ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF+OS] Yeah~EXO-M, EXO-K 우리가 시작하는 미래 History

    ลำดับตอนที่ #2 : [SF] BE-SIDE [SuhoxLuhan]

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 56





    [SuhoxLuhan] Be-Side

     

    ยามเช้าของวันที่ไม่ค่อยจะสดใสซักเท่าไหร่เนื่องจากสายฝนได้โปรยปรายมาทักทายอรุณสวัสดิ์กันตั้งแต่เช้าตรู่ พระอาทิตย์ก็เลยฉวยโอกาสทำเนียนขี้เกียจส่องแสงขึ้นมาซะอย่างนั้น ส่งผลให้บรรยากาศการเริ่มต้นของวันเลยดูจะครึ้มๆยังไงชอบกล...

    ร่างสองร่างที่กอดกันกลมใต้ผ้าห่มนวมผืนหนาขยับตัวยุกยิกเล็กน้อย หนึ่งในนั้นยังคงหลับตาพริ้มฝันหวานไม่มีทีท่าว่าจะตื่นจากนิทราง่ายๆ ในขณะที่อีกคนปรือตาขึ้นมามองนาฬิกาที่ข้างเตียงนิดนึงก่อนจะกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับเรติน่าให้เริ่มทำงาน  ภาพแรกที่เห็นหลังจากประสาทสัมผัสทั้งหมดเข้าที่เข้าทางพร้อมใช้ชีวิตประจำวันคือคนสวยที่นอนข้างกายของเขาอยู่ทุกวัน แพขนตางอน ยังคงนิ่งสนิทอยู่บนรูปหน้าเล็กๆนั้น ริมฝีปากสีสดขยับบ่นงึมงำอะไรซักอย่างเมื่อถูกคนที่ตื่นแล้วรบกวนการนอนหลับโดยการจูบปลายจมูกโด่งรั้น จุนมยอนยิ้มให้กับคนรักขี้เซาของตนเองและยังคงกลั่นแกล้งต่อไป

    “ฮื่ออออออออออ อย่าแกล้ง~เราง่วง~’งื่ออออออออ” เมื่อแก้มขาวถูกจมูกโด่งรุกราน มือเล็กจึงปัดป่ายสะเปะสะปะพลางโวยวายออกมาด้วยอาการงัวเงียขั้นสุด

    “ตื่นมามอร์นิ่งคิสก่อน จะให้นอนต่อ..” จุนมยอนกระซิบข้อตกลงกับคนรักที่ดูยังไงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเอาซะเลยจริงๆพลางกัดเบาๆที่ใบหูเล็กนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว

    “งื่ออออออออออออออออออ”  ถึงแม้จะโวยวายยังไงแต่ก็รู้แก่ใจอยู่ดีว่าต่อให้เขาไม่ยอม จุนมยอนก็จะทำให้ได้อยู่ดี เพราะประโยคเมื่อกี๊ไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เป็นประโยคบอกเล่าต่างหากล่ะ = = คนขี้เซาทำปากยู่เป็นวงกลม ก่อนจะส่งเสียงอื้อ บอกให้รู้ว่าจะจูบก็จูบสิ จะนอนต่อแล้วนะ

    ลีดเดอร์ตัวเล็กอดจะขำกับท่าทางของคนรักไม่ได้ ยิ่งเป็นซะอย่างนี้ยิ่งน่าแกล้งน่าเอาเปรียบ ไอ้ที่คิดว่าจะขอแค่จุ๊บอรุณสวัสดิ์นี่คงไม่พอซะแล้วสิ

    มือขาวประคองท้ายทอยของลู่ฮันที่ยังคงหลับตาไม่รู้เรื่องอยู่เข้ามาใกล้ๆ ริมฝีปากได้รูปจะกดจูบลงบนริมฝีปากที่ยู่กลมประชดกันเบาๆทีนึงให้ตายใจ  ก่อนที่มอร์นิ่งคิสมันจะกลายร่างเป็นเฟรนซ์คิสโดยที่อีกคนไม่ทันตั้งตัว คนถูกโกงได้แต่ตกใจลืมตาโพลงพลางดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ในอ้อมแขนที่แม้จะไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากแต่ช่างแข็งแรงซะเหลือเกิน จนกระทั่งเห็นว่าคนน่ารักเริ่มจะหายใจไม่ทันแล้ว จุนมยอนจึงยอมละจูบออกมาโดยไม่ลืมที่จะกัดริมฝีปากบวมเจ่อนั้นเบาๆอีกทีเป็นการส่งท้าย

    !!!!!!!!!!” ไม่มีคำพูดออกจากปากเจ้าของดวงตาที่จ้องหน้าคนรักตัวเองเขม็ง เหมือนจะด่ากลายๆว่า นิสัยไม่ดี!  ซึ่งก็ได้รับเสียงหัวเราะจากแฟนตัวเองเป็นการตอบแทนท่าทางนั้นแทบจะทันที ส่งผลให้เด็กขี้เซาเปลี่ยนโหมดเป็นเด็กขี้งอน สะบัดตัวนอนหันหลังให้แถมยังเอาผ้านวมคลุมตัวเป็นก้อนกลมๆอีกแหน่ะ น่ารักน่าตีจริงๆ

    “งอนหรอ?” จุนมยอนรั้งตัวคนรัก(ในร่างของก้อนผ้าห่ม)เข้ามากอดไว้แน่นๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนงอนง้อเต็มที่

    “...............” ไม่มีสัญญาณจากผ้าห่มก้อนกลม

    “รักนะ รักลู่ฮันนะครับ”

    “....................” ไม่มีสัญญาณเสียงตอบรับ แต่มีอาการดิ้นดุ๊กดิ๊กจากก้อนผ้าห่มในอ้อมแขน

    จุนมยอนก้มหน้าลงไปจูบคนรักผ่านผ้าห่มเบาๆทีนึง ก่อนจะค่อยๆดึงผ้าห่มออกไปไม่ให้มากั้นขวางระหว่างเขากับลู่ฮัน  และก็พบว่าแฟนที่น่ารักของเขากำลังนอนหน้าแดงมองตรงมาที่เขาอยู่

    “อรุณสวัสดิ์ครับที่รัก รักนะครับ” มอร์นิ่งคิสเบาๆหนึ่งทีที่ริมฝีปากสีสดน่ากิน

    “จูบเราหลายทีเกินไปแล้วนะ!” ถึงแม้ว่าจะเขินแก้มแดง แต่ใช่ว่าเด็กดื้ออย่างลู่ฮันจะยอมนิ่งอยู่เฉยๆ

    “งั้นผมให้จูบคืนมั้ย? อ่ะ~” จุนมยอนทำหน้ายียวนพลางยื่นปากจู๋ๆเข้ามาใกล้หน้าคนรัก

    “ขี้โกงนะ! สองมือของลู่ฮันจับแก้มของคนรักดึงๆยืดๆระบายความหมั่นไส้

    “ก็ขี้โกงกับที่รักคนเดียวแหละ” ลีดเดอร์ตัวดียังสามารถปากดีได้อย่างน่านับถือ

    “แหวะ น้ำเน่า!

    “แล้วรักป่ะ?”

    “...............”

    “ว่าไง~รักมั้ย? รักผมรึเปล่า?”

    .

    .

    .

    “รักสิ รักจุนมยอนนะ จุ๊บ~

     

    %%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

    ภายในห้องนั่งเล่นที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายเหมือนทุกวันเนื่องจากเป็นศูนย์รวมของเด็กซนจากดาวเอ๊กโซที่บ้างก็นั่งเล่นเกมส์แข่งกัน บ้างก็นั่งจิ้มไอแพดพลางเม้าท์แตกกันอย่างสนุกสนาน ลีดเดอร์ตัวน้อยดินออกมาจากห้อง แล้วยิ้มให้กับภาพที่ชินตาเหล่านั้น ก่อนจะเดินไปที่เคาท์เตอร์เพื่อหยิบอาหารเช้าที่คยองซูจัดเตรียมไว้ให้เขากับลู่ฮัน

    “ยิ้มแฉ่งมากเลยนะฮยองนะ.. แล้วลู่ฮันฮยองล่ะฮะ?” คยองซูเอ่ยแซวขึ้นเมื่อเห็นพี่ชายตัวขาวยืนยิ้ม

    “ก็งอแงขอนอนต่อเหมือนเดิมแหละ แล้วนี่กำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ?”

    “อ๋อ..กำลังเล็งหาร้านเนื้อย่างอร่อยๆ ให้ฮยองพาไปเลี้ยงอยู่ฮะ” เพ็กฮยอนตอบพลางยิ้มกว้างใส่คุณพี่ลีดเดอร์ของตนตาเป็นประกาย เลยได้รับมะเหงกเบาๆทีนึงเป็นการตอบแทน

    “ตลกบริโภคนะเราน่ะ”

     

    “เฮ้ยยย...นั่นมันอะไรน่ะ?” จู่ๆจื่อเทาที่นั่งจิ้มไอแพดอยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่นั้นก็โวยวายขึ้นมาเสียงดัง

    “ไหน? อะไรกันน่ะเทาเทา.. เห้ยยยย” อี้ฟานที่เกือบสำลักน้ำส้มไปเมื่อซักครู่หันมองสิ่งที่น้องมองอยู่ก่อนจะตกใจไม่ได้ต่างกัน

    “อะไรกันหรอ?” ว่าแล้วทุกคนที่อยู่ที่ห้องก็มามุงดุให้ความสนใจกับไอแพดลายเสือของฮวางจื่อเทาแทบจะทันที

    เมื่อรับรูว่าสิ่งที่ทำให้สองคนจีนตกใจนั้นคือข่าวที่เกี่ยวกับแฟนคลับของตนทำร้ายตัวเอง ก็ทำเอาบรรยากาศวุ่นวายนั้นอึมครึมหนักขึ้นทันที

     

    “อย่าให้มันรู้เลยดีกว่ามั้ง” อี้ฟานพูดพลางถอนหายใจ

    “ยากเหอะคริสฮยอง ยังไงลู่ฮันฮยองก็ต้องรู้อยู่ดีแหละ” ชานยอลพูดขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล

    “เขาต้องคิดมากแน่ๆเลยอ่ะ” จื่อเทานี่แทบจะร้องไห้แทนเจ้าตัวอยู่รอมร่อ

    “เผลอๆตอนนี้รู้แล้วรึเปล่า? ยิ่งชอบออนไลน์เข้าไปดูข่าวบ่อยๆด้วย” อี้ชิงพูดขึ้น ซึ่งนั่นก็ทำให้จุนมยอนรีบเข้าไปในห้องนอนของตนทันที

     

    และเป็นไปตามคาดจุนมยอนเห็นคนรักของเขานั่งนิ่งอยู่บนเตียง ในมือถือสมาร์ทโฟนคู่ใจไว้ โดยที่สีหน้าดูค่อนข้างเหม่อลอยจนเขาใจคอไม่ดี ลีดเดอร์ตัวเล็กรีบเดินเข้าไปใกล้ลู่ฮัน ก่อนจะกอดปลอบเบาๆ

    “ดูอะไรอยู่หือม์?”

    “.............” ไม่มีเสียงตอบรับ แต่คนรักก็ยื่นโทรศัพท์ในมือให้กับคนถามดู

    “อืม..มันไม่ใช่ความผิดของที่รักนะ อย่าโทษตัวเองสิ”

    “...........” ยังคงไม่พูดอะไรออกมา แต่ใบหน้าน่ารักก็ฉายแววอมทุกข์อย่างเห็นได้ชัด จุนมยอนก็รู้สึกแย่ไม่ต่างจากคนรัก ใช่ว่าเขาจะไม่เป็นห่วงแฟนคลับว่าจะเป็นอันตรายแต่เขาก็เป็นห่วงคนตรงหน้ามากกว่า เขารู้นิสัยของคนรักดีว่าเป็นคนคิดมากแค่ไหนแถมยังมาเจอการเขียนข่าวที่ดูเหมือนจะโยนความผิดให้กับศิลปินแบบนี้อีก คนรักของเขาไม่พ้นต้องโทษตัวเองแน่ๆ

    “ไม่เอานะลู่ฮัน อย่าโทษตัวเองสิ ถ้าจะผิดเราก็ผิดด้วยกันทั้งหมด พวกเราเป็นเอ็กโซเหมือนกัน อย่าแบกรับความผิดไว้คนเดียวสิ” วงแขนแข็งแรงโอบกระชับร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด กดจมูกลงบนเส้นผมสีอ่อนอย่างแสนรัก ว่ากันว่าการกอดกันจะสามารถถ่ายทอดความรู้สึกให้แก่กันได้ เขาก็พร้อมที่จะกอดคนรักเพื่อแบ่งเบาความทุกข์ใจของอีกคนให้บรรเทาลงมาบ้างซักนิดก็ยังดี...

    “ขอบคุณนะจุนมยอน..” เสียงอู้อี้ของคนในอ้อมกอดเรียกรอยยิ้มบางๆจากคนกอดได้เป็นอย่างดี สองมือขาวประคองแก้มนิ่มให้เงยหน้าขึ้นมามองตากันตรงๆ..

    “เอาล่ะคนดี.. เราออกไปทานข้าวเช้ากันดีกว่าเนอะ หิวแล้วล่ะ  เอ๊~หรือว่าจะกินของหวานก่อนดีน๊า~” จุนมยอนลากเสียงยาวในตอนท้ายบอกความนัยของคำว่าของหวาน ซึ่งมีหรือที่ลู่ฮันจะไม่เข้าใจ.. ใบหน้าหวานทำปากมู่ก่อนจะชกเบาๆที่แผงอกแข็งแรงของคนรักแล้วลุกขึ้นพรวดพราดวิ่งออกจากห้องนอนไปแทบจะทันที

    “เสี่ยวจูตะกละ!

     

    %%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

     

     “เสี่ยวลู่~ไปซื้อชานมกินกัน~”มักเน่น้อยของวงพยายามชักชวนอีกคนออกไปข้างนอกเผื่อว่าจะทำให้อารมณ์ดีขึ้นบ้าง

    “อืม..ขอโทษนะเซฮุนนี่  นายไปกับเปาจื้อแทนได้มั้ย?”

    “.................”

     

    “ลู่ฮันฮยอง~ไปเกมส์เซ็นเตอร์กันเถอะ?”

    “อืม..ขอโทษทีนะชานยอล วันนี้พี่ไม่ค่อยอยากเล่นเกมส์เท่าไหร่เลย...”

    “..................”

     

    “ลู่ฮันอ่า~ช้อปปิ้งกัน~” จื่อเทาพยายามเข้ามาอ้อนลู่ฮันบ้าง

    “..โทษทีนะจื่อเทา นายให้คริสพาไปได้มั้ย?”

    “..................”

     

    ถึงแม้ว่าวันนี้ทุกคนจะพยายามเฮฮามากกว่าปกติเป็นสามสี่เท่า เพื่อที่จะสร้างเสียงหัวเราะให้กับลู่ฮันมากขนาดไหน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยได้ผลเท่าที่ควร เพราะหากเผลอเมื่อไหร่ ร่างบอบบางก็เอาแต่นั่งเหม่อๆไม่ร่าเริงอย่างทุกที.. ทำเอาสมาชิกที่เหลือมองหน้ากันคนละทีสองทีอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกันดี...

    “ฮยอง~ ผมว่าลู่ฮันฮยองหงอยเกินไปแล้วนะ ผมเป็นห่วงจังเลย~” คยองซูที่กำลังนั่งปอกแอ๊บเปิ้ลอยู่นั่งบ่นกับลีดเดอร์ตัวเล็ก

    “จริงๆนะฮยองเมื่อกี๊ไปคุยเล่นด้วย ลู่ฮันฮยองก็เหม่ออ่ะ คิดมากแหง๋ๆ” เพ็กฮยอนพูดไปก็หยิบชิ้นแอ๊บเปิ้ลเคี้ยวไป

    “เมื่อกี๊ผมชวนไปเล่นเกมส์ยังไม่ยอมไปเลยฮยอง~” ชานยอลที่แย่งชิ้นแอ๊บเปิ้ลจากมือเพ็กฮยอนก็พูดขึ้นบ้าง

    “ชวนไปซื้อชานมก็ไม่ไปอ่ะ ขนาดจื่อเทาชวนไปช้อปปิ้งยังไม่ไปเลย..” น้องเล็กหน้ายู่ก่อนจะอ้าปากรับชิ้นแอ๊บเปิ้ลจากคยองซูที่ยื่นมาป้อนให้

    “ฮยองอ่ะแหละ ไปพาลู่ฮันฮยองออกไปเดินเล่นข้างนอกเหอะ ดีกว่ามานั่งหงอยคิดมากแบบนี้..” จงอินเสนอความคิดก่อนจะจับมือของคยองซูให้นำแอ๊บเปิ้ลชิ้นที่เพิ่งปอกเสร็จเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆอย่างสบายใจ.. คยองซูมองค้อนนิดนึงแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

    “อืม..จะลองดูนะ”

    “สู้ๆนะฮยอง~~

     

    %%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

     

    จื่อเทาพยายามจะแหย่พี่ชายคนสวยของตนที่เอาแต่นั่งเหม่อ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับมาแค่รอยยิ้มบางๆเท่านั้น เล่นเอามักเน่คนเก่งได้แต่ถอนหายใจ

    “เฮ้อ~เสี่ยวลู่เป็นซะอย่างงี้อ่ะ แกล้งไม่สนุกเลย!

    “นายก็อย่าไปแกล้งลู่ฮันเค้าสิ...เจ้ามักเน่เดวิ่ล” มินซอกเงยหน้าขึ้นจากหนังสือภาษาจีนที่ต้องท่องก่อนจะบ่นเจ้ามักเน่น้อย

    “ฮยอง!อย่าอู้ ท่องต่อเลยนะฮยองนะ” จงแดตีแขนมินซอก พี่ใหญ่เลยได้แต่ทำหน้าบู้ ปากก็บ่นงึมงำว่าใครพี่ใครน้องวะ

    หลังจากจงแดบ่นพี่ใหญ่ให้ท่องภาษาจีนแล้ว เขาก็เดินมาหาพี่คนรองของวง..

    “ฮยอง~อย่าคิดมากอย่าเครียดมากรู้มั้ย  ทุกคนเป็นห่วงฮยองนะ” จงแดแตะมือบนบ่าเล็กของผู้เป็นพี่พลางพูดปลอบใจ

    “อื้ม..พี่รู้.. ขอโทษนะจงแด พี่จะพยายามไม่คิดมากนะ” ลู่ฮันส่งยิ้มจางๆให้ แต่ก็ไปทำหน้าหงอยๆต่อ ทำเอาเมนโวคัลได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ

    “เครียดมากเดี๋ยวหน้าก็ย่นหรอก” ลีดเดอร์ตัวโตของวงเดินมาพร้อมกับน้ำพันช์เย็นๆ ส่งเสียงกวนประสาทให้กับคนหงอยหวังจะให้กลับมาเป็นคนวุ่นวายเหมือนทุกที

    “ต่อให้ย่นมากกว่านี้ยังไงฉันก็หน้าเด็กกว่านายอยู่ดีล่ะตุ้ยจาง” ลู่ฮันหันไปแยกเขี้ยวใส่  แต่ก็ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงไปมากกว่านี้ เล่นเอาคู่กัดออกอาการเซ็ง  เดินหนีไปนั่งข้างๆมักเน่เดวิ่ลแทน..

    “เซ็งจริงๆ กบบ้าหงอยเนี่ย”

    “เห็นมั้ยล่ะ ผมบอกแล้วว่าเสี่ยวลู่เป็นงี้แกล้งไม่สนุกเลย”

    “อ่ะนั่น.. พ่อพระเอกมาแล้ว  เดี๋ยวก็คงอารมณ์ดีเองแหละเชื่อสิ” คริสหันไปเห็นลีดเดอร์ตัวเล็กเดินขาวสว่างมาแต่ไกล

    “เย้ๆจุนมาฮอมาช่วยแล้ววววว” จื่อเทาตบมือชอบใจ สร้างความหมั่นไส้ให้กับตุ้ยจางที่นั่งอยู่ข้างๆ

    “ดีใจออกนอกหน้ามากนะเทาเทานะ”

    “ทำไมอ่ะ???” จื่อเทาทำหน้างง พลางแลบลิ้นใส่

    “.................”

    อี้ฟานไม่ได้ตอบอะไร  แต่ก็มีเสียงสวรรค์ดังมาจากคนที่นั่งฟังเพลงอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

    “คนแก่มันขี้อิจฉาน่ะจื่อเทา อย่าไปใส่ใจมันเลย”

    “เงียบไปเลยนะอี้ชิง ฟังเพลงของนายไปเถอะ!

     

    %%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

     

    จุนมยอนเดินเข้ามาใกล้ๆคนที่นั่งเหม่ออยู่จนไม่รู้ตัวว่าเขาเดินเข้ามาใกล้มากแค่ไหนแล้ว ก่อนจะกดริมฝีปากไปที่แก้มนุ่มนั้นเบาๆ

    “อ๊ะ!

    “เหม่อไปถึงไหนแล้ว คนคิดมาก”

    “เราไม่ได้เหม่อนะ”

    “โกหกต้องโดนทำโทษ จุ๊บ!” ไม่ว่าเปล่า ริมฝีปากได้รูปก็จุ๊บเบาๆบนกลีบปากสีสดนั้นเร็วๆทันที

    “เสี่ยวจู!” มือน้อยดันหน้าคนฉวยโอกาสออกไปไกลๆ แต่ก็ใช่จะได้ผล คนเจ้าเล่ห์นั่นลงมานั่งเบียดกันบนโซฟาตัวเดียวกันหน้าตาเฉย

    “ลู่ฮันนา~ออกไปข้างนอกกันนะ?”

    “เอ่อ..คือ...”

    “ห้ามอ้างอะไรทั้งนั้นเลยนะ  ออกไปซื้อเสื้อผ้าเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ..นะครับคนดี~

    “นายอยากได้เสื้อผ้าใหม่หรอ?”

    “อื้อ.. อยากให้แฟนเลือกเสื้อผ้าให้.. ไปด้วยกันนะ”

    “...............” ใบหน้าน่ารักทำหน้าครุ่นคิด ใจนึงก็ไม่อยากออกไปไหนเพราะอยู่ในอารมณ์นอยด์ๆ แต่อีกใจนึงก็อยากตามใจคนรัก เนื่องจากคนรักของเขาใช่จะเป็นคนชอบออกไปช้อปปิ้ง นานๆจะชวนไปซักทีก็ไม่อยากขัดใจ

     

    “ถ้ามันเล่นตัวมากก็อุ้มมันไปเลยจุนมยอน...เห็นแล้วเกะกะลูกตาชะมัด” ตุ้ยจางส่งเสียงมาจากอีกมุมห้อง เพราะเห็นคู่กัดของตนมัวแต่นั่งคิดโน่นนี่นั่นอยู่ได้

    “หุบปากไปเลยตุ้ยจาง  แล้วถ้าฉันเกะกะลูกตานายมาก จะให้ช่วยควักลูกตาออกไปมั้ย?” ดูเหมือนลู่ฮันคนเดิมจะกลับมาทีละนิดแล้วสิ...

    “เทาเทา~ เสี่ยวลู่มันจะควักลูกตาพี่อ่ะ  พี่กลั๊วกลัว” ว่าแล้วก็ทำเป็นมุดๆอยู่ข้างหลังจื่อเทา แสดงอาการหวาดกลัวได้น่าหมั่นไส้ขั้นสุด

    “ฮ่าๆๆๆ พี่อี้ฟาน ผมจั๊กกะจี้  ฮ่าๆๆๆๆๆ”

     

    “จุนมยอน!นายรีบพาเสี่ยวลู่มันออกไปเลยนะ  แกด้วยตุ้ยจาง!! ถ้าจะกรุณาก็ช่วยไปมุมิฮุฮิกันไกลๆหน่อย ฉันท่องไอ้บรรทัดนี้มาสิบรอบแล้วว้อยยย ไม่มีสมาธิเลยไอ้พวกนี้!!!! มินซอกสติแตกโวยวายออกมา และได้รับการตอบรับเป็นเสียงหัวเราะประสานกันสนั่นห้องเลยทีเดียว...

     

    %%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

     

    รถตู้สีดำจอดสนิทบนทางเท้าของถนนที่ผู้คนค่อนข้างพลุกพล่าน คู่รักตัวเล็กเดินจูงมือกันลงมาจากรถพร้อมๆกับผู้จัดการ โดยทั้งสามคนก็พยายามเดินกันตามปกติเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตมากนัก

    “คอแห้งรึเปล่า ไปซื้อกาแฟกินกันเถอะ” จุนมยอนมองหน้าคนรักก่อนจะชวนกันแวะเข้าร้านกาแฟเล็กๆ

    “พวกนายจะไปซื้อของหรืออะไรต่อก็แล้วแต่นะ พี่รออยู่ที่นี่ล่ะ มีอะไรก็โทรมาก็แล้วกัน” ผู้จัดการหน้านิ่งพูดกับทั้งสอง ก่อนจะเดินไปสั่งกาแฟที่เคาท์เตอร์

    จุนมยอนเลือกที่นั่งติดริมห้องเพื่อที่จะได้ให้คนรักมองบรรยากาศภายนอกผ่านกระจกใส เผื่อว่าจะได้ผ่อนคลายอาการคิดมากลงได้บ้าง เขาสั่งอเมริกาโน่สองแก้วให้กับตัวเองและคนรัก ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือบางของลู่ฮัน..

    “คนสวยของผมไม่อยากมาซื้อของกับผมหรอ  น้อยใจจังเลย...”

    “เปล่านะ! ...ไม่ใช่อย่างนั้น  จุนมยอนอ่า~ นายก็รู้นิ...” ลู่ฮันทำหน้าเลิ่กลั่ก รีบกุมมือคนรักแก้ตัวยกใหญ่

    “ฮ่าๆ ผมรู้.. แค่ถามเพื่อความแน่ใจเฉยๆว่าผมไม่ได้บังคับที่รักออกมาใช่มั้ย”

    “ไม่นะไม่ได้บังคับ เราขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง..” ใบหน้าน่ารักทำปากมู่นิดนึง...ซึ่งมันก็ดูน่ารักจนจุนมยอนอดใจไม่ได้ ดึงมืออีกฝ่ายขึ้นมาจูบเบาๆ

    “รู้ว่าผมเป็นห่วงก็ดีใจแล้วล่ะ~ ทุกคนเป็นห่วงลู่ฮันมากเลยนะ อย่าคิดมากเลยนะ มีแฟนๆให้กำลังใจที่รักเยอะแยะเลยนะ  โดยเฉพาะแฟนคนนี้  ช่วยยิ้มสวยๆให้ชื่นใจทีสิครับ~” จุนมยอนชี้นิ้วที่ตัวเองก่อนจะส่งยิ้มเทวดาใส่คนรัก ดวงตากลมส่องประกายวิบวับเป็นเอกลักษณ์ จุดยิ้มบางๆที่ริมฝีปากสีเข้มของคนรักได้ทันทีเหมือนมีเวทมนตร์

    “อา~ชื่นใจจังเลย แฟนใครไม่รู้ยิ้มส๊วยสวย”

    “เสี่ยวจูบ้า!

     

    %%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

    หลังจากที่ร่างบางเริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาแล้ววิญญาณนักช้อปก็เข้าสิง ลู่ฮันเดินเลือกโน่นหยิบนี่อย่างสนุกสนาน โดยที่คนรักอย่างจุนมยอนก็ยืนนิ่งๆส่งยิ้มแป้นเป็นหุ่นให้ลู่ฮันหยิบเสื้อตัวโน้นตัวนี้มาทาบ ถึงแม้วันนี้จะเสียเงินไปมากพอดู แต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับการที่เขาได้รอยยิ้มสดใสของคนน่ารักคืนมา

    “ยิ้มอะไรของนายอ่ะ เสี่ยวจู~” ลู่ฮันเลิกคิ้วมองหน้าคนรักที่เอาแต่ยิ้มแป้นแล้นทั้งๆที่สองมือเต็มไปด้วยถุงที่แลดูท่าจะหนักเอาการ

    “ยิ้มเพราะมีความสุขครับ”

    “มีความสุขอะไรขนาดนั้นเชียว..” ใบหน้าน่ารักทำปากมู่ก่อนจะหยิกแก้มคนรักอย่างหมั่นเขี้ยว

    “ก็อยู่กับแฟน...จะไม่ให้มีความสุขมากได้ยังไงกันล่ะ~”  เป็นคำตอบที่น่าหมั่นไส้อะไรอย่างนี้ก็ไม่รู้... ทำเอาแฟนได้แต่หน้าแดงแปร๊ด รีบๆสาวเท้าหนีอีกคนเพราะไม่ค่อยอยากเขินให้โดนแซวซักเท่าไหร่ จุนมยอนก็ไม่ยอมแพ้รีบเดินเร็วๆให้ทันคนน่ารัก..

     

    “รอด้วยสิที่ร้ากกกกกกกกกกกกกก”

     

    %%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

     

    ภายในห้องโถงที่ดูเหมือนจะแคบลงเนื่องจากมีสิบชีวิตมานั่งๆนอนๆดูโทรทัศน์ด้วยกันพร้อมเพรียง โดยมีกองภูเขาขนมขบเคี้ยวที่ทำให้ดูเป็นปาร์ตี้ขนาดย่อม เสียงหัวเราะดังประสานกันไม่เบานักแต่ก็ไม่ดูโหวกเหวกจนเป็นที่น่ารำคาญเกินไป ก็แค่กลุ่มเด็กๆที่กำลังมีความสุขมากๆเท่านั้น

    “นี่ก็เย็นมากแล้ว..จุนมยอนฮยองกับลู่ฮันฮยองยังไม่กลับมาอีก..” คยองซูบ่นขึ้นมาพลางทำท่าจะลุกขึ้นไปเตรียมอาหารในครัว แต่ทว่าโดนมือใหญ่ของคนข้างๆดึงให้ลงไปนั่งตักตัวเองเหมือนเดิม

    “จะไปไหน..”

    “ไปทำกับข้าวน่ะสิ  ปล่อยสิจงอินน่า~ คยองซูพยายามแกะมือออกจากเอวของตัวเอง  แต่ก็ดูจะไม่เป็นผลซักเท่าไหร่

    “ไม่ต้องไปหรอก เดี๋ยวฮยองก็ซื้อเข้ามาเชื่อสิ..มาดูทีวีต่อดีกว่าน่า” นอกจากจะไม่ปล่อยร่างเล็กที่ดิ้นขลุกขลักบนตักแล้ว จงอินยังยิ่งกระชับอ้อมกอดแล้วเอาคางเกยบ่าเล็กๆของอีกคนอีกแน่ะ.. ทำเอาคยองซูถอนหายใจ  สู้ไม่ได้อีกแล้ว ได้แต่ยอมเป็นตุ๊กตาให้กอดแบบนั้นด้วยความเคยชิน...

    “คยองซูนี่แพ้จงอินตลอดเลยน๊า~” ชานยอลหันไปแซวทำเอาคยองซูหันควับทำตาเขียวปั๊ด

    “เห้ยๆ ตาจะหลุดออกมาแล้วคยองซู  ฮ่าๆๆๆๆๆ” นอกจากไม่กลัวแล้วชานยอลยังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ

    “มากไปแล้วไอ้โย่ง  หัวเราะมากเดี๋ยวก็ไม่มีปากไว้กินข้าวหรอกแก” เพ็กฮยอนดึงหูไอ้คนหัวเราะให้หยุดขำ ก่อนที่คยองซูจะงอนแล้วไม่ยอมทำของอร่อยให้กิน

    “โอเคๆ ฮ่าๆๆ”

    “จริงๆแล้วไม่ได้อยู่ที่ว่าแพ้หรือชนะหรอก  อย่าทำเป็นไม่รู้หน่อยเลยน่าชานยอลฮยอง”จู่ๆจงอินก็พูดขึ้น พลางกดจูบลงบนบ่าของตุ๊กตาบนตักที่นั่งหน้าบูดให้ดิ้นไปมาด้วยความจั๊กจี้เล่น...

    “อื้อ..นั่นสินะ” ชานยอลพยักหน้าหงึกหงัก

    “อะไรของแก?” เพ็กฮยอนหันมองหน้าชานยอลทีจงอินทีอย่างงุนงง

    “เปล๊า~~~~

     

    เสียงหัวเราะเฮฮาดังลั่นห้องจนทำเอาคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่สองคนทำหน้าเหรอหรา...

    “มีเรื่องอะไรสนุกกันหรอ?” จุนมยอนเดินหิ้วข้าวของเต็มสองมือมาวางไว้บนโต๊ะตัวโตก่อนจะถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง

    “ฉันพลาดอะไรไปรึเปล่าเนี่ย?” ลู่ฮันก็เลิกคิ้วสูงอย่างงงงวยเช่นกัน ก่อนจะถือถุงใหญ่ไปวางไว้บนเคาท์เตอร์ทำกับข้าว

    “ไม่มีอะไรหรอกฮะอย่าสนใจเลย ฮยองซื้ออะไรมามั่งอ่ะ  มามาผมช่วย” คยองซูอาศัยทีเผลอลุกขึ้นวิ่งไปที่เคาท์เตอร์ช่วยพี่ชายหยิบของกินออกจากถุง

    “ซื้อซัมกเยทังกับคาลบี้มาล่ะ นายว่าพอมั้ย? ต้องทำอะไรเพิ่มอีกรึเปล่า?” ลู่ฮันตอบน้องก่อนจะเตรียมถ้วยเตรียมจานมาใส่กับข้าวที่ซื้อมา  คยองซูมองซ้ายทีขวาทีเปรียบเทียบปริมาณอาหารกับคนกินอย่างใช้ความคิด และเป็นอี้ชิงที่ออกความเห็นขึ้นมา

    “สั่งไก่ทอดมาเพิ่มแล้วผัดผักง่ายๆอีกซักอย่างละกัน  แต่ละคนกินน้อยซะที่ไหน”

    “อื้อ นั่นสินะ โอเคงั้นเปาจื้อกับตุ้ยจางโทรสั่งไก่มาด่วนๆเลยนะ” ลู่ฮันออกคำสั่งขณะที่เดินไปเปิดตู้เย็นเตรียมของมาผัดผักโดยมีคยองซูและอี้ชิงประกบซ้ายขวาเพราะกลัวว่าความซุ่มซ่ามของลู่ฮันจะทำให้ข้าวของในตู้เย็นกระจัดกระจายแล้วต้องมานั่งจัดกันใหม่เท่านั้นเอง...

    “สั่งๆๆ ยิ่งใหญ่จริงๆคนเรา” อี้ฟานพูดขึ้นมาลอยๆ แต่นิ้วก็กดโทรศัพท์สั่งอาหารตามบัญชาอยู่ดี

    “พี่อี้ฟาน~เอาแบบสไปซี่ด้วยนะ” จื่อเทาที่อมจูปาจุ๊ปแก้มตุ่ยยกมือขึ้นออเดอร์แทบจะทันทีที่ได้ยินว่าจะสั่งไก่ทอด

    “สั่งชุดใหญ่เลยคริสฮยองงงงงงง...หิวมากกกกกกกกก” จงอินรีบอ้าปากออเดอร์บ้างด้วยความเร็วไม่ต่างกัน

    แล้วก็มีเสียงที่จะเอานั่นสั่งนี้ดังประสานกันจนฟังแทบจะไม่รู้เรื่อง ก่อนที่จะวุ่นวายมากไปกว่านี้ พี่ใหญ่ของวงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางทำท่าเป่านกหวีด

    “ปี๊ดดดดดดดดดดดด หยุดเว้ยเห้ย!!! สั่งอะไรเกรงใจกระเป๋าตังค์พี่บ้างไรบ้างนะ พี่ยังไม่อยากประสบปัญหาทางการเงินในช่วงต้นเดือนแบบนี้...” เท่านั้นก็เพียงพอที่จะเรียกเสียงหัวเราะฮาครืนได้แล้วจากน้องๆที่น่ารักของคิมมินซอกทุกตัว...

     

    แค่เวลาไม่นานอาหารก็เรียงรายเต็มโต๊ะตัวโตกลางห้องเป็นปาร์ตี้ขนาดย่อมๆเห็นจะได้ เด็กๆวัยกำลังกินกำลังนอนทั้งหลายก็ออกอาการเริงร่าออกนอกหน้ากันแบบสุดๆ มีการจับจองของกินแต่ละอย่างราวกับลดอายุลงไปเป็นเด็กประถมยังไงยังงั้น  จุนมยอนมองน้องๆดี๊ด๊ากับอาหารมื้อใหญ่ก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเดินไปหาคนรักที่กำลังหัวเราะชอบใจกับสงครามแย่งชิงอาหารของน้องๆกันอยู่เช่นกัน...

    “เฮ้อ~~ดูท่าแล้วคงต้องต้มรามยอนกินไปจนถึงสิ้นเดือนแน่ๆเลย” ลีดเดอร์ตัวเล็กแสร้งทำเสียงเศร้าน่าสงสารพลางเอนศรีษะลงบนบ่าของอีกคนราวกับขอความเห็นใจขั้นสุด เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากเจ้าของบ่าได้เป็นอย่างดี

    “เอาน่า~เดี๋ยวจะมีบริการต้มให้กินฟรีๆถึงสิ้นเดือนเลยอ่ะ”

    “ไม่มีโปรโมชั่นบ้างหรอ? แบบว่าป้อน1คำ จุ๊บ1ทีอะไรอย่างงี้”

    “ไม่มีหรอก ช่วงนี้ไม่ใช่เทศกาล ไม่มีโปรโมชั่น ฮิฮิ” คนน่ารักหัวเราะคิกคักกับการรับมุขของตัวเอง ก่อนจะยอมให้อีกฝ่ายสวมกอดทางด้านหลังอย่างไม่มีอิดออดอะไร วันนี้จุนมยอนใจดีกับเขามาก  เพราะฉะนั้นก็จะให้รางวัลคนใจดีบ้างล่ะนะ...

    “นี่~เสี่ยวจูอ่า~~

    “หือม์?”

    “ขอบคุณนะ”

    “ครับผม~ ก็เคยบอกแล้วไง ว่ามากกว่านี้ก็ทำให้ได้นะ”

    “งั้นก็ขอบคุณเผื่อครั้งต่อๆไปเลยละกันนะ ฮิฮิ” ลู่ฮันหันหน้าไปกดจมูกลงบนแก้มของคนรักหนึ่งที แล้วก็ยิ้มตาปิดใส่ ทำตัวน่ารักน่าหมั่นเขี้ยวเสียจนอีกคนไม่อยากจะทน ก็เลยขอฉวยโอกาสฟัดแก้มซ้ายแก้มขวาของคนน่ารักซะให้หายหมั่นเขี้ยว

    “อย่าคิดมากอีกนะรู้มั้ย? ลู่ฮันน่ะเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่านะ”

    “ไม่รับปากแต่ว่าจะพยายามก็แล้วกันนะ^^

    “ดีมากครับผม~~อย่าลืมนะว่ายังไงข้างๆลู่ฮันก็มีผมนะ  มีทุกๆคนอยู่ด้วยเหมือนกัน ห้ามแบกความรู้สึกไว้คนเดียวนะรู้ป่าว~ ริมฝีปากได้รูปกดจูบลงบนบ่าเล็กๆนั้นพร้อมๆกับกระชับวงแขนให้อ้อมกอดนั้นแนบแน่นยิ่งขึ้นเพื่อยืนยันคำพูด

    “เพราะเราคือ... วี๊อ๋าร์~ วัน!!!!!!!!! ฮ่าฮ่าฮ่า” ลู่ฮันหัวเราะลั่นหลังจากทำท่าประจำวงล้อเลียนทำลายอารมณ์ซึ้งของคนรัก แต่คนรักก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยังหัวเราะเสียงดังไม่ต่างกันเท่าไหร่

    “ใช่แล้วล่ะ วื๊อ๋าร์วัน!! ฮ่าฮ่า”

     

     

     

    ในระหว่างที่นั่งรวมตัวกันจัดการอาหารกองโต ทุกคนต่างมุ่งความสนใจไปที่ของกินที่เรียงรายกันอยู่บนโต๊ะ มีการยื้อแย่งกันบ้างพอสนุกสนาน  ภายใต้ความวุ่นวายย่อมๆนั้น จุนมยอนหันมาสบตากับคนรัก ก่อนจะหันไปกระซิบเบาๆข้างหู

     

     

    “เสี่ยวจูรักเสี่ยวลู่นะ”

     

    “ฉันก็รักนาย  หมูน้อยของฉัน...”

     
     

    =END=

    %%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%% 

     
    =TALK=

    แหะๆ มาอัพฟิค.. คู่ไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องอีกเช่นเคย 
    ชอบคู่นี้เป็นการส่วนตัว ฮุฮิ อ่านเพลินๆ ละกันเนอะ ขออภัยในความเรื่อยๆของเนื้อหา อิๆ

    ปอกะลอ. ดีใจที่มีคนชอบฟิคกุกฮุน เราติ่งคู่นี้อยู่ ฮ่าๆ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะ ^^~

    แปะโอพีวีทำเองเบาๆ  ฮี่ๆ



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×