คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 ภัยระหว่างทาง
บทที่ 2
ภัยระหว่างทาง
เสียงกรอบแกรบของใบไม้แห้งดังขึ้นเมื่อกระทบฝีเท้าของผู้เดินผ่าน สายลมยามราตรีพัดไหววูบ เสียงกิ่งไม้เสียดสี
ป่าแห่งลูเนท....
สถานที่ที่เธอเองก็ไม่มั่นใจเต็มร้อยนักว่ามันจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะในยามราตรีกาลเช่นนี้ เธอเองก็ใช่ว่าอยากจะเข้ามาในป่านี้สักเท่าไหร่ ถ้าไม่ติดที่ว่าเธอต้องตามหาอะไรบางอย่างในที่แห่งนี้
นี่อาจเลยเที่ยงคืนแล้ว
ความคิดแล่นเข้ามาในหัว เมื่อดวงตาคู่สวยมองพระจันทร์เบื้องบนอย่างคาดคะเน เสียงฝีเท้ายังก้าวเป็นจังหวะอย่างสม่ำเสมอ ผ่านบรรยากาศเงียบกริบยามค่ำคืนของป่าลูเนท แต่ร่างบางยังไม่รู้สึกหวาดกลัวแต่เพียงอย่างไร
“ เจ้าควรพัก” เสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เสียงที่เธอรู้ดีว่าเป็นของใคร คนตัวเล็กถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือไปเตะต่างหู ทำให้ร่างของภูตจันทราหนุ่มปรากฏขึ้น
ดวงตาสีนิลสวยตวัดไปมองคนตรงหน้าที่แววตาฉายแววห่วงใย
“ ก็ได้...ข้าว่าแถวนี้คงมีน้ำตก ข้ากะจะไปล้างหน้าล้างตา พักซะหน่อยแล้วกัน” เซเรนว่าก่อนจะเดินไปหาน้ำตกที่ว่า โดยมีเฟดัสเดินตามหลัง
มือทั้งสองข้างแหวกกิ่งไม้ที่โน้มลงมาระหว่างทางก่อนจะพบน้ำตกที่ว่า
ถึงจะไม่ใหญ่นักแต่ก็ดูสวยงามทันทีเมื่อจับจ้องร่างบางเดินไปยังต้นไม้ต้นหนึ่งที่ตั้งอยู่ข้างก้อนหินโสโครกก้อนยักษ์ แล้วปลดสัมภาระทิ้งวางไว้กับพื้น ก่อนจะหันมากำชับอีกคน
“ เฟดัส เจ้าไปหาฝืนมาให้ข้า” เธอว่าชี้ไปยังต้นไม้ต้นหนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกล เป็นเชิงบอกให้ใช้ฟืนจากต้นนั้น
เฟดัสพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินไปทำตามคำสั่งของผู้เป็นนาย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเธอก็ลงมือก่อกองไฟ เพื่อคลายหนาวและใช้แสงไฟในการทำอะไรๆได้ง่ายขึ้น
“ ข้าจะไปล้างหน้ารอเฉยๆอยู่ตรงนี้” เธอสั่งอีกรอบก่อนจะเดินไปทางน้ำตก
มือบางกวักน้ำขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆล้างหน้าล้างตาจนพอใจ ดวงตาสีนิลมองไปยังแผ่นน้ำสีใสที่สะท้อนภาพของตนเองบนพื้นน้ำ ก่อนจะตวัดสายตาขึ้นไปมองท้องฟ้ายามราตรี
อย่างน้อยก็อย่าได้มีอันตรายเกิดขึ้น... เธอหวังก่อนจะลุกขึ้นแล้วกลับไปยังที่เดิม
“ ข้าหิว..” เสียงหนึ่งดังขึ้นทันทีที่เจ้าของเสียงเห็นหน้าเธอ เฟดัสส่งสายตาอ้อนวอนไปยังเซเรน มือข้างหนึ่งกุมท้องที่ส่งเสียงน่ารำคาญ คิ้วเข้มทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน ก่อนจะเอ่ยปาก
“ เจ้าหิว?” อีกฝ่ายพยักหน้าหงึกๆ
“ แล้ว...” เซเรนลากเสียงยาวอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามคนที่กำลังร้องอวดครวญ
“ ข้าอยากกินอะไรก็ได้ ตอนนี้ข้าหิวไส้จะขาดอยู่แล้ว” เฟดัสประท้วงก่อนจะส่งสายตาน่ารำคาญสำหรับเธอมาให้
บางทีเธออาจไม่ควรพาเจ้านี่มาด้วย ถ้ารู้ว่ามันจะน่ารำคาญขนาดนี้
ก่อนที่เสนอารมณ์จะขาดผึง เธอก็โยนแอปเปิ้ลลูกหนึ่งไปให้หวังปิดปากมันซะ นัยน์ตาสีทองจ้องมองแอปเปิ้ลอย่างเสียดาย ที่ได้เพียงแค่แอปเปิ้ลบรรเทาความหิวแต่ก็ทำใจก้มหน้าก้มตากินไม่พูดอะไรพักหนึ่ง ก่อนจะเริ่มสนทนาใหม่
“ เจ้ารู้ไหมว่ามินลิเทียน่ะ มันไกลจากที่นี่เท่าไหร่?” เฟดัสยิ่งคำถามให้คนที่นั่งเช็ดดาบเสี้ยวจันทราที่นั่งเงียบไม่พูดอะไร
“ รู้ ” เซเรนตอบสั้นๆ โดยไม่มองหน้าคนถามแม้แต่นิดเดียว
“ แล้วเจ้ารู้ใช่ไหมว่าจะเดินทางไป มันตั้งอาทิตย์กว่าๆบางทีอาจสองไม่ก็สามถ้าเราหลง”
“ รู้ แต่พรุ่งนี้เราจะถึงมินลิเทีย”
“ พรุ่งนี้ !?” เฟดัสถามอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะดูจากแผนที่เมืองที่ว่านั่น ห่างจากจุดที่เขานั่งอยู่อีกเป็นพันไมล์ ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะไปถึงภายในพรุ่งนี้ นอกเสียจากเวทย์มนต์บางอย่างที่พวกเขาไม่มี...
“ ใช่” เสียงที่ตอบกลับมาแสดงถึงความมั่นใจ มือบางวางดาบเล่มสวยลงอย่างเบามือ ก่อนจะหันไปค้นสมุดเล่มเก่าๆที่เธอเคยหยิบขึ้นมา แล้วเปิดหน้ามันอย่างรวดเร็ว ภายในนั้นมีกระดาษสีน้ำตาลเข้มแผ่นหนึ่งสอดอยู่ แล้วยื่นกระดาษแผ่นนั้นไปตรงหน้าเฟดัสที่มองตาไม่กระพริบ
“ นี่คือสิ่งที่ข้าตามหาในป่านี้” เซเรนเอ่ย
นัยน์ตาสีทองกวาดสายตามองตัวหนังสือในกระดาษเก่าๆนั้น ด้วยแววตาแปลกใจ
“ ร้าน ?”
“ ใช่...ร้านที่จะพาข้าไปยังมินลิเทียได้ภายในพรุ่งนี้ ดังนั้นพรุ่งนี้เราจะต้อง...” เสียงอธิบายช่วงท้ายหายไป ดวงตาสีนิลกวาดมองไปรอบๆเหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง และเฟดัสก็รู้สึกเช่นกัน กองไฟจึงถูกดับลง
ความเงียบโรยตัว
เซเรนรีบเก็บกระเป๋าก่อนจะซ่อนตัวใต้ผ้าคลุมดาบเล่มสวยถูกเรียกเข้ามาในมือเหมือนเตรียมพร้อมรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
“ เขตอาคมของพวกเลอร์วาย....”
เท่านั้นเธอก็รีบลุกขึ้นวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเฟดัสวิ่งตาม
บ้าจริง!
เสียงสบถในใจ ขณะที่เธอกำลังวิ่งสุดกำลัง ระหว่างทางที่เธอวิ่งมา เธอรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่วิ่งตามอยู่ขนาบข้างทาง
เลอร์วายอาทันท์...สัตว์อสูรในป่าลูเนทที่เธอไม่อยากเจอด้วยมากที่สุด แต่กลับหลงเข้ามาในเขตอาคมของมันจนได้ ยังไงซะเธอต้องรบหนีไม่งั้นคงเลี่ยงการปะทะกับพวกมันไม่ได้
พลันเงาสีดำก็กระโดดวูบมาด้านหน้า ก่อนกรงเล็บแหลมคมจะตวัดพึบหมายเอาชีวิต แต่กรงเล็บนั้นก็ปะทะกับโลหะจากดาบยาวที่ยกขึ้นมากันไว้ได้ทัน แล้วร่างของสัตว์อสูรก็ปรากฏขึ้น
ลักษณะที่คล้ายกับสุนัขจิ้งจอกตัวใหญ่ยักษ์ขนของมันสีดำสนิทแฝงกายไปกับความมืด กรงเล็บยาวแหลมที่เอาไว้ฉีกกระชากร่างของเหยื่อ รวมทั้งเคมขี้ยวดูน่ากลัวนัยน์ตาสีแดงโลหิตจ้องมาที่เธอราวกับเป็นอาหารอันโอชะ
มันคำรามกึกก้องก่อนจะกระโจนเข้าใส่ร่างเธอ
เซเรนกระโดดหลบได้อย่างหวุดหวิด เมื่อปลายเล็บจะเฉือนปลายผมเธอไปก็ตาม
“ เซเรน!!” เฟดัสตะโกน ก่อนจะวิ่งตรงเข้ามาหมายเข้าไปช่วยแต่เลอร์วายอีกตัวก็กระโดดออกมาจากความมืดแล้วพุ่งใส่ทันที
เซเรนปลายตามองเฟดัสครู่หนึ่งที่กำลังต่อสู้กับเลอร์วายอีกตัวหนึ่งอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะกลับมามองสัตว์อสูรตรงหน้าที่พุ่งใส่อีกครั้ง
เธอกระโดดยันตัวขึ้นก่อนจะวาดาบลงมาด้วยท่วงท่างดงาม ร่างของเลอร์วายส่ายไปส่ายมาก่อนร้องคำรามอย่างเจ็บปวดเมื่อเห็นว่ามันดูท่าจะบาดเจ็บไม่น้อย เธอจึงรีบไปช่วยอีกคนที่โดนเลอร์วายอีกตัวพุ่งเข้าทำร้าย
โฮก!!! เสียงคำรามมาจากด้านหลังของเซเรน เลอร์วายตัวที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อครู่กระโดดมาทางด้านหลังกรงเล็บเฉือนตรงหัวไหล่เธอเรียกเลือดสีแดงสดได้ไม่ยาก
“ ระวัง!!” เสียงเรียกต่อมาจากปากของเฟดัส เมื่อเห็นว่ามีสัตว์อสูรอีกหกตัวกระโจนเข้ามาซึ่งทางเขาเองก็ไม่รอดเช่นกัน
เซเรนหันหน้าเผชิญหน้าพวกเลอร์วายที่จ้องมองเธอด้วยดวงตาสีเลือดดูกระหายการฆ่า พวกมันยืนนิ่งเหมือนรอจังหวะอะไรบางอย่าง
ในเมื่อคืนนี้เป็นคืนเดือนมืด...ทำไมพวกเลอน์วายถึงได้แข่งแกร่งเพียงนี้
เซเรนคิด พลางกระชับดาบแน่นเตรียมจู่โจม
เสี้ยวจันทราได้เวลาแพลงฤทธิ์ของเจ้าแล้ว...
รอยยิ้มเหยียดปรากฏที่มุมมปาก ก่อนจะเกิดแสงสีทองสว่างจ้าจากตัวดาบที่กำลังเปล่งประกาย เป็นทันทีที่พวกเลอร์วายพุ่งเข้าใส่เป้าหมาย
วืด!! เพียงการวาดดาบเพียงครั้งเดียว เลอร์วายตัวหนึ่งก็ถูกซัดกระเด็นไปไกลด้วยอานุภาพของดาบศักดิ์สิทธิ์ ทำให้พวกที่เหลือไม่แน่ใจในการปะทะ
เซเรนชี้ดาบไปเบื้องหน้า ก่อนจะตะโกนลั่น
“ ส่งนายของเจ้ามา!!!” พวกเลอร์วายจ้องมองมาที่เธอเหมือนจะฟังภาษาของเธอรู้รื่อง พวกมันมองหน้ากันไปมาทำให้เซเรนเริ่มหัวเสีย
“ ข้าสั่งให้ส่งนายของพวกเจ้ามา!!” สิ้นคำสายลมก็พลันไหววูบอย่างน่าประหลาดพัดผ่านใบหน้าของเธอไป แต่อยู่ๆที่ข้างแก้มขาวก็ปรากฏเหมือนมีรอยขีดข่วนลากยาว เธอหลับตาลงก่อนจะค่อยๆเอื้มมือไปแตะที่ต่างหูข้างซ้ายระลึกถึงเจ้าของต่างหู
ร่างของเฟดัสก็ค่อยๆเลื่อนหายไปจากที่ที่เคยอยู่ พร้อมๆกับร่างของพวกเลอร์วายที่หายไปพร้อมกับความมืด
สายลมไหววูบอีกครั้งเธอรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วอยู่รอบกาย แต่เพียงเธอไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ไม่ทันไรการจู่โจมก็เริ่มขึ้น
เคร้ง!! เสียงโลหะปะทะเข้ากับกรงเล็บทมิฬจากความมืด ก่อนนจะตามด้วยการจู่โจมต่อเนื่องจากอสูรร้าย
ในความมืดแบบนี้มีแต่เสียเปรียบ...อีกอย่างเลอร์วายเป็นอสูรแห่งความเร็ว จะชนะเจ้าแห่งความเร็วก็ต้องเร็วยิ่งกว่า
เซเรนคิดขณะพยายามรับมือการจู่โจมที่มากับความเร็วที่มองไม่เห็น ก่อนจะกระโดดตีลังกาไปหาที่ตั้งหลักหลังต้นไม้ใหญ่
วืด!! โครมม!!
ต้นไม่ใหญ่ที่ใช้เป็นที่ตั้งหลักบัดนี้ขาดเป็นสองท่อน ทำให้ต้นไม้ล้มทับลงมาปิดทางออกของเธอเสียแล้ว
โฮก!! เสียงคำรามดังขึ้นก้องทั่วผืนป่า แล้วร่างของเจ้าแห่งความเร็วก็ปรากฏขึ้น
เลอร์วายตัวนี้มีขนสีเงินสวยและเด่นสง่ากว่าตัวอื่นๆ นัยน์ตาสีเลือดจ้องมาที่เธอเขม็ง กรงเล็บสีดำแหลมคมง้างขึ้นก่อนจะตวัดใส่เป้าหมายเบื้องหน้าอย่างหมายชีวิต!!
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
ความคิดเห็น