ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Luna legend ตำนานเจ้าหญิงจันทรา

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 ภัยระหว่างทาง

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 51


    บทที่ 2

    ภัยระหว่างทาง

     

     

              เสียงกรอบแกรบของใบไม้แห้งดังขึ้นเมื่อกระทบฝีเท้าของผู้เดินผ่าน สายลมยามราตรีพัดไหววูบ เสียงกิ่งไม้เสียดสี

     

              ป่าแห่งลูเนท....

     

    สถานที่ที่เธอเองก็ไม่มั่นใจเต็มร้อยนักว่ามันจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะในยามราตรีกาลเช่นนี้ เธอเองก็ใช่ว่าอยากจะเข้ามาในป่านี้สักเท่าไหร่ ถ้าไม่ติดที่ว่าเธอต้องตามหาอะไรบางอย่างในที่แห่งนี้

     

              นี่อาจเลยเที่ยงคืนแล้ว

     

    ความคิดแล่นเข้ามาในหัว เมื่อดวงตาคู่สวยมองพระจันทร์เบื้องบนอย่างคาดคะเน เสียงฝีเท้ายังก้าวเป็นจังหวะอย่างสม่ำเสมอ ผ่านบรรยากาศเงียบกริบยามค่ำคืนของป่าลูเนท แต่ร่างบางยังไม่รู้สึกหวาดกลัวแต่เพียงอย่างไร

     

    เจ้าควรพัก เสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เสียงที่เธอรู้ดีว่าเป็นของใคร คนตัวเล็กถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือไปเตะต่างหู ทำให้ร่างของภูตจันทราหนุ่มปรากฏขึ้น

     

    ดวงตาสีนิลสวยตวัดไปมองคนตรงหน้าที่แววตาฉายแววห่วงใย

     

    ก็ได้...ข้าว่าแถวนี้คงมีน้ำตก ข้ากะจะไปล้างหน้าล้างตา พักซะหน่อยแล้วกัน เซเรนว่าก่อนจะเดินไปหาน้ำตกที่ว่า โดยมีเฟดัสเดินตามหลัง

     

    มือทั้งสองข้างแหวกกิ่งไม้ที่โน้มลงมาระหว่างทางก่อนจะพบน้ำตกที่ว่า

     

    ถึงจะไม่ใหญ่นักแต่ก็ดูสวยงามทันทีเมื่อจับจ้องร่างบางเดินไปยังต้นไม้ต้นหนึ่งที่ตั้งอยู่ข้างก้อนหินโสโครกก้อนยักษ์ แล้วปลดสัมภาระทิ้งวางไว้กับพื้น ก่อนจะหันมากำชับอีกคน

     

    เฟดัส เจ้าไปหาฝืนมาให้ข้า เธอว่าชี้ไปยังต้นไม้ต้นหนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกล เป็นเชิงบอกให้ใช้ฟืนจากต้นนั้น

     

    เฟดัสพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินไปทำตามคำสั่งของผู้เป็นนาย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเธอก็ลงมือก่อกองไฟ เพื่อคลายหนาวและใช้แสงไฟในการทำอะไรๆได้ง่ายขึ้น

     

    ข้าจะไปล้างหน้ารอเฉยๆอยู่ตรงนี้ เธอสั่งอีกรอบก่อนจะเดินไปทางน้ำตก

     

    มือบางกวักน้ำขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆล้างหน้าล้างตาจนพอใจ ดวงตาสีนิลมองไปยังแผ่นน้ำสีใสที่สะท้อนภาพของตนเองบนพื้นน้ำ ก่อนจะตวัดสายตาขึ้นไปมองท้องฟ้ายามราตรี

     

              อย่างน้อยก็อย่าได้มีอันตรายเกิดขึ้น... เธอหวังก่อนจะลุกขึ้นแล้วกลับไปยังที่เดิม

     

    ข้าหิว..เสียงหนึ่งดังขึ้นทันทีที่เจ้าของเสียงเห็นหน้าเธอ เฟดัสส่งสายตาอ้อนวอนไปยังเซเรน มือข้างหนึ่งกุมท้องที่ส่งเสียงน่ารำคาญ คิ้วเข้มทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน ก่อนจะเอ่ยปาก

     

    เจ้าหิว?อีกฝ่ายพยักหน้าหงึกๆ

    แล้ว...เซเรนลากเสียงยาวอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามคนที่กำลังร้องอวดครวญ

     

    ข้าอยากกินอะไรก็ได้ ตอนนี้ข้าหิวไส้จะขาดอยู่แล้ว เฟดัสประท้วงก่อนจะส่งสายตาน่ารำคาญสำหรับเธอมาให้

     

              บางทีเธออาจไม่ควรพาเจ้านี่มาด้วย ถ้ารู้ว่ามันจะน่ารำคาญขนาดนี้

     

    ก่อนที่เสนอารมณ์จะขาดผึง เธอก็โยนแอปเปิ้ลลูกหนึ่งไปให้หวังปิดปากมันซะ นัยน์ตาสีทองจ้องมองแอปเปิ้ลอย่างเสียดาย ที่ได้เพียงแค่แอปเปิ้ลบรรเทาความหิวแต่ก็ทำใจก้มหน้าก้มตากินไม่พูดอะไรพักหนึ่ง ก่อนจะเริ่มสนทนาใหม่

     

    เจ้ารู้ไหมว่ามินลิเทียน่ะ มันไกลจากที่นี่เท่าไหร่?เฟดัสยิ่งคำถามให้คนที่นั่งเช็ดดาบเสี้ยวจันทราที่นั่งเงียบไม่พูดอะไร

     

    รู้ เซเรนตอบสั้นๆ โดยไม่มองหน้าคนถามแม้แต่นิดเดียว

     

    แล้วเจ้ารู้ใช่ไหมว่าจะเดินทางไป มันตั้งอาทิตย์กว่าๆบางทีอาจสองไม่ก็สามถ้าเราหลง

    รู้ แต่พรุ่งนี้เราจะถึงมินลิเทีย

     

    พรุ่งนี้ !?เฟดัสถามอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะดูจากแผนที่เมืองที่ว่านั่น ห่างจากจุดที่เขานั่งอยู่อีกเป็นพันไมล์ ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะไปถึงภายในพรุ่งนี้ นอกเสียจากเวทย์มนต์บางอย่างที่พวกเขาไม่มี...

     

    ใช่เสียงที่ตอบกลับมาแสดงถึงความมั่นใจ มือบางวางดาบเล่มสวยลงอย่างเบามือ ก่อนจะหันไปค้นสมุดเล่มเก่าๆที่เธอเคยหยิบขึ้นมา แล้วเปิดหน้ามันอย่างรวดเร็ว ภายในนั้นมีกระดาษสีน้ำตาลเข้มแผ่นหนึ่งสอดอยู่ แล้วยื่นกระดาษแผ่นนั้นไปตรงหน้าเฟดัสที่มองตาไม่กระพริบ

     

    นี่คือสิ่งที่ข้าตามหาในป่านี้เซเรนเอ่ย

     

    นัยน์ตาสีทองกวาดสายตามองตัวหนังสือในกระดาษเก่าๆนั้น ด้วยแววตาแปลกใจ

     

    ร้าน ?

    ใช่...ร้านที่จะพาข้าไปยังมินลิเทียได้ภายในพรุ่งนี้ ดังนั้นพรุ่งนี้เราจะต้อง... เสียงอธิบายช่วงท้ายหายไป ดวงตาสีนิลกวาดมองไปรอบๆเหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง และเฟดัสก็รู้สึกเช่นกัน กองไฟจึงถูกดับลง

     

    ความเงียบโรยตัว

     

    เซเรนรีบเก็บกระเป๋าก่อนจะซ่อนตัวใต้ผ้าคลุมดาบเล่มสวยถูกเรียกเข้ามาในมือเหมือนเตรียมพร้อมรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น

     

    เขตอาคมของพวกเลอร์วาย....

     

    เท่านั้นเธอก็รีบลุกขึ้นวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเฟดัสวิ่งตาม

     

    บ้าจริง!

    เสียงสบถในใจ ขณะที่เธอกำลังวิ่งสุดกำลัง ระหว่างทางที่เธอวิ่งมา เธอรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่วิ่งตามอยู่ขนาบข้างทาง

     

    เลอร์วายอาทันท์...สัตว์อสูรในป่าลูเนทที่เธอไม่อยากเจอด้วยมากที่สุด แต่กลับหลงเข้ามาในเขตอาคมของมันจนได้ ยังไงซะเธอต้องรบหนีไม่งั้นคงเลี่ยงการปะทะกับพวกมันไม่ได้

    พลันเงาสีดำก็กระโดดวูบมาด้านหน้า ก่อนกรงเล็บแหลมคมจะตวัดพึบหมายเอาชีวิต แต่กรงเล็บนั้นก็ปะทะกับโลหะจากดาบยาวที่ยกขึ้นมากันไว้ได้ทัน แล้วร่างของสัตว์อสูรก็ปรากฏขึ้น

     

    ลักษณะที่คล้ายกับสุนัขจิ้งจอกตัวใหญ่ยักษ์ขนของมันสีดำสนิทแฝงกายไปกับความมืด กรงเล็บยาวแหลมที่เอาไว้ฉีกกระชากร่างของเหยื่อ รวมทั้งเคมขี้ยวดูน่ากลัวนัยน์ตาสีแดงโลหิตจ้องมาที่เธอราวกับเป็นอาหารอันโอชะ

     

    มันคำรามกึกก้องก่อนจะกระโจนเข้าใส่ร่างเธอ

    เซเรนกระโดดหลบได้อย่างหวุดหวิด เมื่อปลายเล็บจะเฉือนปลายผมเธอไปก็ตาม

     

    เซเรน!!” เฟดัสตะโกน ก่อนจะวิ่งตรงเข้ามาหมายเข้าไปช่วยแต่เลอร์วายอีกตัวก็กระโดดออกมาจากความมืดแล้วพุ่งใส่ทันที

     

    เซเรนปลายตามองเฟดัสครู่หนึ่งที่กำลังต่อสู้กับเลอร์วายอีกตัวหนึ่งอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะกลับมามองสัตว์อสูรตรงหน้าที่พุ่งใส่อีกครั้ง

     

    เธอกระโดดยันตัวขึ้นก่อนจะวาดาบลงมาด้วยท่วงท่างดงาม ร่างของเลอร์วายส่ายไปส่ายมาก่อนร้องคำรามอย่างเจ็บปวดเมื่อเห็นว่ามันดูท่าจะบาดเจ็บไม่น้อย เธอจึงรีบไปช่วยอีกคนที่โดนเลอร์วายอีกตัวพุ่งเข้าทำร้าย

     

     

    โฮก!!! เสียงคำรามมาจากด้านหลังของเซเรน เลอร์วายตัวที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อครู่กระโดดมาทางด้านหลังกรงเล็บเฉือนตรงหัวไหล่เธอเรียกเลือดสีแดงสดได้ไม่ยาก

     

    ระวัง!!” เสียงเรียกต่อมาจากปากของเฟดัส เมื่อเห็นว่ามีสัตว์อสูรอีกหกตัวกระโจนเข้ามาซึ่งทางเขาเองก็ไม่รอดเช่นกัน

     

    เซเรนหันหน้าเผชิญหน้าพวกเลอร์วายที่จ้องมองเธอด้วยดวงตาสีเลือดดูกระหายการฆ่า พวกมันยืนนิ่งเหมือนรอจังหวะอะไรบางอย่าง

     

     

    ในเมื่อคืนนี้เป็นคืนเดือนมืด...ทำไมพวกเลอน์วายถึงได้แข่งแกร่งเพียงนี้

     

    เซเรนคิด พลางกระชับดาบแน่นเตรียมจู่โจม

    เสี้ยวจันทราได้เวลาแพลงฤทธิ์ของเจ้าแล้ว...

     

    รอยยิ้มเหยียดปรากฏที่มุมมปาก ก่อนจะเกิดแสงสีทองสว่างจ้าจากตัวดาบที่กำลังเปล่งประกาย เป็นทันทีที่พวกเลอร์วายพุ่งเข้าใส่เป้าหมาย

     

    วืด!! เพียงการวาดดาบเพียงครั้งเดียว เลอร์วายตัวหนึ่งก็ถูกซัดกระเด็นไปไกลด้วยอานุภาพของดาบศักดิ์สิทธิ์ ทำให้พวกที่เหลือไม่แน่ใจในการปะทะ

     

    เซเรนชี้ดาบไปเบื้องหน้า ก่อนจะตะโกนลั่น

     

     

    ส่งนายของเจ้ามา!!!” พวกเลอร์วายจ้องมองมาที่เธอเหมือนจะฟังภาษาของเธอรู้รื่อง พวกมันมองหน้ากันไปมาทำให้เซเรนเริ่มหัวเสีย

     

    ข้าสั่งให้ส่งนายของพวกเจ้ามา!!” สิ้นคำสายลมก็พลันไหววูบอย่างน่าประหลาดพัดผ่านใบหน้าของเธอไป แต่อยู่ๆที่ข้างแก้มขาวก็ปรากฏเหมือนมีรอยขีดข่วนลากยาว เธอหลับตาลงก่อนจะค่อยๆเอื้มมือไปแตะที่ต่างหูข้างซ้ายระลึกถึงเจ้าของต่างหู

     

     

    ร่างของเฟดัสก็ค่อยๆเลื่อนหายไปจากที่ที่เคยอยู่ พร้อมๆกับร่างของพวกเลอร์วายที่หายไปพร้อมกับความมืด

     

    สายลมไหววูบอีกครั้งเธอรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วอยู่รอบกาย แต่เพียงเธอไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ไม่ทันไรการจู่โจมก็เริ่มขึ้น

     

    เคร้ง!! เสียงโลหะปะทะเข้ากับกรงเล็บทมิฬจากความมืด ก่อนนจะตามด้วยการจู่โจมต่อเนื่องจากอสูรร้าย

     

     

    ในความมืดแบบนี้มีแต่เสียเปรียบ...อีกอย่างเลอร์วายเป็นอสูรแห่งความเร็ว จะชนะเจ้าแห่งความเร็วก็ต้องเร็วยิ่งกว่า

     

    เซเรนคิดขณะพยายามรับมือการจู่โจมที่มากับความเร็วที่มองไม่เห็น ก่อนจะกระโดดตีลังกาไปหาที่ตั้งหลักหลังต้นไม้ใหญ่

    วืด!! โครมม!!

     

    ต้นไม่ใหญ่ที่ใช้เป็นที่ตั้งหลักบัดนี้ขาดเป็นสองท่อน ทำให้ต้นไม้ล้มทับลงมาปิดทางออกของเธอเสียแล้ว

     

    โฮก!! เสียงคำรามดังขึ้นก้องทั่วผืนป่า แล้วร่างของเจ้าแห่งความเร็วก็ปรากฏขึ้น

     

    เลอร์วายตัวนี้มีขนสีเงินสวยและเด่นสง่ากว่าตัวอื่นๆ นัยน์ตาสีเลือดจ้องมาที่เธอเขม็ง กรงเล็บสีดำแหลมคมง้างขึ้นก่อนจะตวัดใส่เป้าหมายเบื้องหน้าอย่างหมายชีวิต!!

     

     

     

    xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×