ภาพที่ 3 การต่อสู้กลางทะเลทราย สองหนุ่มนอนชิดใกล้
บางทีนี่อาจเป็นอะไรที่มากกว่านีโอจะรับได้...
อากาศในยามดึกหนาวแถมยังมืดสนิท กองไฟที่ถูกจุดให้ความอบอุ่นดับไปแล้วด้วยการโจมตีจากผู้บุกรุกยามค่ำคืน
ท่ามกลางแสงจันทร์อันน้อยนิด เขาเห็นเดเรคเคลื่อนไหวไปมาเพื่อปกป้องเขาจากสิ่งอันตรายเบื้องหน้า
เงาตะคุ่มอันใหญ่ยักษ์ของผู้ที่มารบกวนการนอนหลับทำให้นีโอขนลุกเกรียว ใครจะนึกได้ว่านอกจากมืออสุระแล้วยังมีสิ่งมีชีวิตในทะเลทรายอีกอย่างที่น่ากลัวไม่แพ้กัน...
................
ก่อนจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ตอนนั้นกลางคืนก็มาเยือนทะเลทรายอีกครั้ง แสงแรงกล้าของดวงอาทิตย์ค่อยๆ ถูกปกคลุมด้วยความมืดทีละนิด กระทั่งทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในความมืดสนิท เมื่อสิ้นแสงจากดวงอาทิตย์ ดินแดนอันแห้งแล้งก็เริ่มอากาศเย็นลง
หลังจากเดินทางมาทั้งวันพวกเขาก็ตัดสินใจค้างแรมที่นี่ก่อนจะเริ่มออกเดินทางต่อในตอนเช้ามืด ก่อกองไฟเสร็จทั้งสองก็นั่งกินเนื้อตากแห้งไปเงียบๆ ผิงไฟให้ร่างกายอบอุ่น
การเดินทางกับเดเรคมาทั้งวันทำให้นีโอรู้จักโลกที่เขาอยู่มากขึ้น
ทะเลทรายแห่งนี้มีชื่อว่าทะเลทรายโรฮานอยู่กึ่งกลางระหว่างสี่ราชอาณาจักร
โดยทางเหนือเป็นที่อยู่ของราชอาณาจักรคารีน่า แหล่งรวมของจอมเวทย์ เวทมนตร์และของวิเศษทั้งหลาย ทิศตะวันตกเป็นของราชอาณาจักรชารุ เผ่าแห่งนักรบที่เดเรคอยู่ ทิศตะวันออกเป็นราชอาณาจักรบาจัน มีพวกครึ่งคนครึ่งสัตว์และสัตว์วิเศษอาศัยอยู่ ส่วนทางทิศใต้เป็นแหล่งแห่งศิลปะ การร่ายรำ ขับร้องและดนตรี นั่นคือราชอาณาจักรวีร์
เดเรคเล่าให้ฟังว่าอาณาจักรชารุ บาจันและวีร์เป็นมิตรที่ดีต่อกัน ส่วนอาณาจักรคารีน่าชอบทำสงครามกับพวกเขา ครั้งล่าสุดพวกนั้นจับคนของเผ่าวีร์ไปเป็นทาสและล่าเผ่าบาจันเพื่อเอาเลือดเนื้อของพวกเขาไปทำยาและของวิเศษจึงเตือนนีโอให้ระวังตัวไว้
"แล้วอาณาจักรกรุงเทพฯ ของเจ้าเป็นเช่นไร"
เดเรคถามขึ้นด้วยความใคร่รู้เมื่อพวกเขาทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว
"ยังไงน่ะเหรอครับ..."
นีโอทำท่าลำบากใจกับคำถามที่เกี่ยวกับบ้านเกิดของตน จึงพยายามนึกเรียบเรียงคำพูดให้อีกฝ่ายเข้าใจอยู่ครู่หนึ่ง
"เป็นเมืองใหญ่ ผู้คนเยอะแยะ มีสิ่งก่อสร้างมากมายสูงเกือบระฟ้า มีของให้กินให้ใช้ตลอดเวลาขอแค่มีเงิน ยานพาหนะมากมายแล่นอยู่บนถนนจนแน่นขนัด มีวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์ของตนเองดี คงประมาณนี้ล่ะมั้ง..."
พูดมาถึงตรงนี้นีโอก็คิดขึ้นมาได้ว่าทั้งที่มาจากคนละที่กันแต่เดเรคกลับพูดภาษาไทยเหมือนเขา ทั้งๆ ที่ชื่อหรือหน้าตาของชายหนุ่มก็ไม่ใช่คนไทยสักนิด ชื่อจริงๆ ของเขามันยาวกว่านี้ เด็กหนุ่มบอกชื่อเล่นของตนเองให้เดเรคไปเพราะคิดว่ามันสะดวกในการเรียกมากกว่า
"ดูเป็นเมืองที่วุ่นวายไม่น้อยนะ"
ชายหนุ่มออกความเห็น นีโอยิ้มน้อยๆ
"มันก็วุ่นวายจริงๆ ล่ะครับ ตอนกลางวันก็ยุ่ง กลางคืนก็ยังคึกคักนี่แหละกรุงเทพฯ ครับ"
"เจ้าชอบอาณาจักรของตัวเองมากสินะ"
เดเรคว่าพลางโยนถ่านหินอีกก้อนเข้าไปในกองไฟ
"ไม่มีใครเกลียดบ้านเกิดของตัวเองหรอกครับ ถึงจะเจอเรื่องไม่ดีมามากแต่ชีวิตเราก็เป็นแบบนี้ ผมอยู่เสียจนชินแล้วล่ะครับ"
พูดไปนีโอที่จ้องมองเปลวไฟก็เอามือปิดปากหาว เห็นดังนั้นเดเรคจึงลุกขึ้นหยิบเสื่อออกมาปูลงบนพื้นและวางหมอนใบเล็กๆ สองใบรวมทั้งผ้าห่มสองผืนวางกองบนที่นอน
"นี่ก็ดึกแล้วมานอนกันเถอะ"
"ครับ"
นีโอตอบรับเพราะง่วงนอนเต็มทน แต่พอเห็นชายหนุ่มเข้ามานอนที่เดียวกัน ร่างบางก็ชะงัก
"เอ๊ะ? ที่นอนมีแค่อันเดียวหรือครับ"
"ใช่แล้ว"
เดเรคตอบด้วยสีหน้างุนงง นีโออ้าปากค้าง
"ที่มีแค่นี้ ผมจะนอนด้วยได้ยังไงกันล่ะ!?"
"จะเป็นอะไรไป เมื่อคืนเจ้ากับข้ายังนอนด้วยกันเลย"
"เมื่อคืนเหรอ..."
"ข้ามาเจอเจ้านอนสลบอยู่กลางทะเลทรายตอนดึกมากแล้ว อากาศก็หนาวข้ากลัวว่าเจ้าจะเป็นหวัดเลยให้นอนด้วยกัน อีกอย่างข้าก็มีที่นอนแค่ผืนเดียวด้วย ไม่งั้นเจ้าจะให้ข้าไปนอนที่ไหนล่ะ"
ชายหนุ่มอธิบาย คราวนี้นีโอถึงกับกุมขมับ เขาดันเข้าใจผิดไปว่าเดเรคพกที่นอนมาสองชุดเสียอีก นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะนอนร่วมเตียงกับอีกฝ่ายได้
แย่ล่ะ! ระหว่างที่เขาหลับคงจะไม่นอนดิ้นรบกวนเดเรคหรอกใช่ไหม!?
นีโอหน้าซีดเผือด ชายหนุ่มสังเกตเห็นจึงเอ่ยว่า
"หรือจะให้ข้าไปนอนกับพื้นทรายก็ได้นะ ถ้าเจ้าไม่ชอบล่ะก็..."
เดเรคใจดีมากจนเด็กหนุ่มตื้นตันใจ รีบส่ายหน้ารัวๆ
"ไม่ต้องหรอกครับ! คุณเดเรคเป็นเจ้าของที่นอน ผมต่างหากที่ควรไปนอนพื้นน่ะ!"
"ถ้าเจ้าคิดจะนอนตรงบริเวณทรายล่ะก็ ระวังหน่อยนะ อาจจะมีตัวอะไรโผล่มาจากทรายก็ได้"
ชายหนุ่มไม่ได้พูดขู่ เขาแค่เตือนว่าอาจจะเจอพวกแมลงมาก่อความรำคาญ ทว่านีโอกลับเข้าใจผิดไพล่คิดไปถึงมือประหลาดเมื่อวาน ขนลุกซู่โดยไม่ต้องพึ่งพาลมเย็นๆ ของทะเลทราย เปลี่ยนท่าทีรีบคลานมานอนกับเดเรคอย่างรวดเร็ว
"เอ่อ... ถ้าอย่างนั้นเรานอนด้วยกันดีกว่าครับ"
ระหว่างเจอสัตว์ประหลาดกับนอนด้วยกันกับคนแปลกหน้า เขาขอเลือกอย่างหลัง!
"ตามใจเจ้า"
เดเรคกล่าวอย่างว่าง่าย เขาเขยิบอีกหน่อยให้มีพื้นที่สำหรับนีโอ เด็กหนุ่มนอนหันหลังให้อีกฝ่ายเอาผ้าห่มมาห่อตัวไว้และพยายามนอนสุดริมเสื่อให้มากที่สุด ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะเขารังเกียจเดเรค แต่กลัวว่าตัวเองจะนอนดิ้นรบกวนการพักผ่อนของชายหนุ่ม
ผ่านไปพักใหญ่ ทุกอย่างก็เงียบสนิท เดเรคไม่ขยับตัวเลย นีโอเองก็นอนนิ่งๆ เช่นกันแต่ตายังสว่างโร่
การอยู่แปลกที่แปลกถิ่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขานอนไม่หลับ แต่สาเหตุอีกอย่างก็คือเขาไม่เคยชินกับการมีคนนอนร่วมเตียงด้วย นอนห้องเดียวกันยังพอทนแต่นอนเตียงเดียวกัน เขากลับรู้สึกแปลกๆ
แม้จะหันหลังให้อยู่นีโอก็รู้สึกถึงลมหายใจเป่าอยู่เหนือศีรษะ เป็นการหายใจที่สม่ำเสมอดีบ่งบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายเข้าถึงห้วงนิทราแล้ว
นีโอซึ่งนอนไม่หลับค่อยๆ พลิกตัวหันไปประจันหน้ากับเดเรค แอบมองใบหน้ายามหลับ หน้าตาอันหล่อเหลา ผิวสีเข้ม เมื่อมองดีๆ จะเห็นรอยแผลเป็นจางๆ เหมือนโดนมีดบาดบริเวณแก้ม ขนตายาว จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากได้รูปที่เย้ายวน องค์ประกอบเลิศเลอทำให้คนคนนี้มีเสน่ห์สั่นคลอนหัวใจได้ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ตาม
ช่างน่าอิจฉาจริงๆ ถ้าเขามีใบหน้าเป็นแบบนี้อยากจะรู้ว่าคนคนนั้นจะตกหลุมรักเขาขึ้นมาบ้างหรือเปล่านะ
เขามองหน้าของเดเรคเพลินไปหน่อยจนในที่สุดก็รู้สึกง่วงขึ้นมา นีโอปิดตาลงสติล่องลอยไปในห้วงแห่งความฝันอันแสนสุข...
....................
แกร่ก... แกร่ก...
ไม่รู้ว่านีโอหลับไปนานเท่าไหร่ สติของเขาค่อยๆ กลับคืนมาเมื่อหูของเขาก็ได้ยินเสียงผิดปกติดังขึ้น
แกร่ก... แกร่ก...
ไม่ใช่แค่เด็กหนุ่มที่สะดุ้งลืมตาขึ้นมา เดเรคเองก็เช่นกัน ชายหนุ่มมีท่าทางหงุดหงิดที่ถูกปลุกขึ้นมาจากการนอนอันแสนสบาย
ร่างสูงจ้องมองผ่านความมืดไปยังต้นเสียงและเอื้อมมือหยิบดาบขึ้นมา
"มาหลบข้างหลังข้าซะ"
เดเรคสั่ง นีโอรีบทำตามในทันที เมื่อมีบางสิ่งกำลังเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา
แกร่ก... แกร่ก...
"นั่นมัน...!"
นีโออุทานเมื่อเจ้าของเสียงแปลกๆ เข้ามาใกล้ในระยะสายตาและเท่าที่แสงจากกองไฟจะส่องถึง
มันคือแมงป่องที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับรถยนต์สักคัน ตาสีแดงลุกวาวแฝงแววดุร้าย หางยาวแล้วตรงปลายแหลมแสดงถึงความคม หางของมันวาววับเคลือบพิษร้ายชวนให้น่ากลัวอยู่ไม่น้อย
นีโออ้าปากค้างกับสัตว์ประหลาดที่อยู่ตรงหน้า
ให้ตายสิ! โลกในภาพวาดนี้มันสุดแสนจะแฟนตาซีเกินไปแล้ว!
อูฐที่เห็นแมงป่องส่งเสียงร้องออกมาด้วยความกลัว เดเรคทำเสียงชู่สองสามครั้งและลูบตัวมันเพื่อปลอบให้สงบลง
"ไปอยู่ข้างอูฐก่อน เดี๋ยวข้าจะจัดการเจ้านี่เอง"
"ครับ"
เดเรคลุกขึ้นยืนตวัดดาบหนึ่งครั้งไปที่แมงป่องยักษ์อย่างอาจหาญ เด็กหนุ่มรีบย้ายสถานที่ไปนั่งข้างๆ อูฐ เอามือลูบตัวมันไปมาเพื่อปลอบขวัญ
เขาจ้องมองเดเรคด้วยใจระทึกขณะที่ชายหนุ่มยืนประจันหน้ากับแมงป่องยักษ์อย่างไร้ความเกรงกลัว
"บังอาจมารบกวนการนอน จงเตรียมตัวเตรียมใจไว้ซะ!"
เดเรคพุ่งตัวเข้าไปหาแมงป่องแบบไม่ลังเลพร้อมกับตวัดดาบตัดขาของมันจนแมงป่องล้มลงส่งเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวด มันขยับหางฟาดไปที่เดเรคอย่างแรงแต่ก็พลาดเพราะชายหนุ่มก้มตัวหลบได้ทัน
เดเรคอาศัยจังหวะที่แมงป่องกำลังตั้งตัวเงื้อดาบฟันไปที่สีข้างเรียกเลือดสีเขียวกลิ่นคลื่นเหียนพุ่งออกมาจากปากแผล
แมงป่องส่งเสียงร้องอีกครั้ง มันเอาปลายหางแทงไปที่เดเรคแต่ก็โดนดาบสกัดเอาไว้ได้
ด้วยความโมโหมันจึงฟาดหางสะเปะสะปะไปบนพื้นทรายจนฝุ่นฟุ้งไปหมดและเป่ากองไฟมอดดับ เป็นผลให้การมองเห็นของทั้งสองพลอยแคบลง
แสงจันทร์มีไม่มากพอจะมองเห็นการต่อสู้ของเดเรคและแมงป่องตัวนั้นนอกจากเงาที่เคลื่อนไหว และเสียงดาบฟัน เสียงคำรามกับเสียงหางฟาดไปมาประกอบฉาก
"นีโอ!"
เสียงนั้นเต็มไปด้วยความตระหนก เจ้าของชื่อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ร่างกายเคลื่อนไหวไปเองตามสัญชาตญาณ
เด็กหนุ่มรู้สึกว่าที่ที่ตัวเองอยู่นั้นอันตรายจึงขยับย้ายที่ แล้วทันใดนั้นเองหางของแมงป่องเสียบตรงตำแหน่งที่นีโอเคยนั่งอยู่ทะลุผืนเสื่อขาดเป็นรู!
ซีด... เขาเกือบตายอนาจแล้วสิ...
"บังอาจมาก!"
เดเรคคำรามด้วยความโกรธจัด อุณหภูมิรอบตัวลดต่ำลง เด็กหนุ่มหนาวจนต้องคว้าผ้าห่มข้างตัวขึ้นมา ฟันกระทบกันเสียงดังกึกๆ ทำไมจู่ๆ อากาศถึงได้หนาวเฉียบพลันขึ้นมากัน!
สายลมพัดดังหวีดหวิวนำเอาละอองสีขาวมาด้วย ความเย็นที่กระทบกับใบหน้าของเด็กหนุ่มทำให้รู้ว่าละอองนั้นคือเกล็ดน้ำแข็งแวววาว มันถูกพัดไปรวมอยู่รอบๆ ตัวชายหนุ่ม น้ำแข็งเกาะพราวที่ดาบและพื้นดิน อุณหภูมิติดลบเรื่อยๆ กระทั่งจะหายใจยังลำบาก นีโอต้องขดตัวอยู่ในผ้าห่ม แม้แต่อูฐก็ยังมาร่วมด้วย เนื้อตัวสั่นเทา
แมงป่องรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบังเกิดความกลัวโดยสัญชาตญาณ มันจึงล่าถอย ทว่าเดเรคที่โกรธจัดต้องการระบายไม่ยอมปล่อยแมงป่องยักษ์ไปง่ายๆ
"มาถึงขั้นนี้คิดหรือว่าจะหนีได้!"
เดเรคยกดาบขึ้นแล้วตวัดไปทีเดียว น้ำแข็งแหลมหลายสิบแท่งก็โผล่มาจากพื้นทรายแทงทะลุทั่วร่างของแมงป่องยักษ์ เลือดสีเขียวเหม็นคาวสาดกระจายพร้อมกับเสียงกรีดร้องสั่นสะเทือนแก้วหู
กี๊ซซซซ!!!
นีโอยกมือปิดหูได้ทันก่อนที่คลื่นเสียงจะทำร้ายหูของเขา เด็กหนุ่มมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ทะเลทรายจะมีน้ำแข็งได้ยังไง มันผิดธรรมชาติเกินไปแล้ว! นี่หรือว่ามันคือเวทมนตร์...
เดเรคกระตุกยิ้ม "มันยังไม่จบเท่านี้หรอกนะ"
เปรี๊ยะ... เปรี๊ยะ...
แท่งน้ำแข็งที่เสียบร่างแมงป่องเพิ่มไอเย็นเข้าไปอีก น้ำแข็งสีขาวกลืนกินร่างของแมงป่องทีละนิด แช่แข็งร่างของมันกลายเป็นประติมากรรมกลางผืนทราย
นีโออึ้งค้างไป มันคือเวทมนตร์แบบในนิยายแน่นอน ขนาดนกที่มีขนเป็นเพลิงพ่นไฟได้ยังมีเลย ที่นี่จะไม่มีเวทมนตร์ได้อย่างไร!?
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น เดเรคก็รีบตรงเข้ามาหานีโอ ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
"เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า!?"
"ผมไม่เป็นไรครับ"
เขาตอบเสียงหนักแน่นเพื่อให้อีกฝ่ายคลายกังวล เดเรคกวาดตามองไม่เห็นร่องรอยบาดเจ็บจึงโล่งใจ จากนั้นก็หยิบเสื่อที่ขาดเป็นรูกับผ้าห่มคลุกทรายกับเลือดของแมงป่องขึ้นมา
"เราคงต้องไปนอนข้างๆ อูฐแล้วล่ะ ที่นอนเละขนาดนี้"
"แต่ผ้าห่มยังอยู่ดีนะครับ"
นีโอชูผ้าห่มที่เขาคว้ามาให้อีกฝ่ายดูว่าไม่ค่อยเปื้อนจากทรายมากนัก
"แต่นั่นมันผ้าห่มของเจ้าไม่ใช่เหรอ ของข้ามันเปื้อนหมดแล้ว"
"ไม่เป็นไรครับ ใช้ด้วยกันก็ได้"ร่างบางคลี่ผ้าห่มออก คิดว่ามันใหญ่เพียงพอจะห่มด้วยกันสองคนได้
"ถ้าแค่มีผ้าห่มก็คงนอนได้นะครับ"
นีโอไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำขนาดทนเห็นคนที่ช่วยชีวิตนอนหนาวได้
"ถ้าเจ้าไม่รังเกียจที่จะต้องนอนเบียดกันยิ่งขึ้น ข้าก็ตกลง"
เดเรคกล่าว พวกเขานอนลงข้างๆ อูฐโดยให้นีโอนอนอยู่ตรงกลาง ชายหนุ่มให้เหตุผลว่าเผื่อเกิดอะไรขึ้นเขากับอูฐที่นอนอยู่ริมจะได้เป็นตัวกันอันตราย นีโอจึงไม่ได้แย้งอะไร รู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำที่อีกฝ่ายใส่ใจเขาขนาดนี้
พอไม่มีเสื่อปู ที่นอนที่ทำจากทรายก็ดูนิ่มดีแต่สัมผัสมันชวนจั๊กจี้ นีโอขดตัวสั่นเบียดร่างเข้าหาไออุ่นจากอูฐ ทว่าเนื้อตัวมันมีกลิ่นสาบจางๆ เป็นกลิ่นที่ไม่หอมชวนดมอย่างยิ่ง เขาจึงเข้าไปนอนใกล้ๆ ไม่ได้เพราะรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังขาดออกซิเจน
ทันใดนั้นเดเรคก็เอื้อมมือมาโอบร่างของเด็กหนุ่ม นีโอชะงัก ตัวแข็งทื่อ
"คุณเดเรคทำอะไรครับ!"
"ข้าเห็นเจ้าตัวสั่นก็เลยกอดเจ้าเพื่อที่จะได้ตัวอุ่นขึ้น"
เดเรคตอบอย่างซื่อๆ ทว่าเด็กหนุ่มกลับดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขน
"ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่เป็นอะไร!"
"เจ้าโกหก"เดเรคกอดคนตัวเล็กเอาไว้แน่น "ถ้าเจ้าไม่เป็นอะไรจริงๆ ร่างกายก็คงไม่เย็นขนาดนี้หรอก"
เป็นจริงอย่างที่เดเรคว่านีโอรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่แตกต่าง ร่างกายของเดเรคร้อนมากแต่ก็อุ่นดี มันบรรเทาอาการสั่นจากอากาศหนาวได้
แม้จะขัดใจแต่เขาไม่อยากปฏิเสธความอุ่นสบายนี้ เพื่อให้ผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ เขาจะยอมให้เดเรคกอดแล้วกัน
นีโอพลิกตัวมาประจันหน้ากับชายหนุ่ม ท่ามกลางความมืดที่มีแค่แสงจันทร์ส่องเรืองลาง มองเห็นนัยน์ตาคู่นั้นของเด็กหนุ่มวาวราวกับไข่มุกดำ คนมองพลอยนิ่งอึ้งไปดั่งโดนสายตานั้นสะกด
"ผมจะยอมให้คุณนอนกอดก็ได้ แต่ช่วยอย่ากอดแน่น ผมอึดอัด"
"เข้าใจแล้ว"
เดเรคยอมทำตามที่ขอเพราะนึกหวั่นกับสายตาที่แฝงเร้นอำนาจบางอย่างไว้ รีบคลายอ้อมกอดลง
พอไม่โดนกอดรัดนีโอจึงสบายขึ้นสามารถจะนอนพลิกตัวไปมาได้ และในตอนนี้เขาเลือกที่จะนอนซุกกับแผ่นอกของเดเรค
คนโดนแนบชิดพลันใจสั่น ลมหายใจของร่างบางเป่าอย่างสม่ำเสมอที่ซอกคอเขาบ่งบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายเข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว แต่เดเรคกลับประสบปัญหานอนไม่หลับเสียเอง
“บ้าจริง...”
หลังจากมีนีโอมานอนอยู่ข้างกาย เขาก็กลายเป็นโรคนอนไม่หลับเสียแล้ว ต่อให้เหนื่อยล้ามากเพียงใดลองมีร่างแบบบางมานอนใกล้ๆ เป็นใครก็พาลนอนไม่หลับกันทั้งนั้น
ฟืด...
อูฐทำเสียงฟืดฟาดคล้ายกับรู้ว่าเจ้านายกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่ เดเรคถลึงตาใส่มัน งึมงำตอบไปว่า
“รู้น่า แค่หลับๆ ไปก็พอใช่ไหม”
แต่ต่อให้ข่มตาหลับก็ใช้เวลานานกว่าชายหนุ่มจะหลับได้
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
พระเอกเราเก่งจริงๆงานนี้ มีหลายอาณาจักร เรื่องยาวแน่ ฝั่งเวทมนต์อีก เรากว่ากลับอาณาจักรกรุงเทพยากแล้วละนีโอ