ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Angel of Death ปฏิบัติการฟื้นคืนหัวใจของยัยยมทูต

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ > ถึงฆาตหรือว่าดวงซวย

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ย. 54


    Duck- ร้านค้าแจกธีมบทความFly 


    คุณเชื่อเรื่องเวรกรรมหรือไม่?

    เชื่อเรื่องนรกสวรรค์หรือเปล่า?

    แล้วภูตผีปีศาจล่ะคิดว่าไง?

    ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่เชื่อสิ่งลี้ลับพวกนี้ล่ะก็...มาเจอกันสักครั้งดูไหม? ^^

     

     

     

     บทนำ ถึงฆาตหรือว่าดวงซวย

     





                ฮ้าวววว -O-“ ง่วงชะมัดเลย อยากนอนต่ออีกสักสองสามยก แต่วันนี้อากาศดีจังแฮะ เหมาะแก่การออกไปช็อปปิ้งเป็นที่สุด ^O^

     

                ความง่วงมลายหายไปทันตาเมื่อนึกถึงเรื่องสนุกๆ ที่กำลังจะเกิดในไม่ช้านี้ ฮิๆ อาบน้ำแต่งตัวแล้วขึ้นไปโลกมนุษย์ดีกว่า >O<

     

                ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันกำลังจะขึ้นไปช็อปปิ้งที่โลกมนุษย์จริงๆ เพราะสถานที่ที่ฉันอาศัยอยู่ตอนนี้ก็คือ นรกอ๊ะ! ไม่สิ เรียกว่า โลกวิญญาณดีกว่า ดูไฮโซกว่าเยอะ >_<

     

                ฉันชื่อ โลลิ อีเร็คก้า อลิธซาเบธ แอนนาแบลล์ เล็กซ์สัน(จะยาวไปเพื่อใคร -_-?) หรือเรียกสั้นๆ ว่า โลลิฉันมีผมที่ยาวมากสีแดงสดและดวงตาสีเลือดนก แน่นอนว่าฉันไม่ใช่มนุษย์ เพราะฉันคือยมทูต ^O^ ฉันเป็นบุตรสาวของท่านพญายมบาลแห่งโลกวิญญาณนี้ไงล่ะ ^^ ฟังดูยิ่งใหญ่เนอะ แต่ฉันก็ยังต้องทำงานเป็นยมทูตงกๆ เหมือนกับยมทูตสาวตนอื่นๆ อยู่ดี =__=;;

     

                หน้าที่ของยมทูตอย่างฉันก็คือต้องคอยดูแลวิญญาณของคนที่เพิ่งตายและรับลงมาที่โลกวิญญาณเพื่อส่งต่อไปที่หน่วยตรวจสอบและตัดสินโทษ แทบจะเดลิเวอรี่ยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยเชียวล่ะ =^= หากวิญญาณตนนั้นทำแต่กรรมดีก็จะได้ไปสวรรค์ แต่ถ้าหากทำแต่กรรมเลวก็จะต้องถูกส่งไปพิพากษากรรมที่ศาลแห่งยมโลกอีกทีว่าจะต้องไปชดใช้กรรมที่นรกขุมไหน และในหนึ่งวันก็จะมีคนตายเป็นจำนวนมาก บางวันยมทูตก็ไม่เพียงพอที่จะไปรับวิญญาณเหล่านั้น จึงมีอยู่มากเลยทีเดียวที่วิญญาณเหล่านั้นจะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนที่ไม่ได้รับการดูแลและที่หนักไปกว่านั้นก็คือหากวิญญาณเร่ร่อนเหล่านั้นมีจิตอาฆาตกับอะไรบางอย่างก่อนตายจะกลายเป็นวิญญาณพยาบาทที่ไม่มีวันได้ผุดได้เกิดในที่สุด

     

                ด้วยเหตุนี้ลูกสาวท่านพญายมบาลอย่างฉันจึงต้องทำงานหนักเป็นเท่าตัวเพื่อไม่ให้มีวิญญาณพยาบาทเกิดขึ้น แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น...ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันหยุด ฉันก็ขอพักบ้างอะไรบ้างก็แล้วกัน ฮิๆ >O<

     

                หลังจากช็อปปิ้งเสร็จ...

     

                อะฮื้ออะฮ้า...โลกมนุษย์วันนี้ช่างเงียบสงบดีจัง ไม่มีอุบัติเหตุ ไม่มีภัยธรรมชาติ ไม่มีการก่ออาชญากรรม และที่น่าดีใจก็คือ...ไม่มีคนตาย วู้ฮู้วว ^O^ อ๊าย...ปลื้ม! ปลื้มมากค่า >O<

     

                ไหนๆ ก็ได้ขึ้นมาเดินบนถนนของโลกมนุษย์ทั้งที ขอสำรวจตึกรามบ้านช่องสักหน่อยก็แล้วกัน

     

                ฉันดึงเคียวด้ามแดงเลือดหมูออกมาจากผมที่ฉันใช้ทำเป็นปิ่นปักผมก่อนจะโยนมันขึ้นไปในอากาศ เคียวด้ามนั้นก็ขยายตัวออกฉันจึงกระโดดขึ้นไปนั่งบนนั้นที่มันลอยคว้างอยู่กลางอากาศทันที แน่นอนว่าไม่มีมนุษย์คนไหนมองเห็นฉันอยู่แล้ว >_< (ตอนไปช็อปปิ้งถึงต้องแปลงร่างก่อนน่ะ)

     

                ความจริงฉันก็เหาะเหินเดินอากาศได้นะหรือจะแว๊บไปไหนมาไหนก็ได้เหมือนกัน แต่ทำแบบนั้นมันเปลืองพลังงานน่ะสิ ขี่เคียวสะดวกกว่าเยอะ ^O^

     

                ฉันขี่เคียวไปตามทางเรื่อยๆ เห็นผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่เพื่อไปยังจุดหมายปลายทางของตนเอง กลุ่มนักเรียนเดินคุยกันอย่างสนุกสนานไปตามทาง ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุด 

     

                อ๊ะ! นั่นเขาเรียกว่าอะไรนะ...ใช่ทางม้าลายรึเปล่า =O=? ฉันอยากลองเดินข้ามถนนด้วยทางม้าลายนี่มาตั้งนานแล้วแฮะ ฉันตัดสินใจเก็บเคียวแล้วปักผมเอาไว้ตามเดิมก่อนจะลองเดินตรงไปยังถนน >O< ตื่นเต้นชะมัดเลย!

     

                ย่อง~ ย่อง~

     

                ฉันค่อยๆ เดินไปบนถนนที่ถูกทาไว้ด้วยสีขาวสลับดำและก็เหมือนเช่นเคย...ไม่มีใครมองเห็นฉันหรอก 

     

                ฉันยืนอยู่กลางถนนและกำลังสำรวจรอยด่างดำของทางม้าลายอย่างเอาเป็นเอาตายประหนึ่งกำลังทดสอบเคมีอยู่ในห้องแล็บก็ไม่ปาน รถคันหนึ่งแล่นเข้ามาด้วยความเร็วสูง แต่ถึงแม้ฉันจะถูกรถชนฉันก็ไม่เป็นอะไรแน่นอน เพราะว่าฉันคือยมทูตยังไงล่ะ ^O^ ทว่า...ในขณะที่รถคันนั้นจะพุ่งเข้ามา

     

                ระวัง!!!” เสียงหนึ่งดังขึ้นทำเอาฉันตกใจพร้อมกันนั้นร่างหนึ่งก็กระโดดเข้ามาคว้าตัวฉันไว้แต่ก็คว้าได้เพียงอากาศเท่านั้น =O=;; เอ๊ะ! นี่ฉันคิดไปเองรึเปล่าว่ามีคนพยายามช่วยชีวิตฉัน

                และแล้ว...

     

                ปี๊นนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!!

     

                เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!

     

                โครม!!!!!!!

     

                โอ้ไม่นะ!!!” ฉันร้องเสียงดังด้วยความตกใจสุดขีดแต่ก็ไม่มีใครเห็นฉัน

     

                เฮือก!!! O_O ข้างๆ ฉันมีผู้ชายคนหนึ่งกำลังนอนคว่ำหน้า เลือดไหลอาบเป็นทางยาวอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหลแต่อย่างใด โอย...อกอีแป้นจะแตก >_< นี่มันเกิดอะไรขึ้น!

     

                กรี๊ดดดดดดด!!!” เสียงคนแถวนี้ดังขึ้นพร้อมรถยนต์คันดังกล่าวได้แล่นผ่านตัวฉันออกไปเรียบร้อย ชนแล้วหนีเหรอเนี่ย O_o!!!

     

                ช่วยด้วยๆ มีคนเจ็บ เสียงผู้ชายอีกคนดังขึ้นใกล้ๆ กัน ฉันที่อยู่ข้างๆ เขากลับทำอะไรไม่ได้เลย มันจุกไปหมด พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเหมือนโดนไม้หน้าสามฟาดเข้าหน้าอย่างจัง

     

                เรียกรถพยาบาลเร็วเข้า!!” เสียงผู้ชายที่ห้าวกว่าเดิมตะโกนขึ้นทำให้ทุกคนที่กำลังมุงดูตาลีตาเหลือกควานหาไอ้ที่เรียกว่าโทรศัพท์ออกมาโทรไปเรียกรถพยาบาลอย่างด่วนจี๋ บ้างก็โทรบอกคนรู้จักถึงเหตุที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา บ้างก็ถ่ายคลิปเก็บเอาไว้ (เอ่อ...มันน่าพิสมัยตรงไหนเนี่ย -_-^) ส่วนฉัน...ยังคงยืนตีหน้ามึนอยู่ที่เดิม ก็ฉันไม่รู้จะทำยังไงนี่ อีกอย่างฉันสามารถสัมผัสร่างกายของเขาได้ที่ไหนกัน

     

                และด้วยเหตุนี้เองถนนสายนี้จึงกลายเป็นอัมพาตไปโดยสิ้นเชิง ต้องเดือดร้อนตำรวจให้มาช่วยกู้สถานการณ์คับขันอีกจนได้ รถพยาบาลและรถอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายพากันมารับร่างไร้วิญญาณแต่ยังหายใจ (แม้จะแผ่วเบาก็เถอะ) ของหมอนั่นไปทำแผลแบบชุลมุนวุ่นวาย อะไรจะขนาดนั้น =O=;;

     

                เฮ้ย!!! เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย เสียงที่คิดว่าน่าจะคุ้นดังขึ้นด้านหลัง คนที่มุงดูเริ่มจางหายกันไปเกือบหมดจึงทำให้ฉันเห็นเขาได้อย่างชัดเจน...ผู้ชายคนที่โดนรถชนกึ่งเป็นกึ่งตายคนนั้น เขากำลังลอยคว้างอยู่กลางอากาศและทำท่างงงวยกล้วยทอดที่จู่ๆ ก็ได้มาเห็นร่างของตัวเองที่โชกไปด้วยเลือดถูกพาขึ้นรถพยาบาลไปแบบที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นหรือตาย

                นะ...นั่นฉัน! แล้วนี่ล่ะ ผู้ชายคนนั้นกำลังก้มลงสำรวจตัวเองแบบมึนๆ เพราะการหาคำตอบให้ตัวเองภายในเวลาแค่เสี้ยววินาทีหลังความตายมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และแน่นอนมันมักจะเกิดขึ้นกับคนที่เพิ่งผ่านความตายมาสดๆ ร้อนๆ อย่างอีตานี่อ่ะแหละ =__=;;

     

                ปิ๊บๆ ปิ๊บๆ

     

                เสียงของตลับแป้งวิญญาณดังขึ้นฉันจึงเปิดออกดู ข้อมูลเยอะแยะของหมอนั่นก็ฉายขึ้นมาลอยอยู่ในอากาศ ฉันจึงไล่สายตาอ่านข้อมูลคร่าวๆ ของอีตานี่

     

                เอ...ชื่อนายอติเทพ เทวารัศมี ชื่อเล่นอเวย์ อายุยี่สิบสามปี บลาๆๆ ฉันไล่สายตาอ่านไปจนถึงสองบรรทัดสุดท้ายอันเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันต้องเบิกตากว้างเท่าไข่นกกระจอกเทศทองคำเลยทีเดียว

     

                ชาตะ 17 มกราคม 1988’

                มรณะ 30 พฤศจิกายน 207x ด้วยโรคชรา

     

                เวร!!! นี่มันเพิ่งปี 2011 เองนะ อีกตั้งห้าสิบหกสิบปีกว่าอีตานี่จะตายนี่นา แล้วนี่มันเกิดอาเพศอะไรขึ้นล่ะเนี่ย ทำไมหมอนี่ตายไวกว่ากำหนดเป็นครึ่งค่อนศตวรรษแบบนี้ >O< แถมยังถูกรถชนตายแทนที่จะตายด้วยโรคชราอีก

     

                ปุ๊บๆ ปุ๊บๆ

     

                เสียงเทเลในกระเป๋าของฉันดังขึ้น (เสียงน่ารักใช่ม้า) ฉันจึงรีบหยิบออกมารับโดยเร็ว

                            ปล.เทเลก็คือโทรศัพท์ของโลกวิญญาณนั่นเอง

     

                (ยัยหนู!!! รีบกลับมาที่ยมโลกเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!) แว๊กกกกกก >_< เสียงท่านพ่อตะโกนออกมาจากเทเลก่อนที่ฉันจะกรอกเสียงลงไปเสียอีก ทำให้ฉันต้องยกมันออกจากหูอย่างรวดเร็ว เพราะมันเป็นอันตรายต่อเยื่อในแก้วหูของฉันอย่างมาก T^T

     

                กะ...เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ฉันถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ

     

                (พ่อบอกให้รีบกลับมาไง!!! แล้วอย่าลืมพาวิญญาณของเจ้าหนุ่มนั่นกลับมาด้วยล่ะ แค่นี้นะ!!!)

     

                =[]=!!! พูดจบก็วางหูกระแทกใส่อย่างกับจะรีบไปแร่เนื้อใครมาทำชาบูอย่างนั้นแหละ แล้วจะตะโกนใส่หนูทำมายยยย T_T ฮือๆ

     

                อ๊ากกกกกก! มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย!

                ไหนๆ ก็ไหนๆ ฉันคงต้องพาวิญญาณไอ้หมอนี่กลับไปด้วยแล้วล่ะ จะให้พาไปส่งนรกขุมไหนก็จะพาไปส่งถึงที่เลยจ้า TOT เฮ้อ...สงสัยฉันคงต้องทำหน้าที่ยมทูตที่ดีแล้วสิ (ถึงแม้จะไม่เต็มใจเลยก็ตาม =_=)

     

                พอตัดสินใจกับตัวเองได้แล้วฉันก็หายตัวไปโผล่อยู่ด้านหลังอีตาคนดวงซวย (ขอเรียกแบบนี้เลยแล้วกัน) ที่นั่งทำหน้างงอยู่กลางอากาศนั่นเรียบร้อย

     

                เฮ้ย!!! หรือว่าฉันจะตายไปแล้ววะเนี่ย!” เสียงของผู้ชายคนเดิมก็ลอยมากระแทกหูฉันอีกครั้งพร้อมใบหน้าอันยุ่งเหยิงและคิ้วที่ขมวดเข้าหากันจนแทบจะหลอมรวมกันเป็นเส้นตรง

     

                ปิ๊งป่อง! ถูกต้องนะจ๊ะ ^O^” ฉันปรบมือให้สองสามครั้งนายดวงซวยหันมาทางฉันพลางทำตาโตอย่างกับเห็นคนลอยได้ (ก็ลอยอยู่จริงๆ นี่ยะ) ฉันเริ่มพูดต่อโดยไม่สนใจท่าทีของหมอนั่น นายเนี่ยเก่งจังน้า >_< มีไม่กี่คนหรอกนะที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรภายในเวลาไม่กี่นาทีแบบนี้ ฉันพูดพร้อมฉีกยิ้มกว้างประหนึ่งอยู่บนเวทีประกวดนางงามที่กำลังมีคนรุมถ่ายรูปกันอื้อซ่า (อ๊ะๆ ถึงแม้ฉันจะเป็นยมทูตแต่ฉันก็อัพเดทข่าวสารนะจ๊ะ ฮี่ๆ >,,<)

     

                เธอเป็นใคร -_-^” นายดวงซวยถามพลางปรับสีหน้าให้เฉยชาสุดชีวิตก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง อ๋อ...ยัยหัวแดงที่นั่งนับมดทำหน้าเอ๋อเหรออยู่กลางถนนนั่นนี่ -_-+ อะ...ไอ้...! เรียกใครว่ายัยหัวแดงยะ แล้วใครเอ๋อเหรอกัน เดี๋ยวปั๊ดฆ่าหมกป่าซะเลย ชักโมโหบ้างแล้วนะ ว่าแต่ตอนฉันอยู่กลางถนนนั่นเขามองเห็นฉันด้วยเหรอ =_=?

     

                “-___-+”

     

                มัวแต่ทำหน้าบานปากแบะอยู่นั่นแหละ จะพูดอะไรก็รีบๆ พูดมาสักที ปากคอเราะร้ายนักนะ เฮอะ!

               

                ตอนนั้น...นายมองเห็นฉันด้วยเหรอ ฉันถามออกไปในที่สุด

               

                “-_-^” มันคงแปลว่าเห็นล่ะมั้ง ก็สายตาอีตานี่ประมาณว่า ถามโง่ๆนี่นา =O= “แล้วทำไมเธอถึงลอยได้ โอ๊ะ! นึกว่าจะไม่ถามคำถามนี้ซะแล้ว ฮุๆๆ

     

                ฉันทำได้มากกว่านี้อีกขอบอก และถ้าขืนนายยังเอาแต่ด่าฉันปาวๆ ฉันจะทำให้นายกลายเป็นวิญญาณเร่รอนไม่ได้ผุดได้เกิดกันอีกเลย เชอะ!” ฉันสะบัดบ๊อบอย่างเป็นต่อ ฮึๆ เป็นยมทูตมีชัยไปกว่าครึ่ง ฮะฮิ้ววว >O<

               

                คิดว่าฉันกลัวเธอรึไง ยัยเอ๋อ อะ...ไอ้นี่! =O=;; ทำไมเขาไม่กลัวฉันเลยล่ะ กลัวสักนิดไม่ได้รึไง กลัวฉันหน่อยเถอะพลีสสส >O<

               

                คำก็เอ๋อ สองคำก็เป๋อ ฉันเป็นถึงยมทูตนะเฟ้ย เกรงกลัวกันสักนิดมันจะตายหรือไงฟะ ฉันตะโกนใส่หน้าตายด้านของหมอนั่นอย่างเหลืออด T^T ไม่กลัวไม่ว่า แถมด่าให้ด้วยอีก หนูรับไม่ด๊ายยยย

               

                เฮอะ! ทำอย่างกับตัวเองน่ากลัวนักนี่ น่าเกลียดล่ะไม่ว่า มะ...หมอนี่ =O=;; แง้ หนูจะฆ่ามัน หนูจะฆ่าม้านนนนน!

               

                เออ! ฉันมันน่าเกลียด ส่วนนายมัน...ไอ้วิปริต ไอ้จิตตก ไอ้หน้าตายด้าน ไอ้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (?) ไอ้ชาเย็น ไอ้เย็นชา ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ อ๊ากกกกกก! ไอ้มนุษย์นิสัยไม่ดี!!!” ฮึ่ย! จะด่าให้ลืมร่าง(กาย)ไปเลย อยากพ่นไฟโว้ย!

     

                “ประสาท -_-+” แกสิประสาท T^T "แล้วสรุปว่ายังไง ฉันตายไปแล้วงั้นเหรอ"

                "ก็ประมาณนั้นแหละ"

                "เฮอะ! น่าสมเพชชะมัด อยู่ดีไม่ว่าดี ต้องมาตายเพราะยัยเอ๋อที่เอาแต่นั่งสำรวจมดอยู่กลางถนน" 

                "ก็แล้วใครใช้ให้นายสะเหล่อวิ่งเข้ามาล่ะ บื้อชะมัด"

                "ยัย...! ฉันช่วยชีวิตเธอไว้นะยัยเนรคุณ!" 

                "-*- โง่รึไง ถึงนายไม่วิ่งเข้ามา รถมันก็แล่นผ่านฉันไปได้อยู่ดี หรือตอนนั้นนายแตะต้องตัวฉันได้กันล่ะ"

                "-_-+" คนถูกด่าเอาแต่ยืนทำหน้าแค้นอย่างทำอะไรไม่ได้ 

               

                เอาเถอะ ไปกันสักทีดีกว่า ป่านนี้ท่านพ่อด่ายับแล้วมั้ง ฉันรีบตัดบทเพราะรู้ว่าด่ามันเท่าไหร่มันก็คงไม่สะทกสะท้านอะไร เพราะมันหน้าด้านนนนน =_=+

               

                ฉันดึงเคียวที่ปักผมไว้ออกมาแล้วโยนขึ้นไปกลางอากาศก่อนที่มันจะขยายตัวออกอย่างรู้งาน

     

                ไปไหน เสียงคนดวงซวยถามแทรก

     

                ฉันใช้เคียววาดเป็นวงกลมไปกลางอากาศก่อนที่ท้องฟ้าในวงกลมนั้นจะกลายเป็นสีดำทะมึน

     

                โลกวิญญาณ!”

     







    The End > บทนำ ถึงฆาตหรือว่าดวงซวย

    - To be continue -

    -------------------------------------------------------------------

    +คุยกัน+
    โอ้มายผู้ชาย >_< ในที่สุดบทนำก็เสร็จสักที แหะๆๆ
    ขาดตกบกพร่องยังไงก็ช่วยแนะนำกันด้วยนะคะ
    อย่าลืมเช็กคำผิดให้มิ้งด้วยล่ะ จุ๊บุ๊

    ว่าด้วยเนื้อเรื่อง -0- มันอาจจะบ้าๆ บอๆ ต๊องๆ
    แต่ก็หวังว่าจะถูกใจเพื่อนๆ บ้างนะงิ >_<

    ติชมกันได้ตามสบายเลยนะจ้าาา ขอบคุณที่หลงเข้ามานะฮ๊าฟฟฟ ^^





    special thanks theme cute2 from n'ky ka!
    ธีมบทความงามๆที่รอคุณมาสอย!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×