เพลิงที่ 3 ปัญหาด้านเสบียง ปะทะกับกองโจร
เดินทางมาด้วยกันสองวัน เสบียงที่เซมันคิดว่าเตรียมเอาไว้เพียงพอสำหรับระยะทางไปอาณาจักรวีร์ก็เริ่มร่อยหรอลง
ไม่ใช่ว่าเขาคำนวณผิด แต่เพราะมีเพื่อนร่วมเดินทางมาด้วยอีกหนึ่งคน อาหารที่เขาเตรียมไว้สำหรับเจ็ดวันก็หดลงเหลือสามวัน นี่เป็นสิ่งที่เขาลืมคิดไปเลยตอนที่ชวนเอซุสมาร่วมทางด้วย
พอเจ้าชายลำดับที่สามอธิบายเรื่องอาหารที่มีเหลือไม่มาก เอซุสจึงเอ่ยว่า
“ให้ข้าไปล่าสัตว์มาให้เอาไหม”
ในทะเลทรายโรฮานมีสัตว์ที่พอจะล่าเป็นอาหารได้อยู่บ้าง แต่ก็มีน้อยถึงขั้นหายาก เมื่อเทียบกับตามอาณาจักรที่มีพืชพรรณมีสัตว์ให้ล่าเยอะกว่า
“ก็ดีนะ แต่เจ้าจะล่ายังไง”
“ข้ามีวิธีล่าของข้า เจ้ารออยู่ที่นี่แล้วกัน เดี๋ยวข้าบินกลับมาหา”
ทันใดนั้นเซมันก็ต้องผงะ เมื่อร่างของเอซุสจู่ๆ มีไฟลุกท่วม จากนั้นไฟก็เปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นปักษาเพลิงงามสง่า ขนสีแดงฉานจากเปลวไฟและนัยน์ตาสีทองเฉลียวฉลาด ตั้งแต่เกิดมาเซมันยังไม่เคยเห็นนกชนิดใดสวยเท่านี้มาก่อนเลย
“ว้าว!”
เจ้าชายลำดับสามอุทานด้วยความตื่นตาตื่นใจ นกไฟส่งเสียงร้องรับเบาๆ ราวกับจะหัวเราะท่าทางนั้น ก่อนจะโผบินสู่ท้องฟ้า
ภาพนกสีเพลิงที่ตัดกับท้องฟ้าสีครามช่างติดตราตรึงใจ เป็นอะไรที่เขาไม่มีวันลืมชั่วชีวิต
เมื่อเอซุสบอกให้รอ เขาก็ทำตามนั้น เซมันตั้งกระโจมขนาดเล็กขึ้นเพื่อไว้ใช้หลบแดดอันแรงกล้าชวนให้ปวดหัว ขณะเดียวกันก็ก่อกองไฟไว้เตรียมพร้อมรอย่าง
ทำไม... เขาทำตัวเหมือนเป็นภรรยาที่รอสามีกลับบ้านกันนะ...
ระหว่างที่เขี่ยไฟอยู่เซมันก็อดไม่ได้ที่จะคิดเช่นนั้น ใบหน้าพลันร้อนวาบขึ้นมา ส่ายหัวรัวๆ เพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านนั้นออกไป
ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย จะเอาเอซุสมาเป็นตัวแทนใครไม่ได้เด็ดขาด ต่อให้เขาอยากจะเลิกรักมาโอแล้วเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน แต่ก็ไม่ควรเอามาแทนที่กัน เอซุสก็คือเอซุส ไม่ใช่มาโอ...
คิดถึงเพื่อนสมัยเด็กทีไร หัวใจก็ถูกบีบรัดจนหายใจแทบไม่ออก ทั้งๆ ที่เขาคิดว่าการได้อยู่ห่างจากมาโอจะช่วยเยียวยาหัวใจได้แท้ๆ แต่กลับรู้สึกคิดถึงลึกล้ำขึ้นกว่าเดิม จนเขานึกอยากควักหัวใจนี้แล้วโยนทิ้งมันไปเสียเหลือเกิน...
เซมันหลับตา เพิ่งผ่านมาไม่กี่วัน จะให้ลืมเลือนความรักที่มีต่อมาโอทันทีย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่เขาเชื่อว่ากาลเวลาจะช่วยเอง คงมีสักวันหนึ่งที่เขาจะได้มองมาโอเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็ก เป็นเจ้าชายรัชทายาท ไม่ใช่คนรัก...
เซมันนั่งกอดเข่ารอเอซุสอยู่นานมากจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว เพราะเขารอจนผลอยหลับไป ลืมตาขึ้นมาอีกที กองไฟที่เคยคุเริ่มมอดดับจึงรีบโยนถ่านลงไป และมองเงาที่ทอดอยู่บนพื้น มันเริ่มลาดเอียงไปทางทิศตะวันออกแล้ว แสดงว่านี่ก็ล่วงบ่ายมาแล้วสิ
“เป็นอะไรหรือเปล่านะ”
เซมันเริ่มรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา ไม่ใช่ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทางจนบาดเจ็บกลับมาหาเขาไม่ได้หรอกนะ
ยิ่งนั่งรอก็ยิ่งรู้สึกกลัดกลุ้มจนกระทั่งเวลาผ่านไปอีกและไฟที่ก่อไว้มอดดับลง เซมันก็เลิกที่จะรอ ตัดสินใจออกไปตามหาเอซุส
หลังจากเก็บของอย่างเร่งรีบ เจ้าชายลำดับสามเดินไปยังทิศทางที่เพื่อนใหม่บินไป ในใจวิตกกังวลไปต่างๆ นานา เขายอมรับว่าตัวเองเป็นพวกมองโลกในแง่ร้าย แต่จะทำอย่างไรได้ เอซุสหายไปนานขนาดนี้มันผิดปกติเกินไปแล้ว มันต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ เซมันเชื่ออย่างนั้น
มีสายลมร้อนพัดผ่านกายไป เซมันก็ฉุกคิดอะไรได้ รีบใช้เวทย์ลมทันที เขาขยับมือสองสามครั้งเหมือนกำลังควงอะไรบางอย่าง กระแสลมรอบตัวจึงกระจายออกไปรอบๆ ตัวเขาและพุ่งไปแปดทิศจากนั้นก็วกกลับมาหาเขาโดยที่สายลมแต่ละทิศนำบางสิ่งบางอย่างมาด้วย
มันคือเสียง เซมันใช้สายลมนำเสียงมาให้เพื่อจับตำแหน่งว่าเอซุสอยู่ที่ใด หนึ่งในแปดทิศนั้นมีคำพูดสะดุดหูเขาอยู่ เป็นเสียงของผู้ชายที่หยาบกระด้างและแฝงความโหดเหี้ยมอยู่ในที
‘ไอ้นกนี่มันสวยดีว่ะ ถ้าจับขายล่ะก็ได้กำไรอื้อซ่าแน่ๆ เลยโว้ย!’
นกเหรอ... หรือว่าจะเป็นเอซุส!
เซมันใจหล่นวูบ เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ด้วย เขาจะต้องรีบไปช่วยเดี๋ยวนี้!
เจ้าชายลำดับที่สามใช้กระแสลมช่วยเร่งความเร็วในการเดินทาง และเป็นโชคดีที่อูฐตัวนี้ไม่ตกใจกับเวทย์มนตร์ที่เขาใช้ กลับเดินไปตามแรงผลักดันของสายลมอย่างว่าง่าย กระทั่งเขาเจอเป้าหมายที่มีชายฉกรรจ์สิบกว่าคนนั่งล้อมวงอยู่ ท่าทางที่ดิบเถื่อนนั้นไม่ต้องคิดให้มากความต้องเป็นโจรทะเลทรายไม่ผิดแน่!
เซมันยิ้มเหี้ยมเกรียมชนิดที่ใครเห็นยังต้องผวา มองไปยังกรงที่ถูกคลุมไว้ด้วยผ้ามิดชิดซึ่งลูกน้องคนหนึ่งกอดมันด้วยความทะนุถนอม เขาชักดาบออกมาจากฝักเสียงดังเช้งดึงดูดความสนใจจากบรรดาโจรให้หันมามอง แต่ละคนทำหน้าตื่นที่เห็นเด็กหนุ่มตรงหน้ามีรังสีฆ่าฟันรุนแรงถึงเพียงนี้
“แกเป็นใครวะ!?”
“โจรอย่างพวกแกน่ะไม่จำเป็นต้องรู้หรอก! ส่งเอซุส... ส่งนกนั่นคืนมาให้ข้าซะ ไม่งั้นพวกแกตายแน่!”
เซมันขยับดาบในมือเพื่อข่มขู่ไปด้วย หวังว่าจะทำให้กลุ่มโจรพวกนั้นยอมทำตามที่สั่ง ทว่าสำหรับเขาที่มีส่วนสูงแค่ 180 กว่าๆ เมื่อมาเจอกับกลุ่มโจรที่สูง 190 ขึ้นไป จนดูเหมือนยักษ์แล้ว การขู่ด้วยวิธีนี้ของเซมันไร้ผลอย่างมาก ตรงข้ามกลุ่มโจรยิ่งโมโหเดือดดาลมากกว่า
“ข้าไม่รู้ว่าแกพูดอะไรนะ ไอ้หนู แต่นกตัวนี้พวกข้าสู้อุตส่าห์จับมาจะยอมยกให้แกง่ายๆ ได้ไง!”
คำพูดของตัวหัวหน้าจุดประกายให้ลูกน้องที่เหลือส่งเสียงเห็นด้วย เซมันแสยะยิ้ม นัยน์ตาวาวจัดด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“อุตส่าห์พูดดีๆ แล้วนะ... ได้ ในเมื่อไม่ยกให้ ข้าก็จะชิงมันเอง!”
ไม่รอให้พวกมันตั้งตัว เซมันก็พุ่งเข้าจู่โจมใส่โจรที่อยู่ใกล้ตัวสุด จนคนที่โดนฟันหงายหลังแน่นิ่งไป คนที่เหลือจึงเริ่มมีปฏิกิริยา ตัวหัวหน้าคำรามด้วยความโกรธแค้นก่อนจะชักดาบใหญ่ออกมาต่อกรกับเซมัน โดยมีลูกน้องผลัดกันเข้าจู่โจมใส่เขา
กลุ่มโจรพวกนี้ทำงานประสานกันได้ไม่เลว เซมันแอบชื่นชมในจุดนี้ และฝีมือของแต่ละคนเพียงพอจะไปทำงานเป็นทหารในวังของเขาได้ด้วยซ้ำ น่าเสียดายที่เจ้าพวกนี้กลับเลือกเส้นทางเป็นสายโจร ในเมื่อกลุ่มคนที่สร้างความเดือดร้อนให้กับทะเลทรายโรฮานก็สมควรกำจัดมันทิ้งซะ!
เซมันตกเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่พักหนึ่งจนพวกโจรเริ่มย่ามใจว่าการต่อสู้ครั้งนี้พวกเขาเป็นฝ่ายชนะแน่นอน แต่ก็หารู้ไม่ว่าที่เจ้าชายลำดับสามไม่สู้กลับเพราะต้องการหาจุดอ่อนของแต่ละคนต่างหาก จากนั้นก็จะโจมตีกลับในครั้งเดียว!
ฉัวะ!
“อ๊ากกก!!”
และแล้วเซมันก็เริ่มปฏิบัติการโจมตีกลับ เขาไม่ได้จัดการตัวหัวหน้าในทันที แต่จัดการเก็บพวกลูกน้องที่เข้ามาจู่โจมก่อน ไม่ว่าใครหน้าไหนเข้าไปเป็นต้องโดนฟันทิ้งทุกราย
เซมันฆ่าลูกน้องไปได้หกคนโดยที่ตัวเองไม่มีบาดแผลสักนิด แถมยังทำหน้ายิ้มเย้ยอีก ลูกน้องที่เหลืออยู่จึงพากันนิ่งไม่กล้าเข้ามาโจมตี
“พวกแกมัวทำบ้าอะไรอยู่ฟะ!? รีบรุมมันเซ่!”
“ตะ... แต่ว่าหัวหน้า ไอ้เด็กนี่มันเก่งนะครับ! ฆ่าพวกเราตายไปตั้งหกคน! พวกเราไม่กล้า...”
“ไม่ได้เรื่องเลยโว้ย!”
หัวหน้าโจรคำรามอย่างแค้นเคือง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเซมันฝีมือไม่ธรรมดา ทำให้หัวหน้าโจรขัดใจที่ต้องมารามือไปแบบนี้
“ฮึ้ย! พวกแกถอยโว้ย! เผ่นๆ”
“ครับ!”
พอหัวหน้าโจรสั่งให้หนีต่างคนต่างก็รีบสับเท้าวิ่งหนีทันใด แต่ลูกน้องคนหนึ่งกลับไม่ยอมปล่อยของที่เซมันต้องการไปด้วย คว้ากรงนกนั้นหิ้ววิ่งหนีอุตลุต
“อ้าว เฮ้ย! จะหนีก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่เอานกคืนมาด้วยสิ!”
เจ้าชายลำดับสามโวยวายจะไล่ตามไป ทว่าก็โดนหัวหน้าโจรขวางทางเอาไว้
“ไม่ให้ไล่ตามลูกน้องข้าหรอกเฟ้ย!”
“เป็นโจรแท้ๆ ยังมีแก่ใจห่วงลูกน้องนะ นับว่ายังมีจิตใจดีอยู่นี่”
เซมันเอ่ยฉุนๆ ไม่ยอมออมมือให้ถึงแม้ว่าโจรตรงหน้ายังมีความรู้สึกห่วงใยลูกน้องอยู่บ้าง เขาเป็นห่วงเอซุส ไม่ว่าจะทำยังไงก็ต้องไปเอาตัวคืนมา!
ตูม!
“จ๊ากกกก!!”
ทันใดนั้นทั้งสองที่ประดาบเอาเป็นเอาตาย ได้ยินเสียงลูกน้องที่เพิ่งหนีไปร้องดังลั่น พร้อมกับระเบิดลูกไฟขนาดใหญ่ที่หอบเอาทรายพัดพุ่งมาทางเซมันกับหัวหน้าโจร บดบังทัศนียภาพเบื้องหน้าในพริบตา ทำให้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เซมัน เป็นอะไรหรือเปล่า!?”
เสียงนี้มัน... เอซุส!?
เขาจับต้นชนปลายไม่ถูกแล้ว พอกลุ่มฝุ่นนั้นจางลง เซมันจึงมองเห็นเอซุสที่กำลังวิ่งเข้ามาหาอย่างชัดเจน สีหน้าของเด็กหนุ่มผมสีเพลิงเต็มไปด้วยความห่วงใย จนหัวใจของเขาพลันหวั่นไหวขึ้นมาวูบหนึ่ง รีบเอ่ยปลอบว่า
“ข้าไม่เป็นไรหรอก เอซุส เจ้าต่างหากล่ะเป็นอะไรมากไหม โดนจับไม่ใช่เหรอ”
เด็กหนุ่มผมสีเพลิงทำหน้างุนงง “ข้าไม่เข้าใจที่พูดเลย... โดนจับอะไร ข้าไม่ได้โดนจับเสียหน่อย”
คราวนี้เป็นเซมันที่ทำตาโต กวาดมองไปรอบๆ จึงรู้ตัวว่านอกจากลูกน้องที่โดนระเบิดลูกไฟของเอซุสนอนสลบอยู่บนพื้นแล้ว คนอื่นๆ รวมถึงตัวหัวหน้าก็หายไปเลย ความว่องไวในการหนีเป็นสิ่งที่ดูถูกไม่ได้จริงๆ!
“ข้าเห็นเจ้าหายไปนานมากเลยเป็นห่วงว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ข้าจึงใช้สายลมออกตามหาดูแล้วพบว่าพวกโจรจับนกตัวหนึ่งได้ ข้าจึงเข้าใจไปว่าคนที่พวกมันจับได้คือเจ้า”
พอเซมันอธิบายความเป็นมาเสร็จ เอซุสก็ยิ้มขำ
“เซมัน เจ้าคิดว่าอย่างข้าจะโดนโจรฝีมือระดับนี้จับได้อย่างนั้นเหรอ ออกจะเป็นการดูถูกกันเกินไปหน่อยนะ”
เจ้าชายลำดับสามใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพู “ก็ข้าไม่รู้นี่นา! เจ้าหายไปนานมากจนข้าเป็นห่วง กลัวว่าเกิดอะไรขึ้น พอได้ยินที่พวกโจรพูดก็เลยไม่ทันคิดว่าบางทีอาจจะไม่ใช่เจ้า”
เพราะความเป็นห่วงแท้ๆ ทำให้เขาไม่ทันได้เฉลียวใจ ฝีมือระดับเอซุสจะมาพลาดท่าเสียทีให้กับโจรกระจอกพรรคนี้ได้ยังไง ลูกไฟแค่ลูกเดียวก็เผาพวกโจรนี้ให้เป็นจุณได้แล้วมั้ง!
เห็นเซมันเป็นห่วงจากใจจริง เอซุสก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน ยกมือขึ้นแตะหน้าของอีกฝ่ายแผ่วเบา
“ขอโทษที่ข้าหายไปนาน เผอิญว่าตอนออกไปล่า ข้าปะทะกับพวกสัตว์ประหลาดที่เจอในโอเอซิสเข้า และพวกมันก็มีเยอะมาก ข้าเลยเสียเวลาไปหน่อย”
“สัตว์ประหลาดพวกนั้นเริ่มมีเยอะขึ้นแล้วนะ”
ระหว่างเดินทางด้วยกันสองวันมานี้ เซมันกับเอซุสก็เจอสัตว์ประหลาดที่ว่าอยู่บ้างเหมือนกัน แต่พวกมันก็มีประปรายแค่สี่ห้าตัว และถ้ารู้วิธีกำจัดแล้วมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร เขาส่งจดหมายบอกวิธีการกำจัดไปให้ครอบครัวได้รับรู้แล้ว คิดว่าคนอื่นๆ หากคิดเดินทางผ่านทะเลทรายโรฮานก็น่าจะไม่มีปัญหา
“บางทีเราน่าจะมีเวลาตรวจสอบแหล่งที่มาของมันนะ” เอซุสเสนอความคิดเห็น “เราไม่ควรปล่อยเอาไว้ ตอนนี้มันยังเดินเล่นอยู่ที่ทะเลทรายโรฮานเท่านั้น แต่สักวันมันก็อาจจะเข้าไปในอาณาจักรและสร้างความเดือดร้อนได้”
“ข้าก็คิดอย่างนั้น แต่ตอนนี้ที่สำคัญคือเราควรจะไปอาณาจักรวีร์เพื่อตุนเสบียงก่อน”
เรื่องของปากท้องเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ถึงจะวานให้เอซุสไปล่ามาให้ทุกวันได้ แต่เขาไม่อยากจมอยู่กับความเป็นห่วงว่าอีกฝ่ายทำไมถึงไม่กลับมาสักที!
ไปๆ มาๆ เซมันชักรู้สึกว่าตัวเองเป็นภรรยาที่รอสามีกลับมาบ้านจริงๆ ซะแล้ว...
เอซุสไม่ได้คัดค้านเรื่องที่เขาบอกให้ไปอาณาจักรวีร์ก่อน เด็กหนุ่มผมสีเพลิงลงมือสำรวจข้าวของจากพวกโจรที่นอนตายกับนอนสลบอยู่ ของติดตัวพวกมันไม่มีอะไรมากเลย นอกจากอาวุธกับเศษเงินอีกนิดหน่อย และกรงนกที่ตอนแรกเซมันคิดว่าใช้ขังเอซุสเอาไว้ แต่พอพิจารณาดีๆ ก็เห็นว่ามันมีขนาดเล็ก ไม่น่าจะจับเอซุสในร่างนกไฟใส่กรงได้
เปิดผ้าที่คลุมออกก็เห็นนกตัวเล็กขนาดเท่าฝ่ามือ ขนปีกสีสันสดใส นัยน์ตาสุกสกาว น่ารักมากเสียจนเซมันทำตาเป็นประกายอยากจะจับมันมากอดรัดฟัดเหวี่ยง แต่ดูขนาดของมันแล้ว เกรงว่าเขาอาจจะทำให้มันตายได้ จึงพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้เอื้อมมือไปแตะต้องนกตัวน้อยนั้น
“เป็นนกหายากนะ” เอซุสกล่าว ขณะเปิดประตูกรง ยื่นมือออกมาให้นกน้อยเข้ามาเกาะ “เจ้าโจรพวกนั้น... ถ้ารู้ว่าจับนกหายากอย่างนี้มา เผาให้พวกมันตายซะก็ดีหรอก”
เซมันลูบแขนที่เย็นเยือกเพราะไอสังหาร นกตัวน้อยก็สัมผัสถึงความแค้นที่มีในตัวเอซุสได้จึงตกใจโผบินขึ้นท้องฟ้า ยามที่มันบินมีละอองสีฟ้าระยิบระยับโปรยปรายลงมาด้วย
“ไปซะแล้ว แต่ว่าสวยจังเลย”
เซมันมองเหม่อ มือจับละอองที่พร่างพรมลงมา มันทิ้งประกายไว้ที่มือของเขาครู่หนึ่งก่อนจะจางหายไป
“นกตัวนี้ใกล้สูญพันธ์แล้ว เพราะมีคนเคยจับมันไปกินปรากฏว่ารสชาติอร่อยมากจึงกลายเป็นที่นิยมกัน หารู้ไม่ว่านกชนิดนี้ขยายพันธุ์ยาก มันเป็นนกที่เรียกฝนฟ้าคะนอง สำหรับดินแดนที่มีแต่ทะเลทรายแล้ว หากมีฝนโปรยลงมาคงเพิ่มความชุ่มชื่นได้เยอะ”
“เป็นนกเรียกฝนเหรอ... ถ้าอย่างนั้น” เซมันกลืนน้ำลาย ชี้ไปที่ท้องฟ้าด้านหลังเด็กหนุ่มผมสีเพลิง “เราควรหาที่หลบภัยแล้วล่ะ”
เอซุสหันไป ก่อนจะเบิกตากว้าง ลับร่างเจ้านกแสนสวยได้ไม่นาน ท้องฟ้าที่เคยปลอดโปร่งพลันมีก้อนเมฆสีเทาทึบเคลื่อนตัวเข้ามา ตามด้วยประกายแลบของสายฟ้าและเสียงคำรามครืนครั่น ลมที่พัดมาเป็นระยะ ตอนนี้เริ่มแรงและถี่ขึ้น ดูก็รู้เลยว่าพายุฝนขนาดใหญ่กำลังมา
“...นกตัวนั้นคงจะโมโหมากที่ถูกจับเลยเรียกพายุฝนน่ากลัวขนาดนี้ออกมา”
“จะยังไงก็ช่าง! ตอนนี้เราอยู่กลางทะเลทรายนะ! เจอพายุฝนแบบนั้นโดนฟ้าผ่าตายแน่! ไม่มีที่ไหนใช้หลบฝนได้เลย!”
เซมันร้อนรนพลางเหลือบมองเมฆฝนที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ทุกขณะ เอซุสนึกขึ้นได้รีบฉุดเจ้าชายลำดับสามเข้าไปหากลุ่มเมฆฝน พร้อมทั้งจูงอูฐให้ตามมาด้วย เซมันตะลึง นี่เพื่อนของเขาจะไปตายหรืออย่างไร!?
“เอซุส เจ้าจะทำอะไร!?”
“ตอนที่ข้าบินผ่าน ใกล้ๆ นี้มีชะง่อนหินยักษ์อยู่ เข้าไปหลบข้างใต้ได้ เจ้ารีบเดินเข้าเถอะ กลุ่มฝนจะมาถึงตัวเราแล้วนะ”
เอซุสเอ่ยเร่ง เซมันจึงรีบวิ่งแข่งกับกลุ่มเมฆฝน กระทั่งเห็นก้อนหินยักษ์หลายสิบก้อน กระจายฝังตัวอยู่ในทะเลทราย เด็กหนุ่มผมสีเพลิงชี้ไปที่หินยักษ์ก้อนหนึ่งซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับชะง่อนผา ส่วนบนของก้อนหินยื่นออกมาด้านหน้าเหมือนกับเป็นหลังคาคุ้มกันให้กับข้างใต้พอดี และมันก็กว้างใหญ่พอจะให้คาราวานเล็กๆ เข้ามาหลบฝนได้ด้วยซ้ำ
เปรี้ยง! ซ่า!
เมฆฝนมาถึงตัวพวกเซมันก่อน น้ำจากฟ้าร่วงหล่นกระทบร่างกระหน่ำใส่อย่างไม่ปราณีราวกับโดนหอกทิ่มแทง พวกเขาวิ่งฝ่าฝนจนตัวเปียกโชกในที่สุดก็เข้ามาหลบฝนได้
“เยี่ยมมาก ถือเป็นการอาบน้ำไปในตัว”
เซมันประชด ขณะถอดเสื้อผ้าที่เปียกจนแนบร่างออก ผมที่ลู่ลงมาปรกหน้าเสยขึ้นไป
“ก็ยังดีกว่าโดนฟ้าผ่าล่ะนะ”
เอซุสออกความเห็น เจ้าตัวไม่ได้ถอดเสื้อผ้าตามเขา แต่ใช้เวทย์เสกไฟออกมา แล้วใช้ความร้อนนี้ทำให้เสื้อผ้าแห้งเร็วขึ้น เห็นดังนั้นเซมันก็ทำตามบ้างด้วยการใช้สายลมพัดเสื้อผ้ากับข้าวของที่อยู่บนตัวอูฐให้แห้ง
ท้องฟ้านั้นมืดทะมึนและมีทีท่าว่าจะตกอย่างนี้ไปอีกพักใหญ่ พวกเขานั่งลงและก่อไฟ ต่อให้มีลมฝนพัดมาบ้าง แต่ด้วยเปลวไฟที่เสกจากเอซุสทำให้มันยังปะทุต่อไปไม่มีวันดับ
หลังจากลงแรงปราบโจรไป เซมันก็ยิ่งหิวแทบไส้ขาด และเอซุสก็เหมือนจะรู้จึงได้เอาสัตว์ที่ล่ามาเสียบไม้ย่างให้ทันที
“นี่ไปเก็บเอาไว้ตรงไหนเนี่ย!”
เซมันอดตกใจไม่ได้ เพราะสัตว์ที่เอซุสล่ามาเป็นหมูทะเลทรายที่ตัวใหญ่มาก ระหว่างที่อยู่ด้วยกันเขายังไม่เห็นเพื่อนหิ้วเจ้าหมูตัวนี้มาด้วยเลย จู่ๆ มันก็ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าซะอย่างนั้น
เอซุสตบถุงเล็กๆ ที่ห้อยอยู่ข้างเอว “ของวิเศษ เป็นถุงที่เก็บของได้ มีความจุพอๆ กับหนึ่งห้อง”
เจ้าชายลำดับที่สามทำตาโต มองถุงผ้าเก่าๆ นั้นอย่างไม่อยากเชื่อ
“จริงเหรอเนี่ย!? มีถุงแบบนี้ด้วย สะดวกชะมัด!”
“ถ้าเซมันอยากได้ก็ไว้แวะที่เผ่าคารีน่าสิ ที่นั่นมีถุงคล้ายๆ กันนี้อยู่”
“เจ้าได้มาจากที่นั่นเหรอ”
“ใช่ เผ่าคารีน่ามีของวิเศษดีๆ อยู่เยอะนะ ข้าชอบไปที่นั่น”
“ข้าจะแวะไปแน่นอน”
เซมันตั้งใจแน่วแน่ ตอนนี้เขาคิดว่าเผ่าตัวเองคิดถูกแล้วที่ไม่ฆ่าล้างเผ่าคารีน่าให้หมด ไม่งั้นใครจะเป็นคนประดิษฐ์ของวิเศษพวกนี้กันล่ะ
พวกเขานั่งกินโดยไม่พูดอะไร มองสภาพท้องฟ้าในยามนี้แล้วอดไม่ได้ที่จะนึกถึงที่เผ่าชารุ ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างนะ ที่นู่นฝนจะตกหนักด้วยหรือเปล่า...
เซมันคิดไปตาก็เริ่มหนักอึ้ง ความอ่อนล้าและความกังวลทำให้ง่วง ไหนพอท้องอิ่มแล้วทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย โดยไม่ทันรู้ตัวเจ้าชายลำดับที่สามก็เผลอหลับเอนไปซบไหล่เอซุส
สัมผัสหนักๆ ที่ไหล่ทำให้เด็กหนุ่มผมสีเพลิงมองคนที่ใช้ไหล่เขาต่างหมอนด้วยความรู้สึกประหลาดใจ นึกว่าเพื่อนจากเผ่าชารุไม่สบายแต่พออังหน้าผากปรากฏว่าตัวไม่ได้ร้อน
คงจะเหนื่อยสินะ... อุตส่าห์เป็นห่วงและตามหาเขาตลอดเลยนี่ แถมยังมาเจอเรื่องแบบนี้อีก
เอซุสจัดท่าให้เซมัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะเมื่อยจึงค่อยๆ จับเอนร่างลงบนตักของเขา ใบหน้ายามหลับของเซมันช่างอ่อนเยาว์ ดูใสบริสุทธิ์ผิดกับตอนปกติที่ห้าวหาญ ท่าทางหลายอย่างของอีกฝ่ายเหมือนกับใครบางคนที่เอซุสคะนึงหาเสียเหลือเกิน แต่ต่อให้เค้นเท่าไหร่ เขาก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร
ต้องตามหาหัวใจให้เจอ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่มีทางรู้เลยว่าใครกันที่เป็นคนฆ่าเขา...
เอซุสกำหมัดแน่น นัยน์ตาสีทองโชติช่วงด้วยอารมณ์ไม่แพ้ความร้อนของกองไฟในขณะนี้
แอบรู้สึกว่า การที่เอซุสถูกขโมยหัวใจก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไป บางทีคนทำอาจจะหวังดี(?) ก็เป็นได้
เรื่องนี้ก็น่าสนุกดี ดีจังที่เอซุสจะได้มีคู่กับเขาบ้าง หวังว่ากว่าจะสมหวังคงไม่สะบักสะบอมไปซะก่อน