ภาพที่ 8 การร่ายรำด้วยคมมีด เงามืดที่คืบคลาน
ถ้าพูดถึงคนจากเผ่าวีร์ ความสามารถที่ทุกคนจะนึกถึงคือการแสดง
เผ่าวีร์โดดเด่นด้านการเต้นรำ ร้องเพลง ขับขานบทกวี เล่นดนตรี แสดงละคร หรือกายกรรมทั้งหลาย ฉะนั้นเมื่อนีโอที่สวมรอยเป็นคนของเผ่าวีร์ ไม่ว่าใครก็ต้องคิดว่าความสามารถพิเศษคงหนีไม่พ้นของเหล่านั้น ทว่าสิ่งที่ออกมาจากปากของนีโอทำให้ทุกคนถึงกับอึ้งเงียบไปตามๆ กัน
"นีโอ ตระกูลคาซัส อายุ 18 ปี เผ่าวีร์ ความสามารถพิเศษคือ ระบำดาบครับ"
"ระบำดาบ?"
เจราลทวนความสามารถพิเศษของนีโอด้วยความฉงน ขุนนางท่านอื่นๆ ก็มีท่าทีสงสัยไม่ต่างกัน เพราะไม่มีใครรู้จักการแสดงที่ว่านี้มาก่อน
นีโอยิ้มย่อง เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ผู้คนที่นี่ไม่รู้จักระบำดาบ ปกติเผ่าวีร์จะไม่นำอาวุธมาแสดง พวกเขามีความคิดแยกแยะว่าอาวุธมีไว้สำหรับต่อสู้ไม่เหมาะที่จะเอามาใช้แสดง
ความแข็งกระด้างของอาวุธสวนทางกับความงดงามอ่อนช้อยที่เผ่าวีร์ใช้ในงานบันเทิง จึงไม่น่าแปลกที่พอเขาบอกว่าจะแสดงระบำดาบ ทุกคนจะมีสีหน้างุนงงออกมา
นีโอที่รู้ประวัติของเผ่าวีร์ในเรื่องนี้จึงคิดจะนำมาใช้เพื่อเอาชนะผู้สมัครคนอื่นๆ ยอมเลือกที่จะแตกต่างจากเผ่าวีร์สักเล็กน้อย ที่นี่มีผู้สมัครจากเผ่าวีร์อยู่เหมือนกัน และส่วนใหญ่ที่แสดงไปก็มีแต่ระบำ เป่าขลุ่ย ร้องเพลงที่แสนจะซ้ำซาก เขาเห็นผู้สมัครจากเผ่าวีร์ห้าคนผ่านแค่คนเดียว หากเขาไม่ทำอะไรที่มันโดดเด่นไว้ล่ะก็ คงยากที่จะผ่านได้
ความจริงระบำดาบนี่เขาก็คิดขึ้นมาสดๆ เอาสิ่งที่เคยเต้นมาดัดแปลงน่าจะพอไหว เขาถนัดนักล่ะเรื่องเต้นสดแบบใช้ความคิดสร้างสรรค์!
"ถ้าอย่างนั้นจะต้องเตรียมอะไรเป็นพิเศษไหม"
เจราลถาม เนื่องจากเขาไม่เคยเห็นการแสดงที่ว่านี่มาก่อนจึงไม่แน่ใจว่าจะออกคำสั่งให้ข้ารับใช้จัดเตรียมอะไรดี
"แค่ใช้จังหวะแบบเดียวกับระบำผ้าก็พอแล้วครับ"
ในฐานะที่ต้องปลอมตัวเป็นเผ่าวีร์ เขาจึงศึกษาเรื่องศาสตร์การแสดงมาระดับหนึ่ง จึงเลือกใช้จังหวะเพลงแบบระบำผ้ามาประยุกต์
"งั้นเหรอ เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นเชิญ"
นีโอชักมีดสั้นของตนเองขึ้นมา จับด้ามไว้มั่น ได้โปรดขอให้การแสดงนี้ผ่านพ้นไปด้วยดีเถอะ...
ถอนหายใจยาว ตั้งสมาธิ ก่อนจะส่งสัญญาณไปให้นักดนตรีเริ่มเล่น
ตุ๊ม... กริ๊ง... ตุ๊ม... กริ๊ง...
เสียงกลองสลับกับเสียงกระดิ่งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ร่างของเด็กหนุ่มค่อยๆ ขยับทีละน้อย
ตุ๊ม... กริ๊ง... ตุ๊ม... กริ๊ง...
เสียงนั้นดังประสานไปกับท่วงท่าของนีโอ มีดควงผ่านไปตามร่างกายของเขาอย่างไหลลื่น ขณะที่คนดูพากันกลั้นหายใจเพราะกลัวว่าคมมีดจะบาดเนื้อเนียนนั้น
นีโอหมุนรอบตัวสามรอบพร้อมกับแกว่งมีดเป็นประกายด้วยท่วงท่าที่อ่อนช้อย ร่างบางโยนมีดขึ้นไปกลางอากาศ ส่วนตัวเขาตีลังกายกขาตั้งขึ้นปัดมีดให้ลอยขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้งท่ามกลางเสียงฮือฮาของผู้คนที่หวาดเสียวว่ามีดนั้นจะปักเสียบทะลุร่าง!
"ไม่เลวเลยว่าไหม เดเรค?"
บนระเบียงชั้นสามเหนือลานการทดสอบ ไลซาก้มมองการแสดงของนีโอด้วยความชื่นชม ผิดกับคนข้างตัวที่ดูการแสดงด้วยหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ เขาลุ้นจนเหงื่อตกทุกครั้งที่มีดนั้นพาดผ่านร่างกายของเด็กหนุ่ม
"สุดยอดจริงๆ นั่นแหละ สมแล้วที่เจ้าเลือกให้เป็นสนม"
เสียงห้าวตอบแทนเดเรคที่ดูการแสดงจนพูดไม่ออกอยู่ เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลามีใบหน้าคล้ายคลึงกับเดเรคเพียงแต่มีนัยน์ตาสีน้ำเงินแทนที่จะเป็นสีม่วงและบรรยากาศรอบตัวเป็นมิตรกว่ามาก
คนนั้นคือเจ้าชายรัชทายาทฮาริ หรือพี่ชายของเดเรคนั่นเอง
"ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้จะเปลี่ยนวิธีการคัดเลือกใหม่"ชายหนุ่มกล่าว สีหน้าทะมึน "จำได้ว่าตอนคัดเลือกชายาของท่านพี่เป็นการทดสอบด้านความรู้ไม่ใช่เหรอ"
"ไม่คิดเหรอว่าการคัดเลือกแบบนี้น่าสนุกกว่าตั้งเยอะ แถมระบำดาบอันนี้ก็ยังน่าสนใจ ดีกว่าการแสดงที่ผ่านๆ มาเสียอีก"
ฮาริกล่าว เขาไม่อยากอวดตัว แต่เห็นแบบนี้ เขาเป็นผู้ที่ช่ำชองในการดูสิ่งบันเทิงทั้งหลายมากที่สุดของวังเลยก็ว่าได้ ยังต้องอึ้งกับการแสดงของนีโอที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แอบชื่นชมเลยด้วยซ้ำที่กล้าแสดงการร่ายรำที่ทั้งสวยงามและอันตรายนี้เพื่อตำแหน่งพระสนมของเดเรค
เอ... หรืออาจจะเป็นเพราะความรักมากกว่าล่ะมั้ง ถึงได้กล้าแสดงอะไรแบบนี้...
ฮาริยิ้มกริ่ม มองน้องชายที่ปกติมักจะทำหน้านิ่งเกือบจะไปทางไร้อารมณ์ ตอนนี้บนหน้ามีร่องรอยแห่งความห่วงใยฉายชัด
นีโอโยนมีดครบครั้งที่สามก็กลับท่ามายืนบนพื้นตามเดิม เขาเบี่ยงตัวเล็กน้อยแล้วคว้าด้ามมีดไว้ได้ก่อนจะตกกระทบพื้น
คราวนี้เขาตวัดมีดไปมาเหมือนกับกำลังสู้รบกับบุคคลที่ไร้ตัวตน ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยเพลงประจำราชอาณาจักรชารุที่อัคนีสอนเขาด้วยน้ำเสียงที่กังวาน
"ซินนาฟนี้... คือพระนาม... กษัตรา...
เป็นผู้กล้า... อาณาจักร... แห่งนักรบ...
ทำสงคราม... ปราบคนพาล... ทั่วพิภพ...
จนจุดจบ... ยังไม่สิ้น... คนศรัทธา...
อาณาจักร... ยิ่งใหญ่ได้... ทุกวันนี้...
ก็เพราะมี... เหล่านักรบ... ผู้อาจหาญ...
คอยต่อสู้... ปกป้อง... เหล่าลูกหลาน...
คือที่มา... แห่งตำนาน... อันเกรียงไกร..."
ท่วงทำนองเร่งเร้ามาถึงช่วงสุดท้าย นีโอขยับเท้ารัวเร็วพอๆ กับการกวัดแกว่งมีดเป็นวงกว้างจนใบมีดทอประกาย เขาโยนอาวุธขึ้นไปอีกครั้ง มันควงเป็นวงกลมเหมือนคทาของดรัมเมเยอร์ก่อนที่นีโอจะคุกเข่าเป็นจังหวะที่มีดปักลงตรงหน้าพอดิบพอดีราวกับอัศวินที่ถวายความจงรักภักดีต่อองค์กษัตริย์
ผู้ชมทั้งหมดอ้าปากค้าง แม้แต่ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกและชะโงกหน้ามองผ่านทางประตูก็ยังตะลึงไปตามๆ กัน แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นมีนาราอยู่ด้วย
นีโอยืดตัวขึ้น เม็ดเหงื่อผุดพรายตามร่างกาย เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับเจราลที่ดูเหมือนสติจะหลุดลอยไปไหนแล้ว เอ่ยเรียกเบาๆ
"ท่านเจราล?"
"อ๊ะ โอ้ ขอโทษทีนะ"
เจราลสะดุ้งได้สติคืนมา หันไปมองเจ้าเมืองคนอื่นๆ ที่มีสภาพไม่ต่างกัน ทว่าทุกคนก็ล้วนมีคำตัดสินในใจแล้ว
"นีโอ ผ่าน!"
"ขอบคุณครับ!"
เด็กหนุ่มยิ้มปลื้ม เมื่อเจ้าเมืองทั้งหมดประกาศขึ้นพร้อมๆ กันโดยไม่แม้แต่จะยกมือ เรียกได้ว่าทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าเขาสมควรที่จะผ่านอย่างไม่ต้องสงสัย
นีโอวิ่งฉิวเข้าห้องไปก็เผชิญกับสายตาไม่เป็นมิตรหลายคู่ที่จ้องมองมา ห้องนั้นค่อนข้างกว้างมีเก้าอี้นิ่มๆ กระจายอยู่รอบห้อง ที่นั่งส่วนใหญ่โดนจับจองไปจนหมดแล้ว
เด็กหนุ่มคาดการณ์ไว้อยู่แล้วอาจจะต้องเจอรังสีอำมหิตจากผู้สมัครคนอื่นๆ เพราะนี่คือการแข่งเพื่อชิงตำแหน่งสนมของเดเรค การแข่งอะไรแบบนี้มีหรือที่จะมีไมตรีจิต อัธยาศัยดีต่อกันได้ ขนาดในภาพยนตร์ ตำแหน่งวังหลังก็ยังมีการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งผู้เป็นที่รักเลยนี่ ถึงเขาจะไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนั้นจะมาเกิดขึ้นกับตัวเองก็เถอะนะ...
นีโอเมินสายตาของคนอื่นๆ ไปยืนหลบมุม มือของเขาแตะมีดสั้นของเดเรคไว้เผื่อจะมีคนเลือดร้อนพุ่งเข้ามาโจมตี
"บางทีข้าคงคิดผิดที่เมินเจ้าไป เจ้าคือคนที่องค์ชายเดเรครักหนักหนานั่นใช่ไหม"
คนที่เอ่ยปากถามเขาคนแรกเป็นนารา เธอยังคงมีรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้า ทว่าแววตากลับเฉือดเฉือน ไม่ได้เป็นมิตรเหมือนกับตอนแรกที่คุยกัน
เผยธาตุแท้ออกมาแล้วสินะ นีโอคิดในใจ เห็นดังนั้นแล้วเขาอดไม่ได้ที่จะเชิดหน้าตอบออกไป
"ถ้าใช่แล้วจะทำไม"
"ก็ไม่ทำไมหรอก แต่อย่าคิดนะว่าการที่องค์ชายเดเรคหลงรักเจ้าแล้วจะได้เปรียบ การแข่งขันนี้มีขึ้นเพื่อคัดคนที่เหมาะสมที่สุดอย่างสะอาดและยุติธรรม คิดว่าถ้าใช้เส้นสายได้ก็ขอให้รู้ไว้ว่าคิดผิดถนัด"
นีโอหรี่ตา "คำพูดนั้นขอเอาคืนกลับไปเช่นกัน ได้ยินว่าเจ้าเองก็ไม่ต่างกันไม่ใช่เหรอ นารา บุตรสาวของเสนาบดีมาราจีฟ?"
เธอยิ้มหวานหยดย้อยที่แฝงด้วยอันตราย"อย่างข้าไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเส้นสาย ก็สามารถเอาชนะผู้คนที่นี่ได้อย่างสบายๆ"
พอคำพูดนี้พ้นออกจากปาก บรรยากาศในห้องพลันคุกรุ่น ผู้สมัครคนอื่นๆ เหมือนถูกสบประมาท แววตาของแต่ละคนเปล่งประกายสังหารออกมาไม่มีปิดบัง
โอย รู้สึกตัวเองเป็นสนมที่อยู่ท่ามกลางการแก่งแย่งชิงดีจริงๆ แต่ว่า...
นีโอยิ้มพราย ทำให้นาราชะงัก
"เจ้ายิ้มอะไร?"
"หืม? ขอโทษที พอดีรู้สึกดีใจนิดหน่อยน่ะ"
"ดีใจงั้นเหรอ?"
นารามองนีโอด้วยความงุนงง เขาพยักหน้า
"อืม การแข่งขันที่ดีต้องมีความท้าทาย ยิ่งมีอุปสรรคมากขึ้นเท่าไหร่ เวลาที่เราผ่านพ้นไปได้จะรู้สึกภูมิใจมาก"
เด็กหนุ่มกล่าว ท่าทีที่สงบนิ่งแต่ดูมีอำนาจอย่างประหลาดสยบทุกคนในห้องให้นิ่งงัน
"และเพราะทุกคนในที่นี้เก่งมาก ข้าจึงดีใจที่ได้แข่งกับทุกคน นารา บางทีเจ้าควรจะถ่อมตนไว้บ้างก็ดีนะ เพราะข้าเชื่อว่าทุกคนในที่นี้มีไม้เด็ดอีกเพียบเลยล่ะ หากเจ้าประมาทอาจจะต้องน้ำตาตกก็ได้นะ"
นาราสะอึก คนตรงหน้าของเธอร้ายกาจมาก เขาแปรเปลี่ยนความอาฆาตมาดร้ายของผู้เข้าแข่งทั้งหมดให้มาลงที่เธอคนเดียว โดยที่ตัวเองกลมกลืนไปตามกระแสของคนอื่นๆ และไม่โดนมุ่งร้ายใส่เพราะเขาให้เกียรติกับทุกคนอย่างเท่าเทียม!
ที่สำคัญไอ้ท่าทีวางอำนาจนั่นคืออะไร ทำไมคนตรงหน้านี้ถึงแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติราวกับอยู่ในตระกูลชั้นสูง?
นารายังคงยิ้ม แม้ในหัวจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความสงสัย
"น่าสนุกนี่ เดี๋ยวลองมาดูว่าใครกันที่แน่"
เขายิ้มรับ "ย่อมได้"
แล้วนีโอก็ได้ประกาศศึกกับนาราอย่างเป็นทางการท่ามกลางพยานนับสิบคน
...............
"ยินดีต้อนรับกลับ นีโอ ข้าทราบข่าวแล้ว เจ้าทำได้ดีมากเลย"
อัคนีส่งรอยยิ้มยินดีมาให้นีโอที่เพิ่งก้าวลงจากรถม้า เด็กหนุ่มยิ้มเนือยๆ ตอบไป ขณะโดนโซซัดโซเซเข้ามาในตัวคฤหาสน์ที่แสนเย็นสบาย
"ท่านลุงอัคนีทราบข่าวไวจังเลยนะครับ"
นีโอรับน้ำกับผ้าเย็นที่คนใช้ยื่นมาทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น พร้อมกันนั้นคนใช้คนหนึ่งก็กุลีกุจอถือพัดอันใหญ่มาพัดบริการให้เขา แม้จะรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้างที่ต้องใช้แรงงานคนในการพัด แต่ตอนนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะปฏิเสธความเย็นสบายนี้ นีโอจึงปล่อยให้คนใช้นั้นพัดต่อไป
"มีบางคนใจร้อนมาแจ้งข่าวน่ะสิ"
ชายชราหัวเราะ ก่อนจะปรายตาไปทางด้านหลังให้เด็กหนุ่มมองตามไป เป็นเดเรคนั่นเอง ข้างๆ องค์ชายยังมีคนแปลกหน้าอีกสองคนด้วย คนหนึ่งเป็นชายร่างใหญ่ในชุดเกราะดูดุดันกับสาวร่างเพรียวท่าทางเป็นมิตรไว้ผมเปียยาว
"เดเรค! ทำไมถึง..."
เดเรคกล่าวอย่างไม่ทุกข์ร้อน "ข้าแอบออกมาน่ะ"
"แล้วแบบนั้นจะไม่เป็นไรเหรอครับ"
"ข้าให้พวกท่านพี่เป็นทัพหน้าแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"
"งั้นเหรอครับ"
นีโอเบนสายตาไปยังหนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวที่จ้องมองเขาอย่างสนอกสนใจเกินปกติ แล้วย่นคิ้วน้อยๆ
"สองคนนั้นคือ..."
"พวกเขาเป็นองครักษ์ของข้า ผู้ชายคนนี้ชื่อเชท ส่วนผู้หญิงชื่อโบนิต้า และนับจากนี้ไปเชทจะทำหน้าที่คุ้มครองเจ้าตอนที่ไปอยู่วังหลังเอง"
โบนิต้าถอนสายบัวให้อย่างงดงาม ส่วนเชทก้าวออกมาข้างหน้าเล็กน้อย ก่อนจะโค้งตัวให้นีโออย่างนอบน้อม
"ยินดีที่ได้พบเพคะ/พ่ะย่ะค่ะ พระสนม"
"เอ่อ... ข้ายังไม่ได้เป็นสนมเลยนะ"
เด็กหนุ่มออกตัว เขาเพิ่งจะผ่านการคัดเลือกเองจะเร็วเกินไปมั้งที่มาเรียกเขาว่าเป็นสนมอย่างเป็นทางการ
โบนิต้ายิ้ม "หามิได้เพคะ หม่อมฉันเชื่อว่าองค์ชายเดเรคย่อมไม่มีทางเลือกคู่ครองผิดพลาด หม่อมฉันเชื่ออย่างหมดใจว่าท่านนีโอต้องได้เป็นพระสนมแน่นอนเพคะ"
โดนพูดแบบนี้เล่นเอาเขาไปต่อไม่ถูกเลย... เกิดมาเพิ่งจะได้รับความเชื่อใจขนาดนี้เป็นครั้งแรก แล้วนี่ถ้าเขาเกิดโดนคัดออกคงจะเครียดหนักน่าดู...
อัคนีหันมาหานีโอ คงเห็นว่าเด็กหนุ่มรู้สึกกระอักกระอ่วน จึงเปลี่ยนมาพูดแทน
"เจ้าคงรู้แล้วสินะว่าเหล่าผู้ที่ผ่านเข้ารอบจะต้องเข้าไปยังวังหลัง"
เขาพยักหน้าตอบ หลังจากที่การคัดเลือกเสร็จสิ้น ตามกำหนดรอบถัดไปจะเป็นการวัดระดับด้านสติปัญญา รวมถึงนิสัยและพฤติกรรม ในที่นี้จะต้องเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในวังหลัง เพื่อที่จะได้รู้ว่าผู้สมัครมีลักษณะนิสัย บุคลิกและการวางตัวที่เหมาะสมหรือไม่
แค่ฟังนีโอก็อดคิดไม่ได้ว่ามันช่างยุ่งยากเหลือเกิน แค่ตำแหน่งนี้ยังต้องใช้เวลาในการเลือกถึงสองเดือน! ทำไมต้องทำขั้นตอนให้ซับซ้อนวุ่นวายด้วยนะ
ราวกับอัคนีอ่านใจได้ จึงอธิบายว่า
"ที่การคัดเลือกมันยุ่งยากผิดปกติ เพราะต้องการให้แน่ใจจริงๆ ว่าคนคนนั้นจะเป็นสนมที่สมบูรณ์พร้อม ไม่ใช้อำนาจในทางที่ผิด หากเราใช้เวลาในการคัดเลือกแค่สั้นๆ มีหลายคนที่นิสัยและท่าทางผิดไปจากตอนที่คัดเลือกกับตอนเป็นสนมราวฟ้ากับดิน อีกอย่างเผ่าชารุมีคติที่ว่าต้องซื่อสัตย์ต่อคู่ของตนจะมีใครคนอื่นไม่ได้ ถ้าแต่งงานแล้วจะต้องอยู่กับคนคนนั้นไปชั่วชีวิต จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายจาก ถ้ากรณียังไม่มีบุตร อีกห้าปีก็สามารถแต่งงานใหม่ได้"
ก็เป็นธรรมเนียมที่ดีอยู่หรอกนะ นีโอคิด มันเป็นการเลือกที่รอบคอบดี เขาสงสัยว่าตำแหน่งสนมยังเลือกพิถีพิถันปานนี้ ตำแหน่งขุนนางอื่นๆ ไม่ยิ่งกว่าเขี้ยวลากดินเลยหรือไงนะ
เดเรคเอ่ยขึ้นว่า "และเมื่อเข้าวังหลัง ผู้สมัครอนุญาตให้มีองครักษ์หรือนางกำนัลส่วนตัวได้ การมีคนสนิทที่ไว้ใจได้สักคนสองคนจะสะดวกและปลอดภัยกว่ามาก"
นีโอพยักหน้า "พอจะเข้าใจครับ"
"ข้าคิดว่าถ้าให้เชทเป็นคนคุ้มกันเจ้าน่าจะดี เห็นแบบนี้เขาก็เชี่ยวชาญด้านยาพิษด้วย อาจจะช่วยตรวจให้ได้"
ชายหนุ่มกล่าวเสริม เด็กหนุ่มมองจากหน้าตาของเชทแล้ว มั่นใจว่าแค่ชายคนนี้มายืนเฝ้าหน้าประตู ด้วยความดุดันนี้คงทำให้มือสังหารลังเลที่จะต้องลงมือแน่นอน
"ส่วนเรื่องนางกำนัล ข้าจะให้ลีลียาไปกับเจ้า เพราะนางเคยทำงานในวังหลังมาก่อน เรื่องเสื้อผ้า การแต่งกาย กฎข้อห้ามหรือกิริยามารยาท อาจจะช่วยได้"อัคนีพูด
"อ๊ะ อย่างนั้นก็ดีครับ"
ลีลียาเป็นผู้หญิงที่วัยไล่เลี่ยกับเจ้านาย เป็นผู้สูงอายุอีกคนที่ยังสดใสแข็งแรง นีโอรู้สึกเหมือนกับว่าอีกฝ่ายเป็นยายที่คอยเลี้ยงหลาน เขาไม่เคยมียายมาก่อน แต่คิดว่าถ้ามีก็คงจะรู้สึกแบบนี้
"วังหลังคือสนามรบอย่างหนึ่ง"อัคนีกล่าวต่อ ลูบหัวนีโอแผ่วเบา "มันไม่ใช่การเผชิญหน้าโดยตรงแต่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมที่อันตรายยิ่งกว่า ถ้าไปถึงที่นั่นขอให้ระวังไว้ทุกๆ การกระทำ เข้าใจนะ"
"... ครับ"
นีโอถอนหายใจ เอาไงก็เอา อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เพื่อที่จะได้กลับโลกเดิมเขาต้องอดทน
"นีโอ"
เดเรคก้าวเข้ามาหาเด็กหนุ่มพร้อมกับจับมือทั้งสองข้างของเขาไว้ ฝ่ามือนั้นอบอุ่นราวกับจะช่วยสลายความกังวล
"แม้ตามกฎแล้วข้าจะเข้าไปหาเจ้าในวังหลังไม่ได้ แต่เราพบกันได้นอกเขตวังหลัง หากมีเรื่องเดือดร้อนอะไรขอให้มาหาข้า เชทรู้ดีว่าเจ้าจะหาข้าได้ที่ไหน"
"ข้าเข้าใจแล้วครับ"
นีโอรับปาก แต่เขาไม่ได้เล่าให้เดเรคฟังเรื่องที่ประกาศศึกกับนาราไปหมาดๆ เขาอยากจะลองดูว่าตนเองจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่เข้าตาจนจริงๆ เขาคิดว่าจะพยายามพึ่งพาคนอื่นให้น้อยที่สุด
"สัญญากับข้านะว่าเจ้าจะไม่ทำอะไรเกินตัว"
เดเรคกุมมือของร่างบางแน่นขึ้น เด็กหนุ่มรับรู้ถึงความห่วงใยที่อีกฝ่ายมีให้ จึงคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน
"ข้าสัญญาครับ ข้าจะไม่ทำให้เดเรคต้องเป็นห่วงหรอก"
ทั้งสองสบตากันราวกับอยู่ในโลกนั้นกันแค่สองคน เล่นเอาคนที่เหลือถูกกันออกนอกวงทันที ไม่กล้าจะเข้าไปขัด ทว่าสำหรับผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวอย่างอัคนีไม่สนใจ ส่งเสียงกระแอมหนักๆ เพื่อเตือน
"อะแฮ่ม! ขอโทษที่ข้าต้องขัดจังหวะบรรยากาศแสนหวาน แต่องค์ชายหากท่านไม่รีบกลับวังเสียเดี๋ยวนี้ ท่านอาจโดนจับได้แล้วโดนกักบริเวณ ถึงตอนนั้นท่านคงจะไม่ได้มาพบนีโอแล้วส่งสายตาหวานแบบนี้อีกแล้วก็ได้"
"ท่านลุงอัคนี!"
เดเรคที่โดนผู้สูงวัยแซว หน้ามีสีเรื่อขึ้น ส่วนนีโอเลือดสูบฉีดไปเลี้ยงทั้งหน้าจนแดงเถือก
โบนิต้าเอาศอกแทงเพื่อนองครักษ์ "ถ้าจะจีบใครดูองค์ชายเป็นตัวอย่างซะ มันต้องโรแมนติกให้ได้อย่างนี้ ขนาดต่อหน้าธารกำนัล พระองค์ยังไม่สนสายตาใครเลย"
"โบนิต้า หุบปากซะ!"
ทั้งเดเรคและเชทตวาดใส่โบนิต้าพร้อมกัน คนโดนบอกให้หุบปากแลบลิ้นทะเล้น ขณะที่อัคนีและนีโอหัวเราะ เสียงนั้นดูมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
...................
หลังจากนั้นเดเรคกับองครักษ์ทั้งสองก็กลับวังไป ทว่าเชทนั้นจะมาหาเขาในวันรุ่งขึ้นเพื่อไปวังหลังในฐานะองครักษ์ของนีโอ
ลีลียา นางกำนัลร่างท้วมวุ่นวายกับการเตรียมข้าวของเครื่องใช้ เด็กหนุ่มเสนอตัวที่จะช่วย แต่เธอปฏิเสธ เพราะเห็นว่าเขากลับมาเหนื่อยๆ ควรไปพักผ่อนมากกว่า
เมื่อช่วยจัดของไม่ได้ เขาไม่รู้จะทำอะไรดีเลยหาทางฆ่าเวลาด้วยการไปอ่านหนังสือในห้องสมุดแทน
เขาอ่านหนังสือที่นี่เกือบจะถึงครึ่งแล้ว ส่วนหนึ่งนอกจากหาความรู้เพิ่มเติม ยังหาลู่ทางที่จะกลับบ้านของตัวเองด้วย แต่ก็น่าเสียดายที่หาไม่พบ
นับตั้งแต่พรุ่งนี้แค่ตำแหน่งว่าที่สนม เขาก็สามารถใช้ห้องสมุดของเชื้อพระวงศ์ได้แล้ว ถึงจะยังมีเขตหวงห้ามบางจุด แต่นั่นเป็นส่วนน้อยและเก็บแต่ตำราเก่าแก่ล้ำค่า ซึ่งเดเรคบอกว่าส่วนใหญ่มักจะเกี่ยวกับยุทธวิธีหรือสงคราม บันทึกของกษัตริย์แต่ละพระองค์ ส่วนนี้ชายหนุ่มจะช่วยหาให้เอง ให้นีโอหาส่วนที่เหลือพอ
จากคำบอกเล่าของอัคนีเห็นว่ามันใหญ่กว่าห้องสมุดของคฤหาสน์นี้ไม่รู้กี่เท่า ห้องสมุดของเสนาบดีอัคนีมีหนังสือปาไปเกือบหลายแสนเล่ม แล้วที่วังใหญ่กว่า? แบบนั้นไม่มีเป็นพันล้านเล่มเลยเหรอ!?
แค่คิดก็ชวนให้ท้อแท้ใจ กว่าจะหาเจอคงไม่ใช่หลังจากที่การตัดสินตำแหน่งสนมเสร็จสิ้นแล้วหรอกนะ
นีโอสุ่มหยิบหนังสือจากบริเวณที่เขายังไม่ได้อ่านออกมา
สำหรับโลกที่ดูราวกับเทพนิยายนี้ไม่ว่าหนังสือจะเกี่ยวกับอะไร หรือต่อให้มันเป็นแค่หนังสือพื้นๆ อย่างตำราทำอาหาร มันก็ดูน่าสนใจไปเสียหมด
สาวใช้คนหนึ่งยกน้ำชามาเสิร์ฟให้อย่างรู้หน้าที่ ก่อนจะออกไป ทีแรกนีโอรู้สึกแปลกๆ กับการที่ตัวเองได้รับการปฏิบัติดุจเจ้านาย แต่พอนานวันเข้าเขาก็เริ่มชินไปเอง เด็กหนุ่มคิดจะตักตวงความสบายเล็กๆ นี้ไว้ก่อนจะกลับโลกเดิม
นีโอพลิกหนังสือก่อนจะรู้ว่าตัวเองกำลังอ่านเรื่องของวิเศษอยู่
สมกับเป็นโลกแฟนตาซี! มีของวิเศษบนโลกนี้จริงๆ ด้วย!
เขาเปิดอ่านด้วยความกระตือรือร้น ทุกหน้าล้วนมีรายละเอียด ภาพประกอบ ประวัติความเป็นมา คุณสมบัติ คร่าวๆ น่าจะมีไม่ต่ำกว่าพันชิ้นมีทั้งของแปลกๆ และของที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาดีจากในนิทานอาหรับ อย่างพรมวิเศษ จินนี่ หรือตะเกียงวิเศษด้วย
ถ้าเขามีตะเกียงวิเศษคงขอพรให้กลับโลกไปแล้ว
น่าเสียดายที่ในนี้บันทึกไว้ว่าตะเกียงวิเศษมีเพียงหนึ่งเดียวในโลกหายสาบสูญไปตั้งนานแล้ว คนหนึ่งขอพรได้แค่หนึ่งครั้งโดยแลกกับสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต
เพื่อสิ่งที่ปรารถนาต้องสูญเสียสิ่งที่ล้ำค่าไป มันจะคุ้มไหมเนี่ย?
นีโอยักไหล่ พลิกหน้าอ่านไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกที สาวใช้ก็มาเรียกเขาให้ไปทานข้าวเย็น
ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ทานข้าวพร้อมกับอัคนี จึงมีเรื่องที่ต้องพูดมากมาย ส่วนใหญ่คนพูดคืออัคนีที่คอยย้ำเตือนถึงเรื่องกฎระเบียบในวัง การประพฤติตัว ซึ่งเด็กหนุ่มก็ตั้งใจฟังเพราะรู้ดีว่าชายชราเบื้องหน้าเป็นห่วงเขามากแค่ไหน
"เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ เจ้ารีบเข้านอนดีกว่า ตื่นเช้ามาจะได้รับศึกได้เต็มที่"
เขาโค้งตัวลง "ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะครับ"
"ไม่เป็นไร ข้าเองก็ดีใจที่เจ้ามาอยู่ด้วย บ้านดูครึกครื้นขึ้นตั้งเยอะ"
อัคนีหัวเราะ นีโอยิ้ม รู้สึกดีใจที่อีกฝ่ายคิดกับเขาเหมือนคนในครอบครัว เพราะเขาเองก็คิดว่าที่นี่คือบ้านอีกหลังหนึ่งของเขา...
การพูดคุยจบลง ร่างบางจึงเดินช้าๆ ไปที่ห้อง ในใจรู้สึกเหงาที่ตัวเองต้องลาจากสถานที่แห่งนี้ไป
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเดินเล่นเสียหน่อยดีกว่า...
คิดแล้วนีโอก็เปลี่ยนเส้นทางเลี้ยวเข้าไปในสวน ตอนนี้เป็นช่วงพลบค่ำ อากาศเย็นลงแต่ไม่ถึงขั้นหนาวมาก สายลมพัดผ่านตัวของนีโอไปให้ความรู้สึกแสนสบาย
แหงนหน้ามองท้องฟ้าที่ดารดาษไปด้วยดวงดาวนับล้าน ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่นีโอชอบดูดาวมาก เพราะที่โลกเขาหากไม่มืดสนิทหรือไม่ได้อยู่ตามป่าคงไม่มีทางเห็นดาวที่สวยขนาดนี้ได้แน่
แซ่ก!
เสียงประหลาดบางอย่างดังขึ้นด้านหลัง ทำให้เด็กหนุ่มหันไปตามสัญชาตญาณ ก่อนที่ภาพเบื้องหน้าจะดับมืดลง
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย