คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro --คนแรก
ตอนที่1
“เจ็บมั้ย?”
“อื้อ...ฮึกก อือออ” คนถูกถามทำได้เพียงแค่พยักหน้าแทนคำตอบ มือเธอขาเธอและปากเธอถูกมัดตึงเอาไว้กับเก้าอี้
“พูดอะไร ฉันฟังไม่ถนัด..ฉันจะแกะผ้าปิดปากออก สัญญานะว่าจะไม่ส่งเสียงดัง?”
“อื้อ...อื้อ” สาวน้อยผมยาวสลวยพยักหน้าถี่รัว ถึงแม้ว่าจะรู้สึกเจ็บตึงที่หัวมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่เมือ่ได้ยินข้อเสนอเร้าใจนี้เธอก็ไม่อาจปฎิเสธได้
สภาพของเธอในตอนนี้ไม่ต่างกับซอมบี้หรือซากศพ ตาเล็กปูนโปนเขียวช้ำ นัยตามีเส้นเลือดสีแดงแตก
ยังดีที่เธอพอจะมองเห็นอะไรอยู่บาง น้ำเหนียวเหนอะที่ไหลอาบแก้มตลอดเวลา ซาโตะคิดว่ามันเป็นเหงื่อ เฝ้าภาวนาให้มันเป็นเหงื่อ ถึงแม้ความเจ็บมากมายมหาศาลจะถาโถมตามซีโครง ตามท่อนแขน
แต่อย่างน้อยเธอก็ยังมีลมหายใจ ลำไส้เล็กบิดเกรียวด้วยความหิวโหย หลายชั่วโมงมานี้ไม่มีสิ่งใดตกถึงท้องนอกจากเลือดของตัวเอง ซาโตะเลียริมฝีปากที่แห้งผากอย่างหิวโหย
“ถ้าฉันรอดออกไป---อุ๊กก”
ยังไม่ทันคิดจบ ฝ่ามือก็ฟาดเข้าที่หน้าเธอไม่ยั้ง นอกจากฝ่ามือแล้ว ก่อนหน้านี้ซาโตะยังโดนประเคนไม้หน้าสามเข้าที่หน้าหลายที ถ้าส่องกระจกตอนนี้ เธอจะร้องกรีดไหมนะ ไม่รู้ว่าฟันในปากของเธอตอนนี้จะอยู่ครบหรือเปล่า แต่ถือเป็นโชคดี..ที่อย่างน้อยเลือดที่ไหลในปากก็ทำให้เธอไม่คอแห้งเกินไปนัก
“ปล..ปล่อยยฉัน..ไป”
มันยากกว่าที่คิดเอาไว้ ซาโตะคิดว่าเธอคงมีเสียงเปล่งขอความช่วยเหลือจากใครสักคนหากนังบ้าที่อยู่ตรงหน้าเธอยอมปลดผ้าปิดปากออกให้ แต่แค่พูดคำว่าปล่อย ก็เจ็บปวดรวดร้าวเหมือนมีดคัตเตอร์คมๆกรีดเข้าที่ลำคอของเธอ
“ปล่อยแกหรอ?” เสียงหวานใสถามขึ้นซาโตะขมวดคิ้วจนรู้สึกว่าน้ำเหนียวที่แห้งกรังติดผมเธอหลุดกร่อนลงมา
“ขอร้อง...”
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังลั่นห้องอับสีทึม ซาโตะได้ยินเสียงกรุ๊กกริ๊กจากด้านหน้า ร่างของคนที่เธอคุ้นตา เดินกลับมาพร้อมมีดคัตเตอร์คมกริบ
“เกมต่อไป..ของเล่นไม่ชิ้นใหญ่เหมือนท่อนเหล็กเมื่อกี้หรอกจ๊ะเล็กๆแค่นี้เอง” เธอยื่นคัตเตอร์ให้เคโกะดูแล้วระเบิดหัวเราะออกมา
“สนุกหน่อยซิ...นี่เรากำลังเล่นเกมกันอยู่ไม่ใช่หรอ เกมแบบที่เธอชอบเล่น ชอบปั่นหัวคนอื่น”
“ฮืออออ ฮึกกกฉันอยากกลับบ้าน”
ซาโตะตอบทั้งน้ำตา เหมือนเธอจะแอบเห็นว่าคนที่กำคัตเตอร์จะชงักไปชั่วครู่ สายตาดูเหมือนลังเล
“แกนี่มัน พูดมากจริง...ฉันอุตส่าห์เก็บลิ้นไว้ให้แก..หรือจะตัดทิ้งดีห๊ะ!”
เท้าเล็กถีบเข้าที่เก้าอี้ที่ซาโตะนั่งอยู่ มันหงายหลังตึงลงไป พร้อมกับร่างของคนนั่ง เสียงกระดูกกระทบพื้นดังกร๊อบแกร๊บ ซาโตะไม่มีเสียงจะหวีดร้อง เธออ้าปากค้าง น้ำตาไหลรินอาบแก้ม เลือดจากหัวไหลเป็นวงใหญ่ๆ ซาโตะเห็นร่างนั้นหยิบหูฟังพร้อมเครื่องเล่นเพลงออกมาจากกระเป๋าถือ ท่าทางสบายอารมณ์
“โทษที..ฉันลืมว่าฉันมัดมือเธอเอาไว้”
ถุงมือสีขาวถูกหยิบมาสวมแล้วแกะท่อนแข่นที่หักบิดเบี้ยวออกมาวางกองไว้ด้านหน้าของร่างที่นอนคุดคู้อยู่ จิกผมซาโตะให้หันหน้ามามองเธอ
“ฉันใจดี..ไม่มัดแกแล้วละ”
“ใจดีตายละอีบ้า”
ซาโตะก่นด่าคนตรงหน้าในใจ กระดูกเธอแหลกระเอียด ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะยกมันขึ้นมาทำร้ายร่างบางที่นั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าเธอ
“อ๊ากกก อ๊ากกกกกก อย่า อ๊า อ๊า!!!!! “ เสียงเล็กกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด คัดเตอร์คมกริบกรีดที่แขนขาวเนียนของเธอ เลือดไหลซึมปริออกมาเป็นแนวยาวตามรอยลาก ยิ่งกรีดลึก เนื้อขาวเนียนปริออกเห็นเนื้อสดเต้นตุ๊บๆ ตรงหน้า
อ๊ากก!
ดูเหมือนอีกคนจะไม่ได้ยินเสียงกรี๊ดร้องเจ็บปวด
เธอใส่หูฟังเพลงรักเพราะพริ้ง แถมส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับคนตรงหน้า ซาโตะรวบรวมพลังเฮือกสุดท้าย จับเข้าที่ข้อมือของคนทำเรียกว่าแตะจะดีกว่า เพราะมือเธอหักจนแทบจะไม่เหลือสภาพเป็นมือ
“หือ?!
“ขอ...ฮึ่ก อย่าทำแบบนี้เลย” เสียงสะอื้นดังระงมก้องห้องซ่อมซ่อ
“ขอ..โทษ..ปล่อย..ไม่..ทำ อีก”
คัตเตอร์ยังทำหน้าที่ของมัน มันฝังลึกกรีดเนื้อเป็นริ้วๆ เลือดพรั่งพรูอกมานองพื้น ที่ถูกปูรองด้วยพลาสติกสีน้ำเงิน
“ขอ ร้องละคะ...ปล่อย...” เด็กสาวพนมมือไหว้ ถึงแม้จะข้างเดียวแต่เธอก็พยายามเต็มที่ซาโตะแสบลึกเข้ามากลางอก เมื่อคัตเตอร์เลื่อนไปที่ข้อมือเธอ เสียงคัดเตอร์ดังกึ๊กๆ เมื่ออีกคนเลื่อนปลายมันออกมาจนสุด
“ขออะไรนะ” เสียงหวานถอดหูฟังออกข้างนึง
“ให้..อุ๊กกกระอักเลือดออกมา ตาข้างขวาปิดสนิท เหลือเพียงตาอีกข้างที่เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของปีศาจที่อยู่ตรงหน้า
“โอ..กาส”
“ขอโอกาสให้ฉัน..มีชิวิตอยู่”
“เอางัยดี..เธอจะให้ฉันปล่อยมันไปหรือเปล่า?” คนที่คุมเกมพูดขึ้นมาเหมือนกำลังคุยกับใครสักคนอยู่
“ก็ได้..ตกลงตามนั้น”เจ้าของคัตเตอร์รับคำ
ซาโตะพยายามเหลียวหาคนที่เธอคุยด้วย แต่แปลก..มันไม่มีใครนอกจากซาโตะเองและ...
“ซาโตะจ๊ะ..ถ้าอย่างนั้น ฉันขอข้อมือเธอทั้งสองข้างเอาไว้เป็นที่ระลึกนะ!
..........................................................................................................
หลังจากข่าวสะเทือนขวัญที่มีนักเรียนมอปลายปีหนึ่งโดนลักพาตัวหายไปและยังหาตัวไม่พบ วันหนึ่งหลังจากหมดชั่วโมงเรียนนักศึกษาฝึกสอนจากเกียวโต โอมิ อาคาริซึ่งรับบทหนักเพราะโดนจับยัดให้มาเป็นที่ปรึกษาของนักเรียนมอปลายปีสุดท้าย ก็เดินหน้าเครียดเข้ามาในห้องเรียนซึ่งนักเรียนหลายคนกำลังเตรียมตัวกลับบ้าน รวมทั้ง มิยาชิตะ ฮารุกะที่ถือกระเป๋านักเรียนแนบอกแล้วก็ต้องหย่อนก้นลงเก้าอี้ที่เดิม
“นั่งก่อนๆ ครูขอเวลาไม่นาน”
ครูโอมิ ส่งเสียงขอความเห็นใจกับนักเรียนในห้องที่ดูวุ่นวายเพราะอยากกลับบ้านกันเต็มที
“เงียบๆด้วย” โอมิพูดซ้ำอีกรอบแต่ไม่มีใครสนใจฟังเธอเลย ครูสาวถอนหายใจแล้วลูบมวยผมตัวเองแก้เก้อ
“ช่วยฟังกันหน่อยนะคะ!”
เงียบกริบ ได้ผลดีเกินคาด เสียงทรงอำนาจของหัวหน้าห้อง อิวาซากะ นานะ ผู้เงียบขรึมทำให้เพื่อนร่วมห้องแยกย้ายกันนั่งที่ตามระเบียบได้ตามที่โอมิต้องการ
“นักเรียนทุกคนค่ะ นับจากวันนี้ไป เราจะแบ่งกลุ่มกันเดินกลับบ้าน ใครอยู่บ้านใกล้กัน ก็อยู่กลุ่มเดียวกัน ครูจะประกาศรายชื่อตามนี้”
“เพราะคดีนั้นแน่ๆเลย โรงเรียนถึงมีมาตรการแปลกๆออกมาแบบนี้”
“แต่ฉันได้ยินข่าวว่า เจอตัวแล้ว ที่โตเกียวนะ”
ฮารุกะได้ยินเสียงเพื่อนร่วมฉันซุบซิบกัน แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนักจนกระทั่ง..
“เดินกลับบ้านด้วยกันเหมือนเด็กอนุบาลหมีน้อย”
ฮารุกะนั่งเท้าคางแล้วเอี้ยวหน้าไปมองตามเสียงพูด ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ซาโกดะ ซาโอริ เพื่อนร่วมห้องที่นั่งอยู่ด้านหลังของเธอ ซาโกดะ มีรูปหน้าทีได้สัดส่วน ปากเธอเป็นกระจับเล็กๆ ตาคมกลมโต และยังมีไฝที่ตาซ้าย ว่ากันตามตรง ฮารุกะกับซาโกดะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยนอกจากเป็นเพื่อนร่วมห้อง และเป็นเพื่อนบ้านกันมาตั้งแต่ประถม
อยู่ในห้องเรียนทั้งคู่แทบจะไม่พูดคุยกันเลย อาจจะเป็นเพราะทั้งสองคนอยากเป็นแค่ส่วนหนึ่งของห้องเรียน เป็นนักเรียนประเภทกลมกลืนไปกับห้องเรียน ทำให้ไม่มีเรื่องพูดคุยกันมากนัก แต่บรรดาแม่ๆของเธอทั้งสองมักจะลากฮารุกะ หรือไม่ก็ลากซาโกดะมากินข้าวที่บ้านของกันและกันบ่อยๆ เพราะทั้งสองแม่บ้าน สามีต่างก็ไปทำงานต่างจังหวัดเหมือนกันทั้งคู่
“ฉันอยู่กลุ่มเอ” มิยูเดินมาเคาะโต๊ะเรียน เด็กสาวหันไปส่งยิ้มให้เพื่อน
“ไร้สาระจังเนอะ”
“คงจะเพื่อความปลอดภัย” มิยูยิ้มสดใส โลกมันดูสดชื่นขึ้นยิ่งกว่าเดิมมาก ฮารุกะยิ้มตอบ
“แย่ก็ตรงที่ฉันไปส่งเธอไม่ได้อีกพักใหญ่”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่พักใหญ่ๆ แต่ตอนเช้าก็ได้เหมือนเดิม”
มิยูยืนฟังกระพริบตาปริบๆ
“กลับกันเลยมั้ย?”
ฮารุกะมองอ้อมหลังมิยูไป สาวสวยผมสีน้ำตาลอ่อนยืนรออยู่ด้านหลัง เธอคาดผมด้วยที่คาดผมเล็กๆ ดูน่ารัก เหมาะกับวัย สาวสวยคนนั้นชื่อ ริสะ ชินนาเบะ
เธอเอียงคอส่งยิ้มให้ แล้วกวักมือเรียกมิยูหยอยๆ ฮารุกะพยายามจะตีความหมายกับรอยยิ้มนั้นหลายครั้ง
“ไปนะ” มิยูอ้อยอิ่งแล้วเดินไปหากลุ่มเพื่อนที่ยืนรออยู่
จะเรียกว่ากลุ่มเพื่อนของฮารุกะด้วยก็คงไม่ผิดหนัก ทั้งยูกิ มิยู และริสะ ฮารุกะเองก็รู้จักดี แต่ยังไม่ถึงขั้นสนิทยกใจให้ได้เหมือนกับใครบางคน
เผลอจ้องยูกินานเกินไปสินะ ฮารุกะแกล้งเบนสายตาไปที่อื่นจนยูกิ อิชิอิ เพื่อนร่วมห้องส่งยิ้มลามาให้ เป็นยิ้มที่ฮารุกะไม่ต้องตีความหมาย ยูกิโค้งตัวให้ฮารุกะนิดๆ สามคนนั้นเดินจากไปโดยมียูกิเดินรั้งท้าย มิยูขนาบข้างไปกับ ริสะ มองเผินๆ ยูกิเป็นส่วนเกินของทั้งคู่
กลุ่มนักเรียนรวมตัวกันเดินออกจากโรงเรียนเป็นกลุ่ม แยกย้ายไปคนละทาง รองเท้านักเรียนสีดำสนิทของฮารุกะหม่นลงไปเพราะฝุ่นที่เธอเตะตลอดทางเพื่อจะแกล้งคนข้างหลังที่เดินรั้งกลุ่มเป็นคนเกือบสุดท้าย
ซาโกดะยกชายเสื้อมาปิดจมูกก็แล้ว บ่นลอยๆ ก็แล้ว ฮารุกะยังเตะฝุ่นไม่ยอมหยุด สงสารครูโอมิ ที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออกที่เดินกำกับแถวในตอนท้าย ซาโกดะเร่งฝีเท้าอย่างไม่รู้ตัวขึ้นไปถาม
“ขาเธอยังจำเป็นอยู่มั้ย?” ซาโกดะเดินขึ้นมาขนาบข้าง หลังจากที่เดินตามหลังห่างๆ กลับโดนฮารุกะแกล้งเข้าจนได้
“ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วย” เธอว่า
“ก็เรียกดีๆ”
“ซาโกดะ..”
ซาโกดะเห็นแววตาสนุกสนานซ่อนอยู่ในสีหน้าของฮารุกะ จึงถอนหายใจไม่ต่อปากต่อคำด้วย
“เธอได้ยินเรื่อง..ศพที่ไม่มีฟันนั้นแล้วใช่มั้ย”
---
หลายคนอาจถามว่าไรท์ หล่อนช่วยแต่งจบไปทีละเรื่องได้ไหม 555
แต่ขอบอกว่า คอมที่ไรท์ใช้แต่ง มีปัญหา แต่เรื่องนี้บรีฟเอาไว้นานมากแล้ว และมีในนusb
ไม่รู้ว่าเอาไปซ่อมข้อมูลจะหายหรือเปล่า บ่นอะไรเนี่ย
เรื่องนี้ ก็ไม่มีอะไรมาก แต่ขอบคุณทุกคอมเม้นเอาไว้ก่อนเลยค่ะ แล้วเจอกันนะ
ความคิดเห็น