช็อกโกเเลตหย่อยจัง ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ มิสเตอร์ ช็อกโกเเลตหย่อยจัง
ความคิดเห็น