คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : วาระสำคัญ 100%
ณ ห้องประชุมลับ โรงแรมฮิเมจิโจ
“เอาละคะ เมื่อท่านประธานมาถึง ก็ครบองค์ประชุมแล้ว ไอมิเริ่มพูดขึ้นเมื่อซาโอริเข้ามาในห้องเป็นคนสุดท้าย
“ขอเริ่มการประชุมลับ โดยดิฉัน ไอมิ คาวาชิม่าเป็นผู้ดำเนินรายการค่ะ ^_^
“เริ่มเลยๆ รอนานแล้ว” เสียงจอแจของเพื่อนร่วมทีมส่งเสียงเชียร์
“หัวข้อการประชุมลับ ณ ห้องประชุมลับ” งั้นหรอ มิยูอ่านกระดาษที่ติดอยู่บนกำแพงห้องนอนของเธอ
“มันลับตรงไหนไม่ทราบ ขนกันมาทั้งทีมแบบนี้!! มิยูกวาดสายตามองเพื่อนร่วมทีม
เอบาตะ ริสะ ซาโตะ โอมิ และ ฮาชิโมะโตะ อิชิดะ ฮิราอินั่งกอดหมอนครอบครองพื้นที่บนเตียงจนแน่นเอี๊ยด
ซาโอริ นั่งที่เก้าอี้ทำงาน ส่วนโต๊ะเครื่องแป้งก็มีซาโกดะนั่งไขว้ห้างทำหน้าบอกบุญไม่รับจับจองอยู่
“แม้แต่ยัยนี่ยังมากะเค้าด้วย”
ซาโกดะหันมาสบตามิยูด้วยหางตา ถ้าไม่โดนอิชิดะลากมาด้วย จ้างให้ฉันก็ไม่มาหรอกย่ะ”
ซาโกดะเหมือนพูดกับตัวเอง แต่ก็ดังพอให้มิยุได้ยิน
ยูกิได้ยินเสียงจิจ๊ะในลำคอของเพื่อน ยูกิจึงลุกไปนั่งข้างหน้า เป็นไม้กันหมา เพื่อทั้งสองคนลุกขึ้นปะทะกัน
“ไม่หมดทั้งทีมหรอกค่ะ ขาดฮารุกะ กับ โอตาเกะไม่ได้มา” ไอมิก้มมองกระดาษเช็คชื่อในมือ
“หรอ อ๋อ นั้นสินะ แล้วมันต่างกันตรงไหนเล่า !! //ล้มโต๊ะ แล้วทำไมพวกเธอถึงมารวมตัวกันที่ห้องฉันแบบนี้ ห๊า !
“แถมเจ้าของฉันอย่างฉันกับยูกิยังต้องลงมานั่งกับพื้นอีก” มิยูโวยวาย
“นากาโอกะซัง ช่วยอยู่ในความสงบด้วยค่ะ ไอมิพูดพลางขยับแว่น
“ไอ้ท่าทางแบบนั้นคืออะไรเนี่ย แล้วไปเอาแว่นจากไหนมาใส่” มิยูงงเป็นไก่ตาแตก
“หัวข้อการประชุมวาระเร่งด่วน “ปัญหาหัวใจของยัยน้องเล็ก” ขอเริ่ม ณ บัดนี้”
“เฮ้อ ไม่ฟังกันเลยซิน่า มิยูถอนหายใจเฮือกใหญ่ อีกอย่างเรื่องแบบนี้ มันเป็นเรื่องของคนสองคนไม่ใช่หรือไง?
ยูกินั่งกอดเข่าอยู่ใกล้ๆ ยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะที่ปากตัวเอง เชิงปรามว่ามิยูส่งเสียงรบกวนการประชุมอยู่นะ
“จะบ้าตาย ยูกิ แกก็เป็นไปอีกคนหรอ ฉันไม่มีเวลามานั่งฟังอะไรไร้สาระแบบนี้หรอกเฟ้ย ฉันจะไปซ้อมต่อแล้ว” มิยูลุกพรวดพราดแต่ก็โดนยูกิดึงตัวลงมานั่งได้ทันท่วงที
“นากาโอกะซัง ถ้าขืนรบกวนการประชุมอีกครั้งละก็ เราจะเชิญคุณออกนอกห้องนะคะ”
“พวกเธอนั้นแหละ ที่จะโดนเชิญออกนอกห้อง เห็นประตูไหม เชิญ” มิยูชี้มือไปที่ประตู
“เอาเวลาซ้อมมาทำอะไรไร้สาระแบบนี้ โค้ชมารู้เข้า คงโดนทำโทษให้วิ่งไปกลับ โตเกียว ฮิเมจิแหงแซะ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันสืบมาแล้ว..วันนี้โค้ชจะไม่เข้าร่วมการฝึก” ซาโอรินั่งไขว้ห้างกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“สุดยอดเลย เธอเนี่ย เป็นการเป็นงานเชียวนะ ” มิยูยอมแพ้
“เงียบๆ แล้วฟังเหอะ นากาโอกะ มิยู” ฮิราอิ ปรามเสียงอ่อยๆ
มิยูจำยอมนั่งลงเหมือนเดิม
“ เออๆ รีบๆพูดก็แล้วกัน จะรีบไปซ้อม” มิยูจำใจกอดอกนั่งฟังอย่างตั้งใจ?
“เพราะสถานการณ์ตึงเครียดของยัยน้องเล็ก(ฮารุกะ) ทำให้ สปีดบอลน้องเร่าร้อนจนพวกเราตามไม่ทัน เป็นผลเสียแก่ทีมเราค่อนข้างมาก ฉันที่เล่นบอลเร็วยังเข้าบอลไม่ทันเลยไม่ต้องพูดถึงบอลหัวเสา ไหลหลัง บีทับ หรือสามเมตรของพี่ซาโกดะ ไอมิอธิบาย
“สำคัญที่สุดเราอยู่กันแบบครอบครัวมาตลอด..ฉะนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้น..เราทั้งหมด ก็น่าจะช่วยกันหาทางออกได้ไม่ยาก เห็นด้วยกันไหมคะ ดีกว่าให้โค้ชมารู้เรื่อง ซึ่งจะกลายเป็นเรื่องใหญ่”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย แม้กระทั่งมิยูก็ลืมตัวไปกับเขา
“ดังนั้นนะ คุณตัวปัญหา ไอมิชี้มือมาที่นากาโอกะ และ ต้นตอแห่งปัญหาไอมิชี้มือไปที่ซาโกดะ แต่ก็ต้องรีบหดมือลง เมื่อนักบินสาว แห่งทีมวอลเล่ย์บอลหญิง เปิดโหมดรังสีอำมหิตใส่เธอ
“เพราะทั้งสองคนที่เป็นต้นเหตุให้ฮารุกะ เปลี่ยนไปขนาดนี้ ต้องมีส่วนรับผิดชอบอย่างยิ่งยวด” ซาโอริสรุปประเด็นสำคัญเพิ่มเติม
“-”
“นี่คือสาระสำคัญในการประชุมวันนี้ค่ะ ทุกคนแสดงความคิดเห็นกันได้เลยนะ ไอมิเปิดช่องว่าง”
“จบแล้วใช่ไหม แค่จะเรียกมาบอกว่าฉันเป็นตัวปัญหา แค่นี้ใช่ป่ะ ?
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอก มิยู “ซาโอริ พูดขึ้นมาบ้าง
“เธอนะ..ก็รู้สึกลำบากไม่ใช่น้อยใช่ไหมละ ที่ต้องใช้ชีวิตไปวันๆ โดยที่ไม่มีหัวใจ”
อุ๊ย เสี่ยวว่ะแก เอบาตะหันไปซุบซิบกับริสะ
“ได้ยินว๊อย -*-
“ในเมื่อ ฮารุกะเองก็อธิบายแล้วนี่ ซาโกดะเองก็ยืนยันแล้วไม่ใช่หรอ ว่าทั้งสองคนเป็นแค่พี่น้องกัน
“ใครยืนยัน” ซาโกดะตอบลอยๆ แต่ก็โดนหมอนลอยจากมือซาโอริไปเต็ม
“เจ็บนะเนี่ย! ซาโกดะคาดโทษซาโอริเอาไว้
“ แล้วมีเหตุผลอะไรที่ต้องเมินเฉย มึนตึงกับฮารุกะต่อไปแบบนี้ละ?
“ก็...มิยูจนด้วยเหตุผล ซาโอริพูดถูกทุกอย่าง เธอไม่มีเหตุผลจะโกรธฮารุกะแม้แต่น้อย ความจริงเธอไม่โกรธฮารุกะด้วยซ้ำไป
“ฮารุกะจังดูผอมลงไปด้วยนะ ช่วงนี้ กินข้าวก็น้อยลงด้วย” ริสะพูดพลางฉีกห่อขนมห่อที่สามตั้งแต่เริ่มประชุม
“จากที่เคยกินข้าวสองสามจาน ก็กินแค่สองจาน ถือว่าแปลกมาก”
“ที่พวกเธอกินต่างหากที่เรียกว่าแปลก = ___ =
“นอนก็น้อยลงด้วย ไอมิรีบเสริม จากที่เคยนอนอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ก็นอน 7 ชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น”
มิยูกรอกตาไปมากับความไร้สาระของเพื่อนร่วมทีมที่พยายามจะบิ้วให้เธอคืนดีกับฮารุกะ
“ก็ไม่ใช่ว่า..ฉันกับฮารุกะจะทะเลาะอะไรกันหรอกน่ะ” มิยูลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ
“แต่..ว่าคนที่ไม่ยอมคุยกับฉันเลย..คือฮารุกะต่างหากเล่า” มิยูสารภาพความจริง
ว่าไงนะ? ??
มิยูเล่าเรื่องเมื่อสามวันก่อนด้วยใบหน้าเศร้าซึม
คืนนั้น..ฮารุกะก็มาหาฉันที่ห้อง..
“พี่มิยู..เค้าขอโทษนะ เรื่องวันนี้ ..พี่รู้แล้วใช่ไหมคะ? ฮารุกะพูดน้ำเสียงอ่อนหวาน ผิดปกติ
“อืม พอจะรู้// ความจริงไปเห็นเลยล่ะมิยูคิดในใจ
“วันนี้เค้ากอดคนอื่นที่ไม่ใช่พี่มิยู..แต่กอดในฐานะ พี่น้องเท่านั้นนะ
มิยูยืนตัวเกร็งอยู่หน้ากระจก งั้นหรอ ..ต้องเล่าให้ฟังด้วยหรอ มิยูอยากถามย้อน
“พี่โกรธเค้าไหม?
“ไม่..ไม่ร้สิ” มิยูตอบส่งๆ และไม่ยอมหันหน้าไปสบตาฮารุกะที่นั่งตาแป๋วอยู่บนเตียงเธอ
ไม่รู้ก็แปลว่าโกรธ โกรธใช่ไหม? เค้าจะทำไงให้พี่หายโกรธดี..ฮารุกะตั้งท่าจะลุกเดินไปหามิยู
“แล้วแต่เธอจะคิดแล้วกันนะ ฮารุกะ อีกอย่างมันดึกมากแล้ว ..เธอรีบกลับห้องไปเถอะนะ”
“เอ๊ะ...แต่เค้า”
“รีบกลับไปเถอะ พี่ไม่มีอะไรจะคุยกับเธอแล้ว” มิยูจูงแขนฮารุกะออกมาส่งหน้าห้อง เด็กสาวส่งสายตาวิงวอน แต่มิยูก็ตัดสินใจปิดประตูห้อง
“อย่ามาทำหน้าอ้อนบนเตียงคนอื่นสิ ยัยบ๊อง” มิยูพูดกับประตู พร้อมกับถอนหายใจโล่งอก เมื่อเสียงฝีเท้าของฮารุกะค่อยๆ ห่างออกไป
“พอเช้าวันรุ่งขึ้น..ฉันตั้งใจจะชวนฮารุกะไปกินข้าวเหมือนเดิม แต่..เธอกับเดินผ่านฉันไปเหมือนไม่เห็นฉันซะงั้น”
มิยูพูดเสียงเศร้า..”ฉันต่างหากที่เป็นผู้ถูกกระทำน่ะ”
ทุกคนงงงวย เพราะภาพที่ทุกคนเห็นคือฮารุกะดูเร่าร้อนและรุนแรงกับการซ้อมมากจนทำให้ สปีดบอลที่ส่งจากมือ เร็วจนตัวตีวิ่งเข้าเกมไม่ทัน เป็นการแสดงพฤติกรรมในสภาวะที่อารมณ์ของฮารุกะไม่ปกติ โค้ชมานาเบะถึงกับส่ายหัว
“มิยาชิตะ วอลเล่ย์บอลไม่ได้เล่นคนเดียวหรอกนะ เราเล่นกันเป็นทีม ถ้าเล่นแบบนี้ มีหวังมือตบช็อคตายพอดี สปีดบอลน่าจะสามร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงละมั้ง เห็นบอลกลางไหม เค้าสแตนบายรอพุ่งเข้าหาบอลจนไม่ได้มองเกมรุกจากฝั่งตรงข้ามเลย โค้ชตำหนิ ฮารุกะได้แต่ก้มหน้ายอมรับ เธอห้ามตัวเองไม่ค่อยได้
“ยิ่งคิดยิ่งโมโห ...พี่มิยูนะพี่มิยู กว่าเค้าจะตัดสินใจขึ้นไปง้อพี่บนห้องได้เนี่ย ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ กล้าไล่กันแบบนั้นได้งัย ว่าแล้วฮารุกะก็ตบลูกบอลติดเนตเป็นลุกที่10 จาก 11 ลูก
“เรื่องก็เป็นแบบนี้ละ” T ^ T
หลังจากที่มิยูเล่าจบ ทว่าคนที่ตกใจที่สุดกลับไปผู้ดำเนินรายการ ไอมิอ้าปากค้าง เหมือนหายใจไม่ออก เมื่อได้ยินสิ่งที่มิยูเล่า เธอเป็นคนเดียวที่อยุ่ใกล้ชิดฮารุกะมาตั้งแต่อยู่ที่โอกายาม่า
“อะไรหรอไอมิ ...ทำหน้าเหมือนปลาขาดอ็อกซิเจน สงสารฉันจนพูดไม่ออกเลยหรอ”
“ร..เรื่องใหญ่แล้วละ นากาโอกะ..
“เรื่องใหญ่หรอ? ซาโกดะเป็นคนถามบ้าง
“สมัยก่อน..ถ้าฮารุกะมีอาการ..แสดงอาการเมินเฉยๆ หรือทำให้ใครบางคนเป็นอากาศแบบนี้ ก็..อาการแบบนี้ของฮารุกะน่ะ...อันตรายแล้วละ
อันตรายอะไรฟร่ะ เล่าๆ หยุดๆ แบบนี้จะรู้เรื่องไหม มิยูเขย่าตัวไอมิ
เสียงในห้องเงียบงันจนได้ยินเสียงของหัวใจแต่ละคนเต้นตึกตัก
“ฮารุกะจัง....กำลัง...
=[]= เร็วเถอะ ขอร้อง มิยูแทบจะขาดใจตายไปอีกคน
กำลังเบื่อแล้วนะซิ !!!!!
ว่างัยนะ??
ซาโกดะกระตุกยิ้มมุมปาก ฉันจะพูดแทนไอมิแล้วกันนะ
ฮารุกะจังนะ..กำลังเบื่อ...เบื่อเธอแล้ว นากาโอกะ !
40%
"พูดอะไรของเธอกันห๊าา ซาโกดะ! นากาโอกะพุ่งเข้าดึงคอเสื้อซาโกดะจนตัวปลิวลงมาจากโต๊ะเครื่องแป้งที่นั่งอยู่ ท่ามกลางความตกใจของทุกคน
"โอ้ย อกอิแป้นจะแตกแหกโค้งมะโรงมะเส็งนี่ขนาดฉันนั่งขวางไว้ ก็ยังกั้นไม่อยู่หรอเนี่ย"
ยูกิตั้งท่าจะเข้าไปแทรกกลาง แต่ซาโอริยกมือขึ้นมาห้ามเอาไว้
ซาโกดะไม่มีท่าทีทุกร้อนอะไร กับสิ่งที่มิยูทำเพราะมันตรงตามแผนที่ซ้อมกันมาทุกอย่าง
"เอาละ ปล่อยได้แล้ว"ซาโกดะปัดมือมิยูออกจากคอเสื้อของเธอ รอยยับบนปกเสื้อ ถ้าเปลี่ยนเป็นคอของเธอคงแหลกละเอียดไปแล้ว
เหมือนสติจะกลับมา สิ่งที่ทำลงไป คือการเสียมารยาทกับรุ่นพี่อย่างไม่น่าให้อภัย แต่มันช่วยไม่ได้
"กำลังโทษฉันอยู่สินะ"
ไม่มีเสียงตอบรับจากมิยูที่ตอนนี้ ยังทำตัวไม่ถูก
"เธอนี่มันชอบคิดเองเออเองอยู่เรื่อย อ่านง่ายอย่างที่คิดไว้ไม่ผิด"
"ใช่ ฉันมันคนง่ายๆ ฉันไม่ใช่คนที่ต้องทำให้ทุกอย่างมันวุ่นวายเหมือนเธอ ซาโกดะ เพราะทุกอย่างบนโลกนี้ มันยุ่งยากมากพออยู่แล้ว ถ้าฉันจะช่วยทำให้สักอย่างมันง่ายขึ้น แม้นิดเดียว ฉันก็จะทำ"
"หรอ..เป็นคำแก้ตัวสินะ"
"เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดคำนี้ เธอต่างหากที่ทำให้ทุกอย่างมันวุ่นวาย"
"ก็ฟังแล้วไม่ใช่หรอ"
เอ๊ะ..ฟัง.. ?
"ฟังคำอธิบายของ"ฮารุกะของเธอ"
คำว่าฮารุกะของเธอทำให้ซาโกดะคิ้วขมวดนิดๆ เมื่อยิ่งเล่นตามบทที่วางไว้เท่าไหร่ ยิ่งตอกย้ำว่า เธอกำลังหลีกทางให้มิยูมากขึ้นเท่านั้น
"ถ้าเป็นฉันละก็..ถ้ายัยนั้นบอกว่า ไม่เป็นไร ฉันก็เชื่อว่าไม่เป็นไร ถ้าบอกว่าไม่มีอะไร ฉันคนนี้ ก็เชื่อว่ามันไม่มีอะไร..
“เรื่องนั้น...มิยูได้แต่อ้าปากฟังสิ่งที่ซาโกดะกำลังจะสื่อให้รู้
"เพราะว่าฉัน..เชื่อใจ เชื่อใจฮารุกะยังไงละ… แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งๆที่..
ซาโกดะเว้นวรรคมือสวยกำหมัดจนมือสั่น
ซาโอริสบตากับพรรคพวกบนเตียงที่นั่งเงียบงัน ด้วยความรู้สึกเดียวกันคือซาโกดะนอกบท สิ่งที่พูดนั้น เป็นความรู้สึกที่แท้จริงของเธอละสิ..ฉันขอร้องเธอมากไปหรือเปล่าซาโกดะ
"ทั้งๆที่ฉันเชื่อใจฮารุกะมากกว่าเธอ รักฮารุกะไปไม่น้อยกว่าเธอ ..แต่ยัยเด็กนั้น..ก็ยังเลือกเธอ แค่นี้ชัดเจนพอไหม?
"ลึกซึ้ง...ความรู้สึกที่ซาโกดะมีต่อฮารุกะมัน ลึกซึ้งกว่าที่เคยจินตนาการเอาไว้ ซาโกดะเปิดใจเล่าสิ่งที่ทั้งชาติ มิยูก็ไม่มีทางจะรู้ ตาคู่เรียวเบิกตากว้างรอยด่างในใจของมิยูกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนครอบคลุมพื้นที่ทั้งใจ เรา..มัวแต่ทำอะไรอยู่..คนๆนี้..
"ไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้น" ซาโกดะจับไหล่ทั้งสองข้างของมิยูหันเข้าหา
"ฮารุกะบอกฉันว่าเรายังเป็นพี่น้องกันได้..ก็คงไม่มีทางเลือก ฉันคงเป็นได้แค่นั้น ถึงไม่ค่อยจะเต็มใจก็เหอะ “แต่ขอเตือนไว้อย่าง ..ฉันมันเป็นพวกทนเห็นคนที่ฉันรักเสียใจไม่ได้ ..ฉันจะกลับมาทวงคืนแน่ๆ ..และคราวนี้ ต่อให้เป็นศัตรูกับมวลมนุษย์ชาติ ฉันก็จะไม่ปล่อยฮารุกะให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น จำไว้ให้ดี"
"เอาจริงสินะ สายตาแข็งกร้าวแบบนี้" มิยูสบตาคู่โตที่จับจ้องรอคำตอบจากเธอ คำตอบที่สายตาของซาโกดะถามกลายๆ ว่าเธอจะเป็นคนทำให้ฮารุกะมีความสุข คนนั้นๆ คือเธอใช่ไหม นากาโอกะ มิยู"
"เฮ้ อิชิดะ กลับกันเหอะ ไหนๆ ก็จะโดดซ้อมละ เราไปนอนซ้อมตายกันดีกว่า จู่ๆ ซาโกดะก็เปลี่ยนเรื่อง พร้อมปล่อยมือจากไหล่หนา
อิชิดะได้แต่พยักหน้าเหมือนคนละเมอ
"หมดธุระละ ฉันขอตัวละกัน " ซาโกดะสบตาซาโอริ ด้วยสายตาว่างเปล่า ซาโอริทำได้แค่หลับตารับกับความรู้สึกผิดที่ถาโถมในใจ
เมื่อวาน
"เรื่องเธอกับฮารุกะมันสร้างรอยร้าวให้ทีมเรามากแค่ไหนเธอรู้ไหม?
"แล้วงัย?" ซาโกดะนอนตีขาเล่นบนเตียง มีอิชิดะนั่งมองทั้งสองคนอยู่เงียบๆ
"แล้วงัยหรอ ถ้าโค้ชรู้เข้า ไม่เธอก็ฮารุกะนั้นแหละที่ต้องโดนไล่ออกจากทีม ถ้าทีมพังเพราะเรื่องรักๆใคร่ๆ โค้ชไม่ปล่อยไว้แน่
ซาโกดะดีดตัวขึ้นมานั่ง
เธอคิดจะขู่ฉันหรอ ซาโอริ!
ไม่ใช่นะ! นี่ไม่ใช่การขู่ เป็นการขอร้องต่างหากเล่า
"ทีมเรา ยังต้องพึ่งความสามารถทั้งของเธอ ทั้งฮารุกะ ทีมเราจะต้องได้เหรียญทองโอลิมปิคในระหว่างที่เธอและฉันยังรับใช้ชาติอยู่ เธอบอกกับฉันในวันแรกที่เจอกันไม่ใช่หรอ?
"ทีมอีกแล้วหรอ"ซาโกดะนั่งเงียบ
"เพราะคำว่าทีมของเรา ที่ทำให้เธอต้องเสียรักแรกไป"ซาโกดะคิดในใจ หน้าเรียวได้รูปบิดเบี้ยว ตาคู่สวยหลุบต่ำเรื่อยๆ
"ถ้าบอกว่าไม่มีอะไรจริงๆ ก็ช่วยยืนยันกับนากาโอกะให้ชัดเจนทีเถอะ นากาโอกะคนนั้นนะเป็นเด็กดีมาตลอด ดูภายนอกอาจจะดูแข่งแกร่งก็จริง แต่ภายในบอบบางกว่าที่เราคิดนะ"
ซาโกดะนั่งขัดสมาธิ มือสองข้างประสานที่ตักดูเผินๆ เหมือนกำลังจะนั่งสมาธิ
"ไม่เกี่ยว..กับฉัน"
"ใช่ ไม่เกี่ยวกับเธอจริงๆด้วย ฉันคงต้องปล่อยให้ฮารุกะลำบากไปเองสักพัก ความจริง ยัยน้องเล็กก็ผิด ที่ใจอ่อนไปกับเธอ ถ้าเป็นฉันก็คงไม่เชื่อหรอกน่ะเว้ย ว่าไม่มีอะไรต่อกันแล้วเห็นกอดกันกลมดิ๊กต่อหน้าต่อตาแบบนั้น
"ไม่ใช่ความผิดฮารุกะซักหน่อย ซาโกดะพูดเสียงแผ่ว ฉันต่างหาก..ถ้าจะโทษก็โทษฉัน ซาโกดะชี้มือเข้าหาตัวเอง"
"รับผิดชอบสิกับสิ่งที่ทำ ให้มันสมกับเป็นซาโกดะคนที่ฉันรู้จัก”
“พอเถอะค่ะ รุ่นพี่คิมูระ! อิชิดะชักทนไม่ไหว
“ถึงจะบอกว่าเป็นความผิดของซาโกดะก็เถอะ แต่ว่านะ คนที่ไม่มีความเชื่อใจให้ฮารุกะจัง คือนากาโอกะนะคะ แทนที่จะมาบังคับให้ซาโกดะต้องทำอะไรที่เจ็บปวดแบบนั้น..
อิชิดะหยุดได้แล้ว ซาโกดะปรามเพื่อน
“อีกแล้วหรอ ซาโกดะ เธอน่ะ จะยอมเสียใจเพื่อคนที่ไม่เลือกเธออีกแล้วงั้นซิ”
“บอกให้หยุดงัยเล่า!! ถ้าขืนพูดอีก..พูพถึงฮารุกะในแง่นั้นอีกละก็..ฉันจะไม่ให้อภัยเธอแน่
อิชิดะทิ้งตัวลงนั่งที่เดิมแบบเสียไม่ได้
ซาโอริอึ้งไป..ไม่ใช่ว่าเธอไม่คิดถึงเรื่องนี้หรอกน่ะ
แต่ความรักที่มันซับซ้อนซ่อนปมแบบนี้ ไม่ส่งผลดีกับใครสักคน เธอตัดสินใจจะสนับสนุนคนที่ฮารุกะเลือก..ซึ่งนั้นไม่ใช่เธอน่ะ ซาโกดะ ไม่ใช่ การให้เผชิญกับความจริงที่เจ็บปวด ยังดีกว่าให้ความหวัง และยิ่งทำให้ปมมันพันกันยุ่งเหยิงกว่าเดิม ฉันอยากให้เธอรับความจริงข้อนี้สักที
ตัดใจ เดินหน้าต่อไปซักที
"ถือว่าขอร้องก็แล้วกัน..ในฐานะเพื่อน พี่ และก็กัปตันทีม"
เข้าใจแล้ว..ซาโกดะเงยหน้าขึ้นมามองซาโอริ
ฉันเข้าใจแล้ว คิมูระ ซาโอริ !
"เยี่ยม! ซาโอริคว้ามือซาโกดะขึ้นมากุม เราจะเริ่มประชุมซักซ้อมแผนการที่ห้องของเอบาตะ ตอน2ทุ่มนะ
ฉันจะทำตามที่เธอบอก..
อ่ะ..ซาโอริค้าง ซาโกดะชักมือกลับมาวางที่เดิม
ว่า..ไงนะ
"ฉันจะรับผิดชอบ และฉันจะรับคำขอของเธอ ในฐานะที่เราเป็นทั้งเพื่อนสนิท และเธอก็เป็นรุ่นพี่ที่ไว้ใจที่สุดของฉันคนนึง..เป็นครั้งสุดท้าย
".."
ต่อไป ความสัมพันธ์ของเธอกับฉัน..จะเหลือแค่กัปตันกับลูกทีมเท่านั้น คุณคิมูระ
ซาโก..ดะ
ไม่น่ะ! ใครจะ..ยอม
“ถือว่า..แลกกัน..” ซาโกดะแค่นยิ้ม “ฉันที่เธอรู้จักเป็นคนแบบนี้”
“แลกกันกับที่ฉัน..ต้องทำลายหัวใจตัวเองต่อหน้านากาโอกะ ถือว่าเป็นคำขอร้อง จากฉันก็แล้วกัน”ร่างบางทิ้งตัวลงนอนเมื่อพูดจบ
พูดไม่ออกเลยแฮะ ซาโอริพาตัวเองออกจากห้องซาโกดะ..
“เด็ดขาด..สมกับเป็นซาโกดะจริงๆ ซาโอริยิ้มเศร้า
“ขอโทษนะ ริโอะจัง ฉันนะ เป็นเพื่อนที่แย่มากเลยใช่ไหม ..ซาโอริพูดได้แค่นั้น
นากาโอกะเหมือนโดนหมัดตรงเข้าปลายคาง
"มันตื้อไปหมด ..เรานึกว่า เราเป็นฝ่ายถูกแย่งคนรักไป แต่กลับเป็นว่าเราต่างหาก ที่แย่งของสำคัญของซาโกดะมา ทั้งเข้มแข็ง..และหนักแน่น แต่ก็ยังอบอุ่นจนเราเทียบไม่ติดเลย ..สักนิด ความรู้สึกเชื่อใจ..เชื่อใจจนหมดทั้งใจยังหรอ ที่ซาโกดะมีให้ฮารุกะ..ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ต้องสู้..สู้ให้ซาโกดะรู้ว่า ฉันคนนี้ ก็รู้สึกไม่ต่างกัน"
"ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ รุ่นพี่ซาโกดะ"นากาโอกะตะโกนออกมาซึ่งเป็นคำขอโทษจากใจจริง
ซาโกดะหยุดชะงัก อิชิดะยืนเกาะขอบประตูรอ แต่ร่างบางก็ไม่หันหลังกลับมา
"เรื่องที่เสียมารยาทก่อนหน้านี้ และก็..ขอบคุณที่ช่วยเตือนสติ ..ฉันนะ ..จะสู้ค่ะ สู้กับรุ่นพี่ ฉันคงจะปล่อยให้ฮารุกะไปกับใครที่ไม่ใช่ฉันไม่ได้เหมือนกัน เพราะฉันคนนี้ เป็นคนที่จะทำให้ฮารุกะมีความสุข ฉันคนนี้ ที่จะปกป้องฮารุกะ นากาโอกะยังก้มหัวอยู่อย่างนั้น
ไอมิเผลอจิกเล็บลงบนมือจนเลือดซิบ แต่ก็ไม่คลายความตึงเครียดในห้อง ลงไปได้
"ถึงฉันจะไม่มีคำพูดเท่ๆแบบรุ่นพี่ ถึงจะบอกไม่ได้ว่าฉันรักฮารุกะมากกว่ารุ่นพี่หรือเปล่า และความเชื่อใจระหว่างฉันกับฮารุกะอาจจะไม่มากจนกระทั่ง เชื่อหมดทั้งใจได้ แต่นับจากนี้ ฉันจะเชื่อมั่นในความรู้สึกของฉันมากขึ้น ฉันจะทำให้ฮารุกะเชื่อในตัวฉัน และจะเชื่อในตัวฮารุกะเช่นกัน ฉะนั้น วางใจได้..รุ่นพี่นะ ไม่มีทางเป็นศัตรูกับมวลมนุษย์ชาติแน่นอน ฉันจะแข็งแกร่งขึ้น เพื่อปกป้องหัวใจของฮารุกะด้วยทั้งหมดที่มี"
ริสะกัดหมอนจนแทบขาด เอบาตะเอาแต่นั่งก้มหน้า ฮาชิโมโต้ โอมิ ซาโตะ ฮิราอิ มีอาการเดียวกันคือช็อค ส่วนยูกิยืนกอดอกฟังอยู่เงียบๆ
“สุดยอดเลยรุ่นพี่ บีบให้คนที่แสดงความรู้สึกไม่เก่งแบบมิยูพูดออกมาได้ถึงขนาดนี้ยูกินับถือสุดซึ้ง ชักจะปลื้มแล้วแฮะ พี่ซาโกดะคนนี้เนี่ย”
"หึ ก็ดี ซาโกดะเอี้ยวหน้ามองนากาโอกะแค่เสี้ยววินาที.. ที่นากาโอกะเห็นรอยยิ้มพร้อมๆกับน้ำใสๆ ที่หางตาของซาโกดะ
เสียงประตูห้องปิดลงพร้อมกับเสียงถอนหายใจของคนในห้อง
“แตกเป็นเสี่ยงๆ ตัวเรา..หมดแรง..มันเหนื่อยกว่าแข่ง 5 แมทช์โดยไม่มีเวลานอกด้วยซ้ำ
"ริโอะ จะไปไหน ห้องเราอยู่ทางนี้ อิชิดะเรียกเพื่อนสนิทที่เดินตรงไปบันไดหนีไฟ
"มันจะไม่ทัน.."ซาโกดะเสียงเครือ
อิชิดะวิ่งเหยาะๆเข้ามา
"อะไรไม่ทัน..หรอ "อิชิดะแกล้งถามทั้งๆที่รู้
"โทษที..ฉันอยากอยู่คนเดียว " ซาโกดะไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอของตัวเอง
หมู่นี้ฉันร้องไห้ถี่ไปแล้วนะ ร่างบางเดินเซไปเซมา
นะ..อยู่คนเดียว ไม่นานหรอก”
"แต่..ก็ได้ อิชิดะไม่ขัดใจ แต่ก็ได้แต่มองอย่างห่วงๆ "รออยู่ห้องนะ "
“ฉันกะจะกลับไปร้องไห้ที่ห้องแท้ๆ .ซาโกดะผลักประตูหนีไฟออกไป ร่างบางทรุดลงพื้น
“แต่ว่ามันไม่ทันแล้ว ฮึก..ฉัน ..ร้องไห้ ..ตั้งแต่..อยู่ในห้องนั้นแล้ว ขอบใจนะซาโอริ..ฉันนะ จะก้าวต่อไป..แต่ไม่ใช่วันนี้หรอกนะ
ฮืออ ....อึ๊กกก...ซาโกดะรีบยกมือขึ้นมาปิดปาก แต่ถึงขนาดนั้น เสียงสะอื้นก็เล็ดลอดออกมาเป็นพักๆ
“ดูไม่ได้เลยน้า..ริโอะจังของฉันเนี่ย..”
ซาโกดะแหงนหน้ามองตามเสียงของผู้มาเยือน
กระจกหน้าต่างบานเล็กตรงประตูหนีไฟ มีหน้าสวยๆ ของผู้มาเยือนแนบอยู่
เธอ!!!
“ปิดการประชุมได้หรือยังคะ ท่านประธาน” ไอมิเสียงเหนื่อย
“ปิดได้เลย ..วาระสำคัญของเราจบลงแล้ว”
“ไม่มีอีกแล้วใช่ปะ วาระอะไรแบบนี้” ฮาชิโมโตะยกมือขึ้นทาบอก
ริสะ หันไปมองซาโตะที่นั่งน้ำตาไหลอยู่เงียบๆ
“เอริสะจัง เธอร้องไห้ ทำไม?โอมิเอียงหน้าซาโตะเข้าหา
“ไม่รู้ ฉันกดดัน.. ซาโตะสงสารซาโกดะจับใจ
“ไม่ใช่ร้องเพราะอยากโดนแย่งแบบฮารุกะหรอ”
โป๊ก!
โอ๊ยย! ยัยเตี้ยเขกหัวฉันทำไม คนที่พูดมันยัยริสะนะ โอมิลูบหัวป้อยๆ
“เขกแก ในฐานะที่ลากฉันมายุ่งกับเรื่องนี้ ยุ่งกับเรื่องที่เจ็บปวดแบบนี้” ซาโตะกระแทกเท้าตึงๆ ออกจากห้องไป
"รีบๆ ตามไปเลย ฉันขี้เกียจจะจัดเวทีให้ปราศัยกันแล้ว"ซาโอริยกมือขึ้นกุมขมับ
"ไม่ต้องห่วงน่า คุยกันบนเตียงเดียวก็ดีเอง" โอมิพูดกวนๆ ก่อนจะวิ่งพรวดตามซาโตะไป
มีพื้นที่บนเตียงเหลือ นากาโอกะทิ้งตัวลงนั่งหมดแรงไม่น้อย
ร้องไห้งั้นหรอ..พี่ซาโกดะนะ..แต่ทำไมเรา..น้ำตาถึงเหมือนจะแห้งไปดื้อๆกันนะ มิยูนั่งคิดในใจ
“ขอบคุณมากน่ะ ..ทุกคน ที่ช่วยเตือนสติฉัน”
"เฮ้ย แก ไม่ต้องคิดมาก เพราะเราเป็นเพื่อนกันงัยล่ะ เป็นทีมเดียวกัน เราก็ต้องช่วยกัน ริสะตบไหล่เพื่อนเป็นเชิงปลอบใจ
ทีม?!
"พี่ซาโกดะสุดเท่ห์คนนั้นก็ด้วยนะ .. ถึงจะบอกว่าฮารุกะสำคัญที่สุด..แต่จริงๆ สิ่งที่สำคัญกว่า ก็คือคำว่าทีมนี่แหละ ถึงจะเก็กไปหน่อยก็เถอะ ในฐานะเพื่อนร่วมทีม ฉันพร้อมจะพลีกายให้แต่โดยดี”
“เอ่อ ประโยคหลังไม่น่าจะเกี่ยวนะ” ฮิราอิทำหน้าเอือมระอา
“น้อยๆหน่อยริสะ ฉันนั่งอยู่นี่ทั้งคน”
“แบร่ ก็พี่ซาโกดะ ทั้งสวย ทั้งเท่ห์ แถมรวยระเบิดระเบ้อ แกจะเอาอะไรไปสู้เค้าย่ะ”
ริสะยัดหมอนใส่หน้าเอบาตะจนหงายหลังตึง ชนฮาชิโมโตะกับฮิราอินอนแผ่หราบนเตียงไปด้วย
“คิดจะทำงัยต่อละ ยูกิถาม
“คงต้องรอให้ฮารุกะกลับมาจากซ้อมก่อนนั้นแหละ ถ้านั่งแท็กซี่ไปหา คงโดนต่อว่าว่าใช้เงินเปลืองแน่ ๆ จากโรงแรมไปสนามซ้อมไม่มีรถโดยสารไปซะด้วย”มิยูทำหน้าครุ่นคิด
“ฉันคงจะพูดเหมือนที่พูดกับพี่ซาโกดะเมื่อกี้..ละมั้ง
"โอกาสได้มาแล้ว ใช้ให้คุ้ม และก็หวังว่า จะไม่เกิดปัญหาแบบนี้อีกแล้วนะ นากาโอกะ
“ค่ะ”กัปตันรุ่นพี่ซาโอริ” นากาโอกะเรียกด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง
“แหวะ อย่ามาเรียกรุ่นพี่กับกัปตันในคราวเดียวกันดิ ขนลุก” ซาโอริลูบแขน
“เอาละ ฉันกลับห้องดีกว่า จะไปรอรับนักกีฬาคนใหม่ น่าจะมาถึงละมั้ง ยัยนั่นนะ”
“เด็กใหม่หรอคะ” ไอมิมีบทแล้ว เย้ๆ
“อืม..จะว่าใหม่ก็ไม่เชิงนะ” ซาโอริยิ้มพราย
“ใครอ่ะ”
“เอาเป็นว่า..เดี๋ยวเจอกันก็รู้เองแหละ”
“โหยไรอ่ะ ใบ้หน่อยๆ” ฮิราอิอยากรู้
“ก็ได้ๆ ”
ไหนบอกจะใบ้ไง ฮิราอิเรียกตะโกนไล่หลังซาโอริ
เปลี่ยนใจละ ถ้าบอกก่อนก็ไม่สนุกอ่ะดิ
100%
อ้าววว กัปตันรอเดี๋ยว มาบอกก่อน ใครมาอ่ะ อยากรู้
เฮ้อ เหนื่อย ไรเตอร์ต้องปลอบซาโกดะทั้งคืนเลยแหละ 5555
ฟิคนี้ยังเป็นมิยามิยู เหมือนชื่อฟิคละนะคะ ถึงแม้ในใจไรท์จะเอียงนิดเดียว ไปหาซาโกดะก็ตาม //หรอแก
ความจริงกะจะรอคอมเม้นซักหน่อย แต่ไม่รอก็ได้ 555 ลงเลยแล้วกัน
ปล. สำหรับกองอวยซาโกดะ ถมดำอ่านนิดๆค่ะ
*****เราจะมีตอนพิเศษซาโกดะ กับฮารุกะออกมา จะมีคนอ่านไหมคะ 5555 พลอตมันเจิดจรัสในหัวเหลือเกิน สาระไม่มี NC ล้วนๆ เย้ยย กรี๊ด จะบ้าหรอ
อยากรู้ว่ากองอวยซาโกดะจะมีบ้างไหมเท่านั้นเองเนอะ เจอกันตอนหน้านะ
ความคิดเห็น