ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Luna legend ตำนานเจ้าหญิงจันทรา

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 51


    บทนำ

     

    สงคราม...

    สงคราม...มาพร้อมกับหายนะ

    และสงคราม....มาพร้อมการสูญเสีย

     

              บัดนี้ ท้องฟ้าสีครามที่เคยสดใสกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิตดูน่าสะพรึงกลัว เสียงกรีดร้องโหยหวนดังระงมทั่วทุกแผ่นดิน แผ่นดินที่เคยขาวสะอาด กลับเปื้อนไปด้วยความอาฆาตแค้น และเลือดจากการสูญเสีย

     

             

              ณ ยอดปราสาทสูงที่ตั้งตระหง่านกลางสมรภูมิอันดุเดือด  ร่างๆหนึ่งของเด็กหญิงกำลังทอดมองสงครามตรงหน้าไม่ไหวติง นัยน์ตาคู่เล็กฉายแววบางอบ่างที่อ่านยาก ก่อนจะละจากภาพเบื้องหน้าแล้วมองหญิงสาวอีกคนที่อยู่ในห้อง

     

    ท่านไม่ต้องกังวลใจไปหรอกเจ้าหญิง...ไม่นาน..ทุกอย่างจะจบลงเสียงของสตรีสาวพูดกับเด็กหญิง แต่คำพูดไม่ได้ทำให้แววตาคู่นั้นเปลี่ยนไปเลย

     

    นัยน์ตาของเด็กหญิงสบเข้ากับนัยน์ตาสีฟ้าดูอ่อนโยนของพี่เลี้ยงสาว ก่อนจะหุบลง แล้วเอ่ยเสียงเบา

     

    ทุกอย่างจะจบลง...ด้วยดีรึเปล่า?

     

    หญิงสาวตรงหน้ายิ้มก่อนจะเดินตรงเข้ามาแล้วกอดร่างเล็กไว้แน่นราวกับปลอบโยน

     

    ทุกอย่างจะจบลงด้วยดีแน่ๆ...ท่านไม่ต้องกังวลหญิงสาวกล่าว ก่อนจะพาร่างน้อยตรงไปยังที่บรรทม

     

    ไม่ต้องห่วงพอท่านตื่นขึ้นมา ทุกอย่างจะเหมือนเดิมเอง ว่าพลางลูบหัวเด็กหญิงอย่างอ่อนโยน

    ราตรีสวัสดิ์เพค่ะ เจ้าหญิงเซเรนน่า

     

    เด็กหญิงค่อยๆหลับตาลงอย่างอ่อนล้า แต่ประสาทความรู้สึกยังคงรู้ว่าพี่เลี้ยงยังอยู่ในห้อง เจ้าตัวเลยเอ่ยเรียก

     

    นี่...ไดแอน ข้าอยากได้น้ำอุ่นๆสักแก้ว หามาให้ข้าได้ไหม? หญิงสาวนาม ไดแอน หันกลับมาก่อนจะย่อกายรับคำสั่ง

     

     รับบัญชาเพค่ะ

     

              เสียงฝีเท้านั้นกำลังก้าวออกไปนอกห้อง ก่อนจะตามด้วยเสียงปิดประตูเบาๆ เพราะกลัวรบกวนผู้ที่นอนอยู่บนเตียง  ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงัด ทำให้ความคิดของเด็กหญิงเริ่มแล่น

     

    ท่านพ่อ...ท่านแม่เด็กหญิงพูดเสียงแผ่วเบานึกถึงบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิตเธอที่ตอนนี้กำลัง ต่อสู้ในสงครามเบื้องล่าง ลางสังหรณ์บางอย่างแล่นเข้าสู่จิตใจดวงน้อย ทำให้หัวใจที่เคยสงบกลับไหววูบ

     

    ร่างของเด็กหญิงค่อยๆขยับกายลุกขึ้น ก่อนจะสาวเท้าก้าวลงจากเตียง แล้วตรงไปยังประตูเบื้องหน้า ไม่รู้สึกแม้เวทมนต์ปกป้องที่ถูกร่ายอยู่รอบๆห้อง

     

    ร่างน้อยรีบก้าวเท้ายาวๆลงบันไดหินที่แข่งแกร่ง เพื่อไปยังชั้นเบื้องล่าง

     

    โถงชั้นล่างของปราสาทเงียบสนิทไร้วี่แววของผู้คน มีแต่เพียงเสียงสงครามข้างนอก ที่ดูจะไม่สิ้นสุดลงง่ายๆ ไม่มีวี่แววแม้แต่พี่เลี้ยงของเธอที่เพิ่งจะออกไปได้ไม่นาน

     

    เด็กหญิงสูดหายใจลึกก่อนจะก้าวไปยังประตูปราสาทที่เปิดแง้มๆอยู่

     

    ภาพตรงหน้าดูน่ากลัว ร่างไร้วิญญาณของทหารในสมรภูมิรบนับร้อยนอนตายเกลื่อน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งชวนให้ต้องเบือนหน้าหนี แต่เจ้าหญิงน้อยกลับไม่เกรงกลัว ก้าวเท้าข้ามร่างไร้วิญญาณของชีวิตไปเรื่อยๆ หวังว่าจะเจอกับใครสักคนที่เธอกำลังนึกถึง

    ตูม!!!!

     

    เสียงระเบิดดังก้องสะท้านไปทั่วทุกอาณาบริเวณ แรงระเบิดทำให้ร่างบางของเด็กหญิงกระเด็นไถครูดไปกับพื้นดิน ก่อนจะได้ยินเสียงหนึ่งตะโกนขึ้น

     

    ระเบิด!!..เกิดระเบิดที่ด้านปีกซ้ายของปราสาท เสียงทหารนายหนึ่งตะโกนลั่น ก่อนจะเรียกกำลังทหารบางส่วนมุ่งตรงไปยังสถานที่ดังกล่าว

     

    ปีกซ้ายของปราสาท เด็กหญิงพึงพำเบาๆก่อนจะใช้แรงที่เหลืออยู่อันน้อยนิด วิ่งตามทหารเหล่านั้นไป

     

    สภาพปีกซ้ายของปราสาทที่ถูกกล่าวถึง พังยับเยินไม่มีชิ้นดีร่างของผู้ที่อยู่ใกล้บริเวณ แต่ละคนเจ็บหนัก บางคนก็ไม่สามารถต้านทานฤทธิ์ของแรงระเบิดได้ จึงต้องยอมสังเวยชีวิตให้กับสงครามครั้งนี้

     

    . แฮ่ก.. แฮ่ก.. เสียงหายใจหอบเหนื่อยจากเด็กหญิง ที่ตอนนี้ยืนมองสภาพปราสาทที่เธอเคยอาศัยมานับ 7 ปี พังยับเยินดวงตาคู่เล็กนั้นกวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะสะดุดที่ร่างๆหนึ่งที่พิงกำแพงปราสาท ส่วนที่ยังไม่ได้รับความเสียหาย

     

              ร่างที่คุ้นตาและคุ้นเคยมาเท่าชีวิตของเธออยู่ตรงนั้นในสภาพเปื้อนเลือดอย่างน่ากลัว ร่างกายอันเบาะบางนั้นเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ โดยเฉพาะแขนทั้งสองที่เหมือนถูกของมีคมกรีดลึก

     

    ร่างที่ทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นวูบ มือไม่สั่นราวกับหวาดกลัว ดวงตาที่ทอดมองฉายแววปวดร้าว ขอบตาเริ่มร้อนผาวน้ำใสๆอาบสองข้างแก้มอย่างควบคุมไม่อยู่

     

     ทะ...ท่าน...แม่. เสียงที่เปล่งออกมาแหบพร่าราวกับคนไม่มีแรงก่อนร่างบางจะทรุดหวบลงกับพื้น

     

    ฝ่าบาท! ฝ่าบาท!  องค์ราชินีท่าน...เสียงของทหารชั้นสูงฟังดูร้อนรน ขณะที่บุรุษที่ถูกกล่าวสมญานามว่า ฝ่าบาท เบิกตากว้างราวกับรู้ว่าคนตรงหน้าจะพูดเช่นไร

    นัยน์ตาสีนิลเยี่ยงรัตติกาลวาววับฉายแววโรจน์ก่อนจะตวาดเสียงดังลั่น

     

    ทุกกองกำลังรวมพล ไปพบข้าที่ปีกซ้ายเดี๋ยวนี้!!” สิ้นเสียงบัญชาร่างของบุรุษผู้ถืออำนาจสูงสุด ก็พุ่งทะยานพร้อมอาชาสีเงิน ไปยังปีกซ้ายของปราสาททันที

     

    ทันทีที่ไปถึง ร่างของทหารอีกคนก็รีบเข้ามาทำความเคารพก่อนจะทูลเรียน

     

    ฝ่าบาท! ตัวปราสาทถูกทำลายไปมาก ทหารของเราบาดเจ็บสาหัสและตอนนี้...เจ้าหญิงเซเรนน่าอยู่ที่นี่พะยะค่ะ!”

     

    คำกล่าวสุดท้ายทำให้ร่างขององค์ราชาชาวาบ เมื่อนึกถึงพระธิดาองค์น้อยที่ตอนนี้อยู่ในสถานที่สมรภูมิแห่งนี้

     

    เซเรนน่าอยู่ไหน!!”

     

    ตรงกำแพงด้านหลังพะยะค่ะ

     

    .......................

     

    .....

     

    ท่านแม่........ท่านแม่....

    ไม่....ท่านแม่อย่าทิ้งข้าไป....อย่าทิ้งข้าไปแบบนี้

     

    ไม่!!” เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้อง น้ำตาไหลพรั่งพรูไม่หยุดสาย พร้อมกับหัวใจที่แตกละเอียด แผลในใจยากที่จะหายไป

     

    เซเรนน่า ! เซเรนน่า !” ผู้เป็นบิดาตะโกนลั่นก่อนจะรีบเข้าไปกอดร่างเล็กที่กำลังกรีดร้องอย่าเจ็บปวด นัยน์ตาสีดำสนิทตวัดไปมองร่างหญิงสาวอันเป็นที่รักที่ไร้ซึ่งสัญญาณแห่งชีวิต อย่างปวดร้าว

     

    พวกเจ้าต้องชดใช้...เซท พวกเจ้าต้องชดใช้!!”

     

    แสงสีขาวเรืองออกมาจากดาบศักดิ์สิทธิ์ข้างกายของบุรุษผู้ทรงดาบ ดาบนั้นถูกชูขึ้นก่อนจะตวัดวูบ เพียงการลงดาบครั้งเดียวรัศมีแห่งการทำลายล้างก็แผ่กระจายไปทั่วอาณาจักร

     

    ภาพตรงหน้ากลายเป็นสีขาวแห่งความว่างเปล่า ... ว่างเปล่าเหมือนจิตใจของเธอ

    แผลในใจที่ยากจะหาย... ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดถึงจะสามารถเยียวยา

     

    สติสุดท้ายดับวูบลงพร้อมกับหัวใจดวงน้อย ที่บัดนี้ถูกปิดกั้นไปในที่สุด...

     

     

    xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×