คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 แผนการออกเดินทาง
บทที่ 1
แผนการออกเดินทาง
แสงของดวงอาทิตย์เจิดจ้าต้อนรับเช้าวันใหม่ที่สดใส เสียงของเหล่าปักษาตัวน้อยที่บินไปบินมาร้องผสานกันฟังไพเราะรื่นหู กลิ่นของดอกไม้นานาพันธุ์ลอยมาตามสายลม
ร่างๆหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางหมู่แมกไม้ เส้นผมสีทองยาวเป็นประกายสวยยามต้องแสงอาทิตย์ นัยน์ตาเยี่ยงรัตติกาลยามค่ำคืนดูอ่านยากจ้องไปยังป้ายหินสีขาวที่สลักอักษรสีทอง
‘ราชินีเฟลิเซีย’
“ท่านแม่..” เสียงแผ่วเบาดังขึ้นจาก เจ้าหญิงเซเรนน่า ลินเนท เจ้าหญิงรัชทายาทคนสุดท้ายของชนเผ่าลูเนท ชนเผ่าโบราณหรือที่ถูกขนานนามว่า ชนเผ่าจันทรา
ดอกไม้ช่อใหญ่ที่ส่งกลิ่นหอมถูกวางลงอย่างเบามือหน้าป้ายหินสีขาว
“ ข้าไม่เคยลืมท่าน นับตั้งแต่วันนั้น” เจ้าหญิงกล่าวก่อนจะหลับตาลงเพื่อเป็นการระลึกถึงสตรีที่สำคัญที่สุดในชีวิตเธอ ที่ได้จากไปพร้อมสงครามในครั้งนั้น
ดินแดนที่เคยสงบสุขอย่างดินแดนของชนเผ่าจันทราต้องลุกเป็นไฟ เพราสงครามเมื่อ 8 ปีก่อน ดินแดนที่เคยศักดิ์สิทธิ์กลับต้องเปื้อนด้วยเลือดแห่งสงคราม...ดินแดนที่เคยเป็นชีวิตอันเป็นนิรันดร กำลังตายลงอย่างช้าๆ
นัยน์ตาสีนิลลืมขึ้น ฉายแววมุ่งมั่นก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินจากไป
..............
.
ผ่าง!!
ประตูโถงปราสาทถูกเปิดออกเป็นสัญญาณว่ามีคนกำลังมา เสียงฝีเท้าก้าวเป็นจังหวะก่อจะหยุดที่หน้าบังลังก์สีทองที่มีร่างของกษัตริย์นาม ฟีลิกซ์ กษัตริย์ผู้กุมอำนาจสูงสุดของชนเผ่าจันทราประทับอยู่
นัยน์ตาสีดำสนิทของผู้เป็นกษัตริย์ทอดมองพระธิดาด้วยสายตาอ่อนโยน
“มีอะไรหรือ? เซเรนน่า”
เซเรนย่อกายทำความเคารพก่อนจะเปล่งวาจา
“ ข้ามีเรื่องอยากปรึกษาท่าน” กษัตริย์แห่งลูเนทเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยก่อนจะตรัสถาม
“ เรื่องอะไรล่ะ?”
เซเรนยิ้มที่มุมปากก่อนจะตอบเสียงหนักแน่น
“ก็เรื่องความเป็นไปของชนเผ่าเรา”
สิ้นคำกล่าว ร่างสูงกลับเงียบก่อนจะลุกขึ้นจากบังลังก์สีทอง เดินตรงมาหาพระธิดา
.”ลูกกำลังคิดอะไรอยู่...เซเรนน่า” กษัตริย์ฟีลิกซ์ตรัสถามเสียงเรียบก่อนจะสบตากับนัยน์ตาคู่นั้นเหมือนกำลังอ่านความคิดของผู้เป็นลูก
“-ข้าแค่คิดว่าถ้าปล่อยไว้อย่างนี้สักวันหนึ่งชนเผ่าเราจะตาย....” เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อยังไม่พูดอะไร เจ้าต่อเลยว่าต่อ
“ เราต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่มันจะสายเกินแก้”
“ อืม” คนเป็นพ่อพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะตั้งคำถามใหม่
“ แล้วลูกจะทำยังไง?”
“ข้าจะออกตามหาอัญมณีแห่งเฟอร์ดินัน” ทันทีที่พูดจบเสียงของกษัตริย์ก็ตวาดลั่น
“ไม่ได้!!!” แต่เด็กสาวกลับสงบเหมือนรู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นแบบนี้ จึงนิ่งเฉยมีเพียงคำพูดออกมาเบาๆ
“พวกเรากำลังจะตาย....”
“ความตายของเราไม่ได้แลกด้วยความตายของลูก!!!” เงียบกริบด้วยประกาศิตเดียวของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งลูเนท
เจ้าหญิงเซเรนน่าสบตากับพระบิดา
“ท่านพ่อเคยบอกข้าว่า...ในการปกป้องบางอย่างเพื่อส่วนรวม บางครั้งอาจต้องเสียใครบางคน เพื่อสิ่งนั้น” ถ้อยคำที่เขาเคยกล่าวไว้ดังขึ้นทำให้แววตาของผู้เป็นพ่ออ่อนลง
“อัญมณีแห่งเฟอร์ดินัน อัญมณีแห่งพลัง มันจะช่วยพวกเราให้อยู่รอด” เจ้าหญิงแห่งลูเนทพูดเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นจนผู้เป็นพ่อรู้สึกได้ เสียงถอนหายใจดังขึ้น
เจ้าเปลี่ยนไปมากนะเซเรนน่า...
ตั้งแต่ที่เฟลิเซียจากไป...เจ้าก็เปลี่ยนไป
“เจ้าเปลี่ยนไปมากนะ เซเรนน่า...” ถ้อยคำหลังถูกกลืนหายไปราวกับไม่สามารถพูดออกมาได้
“-ข้าไม่ได้เปลี่ยนไปหรอกทานพ่อ” เจ้าหญิงยิ้ม
“ข้ายังรักท่าน รักท่านแม่ รักชนเผ่านี้เหมือนเคยไม่เคยเปลี่ยนและไม่มีวันเปลี่ยน” ว่าแล้วเด็กสาวย่อกายทำความเคารพอีกครั้งก่อนจะเดินจากไป
โดยสายตาของคนเป็นพ่อมองตามอย่างปวดร้าว
อย่างที่เขาว่ากันสินะ...
เวลาเปลี่ยน....คนเราก็เลยเปลี่ยน
บางทีถ้ารอให้เวลาผ่านไปอีกสักพัก ทุกอย่างก็อาจจะเปลี่ยนกลับมาเหมือนเดิม
บางที....ข้าหวังเช่นนั้น
ปัง!!
เสียงปิดประตูดังลั่น แสดงให้เห็นอารมณ์ของผู้ปิดได้ดี
“ท่านพ่อนะ ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงไม่เข้าใจข้าเลย” เสียงบ่นพึมพำดังมาจากเจ้าหญิงเซเรนน่า ก่อนจะเดินไปยังหีบสีน้ำตาลใบใหญ่ที่วางอยู่ไกลๆเตียงนอนขนาดใหญ่
เปาะ!
เสียงปลดล็อคของแม่กุญแจขนาดใหญ่สีเงิน ก่อนมือเรียวจะเปิดฝาหีบออก แล้วค้นหาสิ่งของบางอย่างภายในเสียงดังกุกกัก
หนังสือเล่มเก่าๆหน้าปกถูกแปะแล้วแปะอีกถูกโยนออกมาจากหีบใบใหญ่ ตามด้วยเสียงปิดหีบดังปัง
ร่างบางลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังกระจกบานใหญ่กรอบสีทอง นัยน์ตาสีนิลมองภาพตัวเองสะท้อนในกระจกเบื้องหน้า ก่อนจะใช้มือสัมผัสเบาๆที่ต่างหูสีนวลเหมือนแสงจันทร์ข้างซ้าย ปากพึมพำคำพูดอะไรบางอย่างแล้วลืมตาขึ้นมองกระจกมองกระจกเบื้องหน้าอีกครั้งหนึ่ง
แต่ภาพที่สะท้อนในกระจกคราวนี้ กลับปรากฏเงารางๆที่ยืนอยู่ข้างเธอ ก่อนเงานั้นจะค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นร่างของเด็กหนุ่มอายุราวๆกับเธอ เส้นผมสีทองยาวระต้นคอกับนัยน์สีทองที่มีประกายพราวระยิบ
“เจ้าเรียกข้าออกมาแบบนี้ มีเรื่องสนุกอยากให้ข้าทำหรอ?” น้ำเสียงฟังดูติดตลกเล็กน้อย แต่อีกคนดูท่าจะไม่มีอารมณ์ตลกร่วมด้วย
“เจ้าต้องไปกับข้า” อีกเสียงตอบกลับสั้นๆอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วจัดแจงเอาของออกมา
“ไปกับเจ้า...ไปไหน?” เด็กหนุ่มกระพริบตาอย่างสงสัย เดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อรอคำตอบ
“มินลิเทีย”
“มินลิเทีย ไปทำไม?” อีกฝ่ายยังสงสัยไม่หาย คราวนี้ผู้ตอบคำถามละจากการจัดแจงข้าวของ แล้วหันมาพูด
“เจ้าเงียบๆก่อน รอข้าจัดทุกอย่างเสร็จข้าจะบอกเจ้าเอง ตอนนี้ก็ไปหาอะไรทำไกลๆเงียบๆซะ”
คำพูดที่ฟังจับใจความได้ว่า
ไล่เขาออกไปไกลๆ แล้วอย่ารบกวน
แต่ฝ่ายคนได้คำตอบก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร แถมยังตอบรับคำสั่งอย่างดีเยี่ยม
“รับคำบัญชา” ก่อนจะเดินไปตรงขอบหน้าต่างรอคำสั่งจากผู้บัญชาอีกครั้ง
นัยน์ตาสีทองอำพันมองเด็กสาวเบื้องหน้าที่กำลังเดินไปเดินมาหยิบของนู้นของนี่ใส่เจ้ากระเป๋าย่ามสีดำใบไม่ใหญ่ไม่เล็กนัก แล้วความคิดก็แล่นสู่สมองส่วนกลาง
อ้อ...ที่แท้จะหนีออกจากบ้าน มาไหวๆกลายเป็นเด็กมีปัญหาตั้งแต่เมื่อไหร่
ความคิดที่ทำให้ต้องส่ายหน้าอย่างระอา
หนีออกจากบ้านแล้วยังไม่วายพาเราไปด้วย พิลึกแหะ...
ตุบ!
เสียงวางของลงกับพื้นดังขึ้น ก่อนร่างบางจะกระโดดขึ้นนั่งบนเตียงแล้วหยิบหนังสือเล่มเก่าที่เธอเอาออกมาโยนให้เจ้าคนที่นั่งอยู่ขอบหน้าต่างที่รับมันอย่างง่ายๆ ก่อนจะเปิดดูข้างในคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน
“เจ้าจะไปมินลิเทียเนี่ยนะ มันฟังดูไม่เข้าท่าเลย” คนพูดว่าพลางเกาหัวแกรกๆ
“ ข้าจะไปโรงเรียนโซเอลเทียร์” นัยน์ตาของอีกฝ่ายฉายแววไม่เชื่อ ก่อนจะลอบถอนหายใจพรืด
“อย่าบอกนะว่าเจ้าจะไปหาอัญมณีอะไรนั้น”
“.ใช่” เซเรนน่าตอบเสียงหนักแน่น
“คราวนี้เจ้าเอาจริงนะ?” ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“คืนนี้ออกเดินทาง” คำกล่าวสุดท้ายปิดบทสนทนา เมื่อเจ้าตัวเลิกผ้าห่มแล้วเอาตัวเข้าซุกใต้ผ้าห่มหมายจะเก็บแรงการออกเดินทางที่ว่า
“นี่ๆแล้วเจ้าจะพาข้าที่เป็นภูตจันทราไปด้วยเนี่ยนะ?”
“ไม่ต้องห่วงตราบใดที่เจ้าอยู่เงียบๆสักชั่วโมงสองชั่งโมง ข้ารับรองด้วยเกียรติของเจ้าหญิงแห่งลูเนท ว่าตลอดการเดินทาง ข้าจะไม่ทำลายต่างหูนี้หรอก” คำพูที่ว่าด้วยเกียรติของเจ้าหญิงลูเนท ทำเอาอีกฝ่ายอีกฝ่ายเงียบจุกจนพูดไม่ออก ได้แต่ค้านในใจ
ไอ้เกียรตินั้นมันจะเชื่อได้สักกี่น้ำ เพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าไอ้คนอ้างเกียรตินั้นจะลุกขึ้นมา แล้วโยนต่างหูนั้นออกนอกหน้าต่างเมื่อไหร่...
ท้องฟ้าสีครามที่เคยสดใสในตอนเช้า บัดนี้ถูกบดบังด้วยท้องฟ้าสีดำสนิทยามรัตติกาล เป็นสัญญาณที่บอกได้ว่าใกล้ถึงเวลาออกเดินทางแล้ว
“คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด พลังของท่านพ่อจะลดลงการข้ามเขตอาคมเวทย์คงจะง่ายขึ้น”
คำสรุปดังจากปากผู้วางแผน ขณะที่อีกคนหนึ่งนั่งมองตากระพริบอยู่บนเก้าอี้แล้วถอนหายใจเหนื่อยๆ
“มินลิเทีย...เจ้าจะเดินทางไปมันก็ไกลอยู่นะจะไหวเร้อ”คำถามถูกส่งผ่านไปแต่กลับไม่มีคำตอบ ร่างนั้นกำลังเตรียมของแต่งตัวอย่างขมีขมัน
ถอนหายใจพรืดอีกรอบ ก่อนจะจมในห้วงคิดของตน
เจ้านี่มันเปลี่ยนไปจริงๆ...อย่างกับคนละคน
ข้าหวังว่าเจ้าอาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง
ถ้าการเดินทางนี้สิ้นสุดลง...ทุกสิ่งทุกอย่างอาจกลับเป็นเหมือนเดิมก็ได้...
“เฟดัส” เสียงเรียกดังขึ้น ทำให้ผู้ที่จมอยู่ในห้วงคิดหลุดออกจากภวังค์แล้วปรายสายตาไปยังคนเรียกที่ตอนนี้ดูจะจัดทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
“ ว่าไง” คนที่ถูกเรียกว่า เฟดัส ตอบรับแล้วหันไปยิ้มให้
“เสี้ยวจันทรา” เซเรนกล่าวทันใดนั้นก็เกิดแสงเรืองสีเหลืองนวลเหมือนแสงจันทร์ ก่อนแสงนั้นจะรวมตัวกลายเป็นดาบเล่มหนึ่ง ดาบเรียวยาวสวยเหมือนรอยเสี้ยวของพระจันทร์สมชื่อ
“เจ้าจะเอามันไป?” คำถามแรกถามขึ้นเมื่อเห็นเด็กสาวตรงหน้าจับมันแล้วตวัดควงไปมาเหมือนกำลังทดสอบสินค้า
“แน่นอนสิ ข้าต้องมีดาบไว้ป้องกันตัว” อีกฝ่ายตอบก่อนจะเปลี่ยนสภาพดาบนั้นให้กลายเป็นสร้อยคอรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว นัยน์ตาคู่สวยตวัดมองท้องฟ้าก่อนจะพึมพำเบาๆ
“ได้เวลาไปแล้ว..” ร่างบางสาวเท้าไปที่หน้าต่างบานใหญ่ ก่อนจะยกเท้าขึ้นบนขอบหน้าต่าง
ลมยามราตรีพัดวูบผ่านหน้าทำให้เส้นผมสีทองยาวปลิวไปตามสายลม ท้องฟ้าผืนผ้าสีดำปรากฏแสงดาวพราวระยิบระยับ เพราะเนื่องจากคืนนี้เป็นคืนเดือนมืด ไม่มีแสงจันทร์ที่คอยบดบังเหล่าหมู่ดาว
นัยน์ตาคู่สวยทอดไปเบื้องล่าง ก่อนจะกระโดดลงพื้นดินข้างล่างโดยไม่คำนึงถึงความสูงของมันสักเท่าไหร่
ทันทีที่ใกล้ถึงพื้นก็เกิดสายลมเบาๆที่ใต้ร่างของเจ้าหญิง ร่างของเซเรนค่อยๆลดระดับลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวล ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆอย่างระมัดระวังกลัวว่าจะมีโผล่มาเห็นเข้า แล้วแผนการคงจะล้มเหลวไม่เป็นท่า
“ทิศตะวันตกของปราสาท เป็นส่วนที่เขตอาคมอ่อนที่สุด ข้าว่าเราน่าจะไปทางนั้น”
เสียงของเฟดัสดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“ ข้ารู้ ” เซเรนตอบกลับอย่างไม่สนใจ ก่อนจะเดินตรงไปยังทิศตะวันตกที่ว่าทำให้คนพูดตอนแรกหน้ามุ่ย บ่นอะไรอุบอิบเบาๆแต่คนหูดีกลับหยุดกึก
มือบางยกขึ้นทาบต่างหูอันสวย ฉับพลันเจ้าคนที่บ่นอะไรอุบอิบก็ร้องออกมา
“ โอ๊ย!..เจ็บนะ..ข้าขอโทษ...ข้าขอโทษ” เจ้าของเสียงร้องก่อนจะรีบขอโทษขอโพยยกใหญ่
“หัดเงียบๆสงบปากสงบคำเอาไว้หน่อย ไม่งั้นเจ้าอาจจะอยู่ไม่ถึงเขตอาคมทางทิศตะวันตก” คำขู่ที่ทำให้คนไม่รู้จักสงบปากสงบคำเงียบกริบ
เซเรนน่าก้าวเท้ายาวๆผ่านความมืดไปยังด้านหลังปราสาท เพื่อไปยังจุดที่ว่า ไงๆซะเธอต้องรีบออกไปให้ได้ก่อนที่ใครจะพบตัวเธอเข้าและหวังว่าท่านพ่อของเธอคงไม่ได้ให้ใครมาตามที่ห้องหรอกนะ
ถึงแล้ว...
ฝีเท้าหยุดกึกเบื้องหน้าเธอตอนนี้เป็นป่าทึบ เป็นที่รู้กันว่าสุดเขตของปราสาทแล้ว ถึงแม้จะไม่มีสิ่งกีดขว้างอยู่ข้างหน้าแต่เจ้าอาคมเวทย์ที่ทองไม่เห็นนี่สิ คงลำบากหน่อย
เธอก้มลงหยิบก้อนหินก้อนเล็กๆก้อนหนึ่ง แล้วขว้างไปเบื้องหน้า
เปรี๊ยะ!!
เสียงเปรี๊ยะดังลั่น ก่อนก้อนหินก้อนนั้นจะกระเด็นกลับออกมา ถึงแม้จะเป็นเขตอาคมที่อ่อนเวทย์ที่สุดในรอบปราสาท แต่สงสัยเธอคงต้องออกกำลังกายหน่อยซะแล้ว
สร้อยคอรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวท่อแสง ก่อนจะกลายเป็นดาบเสี้ยวจันทราอยู่ในมือผู้ทรงดาบ
นิ้วเรียวยาวทาบตัวดาบก่อนปากจะบริกรรมคาถาเวท ตัวดาบที่เคยว่างเปล่าก็ปรากฏอักขระเวทย์โบราณ ตาที่เคยหลับลืมขึ้นก่อนจะตวัดดาบไปเบื้องหน้าอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
เปรี๊ยะ!! เปรี๊ยะ!!
เสียงอาคมเวทย์ที่เคยแข่งแกร่งบัดนี้เริ่มมีรอยร้าวด้วยฤทธิ์ของดาบในตำนาน ก่อนจะพังครืนลงราวกับแก้วที่กำลังแตก
เส้นทางถูกเปิดแล้ว...
มินลิเทียจุดหมายปลายทาง..
รอยยิ้มที่มุมปากปรากฏขึ้น ก่อนร่างบางในชุดสีดำจะก้าวผ่านเขตอาคมสู่เบื้องหน้าเพื่อไปยังจุดหมาย..
นัยน์ตาสีดำสนิทของกษัตริย์แห่งลูเนททอดมองร่างของพระธิดาที่ก้าวผ่านเขตอาคมแล้วมุ่งหน้าเข้าป่าเบื้องล่างด้วยสายตาอ่อนโยน
“ ทำในสิ่งที่ลูกต้องการเถอะ...เซเรนน่า พ่อจะรอวันที่เจ้ากลับมาอีกครั้ง” กษัตริย์หนุ่มยิ้มก่อนจะหายไปในความมืด
..............
.....
..
ลาก่อน.. ท่านพ่อ ท่านแม่
ไม่ต้องห่วง...ข้าจะกลับมาแน่
รอข้าก่อนแล้วกัน...
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
ความคิดเห็น