ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ISL

    ลำดับตอนที่ #2 : ISL

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 48


    Stage 2.  ISL

    (ชีวิตมันมีมากกว่าที่เห็น  ความละเอียดอ่อนคือสิ่งจำเป็นที่ขาดเสียมิได้)
















    กริ๊งๆ





    เสียงกระดิ่งหน้าประตูห้องสมุดดังขึ้นเมื่อมีคนออกแรงผลักมัน  บรรณารักษ์ชราร่างเล็กเพียงแค่ละสายตาจากหนังสือบนตักแหงนหน้ามองเล็กน้อย  ร่างเด็กหนุ่มสาวสี่คนที่ก้าวเข้ามาพร้อมๆกับลมหนาวเบื้องนอกไม่สร้างความแปลกใจให้กับหล่อนแม้ซักนิด  





    “สวัสดีค่ะ  คุณนายพรีไวซ์”เด็กสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มเอ่ยทัก  เธอมีดวงหน้ายิ้มแย้มสดใส  ผมดำยาวสยายและนัยน์ตาสีดำสนิทบ่งบอกอย่างชัดเจนว่ามีเชื้อสายเอเชีย





    “อืม...”หญิงชราพยักหน้ารับเนือยๆเหมือนนกแก่ๆ  “ถ้าวันนี้...อยู่ที่โซนประวัติศาสตร์”หล่อนเอ่ยเสียงแหบเครือ  มองไปยังจุดกระพริบสีแดงบนหน้าจอมอนิเตอร์แสดงห้องสมุดขนาดย่อข้างตัว





    “ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวเอ่ย   ดันหลังเพื่อนชายทยอยเดินไปด้านใน





                   ห้องสมุดประจำเมืองยอร์คเชียนั้นโอ่โถงเเละกว้างขวางมากนัก  ตู้ชั้นหนังสือขนาดมหึมาสูงลิบเรียงรายกัน  อัดเเน่นไปด้วยหนังสือหนาบางนานาชนิดทั้งเก่าเเละใหม่ที่ได้รับการดูเเลรักษาอย่างดีจากหุ่นยนต์ทำความสะอาด  เเสงไฟนวลตาฉายลงมาจากเพดานสว่างไสว  เเต่ละสุดชั้นหนังสือหนึ่งเเถวจะมีโต๊ะเเละเก้าอี้จำนวนหนึ่งที่ถูกออกเเบบมาอย่างดีให้ถูกสุขลักษณะในการอ่านตั้งอยู่  อุณหภูมิในห้องที่อุ่นสบายประกอบกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆที่ครบครัน  ย่อมหมายถึงความน่าอภิรมย์เเห่งการอ่านในที่ๆสถานที่เเห่งหนึ่งจะพึงมี



    ทว่า...ที่นี่ก็ยังร้างผู้คน





                   เสียงรองเท้าเด็กทั้งสี่สะท้อนก้องไปมาระหว่างชั้นหนังสือสูงท่ามกลางความเงียบกริบ  เดินมากว่าสิบนาทีก็ยังไม่มีวี่แววของโซนประวัติศาสตร์ที่ว่า  เด็กหนุ่มผมแดงจึงเริ่มคร่ำครวญกับคนเดินนำ





    “เกรก  เมื่อไหร่จะถึง...” เขาเอ่ย





    “เมื่อนั้นแหละ  อย่าถามมากน่าแม็กซ์  รำคาญ!” เกรกอรี่ตอบกลับตัดบัวไม่ไว้ใย  เสยผมสีดอกเลาไปด้านหลังอย่างเคยชิน





    “ดุชะมัด  หลงก็บอกมาเถอะ  จะได้เปิดแผนที่ดู”แม็กซ์ยิ้มกวนๆ  จุดประสงค์เด็กหนุ่มเป็นจริงแล้ว  รายการกวนประสาทแก้เบื่อเป็นสิ่งที่เขากำลังต้องการพอดี





    “ไม่หลงเฟ้ย!” เกรกอรี่ปฏิเสธเสียงดุ





    “พอเถอะน่า...ทั้งสองคน  โตๆกันแล้วนะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากเด็กหนุ่มผู้เดินรั้งท้ายด้วยท่าทางสบายๆ  ตาสีน้ำตาลของเขาดูเข้ากับผมย้อมสีเขียวสดหั่นสั้น  เรียกให้เเม็กซ์เเละเกรกอรี่หันไปถลึงตาใส่  





    “ที่พูดเมื่อกี้นายหมายความว่าไง...ตอบไม่ดีมีเจ็บ”เกรกอรี่หักมือดังกร๊อบ  



    “พอกันทั้งสามคนนั่นแหละ  หยุดพูดแล้วไปหาเอียนได้แล้ว!”สุดท้ายนาร์เนียเด็กสาวหนึ่งเดียวในที่นี้ก็ต้องแหวลั่น  “นายก็นำต่อไปอย่าไปสนใจฟังเสียงนกเสียงกา”เธอว่า  ดันหลังเกรกอรี่ไปทาง  “ส่วนนายสองตัวก็เดินตามเงียบๆเข้าใจมั้ย”ว่าแล้วก็ดันหลังแม็กซ์กับแซมซั่นไปอีกทาง  ก่อนจะเดินคั่นกลางขบวน  





    “ถึงแล้ว  นั่นไงเอียน”เกรกอรี่เอ่ยชี้ให้เพื่อนๆมองลึกเข้าไปที่สุดแถวชั้นหนังสือโซนวรรณกรรมซึ่งเชื่อมต่อกับโซนประวัติศาสตร์





                   ร่างๆหนึ่งนั่งคุดคู้อยู่บนพื้นท่ามกลางกองหนังสือกองมหึมาตามโต๊ะกับเก้าอี้เห็นแต่ผมสีทองโผล่พ้นแพล็มออกมานิดหน่อย   ดวงตาสีฟ้าสดซึ่งซ่อนอยู่เบื้องหลังเเว่นกรอบหนาเตอะบนดั้งจมูกกำลังจดจ้องเเผ่นกระดาษไล่ไปทีละบรรทัด  รอบตัวเขารายล้อมไปด้วยหุ่นยนต์ทำความสะอาดรูปร่างกลมเหมือนลูกบอลสีต่างๆ  ซึ่งบินว่อนฉวัดเฉวียนไปมามองเด็กหนุ่มด้วยความสนใจใคร่รู้  เขาไม่รู้สึกถึงการมาของเพื่อนๆเเละไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของสิ่งใดเมื่ออ่านหนังสือ





    “เอียน...” นาร์เนียเรียกเบาๆจากด้านหลัง  เด็กหนุ่มละสายตาจากห้วงภวังค์หันมาตามเสียงเรียก





    “อ้าว  มากันเเล้วเหรอ?”เอียนถามด้วยความแปลกใจ  “นายทำเวลาดีขึ้นนะเกรก”





    “เฮอะ  คงจะดีกว่านี้อีกถ้าไม่มีเจ้าโง่ที่ไหนมากวนระหว่างทาง”เกรกอรี่บ่นพึมพำ  จงใจพูดกระทบแม็กซ์กับแซมซั่น  แต่กระนั้นเจ้าของชื่อทั้งสองคนก็ยังทำเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาว





    “หึๆเรื่องปกติ  ไปกันเถอะ”เอียนหัวเราะในลำคอ  ลุกขึ้นจับไหล่นาร์เนียขณะพูด  ก่อนจะหันไปฝากฮิวอี้  หุ่นยนต์ทำความสะอาดสีส้มให้ช่วยเก็บหนังสือ





    “ด้วยความยินดีครับกระพ้ม  Mr.เอียน! ” มันตอบรับเสียงเเหลมเล็กร่าเริง  ตาสีเเดงกลางตัววาววาบอย่างมีความสุข  โกยหนังสือด้วยเเขนกลเล็กๆเหมือนเส้นด้ายปริมาณน้ำหนักมากกว่าตัวเองหลายเท่า(แค่หนึ่งในสิบ)  บินทุลักทุเลหายลับไป





                   เอียน  คาสเตอร์,นาร์เนีย  เกรส,เเม็กซ์  คีเบิ้ล,เกรกอรี่  ฮิสตั้น  เเละเเซมซั่น  ลัสต์  เด็กทั้งห้าต่างเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งเเต่เด็ก  เนื่องมาจากบ้านที่อยู่ในละเเวกโรงเรียนเดียวกัน  ถึงเเม้อุปนิสัยโดยทั่วไปอาจจะผิดเเผกเเตกต่าง  เเต่ความสัมพันธ์นั้นกลับเเน่นเเฟ้นจนน่าประหลาดใจ  ในวันหยุดพวกเขามักจะรวมกลุ่มกันอีกเสมอที่ห้องสมุดประจำเมือง  ซึ่งนานๆทีจะมีคนเข้าไปใช้บริการ





    บางที...ห้องสมุดอาจกลายเป็นเพียงอนุสรณ์สถานเเห่งอดีต  ว่าคราหนึ่งมนุษย์เคยบันทึกอักษรภาษาลงในเยื่อไม้  ทรัพยากรที่หาได้ยากยิ่งสำหรับ ค.ศ.2079   ศตวรรษแห่งเทคโนโลยีไฮเทค  ของเทียมเเละโลกไซเบอร์





                   เด็กทั้งห้าเดินทอดน่องอย่างสบายอารมณ์ไปตามทางเดินเท้าที่มีคนพลุกพล่าน  เสียงเอ็ดตะโรจ้อกแจ้กจอแจของคน  เสียงครางของเครื่องยนต์รวมทั้งเครื่องจักรต่างๆดังปนเปกันเหมือนทุกวันที่ผ่านๆมาในเมืองยอร์คเชียนี้   รถแรงแม่เหล็กจำนวนมากพุ่งฉิวไปมาเหนือหัวพวกเขา  ส่งเสียงหวีดหวิวยามกระแสลมถูกตัดผ่านด้วยความเร็วสูง  แม็กซ์ผิวปากถูกใจเมื่อลมหอบกระโปรงเด็กสาวกลุ่มหนึ่งเปิดเห็นต้นขา





    “บางทีฉันก็สงสัยนะเอียน  ทำไมนายถึงชอบหนังสือนัก?  โน้ตบุ๊คที่พวกเรามีมันก็ให้ได้ทุกอย่างแล้วนี่นา...”แซมซั่นเอ่ยถามขึ้น  โน้ตบุ๊คที่เขาพูดถึงมีขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ  รูปร่างแบนเหมือนตลับแป้ง  สร้างหน้าจอสามมิติขึ้นในอากาศ  เชื่อมต่อกับสัญญาณอินเตอร์เน็ตออนไลน์ตลอดเวลา  สามารถสั่งงานทุกอย่างทุกสิ่งที่มีไมโครชิพเเละรหัสของผู้ใช้ได้  เป็นได้ทุกอย่างทั้งคอมพิวเตอร์  มือถือ  วิทยุ  รวมถึงโทรทัศน์





                  เอียนนิ่งไปครู่หนึ่งเงยหน้าขึ้นมองภาพโฆษณาสามมิติบนยอดตึกสูงระฟ้าที่บดบังนภากว้างให้เเคบลงถนัดตา  คนบนท้องถนนที่เดินผ่านสวนล้วนเเต่ถืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เป็นคอมพิวเตอร์ทั้งสิ้น





    “เเซม  นายรู้จักสิ่งที่เรียกว่าปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลรึเปล่า?”เอียนตอบโดยใช้คำถามสวนกลับพลางผายมือให้เพื่อนๆมองไปตามถนนที่ทอดยาว





    ...น่าเเปลก...ทั้งที่ถนนมีคนมากมายเดินพลุกพล่าน  เเต่ก็ราวกับมีบรรยากาศบางๆขวางกั้นเเต่ละคนอยู่  ต่างหมกมุ่นเเต่กับเครื่องอำนวยความสะดวกส่วนตนกับทางเดินเท่านั้น  เอียนเเกล้งโยนปากกาลงบนพื้นเเสร้งเหมือนบังเอิญทำตก





    เพื่อนๆมองตามด้วยความงุนงง...ไม่เข้าใจการกระทำของเด็กหนุ่ม...





    ...ไม่มีใครเลยเเม้เพียงคนเดียวที่จะชายตามองปากกาที่กลิ้งหลุนๆบนพื้น  ฝ่าเท้าบ้างก้าวข้าม  บ้างเหยียบย่ำ  ไม่มีแม้แต่การก้มลงเก็บแล้วถามหาเจ้าของ





    “หนังสือมีสิ่งที่เทคโนโลยีไม่มี  ความรอบรู้  ความคิดของผู้อื่นในรูปแบบต่างๆ  ประวัติศาสตร์ที่พร่ำสอนถึงอดีตเป็นบทเรียน  ความสนุกจากการอ่านที่ฉันพบเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆในชีวิตสมัยใหม่  การมองข้ามเรื่องพวกนี้ไปจะทำให้ชีวิตขาดความละเอียดอ่อน”เอียนก้มเก็บปากกาใส่กระเป๋าเสื้อ  สายตามีเเววเศร้าชั่วเเวบก่อนจะเลือนหายไป





    “นายกำลังจะบอกอะไรเรา?”แซมซั่นจอมหัวขี้เลื่อยกล่าวโคลงหัวไปมา





    “ปึก...ไอ้โง่เอ๊ย!”เกรกอรี่ชกหลังแซมซั่นหวังกระแทกความโง่ออกไปบ้าง  ท่ามกลางเสียงหัวเราะขบขันของเพื่อน





               ขณะที่กำลังทานอาหารเที่ยงกันในร้าน  SIXTY-SIX  เจ้าประจำ  เเม็กซ์ก็ร้องโหวกเหวกโวยวาย  ชี้มือออกไปด้านนอกหน้าต่าง





    “เฮ้ย  ดูนั่นสิ...SC!!”





    ภาพผู้ประกาศข่าวชายหญิงปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าราวกับหน้าจอทีวีแบนราบ  รวมทั้งยังปรากฏในอุปกรณ์ดิจิตอลเเละตามตึกระฟ้าทั่วเมืองจนรู้สึกเหมือนโดนห้อมล้อมไปด้วยผู้ประกาศข่าวทั้งสอง  การณ์ซึ่งเเทรกเเซงการทำงานของเครื่องใช้อิเล็คทรอนิคส์ทุกชนิดเช่นนี้มีเพียงรัฐบาลโลกเท่านั้นที่ทำได้เรียกกันว่า  SC (SPECIAL  CHANNEL)   เเน่นอนว่าเมื่อมันเริ่มฉาย...สิ่งที่กำลังจะบอกต่อไปนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา  ตัวอักษรดิจิตอลวิ่งไปมาที่ด้านใต้ภาพบอกชื่อผู้ประกาศข่าว  มัวร์  วีเวิร์น  เเละไบรอัน  คอฟ





    “เกิดอะไรขึ้นกันนะ?” นาร์เนียเปรย  พร้อมๆกับที่ผู้ประกาศข่าวเอ่ยปากเเถลงสิ่งที่สงสัย





    “ขณะนี้บริษัทนอร์ทพ็อยต์(North  point)  ผู้ผลิตโน้ตบุครายใหญ่ของโลกได้ออกเเถลงข่าวเปิดตัว  The Illusion Of Seeing Contact Lens  หรือชื่อย่อๆว่า  ISL  ค่ะ”ผู้ประกาศข่าวหญิงพูดด้วยความสามารถพิเศษ  ปากเล็กๆน่ารักของหล่อนขยับไปมาทั้งๆที่ยิ้มได้  ผมบลอนด์เป็นลอนระบ่าเข้ากับใบหน้ากลมใส  เธอเป็นอีกหนึ่งนักข่าวสาวผู้กำลังรุ่งโรจน์ในอาชีพสายนี้  





    “คอนเเทคเลนส์เหรอครับ  ของเเค่นี้ทำไมต้องออกอากาศถ่ายทอดสดด้วย  SC  ล่ะครับคุณมัวร์ ?” ผู้ประกาศข่าวชายถามขึ้นตามสคริปอย่างลื่นไหล  ใบหน้าคมเข้ากันดีกับผมดำสนิทที่ทาเจลล์มันปลาบหวีไปทางหนึ่ง  รวมทั้งการพูดการจาฉะฉานก็ทำให้เขาได้เป็นผู้ประกาศข่าวชายคู่ขวัญกับมัวร์





    “เเหม...คุณไบรอันคะ”มัวร์หัวเราะเอามือป้องปากอย่างมีจริต  ส่งตาหวานออกมานอกจอให้กระทบใจหนุ่มๆที่ดูอยู่





    “เฮ้อ...คุณมัวร์นางฟ้าของผม...”สิ่งเดียวที่เกรกอรี่กับเเม็กซ์เห็นพ้องต้องกัน





    “เพราะมันเป็นการปฏิวัติทางเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์  ซูเปอร์คอมพิวเตอร์(*)โน้ตบุ๊คในรูปแบบคอนแทคเลนส์ค่ะ”เธอเอ่ยน้ำเสียงตื่นเต้น  หยิบเเคปซูลทรงกลมอันกระจิริดขึ้นมาโชว์ให้ผู้ชมดู





                   ภายในเเคปซูลใสมีน้ำเมือกเหลวๆบรรจุอยู่ข้างในจนเต็ม  ตรงกลางที่เห็นลอยเด่นก็คือคอนแทคเลนส์ใสบอบบางคู่หนึ่งเท่านั้น?  ทุกคนมีสีหน้าไม่เชื่อในวิทยาการใหม่ตรงหน้าที่มาเหนือเมฆชิ้นนี้





    ...เเค่คอนแทคเลนส์เล็กๆน่ะรึจะเป็นถึงโน้ตบุ๊ค  เเถมระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์เสียอีก...ไม่มีทางซะล่ะ...





    “อะฮ้า  งั้นเหรอครับ  เเล้วมันมีประสิทธิภาพยังไงล่ะ  ผมก็ไม่เห็นมันจะวิเศษวิโสตรงไหน”ไบรอันเเกล้งขมวดคิ้วเเปลกใจ  หยิบแคปซูลมาพินิจพิจารณาอย่างถี่ถ้วน





    “อย่ามองด้วยสายตาดูถูกนะคะ  ISLนั้นมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับซูเปอร์คอมพิวเตอร์อย่างที่ว่า  มีหน่วยความจำเเละการทำงานซับซ้อนกว่าโน้ตบุ๊คที่ใช้รุ่นล่าสุดทุกวันนี้ถึงสี่เท่า  การใช้ก็เพียงสวมใส่ลงในดวงตาค่ะ”หล่อนเอ่ย  คว้าแคปซูลจากมือไบรอัน  บิดมันให้เปิดออกก่อนจะกลั้นใจหยิบ ISL ประกบลงบนเเก้วตาสีเขียวของตนอย่างหวาดๆ  ในเมื่อหล่อนเองก็ไม่เคยสวมคอนแทคเลนส์มาก่อน  เเต่ในฐานะตัวเเทนประชาชนอีกนับพันล้านที่มองดูเธอผ่าน SC ทั่วทุกมุมโลกก็ต้องจำใจทำ





                    ISL แนบสนิทกับเเก้วตาของมัวร์พร้อมกับเริ่มทำงานทันทีโดยใช้ความร้อนจากร่างกายเป็นพลังงาน  สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องทุกการกระทำอย่างตื่นเต้น  รวมทั้งไบรอันเองก็กำมือเเน่นโดยไม่รู้ตัว  มัวร์กระพริบตาปริบๆ





    “เป็นยังไงบ้างครับ  คุณมัวร์” ชายหนุ่มถามคำถามที่ต้องใจทุกคน





    “วิเศษไปเลยค่ะไบรอัน !  เท่าที่ดิฉันเคยไปวัดสายตามา  ดิฉันตาข้างซ้ายสั้นราวๆยี่สิบ  ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ดิฉันมองไม่เห็นสิ่งที่ไกลสุดสายตาได้ชัด  เเต่นี่ดิฉันเห็นทุกซอกทุกมุมห้องถ่ายทอดชัดเเจ๋วเลยค่ะ  ฉันรู้สึกถึงการทำงานของมันด้วยค่ะ” เธอพูดระรัวด้วยความดีใจ  ยังคงกวาดตามองไม่หยุด





    “ISL จะเเนบสนิทบนเเก้วตากอนจะปรับระดับเลนส์ให้เหมาะสมกับสายตาผู้ใช้  เเละยึดเเน่นกับดวงตาด้วยกลไกพิเศษชนิดที่ไม่มีทางหลุดถ้าผู้ใช้ไม่ต้องการ  การทำงานของ ISL จะรับคำสั่งโดยตรงด้วยกระเเสไฟฟ้าจากเส้นประสาทตาที่เชื่อมต่อกับสมอง  มันสามารถรับสัญญาณอินเตอร์เน็ต  สัญญาณภาพเเละคลื่นวิทยุมาเเปรเป็นสัญญาณกระเเสไฟฟ้าเข้าไปสู่สมอง  เหมือนกับเราเห็นภาพจะๆอยู่ตรงหน้า”





    “ลองนึกภาพตอนดูหนังผีสิ  ฮึๆ” ไบรอันอดไม่ได้เเทรกขึ้น





    “คุณไบรอัน...อย่าขัดสิคะ”มัวร์เอ่ย  เบะปากเล็กน้อยพอน่ารัก  ชายหนุ่มไม่สนใจ  เขาเริ่มเบื่อที่จะเล่นตามสคริปซึ่งเขามีเเต่บทลูกคู่  ไบรอันเลยชิงกล่าวก่อนหญิงสาว





    \"เเล้วก็ ISL จะไม่สามารถใช้ร่วมกันได้เพราะมีระบบนิรภัยป้องกันไม่ให้ผู้อื่นนอกจากเจ้าของนำไปใช้  สนนราคาอยู่ที่ 1,500 เม็กกะไบท์  เริ่มวางขายตั้งเเต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปที่ North  Point สาขาหลัก-ย่อยทั่วไป  ผู้ที่ต้องการก่อนสามารถเข้ามาเเจ้งได้ที่ 10297@northpoint.com  ทางบริษัทจะจัดส่งไปให้ทันทีในเวลาเที่ยงคืนวันนี้เเละหักเงินจากรหัสบัญชีธนาคารของคุณ  ฟรีค่าจัดส่งครับ\"





    มัวร์กลบสีหน้าโมโหด้วยรอยยิ้มกว้างเหมือนเเยกเขี้ยวเมื่อไบรอันหันไปมอง  หล่อนส่งสายตาอาฆาตมาให้เขาอย่างจะบอกว่าจบการถ่ายทอดสดเมื่อไหร่มีปัญหาเเน่...  ทั้งสองกล่าวคำอำลาผู้ชมก่อนที่ช่อง SC จะยุติลง   เสียงฮือฮาดังขึ้นจากคนบนท้องถนนในอารมณ์เเตกต่าง  ทุกสิ่งทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม





    “ฮึ้ย ! พรุ่งนี้ต้องซื้อให้ได้เลย !”  เเม็กซ์โบกหมัดไปมาในอากาศ





    “เชอะ...ทำตื่นเต้นเป็นเด็กอมมือ” เกรกอรี่ค่อนขอด  จริงๆในใจก็คิดเเบบเดียวกับเเม็กซ์เเต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงต้องหาเรื่องประฝีปากกัน





    “เอียน...เป็นอะไรรึเปล่า” นาร์เนียเรียกเด็กหนุ่มเบาๆอย่างไม่เเน่ใจ  เอียนยืนนิ่งขึงราวกับหยุดเวลาตนเองเอาไว้  นัยน์ตาสีฟ้าสดหลังกรอบเเว่นฉายประกายกร้าวสื่ออารมณ์ที่น่ากลัวบนใบหน้าเรียบเฉย





    “หือ? อะไรนะ?” เขาหันมา  บรรยากาศนั้นหายวับไป





    “เอ้อ...เเค่สงสัยว่าทำไม ISL ถึงใช้ร่วมกันไม่ได้น่ะจ้ะ” เธอเอ่ย  เก็บความสงสัยไว้ในใจ





    เอียนเอียงคอครุ่นคิดเค้นความรู้จากสมองได้อย่างไม่ยากเย็น  “เพราะมันมีระบบเเสกนม่านตาน่ะสิ  ม่านตาเป็นส่วนที่ทำหน้าที่ปรับปริมาณเเสงที่เข้าสู่นัยน์ตา  ประกอบด้วยกล้ามเนื้อสองชุดมีเส้นใยเรียงตัวกระจายอยู่ทั่วไปภายในเเผ่นม่านตา  ซึ่งเจ้ากล้ามเนื้อตัวนี้เเหละที่ไม่มีใครเหมือนกันเลย  เเม้เเต่ม่านตาซ้ายขวาของคนๆเดียวกันก็ยังมีรูปเเบบเเตกต่างกัน  จึงเป็นสิ่งชี้เฉพาะตัวบุคคลได้เเม่นยำยิ่งกว่าลายพิมพ์ DNA เสียอีก  ใน ISL คงมีกล้องอินฟราเรดเเสกนลักษณะม่านตาเปลี่ยนเป็นรหัสดิจิตอลอยู่เเน่ๆ”เอียนตอบร่ายยาวเกินคำถาม  นาร์เนียพยักหน้าเนิบๆเป็นเชิงเข้าใจ  เธอชินกับอุปนิสัยนี้ของเอียนมาตั้งเเต่เด็กเเล้ว





    ทางด้านเกรกอรี่กับเเม็กซ์ที่ยังก่อสงครามวาจาเชือดเฉือนกันโดยมีเเซมซั่นเป็นผู้ชม...





    “เอ๊าะอ๋อ  นายจะบอกว่าว่านายโตเเล้วใช่มะ?” เเม็กซ์กล่าว  สีหน้าระรื่นปกติเหมือน

    กำลังคุยกันธรรมดา





    “เออ  โตทั้งร่างกายเเละสติปัญญาไม่เหมือนใครบางคน” เกรกอรี่เน้นประโยคหลัง  รู้สึกตะขิดตะขวงใจเล็กน้อยไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหน





    เเม็กซ์เหยียดปากยิ้มเจ้าเล่ห์  “เเล้วทำไมฉันถึงเป็นเด็กอมมือรู้มั้ย?  ก็เพราะอยากได้ ISL ยังไงล่ะ  ถ้ายังงั้นคนที่โตเเล้วก็คงไม่อยากซื้อ  ISL ที่จะวางขายพรุ่งนี้หรอกเนอะ” คำพูดรวบรัดตัดตอนง่ายๆเเต่หยุดเกรกอรี่ได้ชะงัด  เด็กหนุ่มตกหลุมคำพูดตัวเองซะมิด  เขาอ้าปากจะเถียง  สุดท้ายก็ไม่มีอะไรถูกเอ่ยออกมาเพราะจนด้วยคำพูด  ได้เเต่ทำหน้าหงิกเดินกระฟัดกระเฟียดไปอีกทาง





    เเม็กซ์ชูกำปั้นเยี่ยงผู้ชนะหันมาทาง  เเซมซั่น  เอียน  นาร์เนียที่ยืนหัวเราะอยู่ไม่ห่าง  สักพักเอียนก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้  เขาหันไปมองเเซมซั่นตั้งเเต่หัวจรดเท้าก่อนจะเอ่ยปากถาม





    “นี่นายยังไม่ส่งเมล์ไปอีกเหรอ?”





                   เเซมซั่นหนุ่มจอมใจร้อนผู้ไม่เคยตกยุค  ทุกครั้งที่มีอะไรออกใหม่เขาเป็นต้องรีบกุลีกุจอซื้อหามาทันทีเหมือนกับเด็กอยากได้ของเล่น  ด้วยอำนาจเเละเงินของบิดา  ผู้พิพากษาสูงสุดของเมืองย่อมสามารถจัดการซื้อหามาได้อย่างง่ายดาย  เเต่ยังไงซะเด็กหนุ่มก็ไม่เคยทิ้งขว้างสิ่งของไม่ว่าเจ้านั่นจะตกรุ่นมานานนมเนเเล้วก็ตาม  ที่สำคัญ...ที่เอียนยังชื่นชมนิสัยนี้ของเเซมซั่นก็คือความไม่อวดร่ำอวดรวย...





    เเซมซั่นทำตาโตเเปลกใจ  พูดเสียงดัง  “ส่งไปตั้งเเต่เขาบอกชื่อเมล์ตัวสุดท้ายจบนั่นเเหละ  เดี๋ยวคืนนี้ของก็ส่งมาเเล้ว!”





    ...คำพูดซื่อๆของเเซมซั่นยิ่งเหมือนตอกย้ำเกรกอรี่เด็กโตจนทนไม่ไหวต้องเดินหนีไปด้วยความหมั่นใส้...







                                                                             ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐







    เย็นวันนั้นหลังจากที่เอียนส่งเพื่อนกลับบ้านหมดเเล้ว   เมื่อเข้าบ้านมาก็พบกับเเผ่นหลังเเม่กำลังทำอาหารยุ่งวุ่นวายอยู่ในครัวลิบๆ  เขาถอดเสื้อนอกตัวบางออก  เสตามองไปยังรูปภาพบนโต๊ะข้างบันได  มันเก่าซีดจางเสียจนเเทบมองอะไรไม่ชัด  เเต่เด็กหนุ่มก็ยังจำได้...





    วันนั้น...วันที่ครอบครัวของเขาสามคนไปเที่ยวโดมพฤกษชาติ  เอียนมองตัวเองวัยเด็กยิ้มเเย้มร่าเริงในอ้อมกอดพ่อเเละเเม่  เขาถอนหายใจ  คว่ำมันลงบนโต๊ะ  เเม่คงเป็นคนหยิบมันตั้งขึ้นมา...





                   เด็กหนุ่มไม่ชอบการทำอาหารเลยซักนิด  เขารู้สึกอยากขึ้นไปหมกตัวอยู่ในห้องอ่านหนังสือเงียบๆคนเดียวมากกว่าในวันเช่นนี้จนกว่าจะถึงเวลาอาหาร   สายตาหยุดลงที่เเผ่นหลังเเม่อีกครั้ง





    ...เเต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่นะ...





    ...มีกันเเค่สองคน...





    กลับมาแล้วครับแม่  มีอะไรให้ช่วยมั้ย?

































    ขอบคุณสำหรับคะเเนนเเละทุกสิ่งทุกอย่างครับ



    อีเมล์ที่พิมพ์ไปไม่มีอยู่จริงนะครับ





    (*)ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ - เจ้าซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้ ถือได้ว่าเป็นราชา แห่งอาณาจักรคอมพิวเตอร์เลยทีเดียว นอกจากจะมี

    ขนาดใหญ่ตามที่ชื่อบอกแล้ว ยังมีความสามารถในการคำนวณตัวเลข ได้อย่างรวดเร็ว เป็นพันๆล้านจำนวนเลยทีเดียว

    หากนึกภาพไม่ออก ก็ให้ลองนึกดู ว่าท่านจะต้องคิดเลขโดยไม่หยุดเลย (ห้ามทำทุกอย่างคิดเลขอย่างเดียว) เป็น

    เวลาไม่น้อยกว่า 80 ปี หรืออาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ ขึ้นอยู่กับว่าท่านจะอยู่ถึงหรือเปล่า ส่วนประเทศที่มีชื่อเสียง

    ในการผลิดเจ้าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ นี้ก็คงหนีไม่พ้น สหรัฐอเมริกาครับ แล้วก็พี่ใหญ่ทางธุรกิจแห่งเอเซีย ญี่ปุ่น แล้วเจ้า

    ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เขานำมันมาใช้งานทางด้านไหนหรือครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นงาน ที่ต้องมีการคำนวณอย่างมหาศาล

    และมีความซับซ้อน เช่น การวิเคราะห์ภาพถ่ายจากดาวเทียม การควบคุมดาวเทียม การคำนวณโครงสร้างที่ซับซ้อนมาก

    เป็นต้น ปัจจุบันซูเปอร์คอมพิวเตอร์ มีใช้อยู่ในหลายประเทศทั่วโลก

    (สำหรับเรื่องนี้มั่วให้เป็นคอนเเทคเลนส์เลยเนอะ...เว่อร์จริงๆ)





    อ้างอิงจาก www.mthai.com/mag/computer/











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×