ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Luna legend ตำนานเจ้าหญิงจันทรา

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 แผนการออกเดินทาง

    • อัปเดตล่าสุด 22 มี.ค. 51


    บทที่ 1

    แผนการออกเดินทาง

     

     

              แสงของดวงอาทิตย์เจิดจ้าต้อนรับเช้าวันใหม่ที่สดใส เสียงของเหล่าปักษาตัวน้อยที่บินไปบินมาร้องผสานกันฟังไพเราะรื่นหู  กลิ่นของดอกไม้นานาพันธุ์ลอยมาตามสายลม

     

    ร่างๆหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางหมู่แมกไม้ เส้นผมสีทองยาวเป็นประกายสวยยามต้องแสงอาทิตย์ นัยน์ตาเยี่ยงรัตติกาลยามค่ำคืนดูอ่านยากจ้องไปยังป้ายหินสีขาวที่สลักอักษรสีทอง

     

    ราชินีเฟลิเซีย

     

    ท่านแม่..เสียงแผ่วเบาดังขึ้นจาก เจ้าหญิงเซเรนน่า ลินเนท เจ้าหญิงรัชทายาทคนสุดท้ายของชนเผ่าลูเนท ชนเผ่าโบราณหรือที่ถูกขนานนามว่า ชนเผ่าจันทรา

    ดอกไม้ช่อใหญ่ที่ส่งกลิ่นหอมถูกวางลงอย่างเบามือหน้าป้ายหินสีขาว

     

    ข้าไม่เคยลืมท่าน นับตั้งแต่วันนั้นเจ้าหญิงกล่าวก่อนจะหลับตาลงเพื่อเป็นการระลึกถึงสตรีที่สำคัญที่สุดในชีวิตเธอ ที่ได้จากไปพร้อมสงครามในครั้งนั้น

     

    ดินแดนที่เคยสงบสุขอย่างดินแดนของชนเผ่าจันทราต้องลุกเป็นไฟ เพราสงครามเมื่อ 8 ปีก่อน ดินแดนที่เคยศักดิ์สิทธิ์กลับต้องเปื้อนด้วยเลือดแห่งสงคราม...ดินแดนที่เคยเป็นชีวิตอันเป็นนิรันดร กำลังตายลงอย่างช้าๆ

     

    นัยน์ตาสีนิลลืมขึ้น ฉายแววมุ่งมั่นก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินจากไป

     

    ..............

    ….

     

    ผ่าง!!

    ประตูโถงปราสาทถูกเปิดออกเป็นสัญญาณว่ามีคนกำลังมา เสียงฝีเท้าก้าวเป็นจังหวะก่อจะหยุดที่หน้าบังลังก์สีทองที่มีร่างของกษัตริย์นาม ฟีลิกซ์ กษัตริย์ผู้กุมอำนาจสูงสุดของชนเผ่าจันทราประทับอยู่

     

    นัยน์ตาสีดำสนิทของผู้เป็นกษัตริย์ทอดมองพระธิดาด้วยสายตาอ่อนโยน

    มีอะไรหรือ? เซเรนน่า

     

    เซเรนย่อกายทำความเคารพก่อนจะเปล่งวาจา

     

    ข้ามีเรื่องอยากปรึกษาท่านกษัตริย์แห่งลูเนทเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยก่อนจะตรัสถาม

     

    เรื่องอะไรล่ะ?

     

    เซเรนยิ้มที่มุมปากก่อนจะตอบเสียงหนักแน่น

    ก็เรื่องความเป็นไปของชนเผ่าเรา

     

     สิ้นคำกล่าว ร่างสูงกลับเงียบก่อนจะลุกขึ้นจากบังลังก์สีทอง เดินตรงมาหาพระธิดา

     

    .ลูกกำลังคิดอะไรอยู่...เซเรนน่า กษัตริย์ฟีลิกซ์ตรัสถามเสียงเรียบก่อนจะสบตากับนัยน์ตาคู่นั้นเหมือนกำลังอ่านความคิดของผู้เป็นลูก

     

    “-ข้าแค่คิดว่าถ้าปล่อยไว้อย่างนี้สักวันหนึ่งชนเผ่าเราจะตาย.... เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อยังไม่พูดอะไร เจ้าต่อเลยว่าต่อ

     

    เราต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่มันจะสายเกินแก้

     

    อืมคนเป็นพ่อพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะตั้งคำถามใหม่

     

    แล้วลูกจะทำยังไง?

     

    ข้าจะออกตามหาอัญมณีแห่งเฟอร์ดินันทันทีที่พูดจบเสียงของกษัตริย์ก็ตวาดลั่น

     

    ไม่ได้!!!” แต่เด็กสาวกลับสงบเหมือนรู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นแบบนี้ จึงนิ่งเฉยมีเพียงคำพูดออกมาเบาๆ

     

    พวกเรากำลังจะตาย....

     

    ความตายของเราไม่ได้แลกด้วยความตายของลูก!!!” เงียบกริบด้วยประกาศิตเดียวของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งลูเนท

     

    เจ้าหญิงเซเรนน่าสบตากับพระบิดา

     

    ท่านพ่อเคยบอกข้าว่า...ในการปกป้องบางอย่างเพื่อส่วนรวม บางครั้งอาจต้องเสียใครบางคน เพื่อสิ่งนั้นถ้อยคำที่เขาเคยกล่าวไว้ดังขึ้นทำให้แววตาของผู้เป็นพ่ออ่อนลง

     

    อัญมณีแห่งเฟอร์ดินัน อัญมณีแห่งพลัง มันจะช่วยพวกเราให้อยู่รอดเจ้าหญิงแห่งลูเนทพูดเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นจนผู้เป็นพ่อรู้สึกได้ เสียงถอนหายใจดังขึ้น

     

    เจ้าเปลี่ยนไปมากนะเซเรนน่า...

    ตั้งแต่ที่เฟลิเซียจากไป...เจ้าก็เปลี่ยนไป

     

    เจ้าเปลี่ยนไปมากนะ เซเรนน่า...ถ้อยคำหลังถูกกลืนหายไปราวกับไม่สามารถพูดออกมาได้

     

    “-ข้าไม่ได้เปลี่ยนไปหรอกทานพ่อเจ้าหญิงยิ้ม

     

    ข้ายังรักท่าน รักท่านแม่ รักชนเผ่านี้เหมือนเคยไม่เคยเปลี่ยนและไม่มีวันเปลี่ยนว่าแล้วเด็กสาวย่อกายทำความเคารพอีกครั้งก่อนจะเดินจากไป

     

    โดยสายตาของคนเป็นพ่อมองตามอย่างปวดร้าว

    อย่างที่เขาว่ากันสินะ...

     

    เวลาเปลี่ยน....คนเราก็เลยเปลี่ยน

    บางทีถ้ารอให้เวลาผ่านไปอีกสักพัก ทุกอย่างก็อาจจะเปลี่ยนกลับมาเหมือนเดิม

     

    บางที....ข้าหวังเช่นนั้น

     

     

     

     

    ปัง!!

    เสียงปิดประตูดังลั่น แสดงให้เห็นอารมณ์ของผู้ปิดได้ดี

     

    ท่านพ่อนะ ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงไม่เข้าใจข้าเลย เสียงบ่นพึมพำดังมาจากเจ้าหญิงเซเรนน่า ก่อนจะเดินไปยังหีบสีน้ำตาลใบใหญ่ที่วางอยู่ไกลๆเตียงนอนขนาดใหญ่

     

    เปาะ!

     

    เสียงปลดล็อคของแม่กุญแจขนาดใหญ่สีเงิน ก่อนมือเรียวจะเปิดฝาหีบออก แล้วค้นหาสิ่งของบางอย่างภายในเสียงดังกุกกัก

     

    หนังสือเล่มเก่าๆหน้าปกถูกแปะแล้วแปะอีกถูกโยนออกมาจากหีบใบใหญ่ ตามด้วยเสียงปิดหีบดังปัง

     

    ร่างบางลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังกระจกบานใหญ่กรอบสีทอง นัยน์ตาสีนิลมองภาพตัวเองสะท้อนในกระจกเบื้องหน้า ก่อนจะใช้มือสัมผัสเบาๆที่ต่างหูสีนวลเหมือนแสงจันทร์ข้างซ้าย ปากพึมพำคำพูดอะไรบางอย่างแล้วลืมตาขึ้นมองกระจกมองกระจกเบื้องหน้าอีกครั้งหนึ่ง

     

    แต่ภาพที่สะท้อนในกระจกคราวนี้ กลับปรากฏเงารางๆที่ยืนอยู่ข้างเธอ ก่อนเงานั้นจะค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นร่างของเด็กหนุ่มอายุราวๆกับเธอ เส้นผมสีทองยาวระต้นคอกับนัยน์สีทองที่มีประกายพราวระยิบ

     

    เจ้าเรียกข้าออกมาแบบนี้ มีเรื่องสนุกอยากให้ข้าทำหรอ? น้ำเสียงฟังดูติดตลกเล็กน้อย แต่อีกคนดูท่าจะไม่มีอารมณ์ตลกร่วมด้วย

     

    เจ้าต้องไปกับข้า อีกเสียงตอบกลับสั้นๆอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วจัดแจงเอาของออกมา

     

    ไปกับเจ้า...ไปไหน? เด็กหนุ่มกระพริบตาอย่างสงสัย เดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อรอคำตอบ

     

    มินลิเทีย

     

    มินลิเทีย ไปทำไม? อีกฝ่ายยังสงสัยไม่หาย คราวนี้ผู้ตอบคำถามละจากการจัดแจงข้าวของ แล้วหันมาพูด

     

    เจ้าเงียบๆก่อน รอข้าจัดทุกอย่างเสร็จข้าจะบอกเจ้าเอง ตอนนี้ก็ไปหาอะไรทำไกลๆเงียบๆซะ

    คำพูดที่ฟังจับใจความได้ว่า

     

    ไล่เขาออกไปไกลๆ แล้วอย่ารบกวน

     

    แต่ฝ่ายคนได้คำตอบก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร แถมยังตอบรับคำสั่งอย่างดีเยี่ยม

     

    รับคำบัญชา ก่อนจะเดินไปตรงขอบหน้าต่างรอคำสั่งจากผู้บัญชาอีกครั้ง

    นัยน์ตาสีทองอำพันมองเด็กสาวเบื้องหน้าที่กำลังเดินไปเดินมาหยิบของนู้นของนี่ใส่เจ้ากระเป๋าย่ามสีดำใบไม่ใหญ่ไม่เล็กนัก แล้วความคิดก็แล่นสู่สมองส่วนกลาง

     

    อ้อ...ที่แท้จะหนีออกจากบ้าน มาไหวๆกลายเป็นเด็กมีปัญหาตั้งแต่เมื่อไหร่

     

    ความคิดที่ทำให้ต้องส่ายหน้าอย่างระอา

     

    หนีออกจากบ้านแล้วยังไม่วายพาเราไปด้วย พิลึกแหะ...

     

    ตุบ!

    เสียงวางของลงกับพื้นดังขึ้น ก่อนร่างบางจะกระโดดขึ้นนั่งบนเตียงแล้วหยิบหนังสือเล่มเก่าที่เธอเอาออกมาโยนให้เจ้าคนที่นั่งอยู่ขอบหน้าต่างที่รับมันอย่างง่ายๆ ก่อนจะเปิดดูข้างในคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน

     

    เจ้าจะไปมินลิเทียเนี่ยนะ มันฟังดูไม่เข้าท่าเลยคนพูดว่าพลางเกาหัวแกรกๆ

     

    ข้าจะไปโรงเรียนโซเอลเทียร์ นัยน์ตาของอีกฝ่ายฉายแววไม่เชื่อ ก่อนจะลอบถอนหายใจพรืด

     

    อย่าบอกนะว่าเจ้าจะไปหาอัญมณีอะไรนั้น

     

    “.ใช่เซเรนน่าตอบเสียงหนักแน่น

     

    คราวนี้เจ้าเอาจริงนะ?ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

     

    คืนนี้ออกเดินทางคำกล่าวสุดท้ายปิดบทสนทนา เมื่อเจ้าตัวเลิกผ้าห่มแล้วเอาตัวเข้าซุกใต้ผ้าห่มหมายจะเก็บแรงการออกเดินทางที่ว่า

     

    นี่ๆแล้วเจ้าจะพาข้าที่เป็นภูตจันทราไปด้วยเนี่ยนะ?

     

    ไม่ต้องห่วงตราบใดที่เจ้าอยู่เงียบๆสักชั่วโมงสองชั่งโมง ข้ารับรองด้วยเกียรติของเจ้าหญิงแห่งลูเนท ว่าตลอดการเดินทาง ข้าจะไม่ทำลายต่างหูนี้หรอกคำพูที่ว่าด้วยเกียรติของเจ้าหญิงลูเนท ทำเอาอีกฝ่ายอีกฝ่ายเงียบจุกจนพูดไม่ออก ได้แต่ค้านในใจ

     

    ไอ้เกียรตินั้นมันจะเชื่อได้สักกี่น้ำ เพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าไอ้คนอ้างเกียรตินั้นจะลุกขึ้นมา แล้วโยนต่างหูนั้นออกนอกหน้าต่างเมื่อไหร่...   

     

     

    ท้องฟ้าสีครามที่เคยสดใสในตอนเช้า บัดนี้ถูกบดบังด้วยท้องฟ้าสีดำสนิทยามรัตติกาล เป็นสัญญาณที่บอกได้ว่าใกล้ถึงเวลาออกเดินทางแล้ว

    คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด พลังของท่านพ่อจะลดลงการข้ามเขตอาคมเวทย์คงจะง่ายขึ้น

    คำสรุปดังจากปากผู้วางแผน ขณะที่อีกคนหนึ่งนั่งมองตากระพริบอยู่บนเก้าอี้แล้วถอนหายใจเหนื่อยๆ

     

    มินลิเทีย...เจ้าจะเดินทางไปมันก็ไกลอยู่นะจะไหวเร้อคำถามถูกส่งผ่านไปแต่กลับไม่มีคำตอบ ร่างนั้นกำลังเตรียมของแต่งตัวอย่างขมีขมัน

     

    ถอนหายใจพรืดอีกรอบ ก่อนจะจมในห้วงคิดของตน

              เจ้านี่มันเปลี่ยนไปจริงๆ...อย่างกับคนละคน

              ข้าหวังว่าเจ้าอาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง

              ถ้าการเดินทางนี้สิ้นสุดลง...ทุกสิ่งทุกอย่างอาจกลับเป็นเหมือนเดิมก็ได้...

     

    เฟดัส เสียงเรียกดังขึ้น ทำให้ผู้ที่จมอยู่ในห้วงคิดหลุดออกจากภวังค์แล้วปรายสายตาไปยังคนเรียกที่ตอนนี้ดูจะจัดทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

     

    ว่าไงคนที่ถูกเรียกว่า เฟดัส ตอบรับแล้วหันไปยิ้มให้

     

    เสี้ยวจันทรา เซเรนกล่าวทันใดนั้นก็เกิดแสงเรืองสีเหลืองนวลเหมือนแสงจันทร์ ก่อนแสงนั้นจะรวมตัวกลายเป็นดาบเล่มหนึ่ง ดาบเรียวยาวสวยเหมือนรอยเสี้ยวของพระจันทร์สมชื่อ

     

    เจ้าจะเอามันไป?คำถามแรกถามขึ้นเมื่อเห็นเด็กสาวตรงหน้าจับมันแล้วตวัดควงไปมาเหมือนกำลังทดสอบสินค้า

     

    แน่นอนสิ ข้าต้องมีดาบไว้ป้องกันตัวอีกฝ่ายตอบก่อนจะเปลี่ยนสภาพดาบนั้นให้กลายเป็นสร้อยคอรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว นัยน์ตาคู่สวยตวัดมองท้องฟ้าก่อนจะพึมพำเบาๆ

     

    ได้เวลาไปแล้ว.. ร่างบางสาวเท้าไปที่หน้าต่างบานใหญ่ ก่อนจะยกเท้าขึ้นบนขอบหน้าต่าง

     

    ลมยามราตรีพัดวูบผ่านหน้าทำให้เส้นผมสีทองยาวปลิวไปตามสายลม ท้องฟ้าผืนผ้าสีดำปรากฏแสงดาวพราวระยิบระยับ เพราะเนื่องจากคืนนี้เป็นคืนเดือนมืด ไม่มีแสงจันทร์ที่คอยบดบังเหล่าหมู่ดาว

     

    นัยน์ตาคู่สวยทอดไปเบื้องล่าง ก่อนจะกระโดดลงพื้นดินข้างล่างโดยไม่คำนึงถึงความสูงของมันสักเท่าไหร่

     

    ทันทีที่ใกล้ถึงพื้นก็เกิดสายลมเบาๆที่ใต้ร่างของเจ้าหญิง ร่างของเซเรนค่อยๆลดระดับลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวล ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆอย่างระมัดระวังกลัวว่าจะมีโผล่มาเห็นเข้า แล้วแผนการคงจะล้มเหลวไม่เป็นท่า

     

    ทิศตะวันตกของปราสาท เป็นส่วนที่เขตอาคมอ่อนที่สุด ข้าว่าเราน่าจะไปทางนั้น

    เสียงของเฟดัสดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ

     

    ข้ารู้เซเรนตอบกลับอย่างไม่สนใจ ก่อนจะเดินตรงไปยังทิศตะวันตกที่ว่าทำให้คนพูดตอนแรกหน้ามุ่ย บ่นอะไรอุบอิบเบาๆแต่คนหูดีกลับหยุดกึก

     

    มือบางยกขึ้นทาบต่างหูอันสวย ฉับพลันเจ้าคนที่บ่นอะไรอุบอิบก็ร้องออกมา

     

    โอ๊ย!..เจ็บนะ..ข้าขอโทษ...ข้าขอโทษ เจ้าของเสียงร้องก่อนจะรีบขอโทษขอโพยยกใหญ่

     

    หัดเงียบๆสงบปากสงบคำเอาไว้หน่อย ไม่งั้นเจ้าอาจจะอยู่ไม่ถึงเขตอาคมทางทิศตะวันตก คำขู่ที่ทำให้คนไม่รู้จักสงบปากสงบคำเงียบกริบ

     

    เซเรนน่าก้าวเท้ายาวๆผ่านความมืดไปยังด้านหลังปราสาท เพื่อไปยังจุดที่ว่า ไงๆซะเธอต้องรีบออกไปให้ได้ก่อนที่ใครจะพบตัวเธอเข้าและหวังว่าท่านพ่อของเธอคงไม่ได้ให้ใครมาตามที่ห้องหรอกนะ

     

    ถึงแล้ว...

     

    ฝีเท้าหยุดกึกเบื้องหน้าเธอตอนนี้เป็นป่าทึบ เป็นที่รู้กันว่าสุดเขตของปราสาทแล้ว ถึงแม้จะไม่มีสิ่งกีดขว้างอยู่ข้างหน้าแต่เจ้าอาคมเวทย์ที่ทองไม่เห็นนี่สิ คงลำบากหน่อย

     

    เธอก้มลงหยิบก้อนหินก้อนเล็กๆก้อนหนึ่ง แล้วขว้างไปเบื้องหน้า

     

    เปรี๊ยะ!!

    เสียงเปรี๊ยะดังลั่น ก่อนก้อนหินก้อนนั้นจะกระเด็นกลับออกมา ถึงแม้จะเป็นเขตอาคมที่อ่อนเวทย์ที่สุดในรอบปราสาท แต่สงสัยเธอคงต้องออกกำลังกายหน่อยซะแล้ว

     

    สร้อยคอรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวท่อแสง ก่อนจะกลายเป็นดาบเสี้ยวจันทราอยู่ในมือผู้ทรงดาบ

    นิ้วเรียวยาวทาบตัวดาบก่อนปากจะบริกรรมคาถาเวท ตัวดาบที่เคยว่างเปล่าก็ปรากฏอักขระเวทย์โบราณ ตาที่เคยหลับลืมขึ้นก่อนจะตวัดดาบไปเบื้องหน้าอย่างรุนแรงและรวดเร็ว

     

    เปรี๊ยะ!!  เปรี๊ยะ!!

    เสียงอาคมเวทย์ที่เคยแข่งแกร่งบัดนี้เริ่มมีรอยร้าวด้วยฤทธิ์ของดาบในตำนาน ก่อนจะพังครืนลงราวกับแก้วที่กำลังแตก

     

    เส้นทางถูกเปิดแล้ว...

    มินลิเทียจุดหมายปลายทาง..

     

    รอยยิ้มที่มุมปากปรากฏขึ้น ก่อนร่างบางในชุดสีดำจะก้าวผ่านเขตอาคมสู่เบื้องหน้าเพื่อไปยังจุดหมาย..

     

    นัยน์ตาสีดำสนิทของกษัตริย์แห่งลูเนททอดมองร่างของพระธิดาที่ก้าวผ่านเขตอาคมแล้วมุ่งหน้าเข้าป่าเบื้องล่างด้วยสายตาอ่อนโยน

     

    ทำในสิ่งที่ลูกต้องการเถอะ...เซเรนน่า พ่อจะรอวันที่เจ้ากลับมาอีกครั้งกษัตริย์หนุ่มยิ้มก่อนจะหายไปในความมืด

     

    ..............

    .....

    ..

    ลาก่อน.. ท่านพ่อ ท่านแม่

    ไม่ต้องห่วง...ข้าจะกลับมาแน่

    รอข้าก่อนแล้วกัน...

     

    xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×