คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : {SF} Brother Complex - Lai Guanlin/Ha Sungwoon (SPECIAL)
Pairing : Lai Guanlin/Ha Sungwoon
Rate : PG-15
---- BIRTHDAY BOY ----
หากย้อนเวลากลับไปแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตได้ ฮาซองอุนสาบานเลยว่าจะใช้เพื่อย้อนเวลากลับไปในวันที่ 23 กันยายนปีที่แล้วเพื่อตบปากตัวเองซักสองสามที…
เพื่อที่วันนี้เขาจะได้ไม่ต้องมานั่งสติแตกนั่งไม่ติดโซฟา แล้วรัวนิ้วกดโทรหาเพื่อนสนิทเพื่อขอความช่วยเหลือกันแบบนี้…
“แทฮยอน...ทำยังไงดีอ่ะ… วันนั้นจะมาถึงแล้ว…” เสียงร้อนรนของคนโทรหาทำเอาคนปลายสายที่กำลังเดินเลือกซื้อวัตถุดิบทำอาหารมื้อเย็นในซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ถึงกับหลุดขำพร้อมกับพูดแซวตอบมาอย่างอารมณ์ดี
[ "วันที่จะได้มีผัวอ่ะนะ…." ]
“แทฮยอน!!!” ฮาซองอุนขึ้นเสียงแหวใส่ทันทีที่ได้ยินว่าเพื่อนรักตัวดีพูดอะไรออกมา ใจอยากจะก่นด่าออกไปให้มากกว่านี้แต่ก็ทำไม่ได้ในเมื่อยังต้องการวิงวอนขอคำปรึกษา อีกทั้งสิ่งที่อีกคนพูดออกมาก็มีเค้าของความเป็นจริงอยู่ไม่น้อย
[ "ชั้นพูดผิดตรงไหน...ในเมื่อแกเป็นคนบ้าจี้ไปบอกน้องแบบนั้นเองป่ะวะ...นี่ได้ยินเต็มสองรูหูเลยเหอะ" ]
แทฮยอนพูดทวนความจำย้อนความไปถึงเหตุการณ์ต้นเหตุให้คนตัวขาวได้อับอายจนหน้าขึ้นสี ได้แต่ตีปากตัวเองซ้ำๆ เมื่อคำพูดในวันนั้นลอยแล่นเข้ามาในหัว
“ตอนแรกว่าจะตอบรับเป็นแฟนตอนวันเกิดอายุ 18 ของควานลินอ่ะ แต่ว่าตอนนี้เป็นแฟนกันแล้วงั้นเดี๋ยวตอนวันเกิดปีหน้าพี่ให้ตัวพี่แทนแล้วกันเนอะ...”
นั่นคือคำพูดที่ออกจากปากของฮาซองอุนเองในวันที่เขา ควานลินและโนแทฮยอนนัดรวมตัวกันดื่มเหล้าสังสรรค์ฉลองวันเกิดของควานลินเมื่อปีก่อน... ซึ่งอันที่จริงแล้วมันเป็นคำพูดที่ไม่ควรให้ค่าราคาใดๆ ในความน่าเชื่อถือเลยสักนิด เพราะออกมาจากริมฝีปากของคนที่เมาจนแทบไม่หลงเหลือสติสัมปชัญญะอยู่แล้ว
และขอสารภาพว่าฮาซองอุนก็ลืมมันไปแล้วเสียด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่ว่าเมื่อเย็นตอนคุยโทรศัพท์กันเด็กหนุ่มดันพูดทวงสัญญาเลยเกิดจำได้ขึ้นมา
“หวังว่าพี่ซองอุนจะไม่ลืมของขวัญวันเกิดที่เคยสัญญากันไว้นะครับ...เพราะผมจะไม่ปล่อยให้พี่กลับห้องแน่ๆ ถ้ายังไม่ได้มัน…”
อยากจะบ้า…
หน้าร้อนจนคิดว่าถ้าเอาถ้วยมาม่าใส่น้ำธรรมดามาอังแก้มก็ต้มสุกได้…
[ "แล้วอยากได้คำปรึกษาอะไรวะ” ] เสียงปลายสายถามกลับมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าตัวเขานั้นเงียบไปนาน ก่อนที่คนลนลานจะพูดโอดครวญขึ้นมาอีกรอบเมื่อได้สติ
“ก็กังวลไปหมดเลยอ่ะ...ฮือ...แกก็รู้ป่ะวะว่าชั้นมันแบบ...ฮือ…”
คนอย่างฮาซองอุนน่ะจะกังวลอะไร…
ถ้าไม่ใช่เรื่องความอ่อนหัดที่ขัดกับอายุของเจ้าตัว…
[ “แกอายุ 25 แล้วป่ะวะ จะเขินจะอายอะไร ก็ปล่อยไปตามฟีลลิ่งนั่นแหละ” ] แทฮยอนว่าตามความจริง เพราะสิ่งที่กำลังจะเกิดมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติของคู่รัก ถึงตนจะรู้ว่าเรื่องแบบนี้ซองอุนโคตรจะอ่อนเลยก็เถอะ (อ้างอิงจากเหตุการณ์เมื่อตอนต้นปีที่ควานลินเคยโทรมารายงานให้ฟังว่า รุกหนักไอ้ตัวเล็กนี่ด้วยการจูบดีพคิสแล้วมันถึงกับเข่าอ่อนจนต้องพยุงเข้าห้องเพราะขาไม่มีแรง แล้วก็ยังนึกขำไม่หาย)
แต่เพื่อนเขามันก็คงไม่ได้ซื่อบื้อถึงขนาดไม่รู้ว่าจะต้องเตรียมพร้อมอะไรบ้างหรอกมั้ง…
“ไอ้เรื่องนั้นก็รู้… แต่แบบควานลินเป็นแฟนคนแรกอ่ะแกก็รู้ใช่ป่ะ คือไม่รู้ว่าจะทำยังไงน้องถึงจะประทับใจ... ครั้งแรกก็อยากให้มันเป็นความทรงจำที่ดีมากๆ อ่ะ...”
[ “แกก็เป็นแฟนคนแรกของน้องมันเหมือนกันมั้ยวะ…แกคิดว่ามันจะเอาแกไปเปรียบเทียบกับใครที่ไหนได้...ยังไงมันก็ประทับใจอยู่แล้วคิดมากทำไมเนี่ย...” ]
“แกคิดอย่างนั้นหรอ…แต่น้องมันก็เป็นเด็กมัธยมวัยอยากรู้อยากลองฮอร์โมนพุ่งพล่านนะเว่ย น้องมันจะแอบจินตนาการคาดหวังว่าจะเป็นแบบในหนังพวกนั้นมั้ยวะ...กลัวน้องผิดหวังอ่ะ”
ก็ถ้าพูดถึงเด็กผู้ชายวัยมัธยม ก็คงปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเกือบจะทุกคนกำลังอยู่ในช่วงหมกมุ่นกับฮอร์โมนวัยหนุ่มกลัดมัน ( ถึงฮาซองอุนจะนับเป็นข้อยกเว้น เพราะชีวิตช่วงนั้นมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับน้องชายข้างบ้านที่เพิ่งจะได้พัฒนามาเป็นแฟนหนุ่มเมื่อไม่กี่ปีมานี้ก็เถอะ) ดังนั้นก็เลยอดกังวลใจไม่ได้ว่าน้องจะคาดหวังให้มันออกมาเป็นแบบในหนังแนะแนวปลุกใจเด็กวัยมัธยมพวกนั้นหรือเปล่า…
แค่นึกภาพเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเหล่าสาวสุดฮอตลีลาร้อนแรงพวกนั้นแล้ว ซองอุนก็นึกห่อเหี่ยวแทนแฟนเด็กของตัวเอง...
[ “นี่แกคิดเยอะเกินไปรึเปล่าวะ น้องมันรู้จักกับแกมาตั้งแต่ตัวสูงเท่าบั้นเอว มันรู้อยู่แล้วมั้ยว่าพี่ซองอุนของมันนี่โคตรจะใสซื่อขั้นหนัก ขนาดแค่จูบยังอ่อนยวบเป็นกระดาษเปียกมันคงไม่คาดหวังว่าแกจะเป็นแบบในหนังอย่างว่าหรอกโว้ย” ]
“นี่!!!”
[ “ไม่งั้นแกก็ไปเก็บข้อมูลศึกษาจากหนังพวกนั้นแล้วเลียนแบบมาเป็นไง? รับรองว่าน้องแม่งประทับใจไม่รู้ลืมแน่นอน…กูวางสายแล้วนะ คุยเรื่องนี้ในซุปเปอร์จนคนมองหน้าหาว่าเป็นตาลุงโรคจิตแล้วโว้ย...” ] แทฮยอนพูดรัวเร็วแล้วทิ้งท้ายด้วยข้อความประชดประชันกวนประสาทกันอย่างเช่นทุกที อีกทั้งตัดบทก่อนที่จะถูกเพื่อนซี้ตัวเล็กแผดเสียงบ่นง้องแง้งอะไรกลับมาได้อีก…
“เดี๋ยวก่อ--”
ซองอุนได้แต่มองโทรศัพท์ที่ตอนนี้เป็นเสียงสัญญาณตัดสายไปเรียบร้อยแล้วตาปริบๆ เพราะยังคุยกันไม่จบดีแล้วก็ทำได้เพียงถอนหายใจ เขาก็รู้ตัวแหละว่ากำลังคิดมากเกินไป แต่จะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อเขาอยากจะให้แฟนเด็กของตัวเองมีความสุขยิ่งกว่าที่เป็นอยู่นี้นี่นา…
คนตัวขาวนั่งขบคิดกับตัวเองอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นต่ออีกค่อนชั่วโมงก่อนจะตัดสินใจลุกไปอาบน้ำแล้วเปิดแล็ปท็อปขึ้นพิมพ์งานที่ยังคั่งค้างอยู่ให้เสร็จภายในคืนนี้ เพื่อที่วันพรุ่งนี้จะได้มีเวลาว่างทั้งวันเพื่อจัดงานวันเกิดให้กับแฟนหนุ่มข้างห้องที่เด็กกว่ากันถึง 7 ปี
และถ้าแทฮยอนได้รู้ถึงทางออกที่ซองอุนเห็นว่าดีที่สุดเท่าที่มีในตอนนี้
คงนึกอยากจะย้อนเวลากลับไปตีปากตัวเองแรงๆ ซักทีที่ชี้นำอะไรให้คนบ้ายุแบบนี้ทำ...
ซองอุนไม่แน่ใจนักหรอกว่าสิ่งที่เขาจัดเตรียมไว้ในวันนี้มันดีพอหรือยังที่จะทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังจะกลายเป็นชายหนุ่มเต็มตัวในวันนี้ประทับใจ…
แต่ช่วงเช้าวันนี้ก็หมดไปกับการจัดแต่งเค้กก้อนใหญ่ที่ลงมือทำเองอย่างสุดฝีมือโดยที่โทรไปปรึกษากับคุณแม่ที่ย้ายกลับไปอยู่คยองกีเป็นระยะ จนท่านถึงกับหัวเราะร่วนแล้วแซวกลับมาว่า พอเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับควานลินทีไร ซองอุนก็จริงจังกว่าปกติขึ้นมาเสียทุกที ทำเอาคนฟังนี้เขินขึ้นมาจนต้องรีบขอตัววางสายก่อนจะถูกล้ออะไรขึ้นมาอีก
นอกจากเค้กที่บรรจงทำแล้ว ตอนสายคนตัวเล็กก็ออกไปจับจ่ายซื้อของเพิ่มเติมเล็กน้อยเพื่อนำเอามาประดับห้องสร้างบรรยากาศให้สมกับเป็นปาร์ตี้วันเกิดขึ้นมาอีกนิด แล้วปิดท้ายด้วยการซื้อของขวัญชิ้นพิเศษเพิ่มเติมนอกเหนือจากของขวัญชิ้นแรกที่เตรียมเอาไว้ตั้งแต่หลายเดือนก่อนเป็นอันเสร็จสิ้นดี...
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อน ก้มลงมองถุงกระดาษเล็กๆ ในอ้อมแขนปะปนกับบรรดาของตกแต่งแล้วก็ขบฟันกับริมฝีปากของตัวเองอย่างนึกเขินเมื่อเผลอคิดอะไรเพ้อเจ้อขึ้นมาในหัว ก่อนเจ้าตัวจะสะบัดไล่ความคิดนั้นทิ้งไปแล้วเดินกลับไปยังรถซึ่งจอดไว้ที่หน้าทางเข้า
16.30 น. ใกล้เวลานัดหมายขึ้นมาทุกที…
“ไม่ต้องรีบมากก็ได้...พี่อยู่ในห้องเราแล้วเนี่ยแหละ ไม่หายไปไหนหรอก” ซองอุนตอบรับโทรศัพท์จากเด็กหนุ่มเจ้าของวันเกิดและเจ้าของห้องที่ใช้จัดงานในวันนี้พลางหัวเราะคิกคัก เพราะเสียงปลายสายขณะนี้กำลังกระหืดกระหอบจากการวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อไปขึ้นรถบัสให้ทันคันที่เร็วที่สุด แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องรอไปอีก 10 นาที
[ “ก็กลัวพี่เปลี่ยนใจไม่ให้ของขวัญนี่นา” ] แม้จะไม่เห็นหน้า แต่ก็จับทางจากน้ำเสียงได้ว่าควานลินกำลังใช้ลูกอ้อนอย่างที่เจ้าตัวถนัดกับเขาอยู่ตอนนี้ ซึ่งเด็กหนุ่มรู้ดีว่ามันไม่เคยพลาด [ “ภายใน 20 นาทีนี้อย่าเพิ่งเปลี่ยนใจนะครับ ผมกำลังรีบไป...” ]
ซึ่งก็แน่ล่ะ… ที่ฮาซองอุนไม่เคยปฏิเสธลูกอ้อนของคนน้องได้ซักที…
“อื้ม พี่รออยู่”
แล้วก็ไม่เกิน 20 นาทีอย่างที่คนเป็นน้องว่าไว้จริงๆ… เสียงทาบบัตรและกดรหัสตัวเลขที่หน้าห้องก็ดังขึ้นพร้อมกับเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งที่วันนี้มีอายุครบ 18 ปีพอดีเดินเข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้มที่ฉีกกว้างจนเห็นแก้มบุ๋มเป็นเอกลักษณ์…
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะควานลิน” คนตัวเล็กเดินออกไปต้อนรับแฟนหนุ่มที่เด็กกว่ากันถึง 7 ปี ด้วยรอยยิ้มหวานที่สดใสไม่ต่างกัน พลันคว้าเอากระเป๋าเป้ของเด็กหนุ่มมาถือไว้เองแล้วจูงมือไปที่โต๊ะอาหารซึ่งจัดเตรียมสำรับมื้อเย็นเอาไว้อย่างสวยงาม มีการ์ดเล็กๆ ที่เขียนว่า Happy Birthday My Kuanlin เสียบไว้กับแจกันดอกไม้ พร้อมกับเพลงเพราะๆ ที่เปิดคลอเอาไว้
“ชอบมั้ย” ซองอุนเอียงใบหน้าลงถามคนน้องที่ถูกดันให้ไปนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนที่จะยกยิ้มขึ้นเต็มแก้มเมื่อได้รับคำตอบเป็นรอยยิ้มที่ดูไม่มีที่ท่าว่าจะหุบลงง่ายๆ ของคนน้อง ดวงตากลมโตยกขึ้นหยีเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวคว่ำคือหลักฐานชั้นดีถึงความพึงพอใจ “ไม่คิดว่าปีนี้พี่จะเซอร์ไพรส์ขนาดนี้”
“ก็ปีนี้ควานลินของพี่จะเป็นผู้ใหญ่แล้วนี่นา…” คนตัวขาวจัดแจงโต๊ะให้พร้อมสำหรับการเริ่มทาน ก่อนจะย้ายตัวไปนั่งที่ด้านตรงข้ามกับควานลินซึ่งกำลังจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความสุข ก่อนจะพูดในสิ่งที่ทำเอาคนจัดงานครั้งนี้ใบหูแดงเรื่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ก็หวังว่าจะได้เป็นผู้ใหญ่ในทุกๆ เรื่องครับ”
ซองอุนไม่ได้ตอบรับอะไรในคำพูดที่ดูมีความหมายแฝงของคนน้องมากนัก เพียงชักชวนให้เริ่มต้นมื้ออาหารนั้นเสียก่อนที่มันจะเย็นแล้วไม่อร่อย แล้วปล่อยให้บรรยากาศดีๆ ของวันนี้เป็นตัวขับเคลื่อนบทสนทนาของพวกเขาไปเรื่อยๆ…
ยังไม่ทันไร ใจเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะไปหมดแล้ว
ไม่อยากจะนึกถึงเซอร์ไพรส์ใหญ่ที่เตรียมเอาไว้ให้น้องเลยจริงๆ...
พวกเขาใช้เวลาไปกับการทานมื้อค่ำ พร้อมกันกับการนำเอาเค้กออกมาเป่าเป็นพิธีอยู่ครู่ใหญ่ รู้ตัวอีกทีเวลาก็ผ่านไปจนตอนนี้ท้องฟ้าด้านนอกมืดสนิทแล้ว ซองอุนไล่เด็กตัวใหญ่ที่เดินตามเขาแจเข้ามาในห้องครัวเพื่อช่วยล้างจานเหมือนอย่างทุกทีให้ออกไปนั่งรอที่ห้องนั่งเล่นด้วยเหตุผลว่าวันนี้เป็นวันพิเศษของอีกคน ก่อนที่ตนจะจัดแจงทุกอย่างจนเรียบร้อย แล้วตัดแบ่งเค้กส่วนหนึ่งใส่จานยกออกไปให้พร้อมกับแก้วน้ำอีกใบ
พอเด็กหนุ่มซึ่งก่อนหน้านั้นกำลังคุยโทรศัพท์อยู่หันมาเห็นเข้า เจ้าตัวก็พูดภาษาจีนขึ้นมาอีกสองสามประโยคแล้วกดวางสายไป ก่อนวางเครื่องมือสื่อสารนั้นลงบนโต๊ะกระจกแล้วยกมือออกมารับจานและแก้วน้ำจากมือเขา พร้อมกับดึงข้อมือเขาเบาๆ ให้ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ กับตัวเองด้วยรอยยิ้มหวาน
“คุณอาไลโทรมาหรอ…”
“ครับ... อวยพรให้ผมกันครบทั้งบ้านเลย บอกว่ากลับวันเสาร์หน้าแล้วจะพาพี่มาหาที่่นี่ด้วย” คนเด็กกว่าเอ่ยไปถึงคุณอาไลผู้เป็นพ่อซึ่งบินกลับไปร่วมงานรับปริญญาของพี่สาวควานลินที่ไต้หวันตั้งแต่ 3 วันก่อน ด้วยใบหน้าที่ยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หยุด จนเขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปหยิกแก้มใสของคนที่ได้ชื่อว่าแฟนหนุ่มเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“ตั้งแต่เข้าห้องมานี่หุบยิ้มบ้างรึยังเนี่ย…”
“ก็มันมีความสุขนี่ครับ…”
“ดีแล้ว...พี่อยากเห็นควานลินมีความสุขอีกเยอะๆ เลย”
ดวงตาหวานช้อนขึ้นสบกับดวงตากลมโตเจ้าเสน่ห์ของเด็กหนุ่มที่อ่อนเยาว์กว่าด้วยรอยยิ้มละไม และยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ ใบหน้าหล่อใสของคนใกล้ตัวก็โน้มเข้ามาหาในระยะประชิด ก่อนที่ริมฝีปากอิ่มของเขาจะถูกปิดสนิทด้วยอวัยวะเดียวกันแถมยังถูกรุกล้ำเข้าไปเก็บเกี่ยวความหอมหวานอยู่นานกว่าที่เด็กหนุ่มจะผละออกมายิ้มเผล่
“ตอนนี้มีความสุขเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเรื่องแล้วครับ”
“เด็กฉวยโอกาส…” ซองอุนพูดได้เพียงแค่นั้น ก่อนที่จะต้องเป็นฝ่ายหุบปากฉับก้มลงซ่อนใบหน้าและกกหูที่เห่อร้อนจากคำพูดของเด็กหนุ่มที่ส่งยิ้มหวานจนตายกเป็นพระจันทร์เสี้ยวคว่ำมาให้…
“พูดแบบนั้นกับคนที่ตัวเองเคยแอบลักหลับได้ด้วยหรอครับ” ซองอุนได้แต่นึกขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจไปถึงเพื่อนสนิทที่เอาความลับนี้มาเผยแพร่ให้น้องฟังเมื่อครั้งที่ควานลินไปนั่งเฝ้าเขาดื่มสังสรรค์ในงานเลี้ยงรุ่น จนมันกลายเป็นประเด็นที่ถูกยกมาทำให้เขาอับอายอยู่หลายครั้งหลายครา รวมถึงครั้งนี้ที่ต้องแก้อาการเขินด้วยการตีต้นแขนของแฟนเด็กไปแรงๆ เสียหนึ่งที
“หยุดล้อเดี๋ยวนี้เลยนะ....ถ้ายังอยากได้ของขวัญ” คนตัวเล็กชี้นิ้วคาดโทษใส่หน้าคนเด็กกว่าพลางขู่เสียงแข็ง แต่ในสายตาของอีกคนมันแทบไม่ต่างอะไรกับแมวตัวเล็กๆ ที่กำลังขู่ฟ่อจนเกือบจะหลุดขำออกมา แต่ก็ต้องแสร้งทำเป็นว่าเกรงกลัว…
“โอ๋ๆๆ ไม่ล้อแล้วครับ… พี่อย่าใจร้ายกับน้องเลยนะ...” เด็กหนุ่มส่งสายตาปริบๆ ไปให้คนเป็นพี่อย่างออดอ้อน ลูกไม้เดิมไม่ต่างอะไรกับสมัยประถม ซึ่งต่อให้อายุมากกว่า 18 ปี ควานลินก็ยังคิดที่จะใช้วิธีนี้อยู่ต่อไป
เพราะไม่ว่ายังไง คนตัวเล็กที่กำลังแดงไปทั้งใบหน้าก็พ่ายแพ้ให้มันอยู่ดี...
“อืม...นั่งรอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปหยิบเอาของขวัญมาให้ พอดีลืมไว้ในห้องอ่ะ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะปล่อยให้ซองอุนที่เมื่อครู่นั่งอยู่เคียงข้างกันบนโซฟาสีครีมตัวกว้างลุกออกไป แล้วใช้เวลาในช่วงที่รออีกฝ่ายกลับไปที่ห้องของตัวเองด้วยการเปิดเกมในโทรศัพท์เล่นรอฆ่าเวลาพลางๆ…
แต่เล่นอยู่นานสองนานคนพี่ก็ยังไม่มีทีท่าจะกลับมาเสียที จนควานลินนึกเป็นห่วงจึงปิดหน้าจอเกมที่เล่นค้างไว้ลงแล้วลองกดโทรหา รออยู่พักใหญ่อีกคนจึงกดรับสายตอบกลับมา… [ "ฮัลโหล…" ]
“พี่ซองอุนเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าครับ หายไปนานจัง…”
[ "ขอโทษที อยู่ๆ ก็รู้สึกไม่ค่อยดีอ่ะ ควานลินมาเอาของขวัญที่ห้องพี่แทนได้มั้ย…" ] เสียงปลายสายดูสั่นๆ จนคนฟังรู้สึกได้ ควานลินนึกเป็นห่วงกลัวว่าคนตัวเล็กจะไม่สบายขึ้นมา จึงรีบออกจากห้องไปดูอาการที่ห้องอีกฝ่ายในทันทีทั้งที่ยังไม่กดวางสาย “ผมอยู่หน้าห้องพี่ซองอุนแล้วนะ”
[ "ควานลินกดรหัสเข้ามานั่งรอตรงห้องนั่งเล่นได้เลย พี่อยู่ในห้องนอนอ่ะเดี๋ยวออกไป" ]
คนเป็นน้องวางสายแล้วทำตามที่คนเป็นพี่บอกด้วยการเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาหน้าทีวีที่เป็นที่ประจำของตนเองเวลามาที่ห้องนี้ ก่อนจะเห็นว่าที่โต๊ะกระจกเตี้ยตรงหน้ามีกล่องของขวัญค่อนข้างใหญ่กล่องหนึ่งวางอยู่ พร้อมกับกระดาษโน๊ตที่แปะเอาไว้ว่าให้เปิดดู
คิ้วได้รูปเลิกขึ้นอย่างประหลาดใจ ก่อนที่นิ้วเรียวของเด็กหนุ่มจะบรรจงแกะกล่องของขวัญตรงหน้าแล้วพบว่ามันเป็นรองเท้าบาสยี่ห้อดังที่เขาเคยเอ่ยปากว่าอยากได้นอนแน่นิ่งอยู่ในกล่อง ควานลินส่งเสียงร้องออกมาด้วยความดีใจ ก่อนจะตะโกนขอบคุณคนให้เสียงดัง “พี่ซองอุน!! ขอบคุณนะครับ”
ควานลินยกเอารองเท้าออกมายลโฉมใกล้ๆ พร้อมกับลองสวมใส่มันอย่างตื่นเต้น จนไม่ทันได้เห็นว่าคนเป็นพี่เดินออกมาเท้าแขนซ้อนหลังอยู่กับพนักโซฟาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่คนตัวเล็กจงใจยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างใบหูใกล้ๆ ด้วยคำถามเดิมกับเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา “ชอบมั้ย”
“ชอบมากเลยครับ...” ไม่รู้ทำไมควานลินถึงได้รู้สึกว่าน้ำเสียงที่คนเป็นพี่ใช้มันดูอ่อนหวานกว่าทุกที คนที่อารมณ์ดีอยู่ตอนนี้จึงตอบรับพร้อมกับหันไปมองท่าทีของคนตัวเล็ก ก่อนที่จะต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายเข้าเต็มตา…
“พี่ซองอุน…”
คนตัวเล็กที่ก่อนหน้ายังอยู่ในเสื้อยืดลายทางสีฟ้าขาวกับกางเกงยีนส์ บัดนี้เปลี่ยนชุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว… แถมสิ่งที่อีกฝ่ายตั้งใจแต่งยังทำให้เด็กหนุ่มใจเต้นจนพูดออกมาด้วยเสียงเพ้อๆ…
ฮาซองอุนในตอนนี้กำลังสวมใส่เสื้อนักเรียนของแฟนเด็กที่ใหญ่เกินตัวจนหลวมโพรกทับด้วยเนคไทลายสก็อตสีฟ้าและเสื้อสูทตัวโคร่งลงมาจนถึงช่วงสะโพก โดยที่ช่วงล่างสวมเพียงกางเกงขาสั้นโชว์เรียวขา ปิดท้ายด้วยถุงเท้ายาวเลยข้อเท้าขึ้นมาคืบหนึ่ง
“กางเกงของควานลินมันยาวเกินไปอ่ะ พี่เลยใส่ไม่ได้” มือขาวเอามือป้องปัดช่วงขาของตัวเองอย่างเก้อเขินเมื่อเห็นว่าสายตาของคนเป็นน้องยังไม่เคลื่อนไปจากเรียวขาของตัวเองเสียที ใบหูขาวนาทีนี้เป็นสีแดงแปร๊ดยิ่งกว่าลูกเชอร์รี่ที่ประดับอยู่บนเค้ก “อย่ามองขนาดนั้นสิ...พี่เขินนะ”
ควานลินมองตามคนตัวเล็กที่เดินอ้อมมานั่งข้างเขาบนโซฟาไม่วางตา จนคนที่ทำใจกล้าเซอร์ไพรส์ต้องเป็นฝ่ายยกมือขึ้นปิดหน้าที่ตอนนี้แดงและร้อนจนไอแทบขึ้น แต่ก็ยังกลั้นใจพูดข้อความสำคัญ
“เพราะวันนี้ควานลินจะเป็นผู้ใหญ่ พี่เลยจะเป็นน้องให้เอง…”
“วันนี้มาเล่นยาจาไทม์ กัน”
คนตัวสูงกระตุกยิ้มขึ้นเมื่อได้ฟังในสิ่งที่เสียงหวานปนสั่นนั้นอธิบายจนเสร็จสรรพ มันคือเกมที่เขาเคยอยากเล่นกับคนเป็นพี่เมื่อนานมาแล้วแต่ว่าไม่มีโอกาสเสียที พอถูกอีกฝ่ายชักชวนให้เล่นในบรรยากาศแบบนี้ควานลินจึงแทบจะควบคุมความตื่นเต้นที่มีเอาไว้ไม่อยู่…
“ที่หายตัวมาตั้งนานนี่คือมัวแต่ทำใจอยู่ใช่มั้ยครับเนี่ย”
“อื้ม”
“เปลี่ยนคำพูดที่ใช้ได้อย่างเดียว หรือว่าสั่งได้ด้วยครับ…”
“ตามใจควานลินเลย”
คนตัวขาวตอบรับด้วยเสียงอ้อมแอ้มพลางก้มงุดจนแทบจะมุดเข้าไปในคอเสื้อกว้าง มือเล็กๆ ทั้งสองข้างกำชายเสื้อเอาไว้แน่นจนมันยับยู่ยี่ แต่ความประหม่าที่แสดงออกมานี้กลับยิ่งกระตุ้นให้คนน้องรู้สึกย่ามใจ
“งั้นเริ่มเลยนะครับ…”
“...”
“น้องซองอุน...มานั่งบนตักพี่ควานลินสิครับ…”
มือแกร่งของควานลินตบลงบนหน้าตักของตัวเองสองสามทีเรียกให้อีกฝ่ายทำตามที่ตนต้องการ ซองอุนเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่เพียงประโยคแรกของเกมก็ทำเอาเขาทำอะไรไม่ถูกเสียแล้ว ก่อนจะสูดลมหายเฮือกใหญ่เพื่อเรียกกำลังใจให้กับตัวเอง
“เลิกมั้ยครับ...แค่ประโยคแรกก็ทำเอาพี่จะตายแล้วอ่ะ”
ควานลินพูดเย้าแหย่พลางหัวเราะคิกคักเมื่อมองเห็นว่าคนแก่กว่าที่ตอนนี้ทิ้งตัวลงนั่งบนตักเขาเลือดสูบฉีดจนมาถึงต้นคอขาวแล้ว สองมือแกร่งรั้งเอวเล็กให้เข้ามาชิดกับตัวของเขามากยิ่งขึ้น จนอีกคนสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ว่ามันแนบสนิทไม่มีช่องว่างไปหมดทุกส่วน
“ฮือ...อย่าแกล้งพี่สิควานลิน…” คนตัวเล็กเอี้ยวตัวมามองค้อนเขาวงใหญ่ แต่เด็กหนุ่มวัยมัธยมกลับทำเพียงยักคิ้วให้แล้วตอบกลับไปอย่างนึกสนุกมากขึ้นทุกที “หืม...ตรงนี้ไม่มีใครเป็นพี่ผมแล้วนะครับ ตอนนี้มีแค่พี่ควานลินกับน้องซองอุน…”
“ขี้แกล้ง…” ซองอุนสะบัดหน้ากลับไปเมื่ออีกฝ่ายยังไม่หยุดเย้าแหย่ให้เขาได้อาย ก่อนจะสะดุ้งขึ้นมาอีกรอบเมื่อท้ายทอยถูกรุกรานด้วยจมูกโด่งของคนด้านหลัง แถมยังไล่มากดลงที่แก้มนิ่มทั้งซ้ายขวาฟอดใหญ่
“ไม่ได้หรอกครับ...มีโอกาสทั้งที ต้องใช้ให้คุ้มหน่อย นี่ก็เหมือนที่ซองอุนเคยทำกับผมบ่อยๆ ตอนอยู่ประถมไง”
“ไม่เห็นจะเหมือนเลย… ตอนนั้นทำแบบหมั่นเขี้ยวหรอก ไม่ใช่แบบนี้…”
“นี่ก็หมั่นเขี้ยวอยู่นะครับ…”
“ฮือ… ควานลิน…”
คนตัวเล็กโอดครวญขึ้นมาอีกระลอกเมื่อฝ่ามือกว้างที่กอดอยู่ตรงเอวเลื่อนมาบีบต้นขาที่โผล่พ้นออกมาจากกางเกงขาสั้นที่เลิกขึ้นสูงแทน คนเป็นพี่ที่ตอนนี้รับบทน้องช้อนสายตาขึ้นมองเด็กขี้แกล้งที่กำลังทำให้เขาปั่นป่วนไปหมดอย่างนึกหมั่นไส้ ก่อนจะหยิกลงไปบนมือซุกซนสองข้างนั่นที่ยังลูบต้นขาเขาไม่หยุด
“จะโกรธแล้วนะ…”
“อย่าขัดใจเจ้าของวันเกิดสิครับน้องซองอุน…”
สรรพนามที่ใช้เรียกทำเอาซองอุนที่เป็นคนคิดเล่นเกมนี้ดิ้นเร่าๆ อย่างขัดใจที่เหมือนกำลังโดนไล่ต้อน โดยที่ลืมนึกไปว่าอะไรๆ ในตอนนี้มันเบียดชิดไปเสียหมดกับคนด้านล่าง จนเด็กหนุ่มวัยมัธยมเริ่มจะรู้สึกขึ้นมาบ้างเสียแล้ว
“ซองอุน...อย่าดิ้นแบบนี้สิครับ...” คนที่กำลังสวมบทเป็นพี่จับสะโพกของคนที่ดิ้นไม่รู้เรื่องให้อยู่นิ่งๆ ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะพูดเตือนออกไป “รู้มั้ยอ่ะ...ว่ามันตื่น…”
ฉ่า…
ใบหน้าของฮาซองอุนเห่อร้อนเสียยิ่งกว่าเตาไฟในห้องครัว ใจก็เต้นรัวขึ้นมาจนเสียงอื้ออึงอยู่ในหัวไปหมดเมื่อรู้แล้วว่าคนข้างล่างมีอะไรที่แปลกไป พลันในหัวก็เกิดสับสนขึ้นอย่างไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี…
“ซองอุน...” เสียงทุ้มต่ำเรียกชื่อของเขาดังขึ้นข้างใบหูขวา ก่อนที่อีกฝ่ายจะพลิกร่างของเขาให้หันมานั่งตักแบบประจันหน้ากันตรงๆ แววตาซุกซนของแฟนเด็กที่อ่อนกว่าจ้องมองมาอย่างอ้อนวอน ก่อนจะพูดในสิ่งที่เขาเองก็พอจะเดาได้ แต่ก็ยังเบิกตากว้างเมื่อได้ฟังมันอยู่ดี…
“ผมขอทำตามสัญญาได้มั้ย…”
เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจอความอ้อน พลางใช้นิ้วเรียวยาวเกี่ยวเบาๆ ตรงปมเนคไทเหมือนต้องการจะขออนุญาตแกะของขวัญชิ้นใหญ่สุดในวันนี้…
ราวกับอยู่ๆ เรื่องว้าวุ่นที่ตีกันยุ่งในหัวของซองอุนเมื่อครู่ก็หายไป กลายเป็นขาวโพลนไปหมดเมื่อได้สบเข้ากับสายตาออดอ้อนเหมือนลูกหมาลูกแมวของเด็กชายตัวโตที่วันนี้กลายเป็นหนุ่มตรงหน้า ก่อนที่ดวงตานั้นจะยกขึ้นปิดพร้อมกับรอยยิ้มกว้างแสดงถึงความดีใจ เมื่อคนตัวเล็กในอ้อมแขนพยักหน้ายอมเปิดทางให้ทำในสิ่งที่ได้เคยสัญญาไว้...
“งั้นพี่ควานลินขอพาน้องซองอุนเข้านอนนะครับ”
ควานลินพูดเย้าเรียกเสียงฟึดฟัดจากคนที่ตอนนี้เขินจนเอาใบหน้าซุกกับอกของเขาอย่างอารมณ์ดี แม้จะถูกอีกฝ่ายตีก็ยังหัวเราะชอบใจที่ได้เห็นปฏิกิริยาเหมือนเด็กน้อยทั้งที่แก่กว่าเขาหลายปีอย่างนั้น เด็กขี้แกล้งอุ้มคนพี่ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีด้วยการโอบแขนรอบคอเขาเข้าที่เอวของตัวเองแล้วกระชับให้ถนัดถนี่ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนของอีกฝ่ายที่อยู่ด้านซ้ายมือแล้ววางคนหน้าแดงตัวแดงลงบนเตียงกว้าง
จริงๆ นึกแล้วก็ตลกดี เพราะคนที่กำลังนอนอยู่ใต้ร่างให้เขาทาบทับอยู่ตอนนี้ คือคนเดียวกันกับที่เคยอุ้มเขาเข้าเอวไปส่งถึงห้องนอนแถมเล่านิทานกล่อมเมื่อตอน 7 ขวบ ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าผ่านมา 11 ปี คนๆ นี้จะกลายฝ่ายที่ถูกเขาอุ้มเข้าเอวมาที่เตียงอย่างที่เป็นอยู่นี้…
ควานลินจ้องมองคนเป็นพี่ที่ตอนนี้ตัวเล็กกว่าเขาจนบังได้มิดทั้งตัวแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างอิ่มเอมใจ…
“พี่รู้ใช่มั้ย ว่าผมรักพี่มากขนาดไหน” สรรพนามที่ใช้ถูกเปลี่ยนกลับมาให้เป็นเช่นเวลาปกติอีกครั้ง ควานลินใช้มือขึ้นเกลี่ยผมที่ปรกอยู่บนใบหน้าน่ารักของคนเป็นพี่ที่เขานึกชื่นชมในใจอยู่นานหลายปีกว่าที่จะได้มีโอกาสเป็นเจ้าของเต็มตัวเมื่อไม่กี่ปีมานี้อย่างหลงใหล ก่อนจะได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจจากอีกคน
“รู้สิ… พี่ก็รักควานลินเหมือนกันนั่นแหละ” ซองอุนตอบกลับคนน้องด้วยรอยยิ้มหวานหยดแบบที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่ามันเป็นอาวุธไม้ตายที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าลูกอ้อนของควานลินเลยสักนิด มือขาวยื่นไปกุมที่ใบหน้าหล่อเหลาของคนที่อ่อนเยาว์กว่าอย่างเบามือ ก่อนจะยกตัวขึ้นไปจรดริมฝีปากแดงสดเหมือนเยลลี่ของตนเองกับริมฝีปากของอีกฝ่ายย้ำๆ อย่างรักใคร่
“งั้นผมขอรับของขวัญชิ้นนี้ไว้เลยนะครับ”
ทันทีที่เด็กหนุ่มพูดจนจบประโยค สองมือซุกซนก็ลงมือแกะของขวัญที่ทำเอาใจเต้นที่สุดในวันนี้อย่างเบามือไปพร้อมกับการพรมจูบในทุกๆ ที่ที่สัมผัสผ่าน เริ่มที่เนคไทสีฟ้า เสื้อสูทตัวโคร่งมาจนถึงเสื้อนักเรียนตัวหลวมโพรกของเขาเอง แล้วตบท้ายด้วยกางเกงขาสั้นและซับใน รู้ตัวอีกทีของขวัญชิ้นนี้ก็เหลือเพียงแค่ถุงเท้าสีขาวเสียแล้ว
น่ารักเป็นบ้า…
ควานลินอยากจะตะโกนออกมาดังๆ ให้คนที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับรอยจูบของเขาได้รู้เสียบ้างว่าตัวเองน่ารัก น่าฟัดขนาดไหน ผิวขาวนุ่มนิ่มที่ขึ้นสีแดงไปทั่วทั้งตัวทำเอาเด็กหนุ่มในวัยเลือดร้อนอย่างเขารู้สึกแทบคลั่ง จนต้องท่องในใจซ้ำๆ ให้ยั้งแรงเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายเจ็บตัว
“ควานลิน…” ใบหน้าที่ปกติแล้วแสนจะดูใสซื่อน่ารักตอนนี้กลับถูกปลุกปั่นอารมณ์จนมันดูเซ็กซี่ขึ้นมาอย่างร้ายกาจ ริมฝีปากอิ่มเอ่ยเรียกแฟนเด็กของตนด้วยสายตาปรือปรอย ก่อนจะชี้ไปที่โต๊ะข้างหัวเตียงซึ่งมีถุงกระดาษตั้งอยู่ “มีของขวัญอยู่อีกชิ้น”
ควานลินเลิกคิ้วขึ้นแปลกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆ คนตัวเล็กก็พูดถึงของขวัญอีกชิ้นหนึ่งขึ้นมา ก่อนที่แขนเรียวจะเอื้อมไปคว้าเอาถุงกระดาษนั้นมาเปิดดูแล้วกับพบเซอร์ไพรส์อย่างที่ 4 ของวันนี้
“แล้วเซอร์ไพรส์นี้ล่ะชอบมั้ย…”
คนตัวเล็กเอ่ยถามแฟนเด็กขึ้นมาครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมองของในถุงกระดาษนั้นด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนที่จะเบนสายตานั้นกลับมามองเขาอย่างนักล่าที่พร้อมจะตะครุบเหยื่อเต็มที…
“ไม่รู้สิครับ...คงต้องลองใช้ดูก่อน”
เด็กหนุ่มจัดแจงบีบเจลใสๆ กลื่นหอมจากขวดที่อยู่ในถุงกระดาษนั้นออกมาอย่างรู้ดีว่าต้องทำอย่างไร พร้อมกับแกะเอาซองสี่เหลี่ยมจัตุรัสจากกล่องในถุงกระดาษเดียวกันออกมาเตรียมไว้ใช้เมื่อถึงเวลา…
ควานลินไม่ได้คิดฝันมาก่อนเลยว่า วันเกิดอายุครบ 18 ปีของตัวเองจะเป็นวันเกิดที่ดีขนาดนี้…
.
.
.
.
“พี่แทฮยอน… วันเกิดผมนี่ความคิดพี่ใช่มั้ย… อยากจะขอบคุณงามๆ ซักสิบที”
เช้าวันใหม่ เด็กหนุ่มที่ตอนนี้เป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกขั้นกดสายโทรหาใครอีกคนที่ตนมั่นใจว่ามีส่วนช่วยในงานวันเกิดครั้งนี้เป็นแน่ทันทีที่ตื่นขึ้นมา ควานลินเดินมานั่งในห้องนั่งเล่นของของขวัญชิ้นโบว์แดงที่ยังนอนหมดเรี่ยวแรงอยู่ในห้องอย่างอารมณ์ดี แต่ก็ต้องแปลกใจที่คนรับสายกลับตอบรับมาแบบงงๆ
[ "ความคิดไรวะ…" ]
“ก็เซอร์ไพรส์วันเกิดผมไง… นี่แบบไม่อยากจะเชื่อเลยอ่ะว่าพี่ซองอุนจะทำขนาดนี้ พี่...คือมันแบบ...หัวใจจะวาย” เด็กหนุ่มตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด เพราะยังติดค้างกับภาพเหตุการณ์เมื่อวานที่ยังฉายชัดอยู่ในหัวสมอง
[ "เดี๋ยวนะ...มันทำอะไรบ้าง…" ]
“พี่ซองอุนเอาชุดนักเรียนผมมาใส่อ่ะพี่ แถมยังยอมให้เล่นยาจาไทม์ด้วย โอย ยังกะออกมาจากในหนังผู้ใหญ่ ฟินจนเกือบจะคิดว่าเมื่อวานนี้จะได้เป็นวันครบรอบวันตายควบคู่กับวันเกิดด้วยแล้วอ่ะพี่...”
[ "เชี่ย!! กูพูดประชดมันเล่นๆ เพราะเห็นมันเอาแต่คิดมาก นี่มันทำจริงหรอวะ…" ]
“อ้าว...พี่ไม่ได้เป็นวางแผนหรอกหรอครับ…”
[ "เปล่าๆ เออแต่ดีมากที่มาเล่าให้ฟัง มีเรื่องเอาไว้แบล็คเมล์มันอีกเรื่องละ ขอบใจมากไอ้น้อง…" ] แทฮยอนพูดขอบอกขอบใจก่อนจะกดวางสายจากแฟนเด็กของเพื่อนซี้ตัวดีที่ตอนนี้คงยังนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว พลางหัวเราะชอบใจเมื่อนึกไปถึงตอนรวมตัวกันสังสรรค์ในครั้งหน้า
รับรองได้เลยว่าฮาซองอุนจะต้องถูกเขาแซวเรื่องนี้ต่อหน้าธารกำนัลแน่นอน!
ความคิดเห็น