คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2
ตอนที่ 2
“ นายทำงานของนายยังไงเนี่ย หะ!!! หัดดูซะมั้งซิว่าคนอื่นเค้าทำกันยังไงน่ะหะ ให้ตายเถอะนายทำงานกับฉันมากี่ปีแล้วเนี่ยหะ ชิ ” คีวายืนดุเสียงดังอยู่หน้าโต๊ะทำงานของพีรพัฒน์ที่นั่งก้มน่าน้ำตาคลออยู่ตรงนั้น
“ฮึก...ขอโทษครับ” เสียงที่ลอดออกมาฟังเหมือนไม่เต็มเสียง
“ร้องไห้หรอ ชิ ให้ตายเถอะนายนี่มันอ่อนแอชะมัดเลย เงียบซะ เงียบซิ ฉันบอกให้เงียบ!!!”คีวาตะหวาดเสียงดังทำให้ทุกสายตาหันมามองเป็นตาเดียวและก็ยิ่งทำให้พียิ่งกลั่นสะอื้นกัดริมฝีปากตัวเองไม่ให้เสียงมันลอกออกมาได้
“ฮึก ฮึก ”
“ฉันคงเอานายมาอยู่ที่นี้ไม่ได้แล้วล่ะ” คีวาผู้จัดการรูปหล่อยังพูดไม่ทันจบพีก็รีบเงยหน้าขึ้น
“จะไล่ผมออกหรอครับ ฮือๆๆๆฮึกอย่าผมออกเลยน่ะครับฮือ...”
“อะไรของนายเนี่ย ฉันยังไม่ได้ทันพูดอะไรเลย แค่จะให้นายตามฉันไปทำงานที่นู้น ชิ”
“หา...ให้ผมเนี่ยน่ะไปทำงานนู้นน่ะ แล้วผะ ผม จะทำได้หรอครับ”
“ฉันจะสอนนายใหม่ตั้งแต่ต้นเอง หึหึ”คีวาก้มลงมากระซิบเบาๆก่อนจะเดินออกจากไป
“-/////-”อ่า~~~แล้วเราจะน่าแดงทำไมเนี่ย
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ณ ห้องทำงานกรวิช
“นายจะต้องอยู่ช่วยฉันตลอด ฉันเลยให้คนย้ายโต๊ะทำงานของนายเข้ามาข้างในเอง”
กรวิชนั่งหมุนเก้าอี้ทำงานของตัวเองเล่นขณะพูดกับคนตรงหน้าที่ทำน่าบูดตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องนี้แล้ว
“ผมว่ามันจะไม่เหมาะน่ะครับ ผมขอไปอยู่ที่เดิม” ตะวันยังไม่ทันจะขยับตัวออกจากห้องกรวิชก็ขัดขึ้นเสียงแข็ง
“ไม่ได้เพราะฉันต้องการเห็นน่านายตลอดเวลา” กรวิชพูด
“อะ...อะไรนะ เห็นน่าตลอดเวลา คุณจะบ้าหรอ !!!” ตะวันเถียงออกมาทั้งที่น่าแดงแบบไม่รู้ตัว
“อื้ม ก็นายเป็นเลขาฉันนี่.... ฉัน...ก็ต้องเห็นน่านายตลอดเวลาน่ะซิ ” กรวิชเปลี่ยนน้ำเสียงจากเล่นๆกลายเป็นจริงจังเมื่อสายตาจับผิดของตะวันมองมาก่อนจะออกปากไล่ให้ไปทำงาน
“ไปทำงานได้แล้วไป ฉันมีงานที่จะต้องทำเหมือนกัน” กรวิชก้มน่าก้มตาทำงานเหมือนว่ายุ่งไปหมด
'เป็นอะไรของเราว่ะเนี่ย หยุดเต้นซักทีซิเว้ย !! หรือว่าเราเป็นโรคหัวใจ' กรวิชคิดอยู่คนเดียว
ก๊อกๆๆๆ
“เข้ามา” เสียงขานรับจากคนกรวิช
“ฮ่าๆ เครียดใหญ่เลยน่ะครับน้ากาย” เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาหัวเราะล้าเดินเข้ามาให้ห้อง
“อ้าว นายกรรณ ไงได้เวลาอันสมควรที่จะมาฝึกงานแล้วหรอ ฮืม” กรวิชพูดหยอกล้อกรรณชัยหลานตัเองอย่างสนุกสนานโดยไม่รู้เลยว่าตะวันกำลังมองตาไม่กระพิบก่อนที่เดก็หนุ่มคนที่ตะวันเคยเห็นจะหันมาสบตาด้วย
“อ้าว คุณตะวัน คุณมาได้ยังไงเนี่ย” กรรณชัยทำเสียงตกใจก่อนจะยิ้มล้าแล้วเดิมเข้ามาหยุดอยู่ข้างตะวัน
“เจอกันอีกแล้วน่ะครับ เหมือนพรมลิขิตเลยแหะ” กรรณชัยทำเสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างๆหูตะวัน
“ไอ้บ้า !!! ทำไมฉันซวยอย่างนี้เนี่ย” ตะวันขึ้นเสียงจนลืมตัวก่อนจะปรับเวสียงให้เป็น
เหมือนเดิม
“รู้จักกันด้วยหรอ” กรวิชถามขึ้น
“ครับผมขับรถชนเค้าเมื่อวันก่อนน่ะครับ” กรรณชัยเป็นคนตอบ
“งั้นก็ดีรู้จักกันไว้ เพราะตั้งแต่นี้เป็นต้นไปกรรณชัยจะมาฝึกงานที่นี้โดยมีหน้าที่ช่วยงานนายน่ะตะวัน เอาล่ะแยกย้ายทำงานได้” กรวิชพูดม้วนเดียวจบแต่กรรณชัยยังคงยืนมองตะวันตาไม่กระพริบอยู่ที่เดิมจนกรวิชต้องดึงเสื้อให้รู้ตัว
ตลอดทั้งวันกรรณชัยคอยช่วยงานตะวันตลอดบ้างก็โดนตะวันดุบ้างก็โดนเอกสารตีหัวแต่กรรชัยก็ยิ้มได้ทั้งวันกรวิชเข้ามาขัดกรรณชัยไม่ให้เข้าไปรบกวนตะวันเวลาทำงานแต่กรรณชัยก็ยังเหมือนเดิมเมื่อตะวันทำงานเสร็จก็คอยเข้าไปคุยด้วยหยอกล้อบ้างทำให้กรวิชไม่พอใจถึงแม้กรวิชก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องไม้พอใจด้วย
“คุณตะวันครับ คุณกลับบ้านยังไงครับ ผมไปส่งน่ะ” กรรณชัยรีบออกตัวว่าจะไปส่งตะวันแต่กลับได้คำตอบที่ไม่น่าพอใจนัก
“ฉันอยากไปรถเมล์มากกว่ารถของนาย ฉันไปล่ะ” ตะวันรีบเดินหนีกรรณชัยออกมาจาห้องแต่ก็ไม่ได้ผลเพราะกรรณชัยเดิมตามาไม่ห่าง
“นะครับผมอยากไปส่งคุณจริงๆน่ะครับ” กรรณชัยเดินตื๊อตะวันจนถึงทางออก
“ไม่ !!!” ตะวันพูดจบก็เดินไปป้ายรถเมล์ทันที
'เฮ้ยย วันนี้เจอแต่เรื่องบ้าๆนายกรรณนั้นตัวยุ่งจริงๆเลย น้าชายก็เหมือนกันยัดงานให้เราทั้งวันอีกเช่นกัน เหนื่อยแหะ '
ปรี๊นนนนนนนนนนน
“นี่ !!! นั่งทำน่าสวยอยู่ได้ ขึ้นมาเร็วๆฉันจะไปส่งบ้าน” เสียงกรวิชดังออกมานอกรถเรียกตะวันที่ทำน่าเอ๋ออยู่
“อะ ครับๆ” ตะวันรีบเดินขึ้นรถกรวิชทันที
“หิวไหม” กรวิชถามทั้งๆตายังมองไปข้างหน้า
“ไม่หิวครับ” ตะวันตอบนิ่งๆแต่คำตอบที่ได้ทำให้ตะวันเดือดไม่น้อย
“แต่ฉันหิว ไปกินข้าวกัน”
“ อะ...” อะไรของมันฟ่ะ แล้วจะถามจะเราทำไมเนี่ย
ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“กินไรสั่งซิ” กรวิชยื้นเมนูอาหารให้ตะวัน
“ผมไม่มีเงินมากพอที่จะสั่งอาหารในร้านนี้กินหรอกน่ะ ผมกลับล่ะเชิญคุณทานคนเดียวเถอะ” ตะวันลุกจากเก้าอี้อย่างเร็วเลยทำให้เสียหลักแต่ก็มีมือหนึ่งดันเค้าไว้
“ระวัง !!!” กรวิชดึงตะวันเข้าหาตัวใบหน้าของตะวันเลยอยู่ไม่ห่างจากใบหน้าของเค้าซักเท่าไรสองคนมองกันอยู่นานก่อนที่บริกรจะเดินมาที่โต๊ะ
“จะสั่งอะไรดีครับ”ทั้งสองกระเด้งออกจากกันทันที
ตะวันกลับมานั่งที่โต๊ะอย่างเดิมทั้งสองสั่งอาหารก่อนที่จะลงมือทานไปมองกันไปไม่พูดไม่จา
ทั้งสองเดินออกจากร้านเป็นเวลาเกือบสองทุ่มกรวิชออกปากว่าจะไปส่งตะวันที่บ้านระหว่างขับรถกลับบ้านกรวิชเป็นคนเริ่มบทสนทนาก่อน
“นายพักอยู่กับใครหรอ??”กรวิชพูดขึ้นแบบไม่มีไม่มีขลุ่ย
“อ้อ เออ คนเดียวน่ะ”ตะวันตอบนิ่งๆเหมือนเดิม
“อ้าว แล้วพ่อแม่นายล่ะ พี่น้องล่ะไม่มีหรอ”
“ไม่มีหรอกผมเป็นลูกคนเดียว ส่วนพ่อแม่...ตายหมดแล้ว”ตะวันตอบด้วยน้ำเสียงสั่นๆภาพตอนนี้มันมีแต่เรื่องเลวร้ายที่เค้าอยากลืมแต่กลับจำได้ทุกๆตอน
“เอ่อ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะถามเรื่องพวกนี้ให้นายเศร้าน่ะ โทษที”กรวิชเห็นท่าไม่ดีเลยหยุดพูด
“ไม่เป็นไรหรอกผมชินแล้ว”ตะวันพูดจบทั้งรถก็เงียบสนิทจนถึงบ้านตะวันรถจอดสนิทแล้วแต่ตะวันยังนิ่งอยู้กรวิชเลยรู้ว่าตะวันหลับสนิทจริงๆเพราะปลุกแล้วก็ไม่ตื่นและเค้าอาจฝันอยู่ก็ได้เพราะนอนคิ้วขมวดตลอดเลย
แสงไฟข้างถนนสะท้อนเข้ามาในรถซึ่งเห็นใบน่าตะวันไม่ชัดนักแต่ก็รู้เค้ามีใบน่าหวานจริงๆแต่ใบน่าอักหวานใสนี้ทำไมเหมือนไม่มีความสุขเลยกรวิชมองน่าตะวันอยู่นานสองนานสำรวจจนทั่วก่อนจะอดใจไม่ไหวที่จะจูบลงที่ริมฝีปากเรียวบางเป็นเวลานานเท่าไรเจ้าตัวไม่อาจรู้สึกได้ด้วยความหอมหวานของริมฝีปากนี้ทำให้เค้าลืมตัวจริงๆตะวันขยับตัวหนีเมื่อตัวเองเริ่มหายใจไม่ออกเมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าใบน่าตัวเองใกล้กับใบน่ากรวิชนักเค้าจึงจะขยับตัวหนีแต่กรวิชดึงตัวเค้าเข้าไว้ตะวันขัดขืนไม่ไหวแรงกรวิชมีมากกว่าตัวริมฝีปากหนาเริ่มให้รสที่อ่อนหวานลงตะวันเริ่มคล้อยตามแขนทั้งสองคล้องคอตะวันโดยไม่รู้ตัวแล้วเค้าจะทำอย่างไรล่ะทีนี้บังคับตัวเองไม่ได้เลยแหะ
“....”ตะวัน>>>อะ...อะไรของมันว่ะ อยู่ๆก็จูบเฉยเลย งง ??นะเว้ย
“....”กรวิช>>>ชิบแล้ว อุสาอดทนมาตั้งนานอยู่ๆก็บังคับตัวเองไม่ได้แย่ล่ะซิ แล้วจะบอกว่าไงเนี่ย
ต่างคนต่างตั้งคำถามอยู่ในหัวของตัวเองจนไม่รู้ว่าฝ่ายไหนผละออกจากกันก่อนกรวิชไม่ได้พูดอะไรได้แต่เสมองไปที่อื่นเพราะยังงกับตัวเองอยู่ตะวันเดินตัวแข็งจนกระทั่งถึงห้องจู่ๆเข่าก็อ่อนมือขวากลุมอกข้างซ้ายจนเสื้อสูทยับหัวใจเค้าเต้นแรงเหลือเกินนานแค่ไหนแล้วนะที่มันไม่ได้ออกกำลังกายแบบนี้น่ะก็ไม่ได้ต่างกับคนที่ยังไม่ออกรถไปไหนได้แต่นั่งเอามือหนาลูบอกข้างซ้ายของตัวเองอยู่นานสองนาน
สวัสดีครับในที่สุดตอนี่สองก็คลอดมาจนได้เพราะเนื่องจากกระผมต้องเตรียมตัวสอบ
นิยายเลยออกมาช้าหน่อย
ต้องขอบคุณสำหรับเม้นนะครับ มันเป็นเรื่องแรก เลยไม่ได้เรื่องซักเท่าไร ผมจะพยายามปรับปรุงนะครับ
อ่านแล้วเม้นด้วยน่ะครับ
ความคิดเห็น