ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ISL

    ลำดับตอนที่ #5 : Item

    • อัปเดตล่าสุด 30 ต.ค. 48


    Stage 5.  Item

    (ความรู้ท่วมหัวเอาตัวให้รอด)














                   เกรกอรี่ยิงสวนด้วยอารามตกใจเมื่อนางสิงโตกระโจนเข้าหา  กระสุนเลเซอร์เพียงแค่ไหลเป็นเส้นบนผิวของมันสร้างแผลบางๆเหมือนแมวข่วน   คิดจริงๆก็คือยิงไม่เข้า!  ไหล่เขาเฉียดคมเขี้ยวนางไปนิดเดียว  เด็กหนุ่มรีบกลิ้งตัวหนีไปอีกทางพยายามล่อให้ห่างออกจากฝูงตามแผนเดิม





                   นาร์เนียวิ่งหลบกรงเล็บไปพลางเล็งไปที่คอก่อนจะตัดสินใจยิงให้โดนจังๆ  





    เปรี้ยง!





    กระสุนเลเซอร์ตรงดิ่งเข้าลำคอหนา  เลือดแดงไหลกระเซ็นออกมาพอสมควร  มันส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด  เดินซวนเซอย่างเห็นได้ชัดแต่ยังไม่ลดความดุร้ายลงแม้แต่น้อย  จุดอ่อนของเหล่าสิงโตอยู่ที่หนังอ่อนบริเวณคอนั่นเอง!





                 แซมซั่นกระโดดหลบไปมาอย่างคล่องแคล่ว  เด็กหนุ่มคาดการณ์การเคลื่อนไหวของนางสิงโตตรงหน้าได้  รูปแบบการเคลื่อนไหวที่ซ้ำๆเดิมเหมือนกับตัวละครในเกมส์ทั่วๆไป  แค่จับจุดถูกก็ไม่มีอะไรน่ากลัวมากนัก  ต่างกันเพียงเเค่เกมส์นี้ต้องใช้ตัวจริงๆเจ็บจริงๆในการต่อสู้  เขาหันไปมองเอียนซึ่งท่าทางลำบากที่สุดเพราะกำลังปะทะกับตัวที่ใหญ่ที่สุด  ดุที่สุด    







    เปรี้ยงๆ!!







                   ในที่สุดเจ้าตัวใหญ่ก็ผละห่างออกจากแม็กซ์   แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น  ยังอยู่ในระยะที่มันสามารถเข้าถึงตัวเด็กหนุ่มผมแดงก่อนเอียน  เขาเพ่งสมาธิยิงรัวไปที่คอของมัน  สิงโตหนุ่มเพียงยกขาหน้าขึ้นกันย่างสามขุมเข้ามาหาเด็กหนุ่ม  มันแผดคำรามสนั่นอย่างหงุดหงิดใจ  พลังเสียงสะท้อนไปมาในทุ่งกว้างพัดพาหญ้าเหลืองบนพื้นดินลู่เอน    





    “โอ๊ย!!” กรงเล็บตวัดปาดเอาเนื้ออ่อนบริเวณท้องเป็นแผลยาวเลือดไหลซึมทั้งๆที่เด็กหนุ่มกระโดดหลบแล้วแท้ๆ  เอียนไม่รอช้าประทับกระสุนซ้ำเข้าที่จุดอ่อนที่คอ  มันเบี่ยงตัวหลบทัน  เอียนโดนขาข้างหนึ่งปัดเสียหลักล้ม





    สิงโตหนุ่มอ้าคมเขี้ยววาวหวังขม้ำเนื้อมนุษย์!!





    “หึๆ  ฉลาดนักใช่มั้ยรู้จักปิดจุดอ่อนตัวเองนี่นะ...”  เด็กหนุ่มนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นราวกับหมดแรงกระเสือกกระสน  สีหน้านิ่งสงบคลี่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์...







    เปรี้ยงๆๆๆๆๆ!!







    “บังเอิญแกลืมจุดอ่อนสากลว่ะ” เอียนยิงกรอกเข้าไปในปากเจ้าสัตว์ร้าย  กระสุนเลเซอร์รัวทะลุหลอดคอนุ่มนิ่มระเบิดก้านสมองกระจุยเป็นชิ้นๆ  ร่างใหญ่ขาดใจล้มลงกระแทกพื้นทันทีจนเด็กหนุ่มกลิ้งตัวหลบแทบไม่ทัน  เกือบเป็นกล้วยทับแล้วมั้ยล่ะ...





    เด็กหนุ่มปัดเศษหญ้าออกจากเสื้อรุ่งริ่งของตน  “ ฉันรู้จักแกดี  แค่วิธีกำจัดทำไมจะไม่รู้”  สายตาทอดมองซากใหญ่ตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจ...





    “เฮ้ย!  หยุดเก๊กแล้วมาช่วยเพื่อนได้แล้วโว้ย!!” เกรกอรี่ตะโกนลั่น  เด็กหนุ่มอยู่รวมกับนาร์เนียซึ่งบาดเจ็บเป็นแผลเหวอะที่แขนดูอาการไม่ดี  พยายามยิงปัดป้องนางสิงโตทั้งสองไม่ให้งับเธอเพิ่มอีกแผล  “ยิงคอมันไม่ได้เลยเอียน! มันเอาขากันได้”





    “ก็ยิงที่ตาสิ” เด็กหนุ่มว่าพลางวิ่งเข้ามาไกล้นางสิงโตจนห่างกันเพียงไม่ถึงสองเมตรดึงความสนใจ  ทันทีที่มันเบนหัวมาเด็กหนุ่มก็กระหน่ำลั่นไกยิงเข้าที่ดวงตาสีทองทั้งสอง  นางสิงโตคำรามอย่างเจ็บปวดก่อนจะสิ้นใจตาย







                   เกรกอรี่เมื่อได้รับคำแนะนำก็ปฏิบัติตามทันที  ไม่นานการต่อสู้ก็จบลง  นาร์เนียทรุดลงบนพื้น  แต่ยังดีเอียนรับไว้ได้ทันก่อนจะประคองพาไปนั่งข้างๆแม็กซ์ที่ยังไม่ได้สติ  พลันเด็กหนุ่มก็นึกถึงเพื่อนอีกคนหนึ่ง...แซมซั่น...





    “แซม!  แซม!”เอียนและเกรกอรี่ลุกขึ้นมองหารอบๆ  รึว่าหมอนั่นจะเกมส์โอเวอร์ไปแล้ว !





    “ยังอยู่น่าพวก  แค่ไม่ค่อยอยากเปล่งเสียงพูดเท่านั้นแหละ...” เสียงแหบเครือแต่คุ้นเคยดังขึ้นข้างๆ  แซมซั่นเดินระหกระเหินพาร่างบาดเจ็บมาทิ้งตัวลงข้างๆแม็กซ์





    “เหนื่อยเป็นบ้าเลยว่ะ  เกมส์นี้  เล่นเอาคอแห้งเป็นผง” เกรกอรี่ครวญ





    “อย่างนี้แหละถึงจะสนุก...ฮ่ะๆ” แซมซั่นยังไม่วายพูด







                   เอียนคุกเข่าเหนือแม็กซ์ก่อนจะแบมือ  พลันปรากฎขวดทรงหยดน้ำใสแจ๋วบรรจุน้ำที่มีประกายเรืองรองท่ามกลางความแปลกใจของเพื่อนๆ  เขาเปิดจุกเทมันลงบนแผลที่แขนแม็กซ์  เมื่อหยาดน้ำสัมผัสผิวเด็กหนุ่มแผลก็หายไปในทันท่วงที  เอียนหันมาเทให้นาร์เนียบ้างและตามด้วยแซมซั่น





    “เฮ้  เดี๋ยวๆนี่นายเอามาจากไหนเนี่ย  นี่มันไอเท็มยาฟื้นชีวิตเชียวนะคงไม่ได้เก็บตกมาแหงๆ”แซมซั่นถามด้วยความงุนงง





    “เอามาจากฝูงหนูนั่นน่ะ  บังเอิญฉันไปเหยียบตัวต้นที่คอยควบคุมฝูงตายมันก็เลยสลายแล้วฉันก็เก็บได้เจ้านี่  เทียนคำสาป  ใบไม้ล่อสัตว์กับเงินเจ็ดพันกิ๊กกะไบท์” เอียนกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ  หลังจากเก็บยาฟื้นชีวิตไปแล้ว  





    “อ๋อ  อย่างงี้นี่เอง” เกรกอรี่กล่าว  ยักไหล่ไปพลางสำรวจแผลนาร์เนีย   แต่อีกหนึ่งหนุ่มหัวเขียวแซมซั่นยังรู้สึกข้องใจ  เขาเฝ้ามองเอียนที่หันไปปลุกแม็กซ์ด้วยสายตาสงสัย  ไม่มีทางหรอกที่มอนสเตอร์จะเผยจุดอ่อนให้กำจัดแบบบังเอิญๆแบบนี้    ฆ่าได้งั้นรึ?  ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงทำไมถึงทำได้ง่ายๆในช่วงที่พลัดกันสั้นๆ  แล้วทำไมถึงไม่บอกตรงๆล่ะ?  แถมหมอนี่ดูคุ้นเคยกับเกมส์ซะเหลือเกิน  ทำไม?  ทำไม?  เด็กหนุ่มคิดวนไปเวียนมาจนเริ่มปวดหัว  ถ้างั้นก็ช่างมันเถอะ...เดี๋ยวค่อยถามเมื่อไหร่ก็ได้...





    “เอ้านั่นไงไอเท็ม” ร่างสิงโตแต่ละตัวสลายหายไป  ปรากฎเป็นสิ่งของวางเรียงอยู่บนพื้น  มีทั้งถุงเงิน  รวมกับของหน้าตาประหลาดๆอีกสองสามชิ้น  





    “โอ้โห  เงินตั้งเยอะแน่ะ  สงสัยไอ้พวกสิงโตนี่จะเป็นสัตว์ที่ราคาดีพอสมควร”  เกรกอรี่รีบวิ่งไปเก็บรวบรวมพวกมันมากองตรงกลางกลุ่ม  ก่อนจะทำการแบ่งสันปันส่วน





    “เอ้า  นี่ของนาย” แซมซั่นหยิบไอเท็มที่ดีที่สุดในแต่ละชุดมาให้เอียนทั้งหมด  





    “เยอะขนาดนี้...ไม่ได้หรอก  ไม่งั้นพวกนายก็มีกันคนละนิดเดียวสิ”





    “ถ้าไม่ได้คำเตือนของนายเราก็คงเกมส์โอเวอร์ไปแล้ว  ที่สำคัญนายเป็นคนโค่นเจ้าตัวใหญ่ได้” แซมซั่นกล่าว  ยัดของใส่มือเอียน





    “พวกนาย...”





    “อา...อือ...”แม็กซ์ส่งสียงคราง  กระพริบตาสู้แสงแดดจ้า  เขาลุกขึ้นนั่งมองรอบตัวอย่างงุนงง  “แล้วสิงโตหายไปไหนแล้วล่ะ?  หนูนั่นด้วย  แล้วทำไมทุกคนถึงเสื้อผ้าเละเทะดูไม่จืดอย่างนั้นไปฟัดกับตัวอะไรมารึไง?  ฮ่าๆๆ” เจ้าตัวไม่ว่าเปล่ายังหัวเราะทรงผมแซมซั่นที่เซ็ตทุกเช้าแต่ตอนนี้ยุ่งยิ่งกว่ารังนก





    “เฮ้ย...ขอชกหน้าไอ้หมอนี่ซักทีได้มะ?”





                   เด็กๆเข้าไปในวาร์ปเปลี่ยนโซนที่ซ่อนอยู่ในหมู่บ้านชนเผ่าแอฟริกาแถวๆนั้น  พ่อค้านิโกรร่างผอมโกรกเอาแต่เสนอขายไอเท็มศาสตร์คำสาปวูดูมีลดแลกแจกแถมจนแม็กซ์ใช้เงินส่วนที่ได้รับแบ่งมาไปเกือบหมด   เด็กหนุ่มหวิดโดนแซมซั่นกับเกรกอรี่อัดด้วยความหมั่นใส้ไปหลายหนเพราะซื้อเเต่ของงี่เง่ามายังดีที่นาร์เนียกับเอียนรั้งไว้ทัน  พวกเขามุ่งหน้ากลับไปยังเมืองยอร์คเชียโดยหวังจะหาซื้อไอเท็มเสริมพลังและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ





                   เมืองยังเป็นเหมือนที่เคยเห็นมาตั้งแต่เด็ก  แต่ในครานี้จะไม่มีรถพลังแม่เหล็กหรือหุ่นยนต์มีแต่เด็กวัยรุ่นแต่งตัวประหลาดๆรวมถึงพาหนะเทียมสัตว์หรือสัตว์เดินเพ่นพ่าน  ผู้ที่เริ่มเล่นเกมส์ต้องค่อยๆเก็บเงินไปพลางเพื่อเอาไปซื้อเสื้อผ้าหรือไอเท็ม  อุปกรณ์เสริมเอง  อย่างกลุ่มเอียนที่ใส่เสื้อผ้าธรรมดาย่อมสะดุดตาผู้คนแน่นอน





    “คิกๆ แกดูเจ้าพวกนั้นสิ  เด็กเริ่มเล่นเกมส์สงสัยจะเป็นพวกบ้านนอก” กลุ่มเด็กหนุ่มไกล้ๆนินทาเสียงดังอย่างสนุกปาก  เกรกอรี่ต้องพยายามข่มอารมณ์กำหมัดแน่น  เลือดชายหนุ่มให้ตายก็หยามไม่ได้พลุ่งพล่าน  แต่ถ้ามีเรื่องกันพวกเขาที่เพิ่งเข้าเกมส์มาและมีไอเท็มเพียงน้อยนิดย่อมเสียเปรียบ  เด็กๆเดินเลี่ยงไปอีกทางอย่างช่วยไม่ได้





    จึ้ก...จึ้ก...จึ้ก...เสียงอะไรบางอย่างดังต่อเนื่องในขณะที่พวกเขากำลังเดินเรียกให้ทั้งกลุ่มมองหาต้นเสียง  





    ...แม็กซ์ก้มหน้าก้มตาไม่ดูทาง  กำลังขะมักเขม้นวุ่นวายกับบางอย่างในมือ





    “ทำอะไรน่ะ?” เอียนถาม  ตุ๊กตาผ้าตัดเย็บลวกๆมีฝอยด้ายสีแดงพันเป็นกระจุกบริเวณคอที่เกือบขาด  แม็กซ์กำลังใช้เข็มยาวสี่นิ้วจิ้มไปที่ปากของมันจนนุ่นเริ่มทะลัก





    “สาปแช่ง” เด็กหนุ่มตอบสั้นๆ





    “เหลวไหลน่าแม็กซ์  ไอเท็มพวกนี้ใช้ไม่ได้จริงหรอก  นายโดนพ่อค้านั่นหลอกเอายังไม่รู้ตัวอีก” แซมซั่นว่าพลางถอนหายใจ







    อ๊ากกกกกกกก!!...........







    เสียงคนโหยหวนดังมาจากอีกฟากถนน  ภาพที่เห็นก็คือเด็กหนุ่มที่พูดนินทาคนนั้นสะดุดหกล้มหน้ากระแทกพื้นฟุตบาท  เมื่อเงยหน้าขึ้นมาปากก็ฉีกเลือดกลบไปหมด  ถ้าเอียนมองไม่ผิดเขาเห็นฟันหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นหักไปหมดทั้งแถบ  ทุกคนหันมามองแม็กซ์เป็นตาเดียวรู้สึกเสียวสันหลังวาบอย่างไม่เคยเป็น





    “ถือซะว่าชั้นไม่ได้พูดอะไรไปแล้วกัน” เด็กหนุ่มหัวเขียวเอ่ย...





















    Nina and Cyborg



              ช่วงนี้กำลังอยู่ในช่วงวิเคราะห์ข้อมูลครับ  มันยุ่งยากมากเลย

    เเต่ผมก็ไม่เครียดหรอกฮ่าๆๆๆ  เคยมีคนพูดว่าการเเต่งเรื่องต้องเริ่มจาก

    เรื่องไกล้ตัวก่อน  ผมมีคุณหมอตั้งสองคนที่บ้านเเน่ะ  เเต่พูดจาภาษาหมอเนี่ย

    ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องอย่างเเรง(เช่น อโดเสตอโลนคือฮอร์โมนที่ดูดโซเดียม...อ๊ากซ์...)

    ยุ่งเหยิงมากครับ  ยิ่งเรื่องร่างกายคนนี่ยากกว่าคอมพิวเตอร์อีก



    ยังไงก็จะพยายามเพื่อทุกคนครับ  ผมได้คำดีๆมาฝาก  ถ้ายังไงก็ลองอ่านดูนะครับ





    โลกเปลี่ยนไป





    \"ทุกวันนี้  เรามีตึกสูงขึ้น  มีถนนกว้างขึ้น  เเต่ความอดกลั้นน้อยลง



    เรามีเทคโนโลยีสูงมากขึ้น  เเต่ใจคนกลับคับเเคบมากขึ้น



    เราใช่จ่ายมากขึ้น  เเต่ไม่ได้รับความรู้สึกที่ดีขึ้นเลย



    ถึงเราประนีประนอมกันมากขึ้น  เเต่ไม่ทำให้เรามีเวลามากกว่าเดิม



    เรามีความรู้มากขึ้น  เเต่คุณธรรมกลับด้อยลง



    เรามียาใหม่ๆมากขึ้น  เเต่สุขภาพกลับเเย่ลง



    เรามีทรัพย์สินที่ทบเท่าทวีคูณขึ้น  เเต่กลับมีราคาตกต่ำลง



    เราพูดกันมากขึ้น  เเต่ความรักน้อยลง  เเละความเกลียดชังมากขึ้น



    เราไปถึงโลกพระจันทน์มาเเล้ว  เเต่กลับพบว่าเเค่การเดินข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับเป็นสิ่งยากเย็น



    เราพิชิตห้วงอวกาศมาเเล้ว  เเต่เเค่ห้วงหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง



    เรามีอาหารดีๆมากขึ้น  เเต่สุขลักษณะกลับย่ำเเย่ลง



    เรามีบ้านใหญ่ขึ้น  เเต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง



    ทุกบ้านมีคนที่หารายได้  ได้ถึงสองคนเเต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น



    เรามีบ้านสวยๆ  เเต่ก็เป็นบ้านเเตกสาเเหรกขาด



    เเละเรามีเสรีภาพ  มีอิสระมากขึ้น  เเต่เราไม่สามารถพิชิตตัณหาได้



    เรามีหนทางเข้าถึงสัจธรรมมากขึ้น  เเต่ผู้คนหันหลังให้ศาสนา




         \"เงินเป็นตัวสร้างความสุขจริงหรือ?  เงินซื้อความสะดวกได้หรือ?

          เงินเเม้จะมีค่าเเละมีอำนาจ  เเต่จะซื้อความรักความห่วงใยไม่ได้

          ความรักความห่วงใยซื้อได้ด้วยใจเท่านั้น

          เงินสร้างคฤหาสน์ใหญ่โตได้  เเต่จะสร้างความสุขได้หรือไม่เป็นสิ่งไม่เเน่นอน

          เงินสามารถซื้อเตียงนอนที่สวย  นุ่มสบาย  เเต่จะซื้อการนอนหลับสนิทได้อย่างไร






    ความสุขอยู่ที่ไหน  ใจหรือเงิน?





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×