ตอนที่ 45 : พิถีพิถัน...
ตอนที่ 44 พิถีพิถัน...
ลี่เฟยฝันร้าย
ในความมืด มวลน้ำค่อยๆไหลเข้ามาจนท่วมมิดหัวของเขา เขาเอื้อมมือออกไปพยายามดิ้นรน แต่ไม่มีอะไรที่จะช่วยเขาได้เลย ในที่สุดมวลน้ำก็พุ่งเข้ามาในนรกแห่งความมืด ความรู้สึกของเขากำลังล่องลอยขึ้นราวกับว่าเขากำลังจะตาย
มันเงียบมากและเขาก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆเลย
เมื่อลี่เฟยตื่นขึ้นหน้าผากของเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อเย็น เขากำลังจะยกมือขึ้นเพื่อเช็ดมันแต่กลับพบว่าแขนของเขาถูกพันไว้ด้วยเส้นใยสีขาวบาง
ส่วนบนผนังเส้นใยถักทอกันขึ้นมาก่อให้เกิดตาข่ายขนาดใหญ่ล้อมรอบตัวเขาไว้
ด้านขวาของลี่เฟยมีตาข่าย ด้านซ้ายก็มี ด้านหลังและก็ด้านบนด้วย พวกเห็ดกำลัง "จับตามอง" และเฝ้าระวังเขาราวกับกำลังเฝ้ามองผู้ก่อการร้ายทำให้ลี่เฟยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
เขาเปิดผ้าห่มออกและขยับร่างกายส่วนล่าง
ห้องว่างเปล่า เจี้ยนหัวไม่อยู่ที่นี่
ความคิดของลี่เฟยพลันตระหนักได้ว่าที่นี่ไม่มีที่ว่างสำหรับคนสองคนที่จะนอนหลับอยู่ในนี้
พวกเขาไม่ได้พักผ่อนเต็มที่อย่างนี้มากว่าสองวันแล้ว แม้ว่าพวกเข้าจะมีช่วงพักในระหว่างแสดงอยู่บ้าง แต่จากการที่ต้องถ่ายทำติดต่อกันหลายๆวันก็ร่างกายของพวกเขาก็ต้องมีความเหนื่อยสะสมมากเป็นธรรมดา
ลี่เฟยค่อนข้างเศร้าใจที่เขาดันไปชอบคนแบบเจี้ยนหัวเข้าซึ่งเป็นคนประเภทจะที่ไม่บ่นออกมาซักนิดไม่ว่าจะเหนื่อยขนาดไหน ในตอนนั้นเปลือกตาของลี่เฟยหนักเกินกว่าที่จะยกขึ้น เขามีความรู้สึกเลือนลางว่าเจี้ยนหัวจ้องมองเขาอยู่และมันทำให้เขารู้สึกเลื่อนลอย น่าเสียดายที่หลังจากนั้นความคิดของเขากลายเป็นว่างเปล่าและหลับสนิทภายในไม่กี่วินาที
เขาได้แต่หัวเราะเยาะตัวเอง นอนหลับสนิทเร็วเกินไปจนลืมเป้าหมายเดิมของตัวเอง!
นี่เขากำลังทำตัวเหมือนเจี้ยนหัวเป็นผู้อารักขาชีวิตของเขาอยู่หรอ?
ลี่เฟยปัดเส้นใยสีขาวที่เกาะติดอยู่บนร่างกายของเขาออกและขยับไปสวมรองเท้า เขาไม่ได้ก้มไปผูกเชือกรองเท้าเพียงแค่สวมมันและเดินออกมาเลยเพื่อตามหาเจี้ยนหัว
ผลลัพธ์ก็คือเมื่อเขาเปิดประตูก็เห็นเจี้ยนหัวรีบเข้ามายืนอยู่ข้างๆเขาทันที
“……”
ผมของเจี้ยนหัวยุ่งมากเหมือนถูกขยี้มา (โดยพวกเห็ด) มีแถบสีดำสองเส้นบนปกเสื้อคลุม มีรอยคราบเลือดที่แขนเสื้อและส่วนบนของเสื้อมีขนสัตว์ติดอยู่
"นายหิวหรอ?" ลี่เฟยสรุปอย่างรวดเร็ว เจี้ยนหัวคงจะเพิ่งออกไปจากสตูดิโอเพื่อไป "หาอาหาร"
หลายวันมานี้ เจี้ยนหัวปฏิเสธที่จะกินข้าวกล่องอาหารกลางวันและเมื่อนึกถึงอาหารที่เขาชอบกินเมื่อไหร่ ลี่เฟยก็มักจะนึกถึงปลาหมึกป่าฝนไปซะทุกที
"มีสัตว์ประหลาดที่จัดการยากๆอยู่ข้างนอกรึเปล่า?"
ลี่เฟยเดาเพราะเขาไม่สามารถรู้ได้ว่าเจี้ยนหัวจะไปไหนได้โดยทิ้งพวกเห็ดไว้นี่นี่ ด้านนอกนั่นมีการต่อสู้เกิดขึ้นหรือเปล่า เพราะจริงๆแล้วเจี้ยนหัวสามารถทำให้พวกเห็ดมันเคลื่อนที่ได้เพียงแค่ขยับมือเท่านั้น
“หนูที่ขุดพื้นจนเป็นโพรงน่ะ เดี๋ยวคุณก็คงจะได้เจอเร็วๆนี้” เจี้ยนหัวพูดลวกๆ ไม่ว่าตัวเขาจะเป็นเจ้าของตาวิเศษอย่างลี่เฟยหรือไม่ เขาก็ไม่สนใจเกี่ยวกับภัยคุกคามจากหนูพวกนั้นอยู่ดี
สายตาของเจี้ยนหัวหยุดลงบนเส้นใยสีขาวหลายเส้นที่เกาะอยู่บนตัวลี่เฟย
ไม่ว่าลี่เฟยจะไปที่ไหนเส้นใยพวกนี้จะติดตามเขาไปทุกที่ ด้วยวิธีการนี้ตาข่ายเส้นใยจำนวนมากจึงได้ครอบคลุมอยู่ทุกที่ที่เขาเคยเดินผ่าน มองดูน่าประทับใจมาก(ประชด)
"ฉันเดาว่านายยังหิวอยู่นะ" ลี่เฟยยังง่วงอยู่ก็จริงแต่เขามีจิตใจที่เข้มแข็งพอและรู้สึกกังวลเรื่องอาหารของเจี้ยนหัวมากกว่า เพราะว่าเจ้าพวกนั้นมันเป็นหนู เขาคงจะไม่ใช้ความสามารถของเขาออกมาเพื่อกินหนูพวกนั้นแน่นอน
เจี้ยนหัวมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ ผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนที่เขาจะพูดออกมาช้าๆว่า "เปล่า แต่คุณเป็นคนกระตุ้นพวกมัน"
ในความเป็นจริงแล้วเจี้ยนหัวถูกผลักดันกลับเข้ามาในสตูดิโอโดยพวกเห็ด พวกมันต้องการจะเตือนเจี้ยนหัวเรื่อง "เปลวไฟในสนามหลังบ้าน" และ "เมล็ดพันธุ์กำลังจะเติบโตขึ้น" หากเจี้ยนหัวเดินช้าลงเจ้าเห็ดยักษ์จะเร่งผลักดันเจี้ยนหัวให้เดินเร็วขึ้นด้วยใบหมวกของพวกมันทันที
พวกมันคือเห็ดและมักจะขึ้นรวมกันเป็นกระจุก ถ้าพวกมันขยับฝาด้านบนก็ถือเป็นวิธีหนึ่งที่เหมาะกับการใช้ผลักดันคน
เจี้ยนหัวผู้ซึ่งถูกผลักดันมาตลอดทางเต็มไปด้วยความรู้สึกที่สุดแสนจะละเอียดอ่อนที่ไม่สามารถพูดออกมาได้
"อยู่ๆความสามารถของคุณก็เริ่มดุร้าย"
ลี่เฟยรับฟังและหยุดคิดซักพักใหญ่ เขาคิดว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกับฝันร้ายของเขาก็ได้ การจมน้ำในความมืด มันง่ายที่จะกระตุ้นสัตว์ร้ายที่ร่างกายเป็นเปลวเพลิงตัวนั้น.....
"อาจเป็นเพราะฉันกำลังมึนๆ ครึ่งหลับครึ่งตื่นน่ะเลยเผลอทำอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัว”
“อืม” เจี้ยนหัวเข้าใจ ลี่เฟยที่พึ่งจะตื่นกลับพบว่าเขาหายไปและในความสับสนนั้นเขาจึงเผลอปล่อยให้ความสามารถของตัวเองทำงานขึ้นมาด้วยตัวมันเอง!
“ฉันจำได้ว่าในกล่องอาหารกลางวันมีข้าวกับผักบางอย่างเหลืออยู่” ลี่เฟยหันไปทางสตูดิโอเพื่อหากล่องข้าว
ตามมาด้วยเจี้ยนหัวที่ยื่นมือออกมาเพื่อดึงเส้นใยสีขาวที่ขวางทางอยู่ออก
เห็ดดูเหมือนจะยังอยากตามลี่เฟยต่อ แม้ว่าตอนนี้เจี้ยนหัวจะมีสภาพน่าอนาถขนาดไหนลี่เฟยก็ดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจมากนัก
ในถุงใส่อาหารกลางวันเขาพบกล่องข้าวและตะเกียบที่ยังไม่ได้ใช้วางอยู่ก้นถุง "มากินกันเถอะ ประโยชน์เพียงอย่างเดียวของโลกที่ถูกทอดทิ้งก็คืออาหารที่เราเอามามันจะไม่เสีย....."
เสียงของลี่เฟยหยุดลงกลางคันเมื่อเขาพบว่าในกล่องอาหารกลางวันเต็มไปด้วยพริกไทย
สเต็กพริกไทยดำตอนนี้เต็มไปด้วยพริกไทย
เมื่อเขาหยิบอาหารขึ้นมาจานหนึ่งเพื่อมอบให้คนที่เขาแอบชอบแต่กลับพบว่าอาหารจานนั้นดันเป็นเมนูที่ไม่มีใครอยากกิน เขาจะแก้สถานการณ์นี้ยังไงดี?
หากนี่เป็นรายการเรียลลิตี้โชวประเภทคู่รัก นักแสดงภาพยนตร์อย่างเขาคงจะได้คะแนนติดลบจากผู้ชมภายในไม่กี่นาทีแน่นอน
แต่ความเป็นจริงไม่ใช่การแสดง และแม้ว่าเขาจะเป็นจักรพรรดิภาพยนตร์ เขาก็ยังคงสามารถทำอะไรโง่ๆ ต่อหน้าคนที่เขาแอบชอบได้อยู่ดี
.....เจี้ยนหัวไม่กินดังนั้นลี่เฟยจึงเลิกสนใจกล่องอาหารกล่องนี้และมองไปที่กล่องอาหารกล่องอื่นแทน
เจี้ยนหัวเข้าใจผิดคิดว่าลี่เฟยคงจะไม่ชอบกินเมนูเดียวกับเขาจึงกล่าวเชิงชักชวนว่า “อย่าเก็บมันไว้อีกเลยถ้าคุณยังคงหิวอยู่ก็กินมันซะ สิ่งที่ติดตามเรามาสู่โลกที่ถูกทอดทิ้งเวลาของมันจะยังคงเดินต่อ ถ้าเก็บไว้นานกว่านี้ผมเกรงว่ามันจะเสียซะก่อน”
ลี่เฟยเงยหน้าขึ้นมองเงียบๆ
เพื่อแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของปัญหา เจี้ยนหัวจึงเล่าเรื่องก้วนหลิงและห่าวเว่ยที่รอดชีวิตอยู่ในโลกนี้เช่นกันให้เขาฟังและเน้นว่า “.....ผ่านไปถึง 8 วันนับตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามาที่โลกนี้ พวกเขาไม่มีอาหารมาด้วยจึงจำเป็นต้องล่าเนื้อจากพวกลิงแขนยาวมากิน”
ตรงนี้เรามีจักรพรรดิภาพยนตร์ที่มือหนึ่งถือสเต็กพริกไทยดำและอีกมือหนี่งถือข้าว นี่มันสวรรค์ชัดๆ!
ความสนใจของลี่เฟยตอนนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องนี้แน่นอน "พวกเขาอาศัยอยู่ในโลกที่ถูกทอดทิ้งเป็นเวลาแปดวันแล้ว ส่วนพวกเรามาที่นี่ได้สองวัน พวกเห็ดปรากฏตัวขึ้นนานแค่ไหนแล้วนะ?"
เจี้ยนหัวคิดว่ามันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง ถ้าเห็ดมาที่นี่ได้แปดแล้ว ตอนที่พวกเขาเข้ามาที่นี่ก็ไม่ควรพบกับภาพที่มันกำลังล่าลิงแขนยาวอยู่สิ นอกจากนี้ยังมีคนติดอยู่ในคุกเห็ดด้วย!
แต่เรื่องที่เห็ดลักลอบเข้าไปในโลกที่ถูกทอดทิ้งตอน 12:09 น. นั้นเป็นเรื่องจริง
เจี้ยนหัวรู้สึกเวียนหัว เขาไม่เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ประเด็นที่ลึกซึ้งแบบนี้
"ถ้าเรามีโอกาสได้พบกับคนพวกนั้นอีกครั้ง นายค่อยถามพวกเขาละกันว่าเห็ดออกมาตอนไหน" ลี่เฟยสัมผัสริมฝีปากของตัวเองแล้วยิ้มออกมา "นายบอกว่าคนพวกนั้นดูเหมือนจะคิดว่าเห็ดก็เป็นสัตว์ประหลาดในโลกที่ถูกทอดทิ้งตัวหนึ่ง ตามหลักเหตุผลแล้วการที่เห็ดอยู่ที่นี่ นายก็ไม่ควรจะอยู่ใกล้ๆพวกมันมันไม่ใช่หรอ? แถมยังดูไม่กลัวพวกมันด้วย”
พอได้ฟังลี่เฟยบอกอย่างนี้ เจี้ยนหัวก็พึ่งรู้ตัวว่าเขาทำผิดตรงไหนไป
ห่าวเว่ยกล่าวว่า "มันเป็นเห็ดที่จะครองโลกทั้งใบ" เขาไม่กลัว ก้วนหลิงก็ไม่กลัว แล้วคนที่เหลือล่ะ? ชายวัยกลางคนที่บ่นเรื่องการจำนองก็ดูเหมือนจะไม่เชื่อ แล้วทำไมผู้ย้ายหนังสือแต่ละคนถึงมีความคิดที่ต่างกัน?
หรือบางทีห่าวเว่ยอาจจะเป็นคนที่แสดงเก่งมากจนทำให้เจี้ยนหัวเชื่อเขาได้สนิทใจ
แต่การที่ทุกคนในกลุ่มจะเป็นนักแสดงเหมือนกันและไม่เผยความผิดพลาดออกมาเลยซักนิดย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
"ฉันแค่เดาน่ะ"
เจี้ยนหัวทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงจ้องมองไปที่ลี่เฟยเท่านั้น
อารมณ์อาจส่งผลต่อความสามารถของเขาและจะทำให้พวกเห็ดพุ่งเข้าใส่ลี่เฟยได้ จักรพรรดิภาพยนตร์รู้สึกแปลกใจ “มีอะไรหรือเปล่า?”
เจี้ยนหัวจะสามารถบอกลี่เฟยได้มั๊ยว่าเขาไม่ต้องการฟังสิ่งที่อีกฝ่ายเดาแล้ว ทุกครั้งที่เขาได้ยินคำว่า “ฉันเดาว่า...” มันมักจะไม่ใช่เรื่องดี เหมือนเรื่องที่พวกเห็ดแอบลอบเข้ามา
“ไม่มีอะไรหรอก” เจี้ยนหัวได้แต่ทำใจ
"นายมีมากกว่าความสามารถในการกลืนกินนะ"
เจี้ยนหัวสงสัย แน่นอนว่านอกจากพลังเห็ดแล้วเขายังสามารถใช้ความสามารถในการสแกนของเขาเพื่อกำหนดตำแหน่งของทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆตัวเขาในโลกที่ถูกทอดทิ้งแห่งนี้ได้ ลี่เฟยไม่รู้หรอ?
"ฉันหมายความว่าพลังของนายมีคุณลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่ง"
“ผู้ถือครองความสามารถสองสายระดับ S มีเพียงแค่จอห์นสัน บราวน์คนเดียวเท่านั้นนี่” เจี้ยนหัวกล่าวเตือนอีกฝ่าย
ลี่เฟยเปลี่ยนเหตุผลใหม่ "ตอนที่เห็ดพวกนี้พุ่งเข้าไปห้อมล้อมสสารสีดำที่กำลังขยายตัว พวกมันเข้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างพื้นที่ของโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกที่ถูกทอดทิ้ง เมื่อโลกที่ถูกทอดทิ้งไม่เสถียรมันจึงสามารถย้ายตัวเองจาก 12:09 น.ไป 12:25 น.ได้"
เจี้ยนหัวเกือบจะสบถออกมาแล้วว่ามันไร้สาระ พวกเห็ดจะไปทำอย่างนั้นยังไงกัน?
"อาหาร!"
เหตุการณ์ที่ชายสองคนถูกโจมตีโดยพวกลิงแขนยาวไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อ 8 วันก่อนดังนั้นช่วงเวลา 12: 09 น.จึงไม่สมเหตุสมผลสำหรับเห็ดพวกนี้ ถ้าต้องใช้เวลาถึงหกวันในการเจริญเติบโตและยังต้องมองหาอาหารอยู่ตลอดเวลา พวกมันคงไม่เต็มใจที่จะทำงานขนาดนั้น
เพราะว่าใครบางคนค่อนข้างพิถีพิถันในการกินอาหารเลยส่งผลให้ความสามารถของตัวเองเกิดการวิวัฒนาการขึ้นเพื่อให้สามารถกระโดดข้ามเวลาไปหาอาหารได้อย่างรวดเร็ว
จริงๆก็เหมือนเจ้าของของพวกมันนั่นแหละน้า
"เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นที่เมืองห้วย ฉันจึงเดาว่าพวกมันคงจะทำแบบนี้ได้แค่เฉพาะในช่วงเวลาที่โลกที่ถูกทอดทิ้งไม่เสถียรเท่านั้น" ลี่เฟยคิดว่าการค้นพบนี้มีความสำคัญ พวกเห็ดได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของพวกมันในการบุกเข้าสู่โลกที่ถูกทอดทิ้งด้วยตัวเอง เวลาในโลกที่ถูกทอดทิ้งกำลังวุ่นวายไปหมดนั่นหมายความว่าพวกเห็ดก็น่าจะ......
เมื่อข้ามพรมแดนระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกที่ถูกทอดทิ้งขณะที่อยู่ในหลุมดำไปได้พวกมันจึงเริ่มแพร่กระจายไปที่อื่น
หนังสือต้นฉบับกล่าวว่าเจี้ยนหัวต้องการควบคุมโลกทั้งใบ แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่มีทางเดินทางไปทั่วโลกได้หรอก แม้ว่าเห็ดจะเติบโตอย่างบ้าคลั่งแต่ก็ไม่สามารถข้ามผ่านมหาสมุทรไปได้แน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องเดินทางไปอเมริกาและออสเตรเลียด้วยตัวเองแล้ว!
ใบหน้าของเจี้ยนหัวเริ่มคล้ำขึ้น
ผู้อพยพเข้ามาในหนังสือรู้ว่าเห็ดพวกนี้จะเกิดขึ้นในอนาคต นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงไม่เข้าใกล้มัน
ส่วนห่าวเว่ยก็เข้าใจถึงนิสัยของพวกเห็ดดีดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะมองหาอาหารตรงบริเวณขอบๆป่าเห็ดแทนการเข้ามาด้านในเพราะว่านี่เป็นเรื่องพื้นฐานที่ผู้อพยพเข้ามาในหนังสือต่างก็รู้อยู่แล้วใช่มั๊ย?
นี่เป็นนิยายฮีโร่อเมริกันจริงๆไม่ใช่เทพนิยายเพ้อฝันจากต่างประเทศจริงหรอ?
เจ้าความสามารถที่ "ชั่วร้าย" นี้ ถ้าเขาเลือกที่จะปล่อยให้เห็ดที่น่ากลัวพวกนี้ออกล่าไปทั่วโลก เขาสามารถลักพาตัวและข่มขู่ผู้ถือครองความสามารถทั้งหมดได้ง่ายๆเลยนะ นี่คือวายร้ายของเรื่องราวที่มีพระเอกเป็นเด็กชายอายุยังไม่ถึง 14 ปีจริงดิ!
เจี้ยนหัวอยากรู้จริงๆว่าผู้เขียนเกลียดเขามากขนาดไหน!
ชาวอเมริกันคนหนึ่งมีเพื่อนบ้านเป็นชาวจีนชื่อเจี้ยนหัวผู้ซึ่งจะไม่ตัดหญ้าในฤดูร้อน จะไม่กวาดหิมะในฤดูหนาว จะไม่ทำความสะอาดหน้าต่างกระจกตอนหน้าฝนและยังออกไปกินข้าวนอกบ้านตลอดทั้งวัน ดังนั้นสิ่งนี้จึงทำให้ผู้เขียนเกิดไอเดียที่จะให้เห็ดครองโลกขึ้นมาใช่มั๊ย!
[แปล : พูดประชดประมาณว่าคนเขียนไม่ชอบเพื่อนบ้านคนจีนเลยเขียนให้คนจีนเป็นตัวโกงซะ]
"ผมไม่อยากพูดเรื่องนี้แล้ว ไม่อยากพูดคุยเรื่องความสามารถของผมต่อแล้ว" เจี้ยนหัวกุมหน้าผากขณะเดินเข้าไปในโซนที่พักและเมื่อได้สติขึ้นมาก็พบว่าตัวเองเผลอนั่งอยู่บนเก้าอี้ในเลานจ์เข้าให้
เขากำลังจะลุกขึ้น แต่ลี่เฟยก็กดไหล่ของเขาเบาๆและดันให้เขานั่งลงไปเหมือนเดิม
"นายเหนื่อยมามากแล้ว พักซักหน่อยเถอะ"
"กลุ่มคนที่อยู่ข้างนอก ...... " เจี้ยนหัวกังวลเรื่องคนโชคร้ายพวกนั้น หากพวกเขากำลังหลงอยู่ในป่าเห็ดพวกเขาอาจจะบังเอิญเดินมาเจอสตูดิโอเข้าก็ได้
เสียงของเขาเบาลงเมื่อเจี้ยนหัวและลี่เฟยมองเห็นการสั่นสะเทือนของทิวทัศน์รอบๆ
พวกเขากำลังจะกลับสู่โลกความเป็นจริง! ทั้งสองหันมามองหน้ากัน รีบวิ่งออกจากห้องพักและกลับไปยังตำแหน่งเดิมในสตูดิโอ
"ผิดแล้ว เท้าของคุณอยู่ตรงนี่!" เจี้ยนหัวกลับมาแก้ไขท่าทางให้ลี่เฟย "นี่คือมุม 45 องศาตามตำแหน่งการยืน 30 องศาของคุณ รอจนกว่าจะกลับสู่โลกความเป็นจริง คุณจะเจอกับเท้าของคุณทีjวางอยู่ข้างๆรองเท้าของนักแสดงเหริน"
“……”
ลี่เฟยไม่คิดว่าเจี้ยนหัวจะให้ความสนใจกับตัวเขามากขนาดนี้
เขาสามารถจดจำสิ่งเหล่านี้ได้ทั้งหมดเลยหรอ?
* * * * *
Talk Talk
ทำเป็นยืนอยู่ไกลๆเหมือนไม่สนใจแต่จดจำได้ทุกรายละเอียดแม้กระทั่งมุมยืมและการวางเท้าเชียว???
เจี้ยนหัวนี่คนหรือเครื่องจักรเนี่ย 555555+
ชอบๆความสามารถที่ตอนแรกคิดว่าไรว่ะ!?? ตอนนี้อิผี!!มันอเมซิ่งมากก
นน้องเห็ดก็ก็อปเอาความเป็นเจี้ยนมาหมดจริงๆนะคะ... ความหิวชนะทุกอย่างงง
สนใจมากๆเลยละลี่เฟยดีใจไว้สะ
ก๊ากกกกก นี่มันอาร๊ายยย
น้องเห็ดน่ารักมากกก ไหนจะคลุมพี่ลี่ ไหนจะผลักหัวพี่เจี้ยน ไหนจะวาปตัวเองไปหาอาหารได้ด้วย อั๊ย~~~~ สุดยอดบอสแว้ววว 5555
ลี่เฟยอย่ารอช้า ไม่ต้องจีบหรอก ขอเป็นแฟนไปเลยทีเดียว
อาเจี้ยนมึนตลอดขนาดนี้ไปไหนไม่รอดหรอก อย่าได้ชักช้าให้คนอ่านลุ้นนาน
น้องเห็ดแหวกมิติได้ แล้วยังย้ายเวลาได้อีก นี่มันบอสที่แท้ทรู
แต่น่ารักมากเลย ที่กางใยคลุมไฟหลังบ้านตัวอันตรายไว้ แต่ไม่กล้าทำอะไร แล้วดันอาเจี้ยนเข้ามาหาเอง
ถ้าความจำดีขนาดนี้ ทำไมนายไม่ไปทำอาชีพอื่นเสิรมไปพร้อมกับอาชีพสตั้นแมนเล่า
อยากเห็นเห็ดครองโลก55555