ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {os/sf} PRODUCE101 | WANNAONE : Summer Cloud [ALL x SUNGWOON ,etc.]

    ลำดับตอนที่ #5 : {SF} น้องแจ้กับพี่อุ่น #2 - Kim Jaehwan/Ha Sungwoon

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 60


    Title : น้องแจ้กับพี่อุ่น #2


    Pairing : Kim Jaehwan/Ha Sungwoon


    Genre : Romantic - Comedy


    Rate : PG


    Note : ถ้าตอนนี้มันสั้นไปขอโทษด้วยนะคะ OTL





    02






    แอร์เย็นเฉียบและความเงียบของห้องห้องสมุดเป็นคอมบิเนชั่นชั้นดีสำหรับคนที่มองหาที่พักสายตาในมหาลัย...


    ยิ่งเป็นสมาคมคนมาเรียนเหมือนมาเปลี่ยนที่ซุกหัวนอนอย่างผมด้วยแล้วนั้น


    บอกเลยว่าถ้ามีการคิดค่าเช่ารายวัน ครึ่งหนึ่งของรายได้นั้นต้องมาจากนายแจ้ คิมหันต์นี่แหละ





    ส่วนเหตุผลที่วันนี้ต้องหอบร่างตัวเองมานอนแหลกอยู่บนบีนแบ็กตั้งแต่ช่วงสาย ไม่ได้เป็นเพราะอยากจะโดดเรียนเหมือนเช่นอย่างทุกที…





    แต่เป็นเพราะว่าเมื่อคืนนี้...นอนไม่หลับ




    คือเอาจริง...ใครมันจะไปข่มตาหลับได้วะ ถ้าต้องเจอกับเหตุการณ์แบบที่ผมเจอเมื่อวานนี้… อยู่ๆ ก็โดนพี่อุ่นจู่โจมทั้งด้วยคำพูดและการกระทำ (ถึงมันจะเป็นแค่การหยิกแก้มก็เถอะ) ไอ้ผมที่เพ้อๆ อยู่แล้วเลยยิ่งไร้สติกันเข้าไปใหญ่ เมื่อวานนี้กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพได้ยังไงก็ยังไม่รู้






    รู้อยู่อย่างเดียวคือ…



    ผมตอบรับการจีบของพี่อุ่นไปเรียบร้อยแล้ว…









    ‘ขอบคุณนะที่ให้โอกาสพี่’



    น้ำเสียงสดใสกับใบหน้าที่แสดงออกถึงความดีใจเอามากๆ ของพี่อุ่นเมื่อวานนี้ยังติดชัดอยู่ในความทรงจำ ยิ่งรอยยิ้มโคตรน่ารักที่ส่งมาให้กันหลังจากนั้นยิ่งทำเอาหวั่นไหว… แล้วไหนจะข้อความไลน์ที่ส่งมาบอกว่า ‘ฝันดีนะ’ นั่นอีก...




    คือนี่ยิ้มจนปากจะฉีกอยู่แล้วอ่ะ…




    ผมเผลอหลุดยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่อหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาสไลด์ดูข้อความที่พี่อุ่นส่งมาเมื่อคืนนี้ จากที่แค่เคยมีคอนแท็คในไลน์ไว้ประดับเครื่องกันเฉยๆ มาตั้งแต่สมัยเข้าชมรมตอนปีหนึ่ง พอได้เป็นคนที่พี่มันส่งข้อความถึงก็อดจะรู้สึกดีขึ้นมาไม่ได้...



    แล้วคือพี่อุ่นแม่ง...คนบ้าอะไรวะน่ารักยันสติ๊กเกอร์ที่ใช้… ไอ้คนที่โตมาอย่างกากกรังในโรงเรียนชายล้วนอย่างผมนี่เห็นแล้วใจบางเลยอ่ะ…




    คนเราไม่ควรจะน่ารักไปหมดขนาดนี้มั้ยวะ… ไม่เข้าใจ






    “อีแจ้...ไหนแกบอกชั้นว่าจะมานอน มัวแต่จ้องหน้าจออยู่นั่นอ่ะ จะได้หลับแมะถามจริง”



    เสียงเอือมระอาดังขึ้นตรงปลายขาเรียกผมให้เงยหน้าขึ้นไปหาต้นเสียง ซึ่งในเวลาสายที่ห้องสมุดยังแทบไม่มีคนนี้ก็มีเพียงแค่เจ๊จีที่โดนผมโทรไปก่อกวนตั้งแต่ตี 5 ขอร้องให้ออกมาเจอกันแต่เช้าเพื่อขอคำปรึกษาเรื่องพี่อุ่นเท่านั้นแหละที่อยู่เป็นเพื่อนกัน ส่วนไอ้แดนกับไอ้อ๋องนั้นวันนี้ไม่มีเรียน




    “นอนสักที สภาพแกตอนนี้นี่ยังกับหมีแพนด้ามาจากคุงหมิง...” อีเจ๊พูดพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ให้ดูที่บริเวณใต้ตาของผมที่มันดำคล้ำขึ้นมาต่างจากทุกที ก่อนจะตบที่เบาะสองสามทีเรียกให้ตั้งใจฟังที่เจ๊มันพูด “เรื่องพี่เค้าแกก็ทำอย่างที่ชั้นบอกนั่นแหละ ชั้นไปซีรอกส์ชีทเรียนบ่ายก่อนละ เดี๋ยวซีเผื่อแกด้วย...”




    “ขอบใจมากนะเจ๊…”




    “เออๆ นอนไป เดี๋ยวเที่ยงๆ จะมาปลุก...”   




    ผมยกตัวขึ้นมาโบกมือให้เจ๊มันไหวๆ จนเห็นมันเดินหายไปตรงมุมทางออก ถึงได้หงายหลังทิ้งน้ำหนักตัวใส่บีนแบ็กอีกรอบพร้อมๆ กับนึกถึงสิ่งที่คุยกันกับอีเจ๊ไปเมื่อเช้านี้…





    เอาจริงๆ สภาพผมตอนนี้ยังกับคนเป็นไบโพล่าร์



    รู้สึกดีกับสิ่งที่พี่อุ่นทำ แต่อีกใจนึงก็ยังระแวงพี่มันอยู่ดี…





    บอกตามตรงก็คือ ยังไงผมก็ยังมีความรู้สึกในใจว่าคนแบบผมไม่น่าจะมีใครมาชอบได้อ่ะครับ… ที่ผ่านมาเวลาชอบใครก็มีแต่ผมที่เป็นฝ่ายเริ่มเข้าหาเขาก่อน แล้วก็มักจะนกกลับมาซะทุกรอบเพราะว่ามันมีคนที่ดีกว่าเข้ามาในชีวิตเขา…




    แล้วพี่อุ่นคือคนที่มีคนแบบพี่มิณทร์อยู่ข้างๆ อ่ะ…



    จะให้ไปขุดเอาความมั่นใจมาจากไหนวะว่าเขาชอบเราจริงๆ...




    เพราะแบบนี้ผมก็เลยคิดไม่ตกว่าการที่พี่อุ่นเข้ามาครั้งนี้จะมีทิศทางเป็นแบบไหน เมื่อเช้าตอนที่เล่าเรื่องเมื่อวานและสิ่งที่คิดให้อีเจ๊ฟังไป ก็เลยโดนบ่นใส่กลับมาเป็นชุดว่าอย่าตีตนไปก่อนไข้ ให้ค่อยๆ ดูกันไปเรื่อยๆ...





    “เออยอมรับว่าชั้นเองก็สงสัยเรื่องพี่มิณทร์นะ.... แต่ก็ไม่เห็นประโยชน์อะไรที่พี่อุ่นจะมาหลอกแกอ่ะ… เพราะงั้นแกก็อย่าเพิ่งเอาสิ่งที่มันยังไม่เกิดขึ้นมาขัดฟินตัวเองเลย…”




    “...”




    “แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้แกไปเคลิ้มตามพี่มันจนออกนอกหน้านะ… ทำตัวปกติอ่ะ ดูท่าทีพี่มันไปเรื่อยๆ”




    อีเจ๊พูดเอาไว้แบบนั้น ซึ่งมันก็ทำให้ผมโอเคขึ้นแหละครับ จากที่เมื่อคืนทั้งฟินทั้งนอยสลับกันไปจนนอนไม่หลับ ตอนนี้ก็เลยกลับรู้สึกง่วงขึ้นมาพร้อมจะชัดดาวน์ตัวเองได้ทุกเมื่อแทนแล้ว…




    ผมกดปิดหน้าจอโทรศัพท์เก็บเข้ากระเป๋ากางเกงพลางจัดท่าทางตัวเองให้สบายต่อการนอนที่สุด ก่อนจะเข้าสู่โหมดกักตุนพลังงานทดแทนส่วนของเมื่อวานที่มันขาดไป…





    ส่วนเรื่องราวของผมกับพี่มันจะเป็นยังไง...เอาไว้ตื่นมาค่อยคิดก็แล้วกัน...











    “แจ้...ตื่นเร็ว...ไปกินข้าวกัน…”




    “อือ...ง่วงอ่ะ...ขอนอนต่อได้ป่ะ...”





    ไม่รู้ว่าตัวเองนอนไปนานขนาดไหนแต่รู้สึกได้ว่ายังนอนไม่เต็มอิ่ม ตอนที่ได้ยินเสียงปลุกดังขึ้นใกล้ๆหู ผมจึงพึมพำตอบไปอย่างไม่สนใจ พร้อมกับพลิกตัวหนีมือที่เขย่าอยู่ตรงหัวไหล่โดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังเอาหน้ามุดลงไปกับบีนแบ็กที่ข้างในเป็นเม็ดโฟมนิ่มๆ ให้แนบสนิทยิ่งกว่าเดิม





    “แต่นี่มันเที่ยงกว่าจะบ่ายแล้วนะ...ถ้าไม่รีบตื่นแล้วจะหาอะไรกินทันคาบบ่ายได้ไงอ่ะ...”




    ผมควานเอาเป้ใกล้ๆ มือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาไม่รับฟังเสียงที่ยังดังอยู่ใกล้ๆ ด้วยความที่เป็นขี้เซามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ขนาดสมัยอยู่โรงเรียนไอ้อ๋องเคยเอาเมจิกเขียนหน้าก็ยังดึงดันจะหลับต่อได้จนมันถอดใจ เดี๋ยวนี้ถ้าผมหลับเมื่อไหร่พวกมันก็เลยโยนหน้าที่ให้แม่ของกลุ่มอย่างอีเจ๊เป็นคนทำแทนนี่แหละ






    “ไม่ไป…เจ๊ไปกินเลย.…”




    ผมบอกปัดออกไปอีกครั้ง แต่อีเจ๊ก็ยังไม่ยอมฟัง เปลี่ยนจากเขย่าที่หัวไหล่มาคว้ามือไปจับแทนก่อนจะพยายามออกแรงดึงผมที่ตัวจมลงไปกับเก้าอี้ให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ… แต่ผมก็ยังดึงดันขืนตัวเอาไว้อยู่กับที่ไม่ยอมขยับตาม





    ผมไม่ยอมลุกอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมหยุดปลุกกันเสียที ยื้อแบบนั้นกันอยู่นานหลายนาที จนกระทั่งผมรู้สึกเอะใจขึ้นมา…


    ว่าวันนี้อีเจ๊มันปลุกนิ่มนวลจังวะ... ปกติคือแทบจะถีบกันแล้วถ้าเจอผมทำตัวงี่เง่าเลเวลนี้


    แล้วนี่จำไม่เห็นได้เลยว่ามืออีเจ๊มันเล็กขนาดนี้...





    “เจ๊ มึงทาโลชั่นหรอวะ...ทำไมมือนิ่มจังอ่ะ…”





    พอคลำๆ มือนั้นไปอีกสักพักก็ราวกับมีสัญญาณเตือนดังขึ้นในใจ….



    เดี๋ยวนะ...ผมว่านี่มันไม่ใช่อีเจ๊ละ แต่เป็น--







    “ถ้าแจ้หมายถึงน้องจี...น้องเขาฝากพี่บอกว่าจะไปรอที่ห้องเรียนเลยอ่ะ”






    “เห้ย!” ผมสปริงตัวขึ้นมานั่งตาสว่างทันทีด้วยความตกใจ เมื่อรู้แล้วว่าใครคือคนที่มาปลุกกัน...




    “พี่อุ่นมาอยู่นี่ได้ไง...” ผมถามออกไปด้วยความงุนงง สายตาก็มองไปรอบๆ ตัวด้วยความสับสนที่อยู่ๆ คนมาปลุกกันไม่ใช่อีเจ๊แต่กลายเป็นพี่อุ่นขึ้นมาได้





    ก่อนนอนก็คิดเรื่องพี่...นี่ตื่นมายังจะเจอหน้าพี่มันคนแรกอีกหรอ…




    คนตัวเล็กมองผมที่กำลังจับต้นชนปลายไม่ถูกแล้วก็หลุดขำออกมาเบาๆ ก่อนจะตอบข้อสงสัย “มาคืนหนังสืออ่ะ แล้วก็บังเอิญเห็นแจ้หลับอยู่พอดี...” พี่อุ่นพูดพลางย่อตัวลงมานั่งยองๆ อยู่ในระดับสายตาพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาเท้าคางมองหน้าผมด้วยรอยยิ้มล้อ





    “เพิ่งจะรู้นะเนี่ยว่าเป็นคนขี้เซาขนาดนี้...”



    ผมก้มหน้าลงหลบสายตาขี้เล่นของพี่อุ่นที่จ้องมาอย่างต้องการจะแซ็วกันด้วยความเขินในสิ่งที่ตัวเองทำไป พลางยกมือขึ้นจัดผมเผ้าและเสื้อผ้าที่ยับยุ่งเหยิงให้เข้าที่เข้าทาง “เอ่อ...แล้วนี่พี่มาตอนไหนอ่ะ…”




    “ตอนที่คนแถวนี้น้ำลายยืดพอดีเลยอ่ะ เนี่ยถ่ายรูปเก็บไว้ด้วย…”




    “...”




    “ดูทำหน้าเข้าดิ… พี่ล้อเล่นนนนน” เสียงหัวเราะใสๆ ดังขึ้นเมื่อเห็นผมยกมือขึ้นมาปิดปากพลางทำหน้าตาเลิกลั่กใส่ ก่อนเจ้าตัวจะพูดแก้ต่างให้รู้สึกโล่งใจที่ไม่ได้โชว์เด๋อให้พี่มันเห็นจริงๆ “น่าจะประมาณ 20 นาทีได้อ่ะ ตอนน้องจีจะมาปลุกแจ้พอดี แต่พอเค้าเห็นพี่ เค้าก็ฝากแจ้ไว้แล้วหนีไปกินข้าวเลยอ่ะ”




    โห อีเจ๊ จะปลุกกันก่อนแล้วค่อยไปก็ไม่ได้นะ…



    ไม่คิดว่าเพื่อนจะอายที่ต้องโชว์สภาพยับๆ แบบนี้ให้พี่มันเห็นบ้างหรอไง…




    ผมดึงสติกลับมาสนใจพี่อุ่นอีกครั้งหลังจากที่ก่นด่าอีเจ๊ในใจ เจ้าตัวยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา แล้วลุกขึ้นคว้าเอากระเป๋าข้างตัวขึ้นมาสะพายก่อนจะชักชวนผม




    “นี่จะบ่ายแล้วอ่ะ แจ้หิวยัง ไปกินข้าวกันเหอะ…”  



    เจ้าของรอยยิ้มหวานส่งมือเรียวเล็กของเจ้าตัวมาฉุดผมที่ยังนั่งค้างอยู่ในท่าเดิมให้ลุกขึ้น ผมมองมือพี่มันด้วยความชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกถึงคำอีเจ๊ขึ้นมาได้ จึงตอบรับคำชวนแล้วลุกขึ้นหันไปเอากระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นมาสะพายบ้าง




    ก็ไม่รู้จะขัดฟินตัวเองด้วยความกลัวไปทำไม…



    ในเมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสนั้นแล้วใจแกว่งขนาดนี้...




    คนชวนที่วันนี้อยู่ในชุดนักศึกษาเดินนำผมไปจนสุดทางที่เป็นโถงหน้าห้องสมุดซึ่งมีลิฟต์ลงไปที่โรงอาหาร ใช้เวลาเพียงไม่นานตัวลิฟต์ก็มาจอดรับพอดี ผมกับพี่อุ่นก็เลยเดินเข้าไปในตัวลิฟต์ที่ว่างเปล่านั้นด้วยกันก่อนจะปล่อยให้ลิฟต์เคลื่อนตัวไปโดยไม่ได้พูดอะไร แต่อยู่ๆ เจ้าของเสียงนิ่มหวานหูนั้นก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา...





    “นี่แจ้…”




    “ครับพี่?”





    “มือพี่นิ่มจริงๆ หรอ…”





    คำถามนั้นเอาผมค้างไปครู่หนึ่งด้วยความไม่เข้าใจ...ก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นมาได้...





    “เห้ย!! โทษทีพี่ จับเพลินเลย...”



    ผมมองมือตัวเองที่ยังจับกับพี่อุ่นมาตั้งแต่ที่พี่มันฉุดขึ้นมาจากเบาะแล้วก็ตกใจเอ่ยขอโทษออกมา แต่กลายเป็นว่าคนมือเล็กกว่ากลับไม่ยอมปล่อยแถมยังกระชับมือของเราให้แน่นขึ้นกว่าเดิมเสียอีก…







    “จะจับบ่อยๆ พี่ก็ไม่ว่านะ...”




    “เดี๋ยวพี่จะทาแฮนด์ครีมทุกวันเลย”




    เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นประกอบกับคำพูดทีเล่นทีจริงของเจ้าตัว แต่เสียงใจเต้นรัวของผมมันดังก้องในหูจนกลบเสียงใสๆ นั้นไปหมดแล้วในตอนนี้...







    เชี่ยละ…



    ลืมไปได้ไงวะว่าวันนี้วิชาบ่ายคือวิชาของอาจารย์ป้า…




    ทันทีที่ผมและพี่อุ่นก้าวขาออกจากลิฟต์มาหยุดอยู่ที่หน้าโรงอาหาร วิญญาณของผมที่ก่อนหน้านี้หลุดลอยไปกับมือนุ่มนิ่มของคนข้างๆ ก็ประทับเข้าร่างอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับสติที่กลับมา เลยทำให้นึกได้ว่าวิชาต่อจากนี้มีกฎล็อคประตูห้องหลังเริ่มคลาส 10 นาที แถมยังมีควิซท้ายคาบอีกด้วย...




    “พี่อุ่น….” ผมหันไปเรียกคนน่ารักที่กำลังชะเง้อคอมองหาที่นั่งในโรงอาหารอยู่ข้างผมเสียงอ่อย ก่อนจะค่อยๆ พูดข่าวร้ายที่เพิ่งจะนึกขึ้นได้ออกไป… “ผมอยู่กินข้าวด้วยไม่ได้แล้วอ่ะพี่…”



    “อ้าว... ทำไมอ่า” พอได้ยินแบบนั้นใบหน้าหวานก็หันกลับมามองผมที่ยืนทำหน้าเจื่อนอยู่ทันที เสียงนุ่มรื่นหูนั้นมีความเสียดายเจืออยู่ในน้ำเสียงชัดเจนจนรู้สึกได้ ทำเอาคนฟังแบบผมนึกอยากกัดลิ้นตัวเองตายด้วยความรู้สึกผิดในใจ




    ทำไมวันนี้มันต้องเป็นวันอังคารด้วยวะเนี่ย!!




    “ผมลืมไปอ่ะว่าวันนี้เรียนอาจารย์ป้า… ขอโทษด้วยนะครับพี่...”




    “อ่อ งั้นไม่เป็นไรๆ”




    “ขอโทษจริงๆ นะครับ…”




    “พี่เข้าใจๆ แจ้ไม่ต้องซีเรียส”



    พี่อุ่นพยักหน้ารับรู้อย่างเข้าใจ แม้ว่าแก้มใสนั้นจะกำลังพองลมและริมฝีปากก็กำลังยู่เข้าหากันอยู่ก็ตามที… เจ้าตัวคงไม่รู้เลยว่าตอนนี้เผลอทำหน้างอแงใส่ผมทั้งๆ ที่ปากบอกว่าไม่เป็นไร




    จะน่ารักไปไหนเนี่ย...




    “เอาไว้คราวหน้านะครับ สัญญาเลยจะไม่เบี้ยวแน่นอน...” ผมบีบมือ นิ่มที่ยังคงอยู่ในฝ่ามือขวาของผมเบาๆ อย่างต้องการให้พี่เขารู้ว่าผมพูดจริง ไม่รู้เหมือนกันว่าจู่ๆ อะไรเข้าสิงถึงได้กล้าทำแบบนี้ขึ้นมา…




    “จริงนะ…”




    “ครับ”






    ผมมองพี่อุ่นที่กลับมายิ้มหวานอีกครั้งหลังจากที่ได้ยินข้อเสนอของผมไป ท่าทางดีอกดีใจไปกับคำพูดของผมนั้นมันทำให้อดที่จะยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้… แถมท้ายด้วยดวงตาที่เบิกกว้างตามไปติดๆ หลังจากได้ยินอีกหนึ่งคำขอของคนตรงหน้า...





    “งั้นพี่ขออะไรอีกอย่างได้มั้ย..."




    “ได้สิครับ…”






    “ขอจับมือกับแจ้แบบนี้ขึ้นไปส่งที่ห้องนะ...”






    ว่าแล้วมือขาวๆ นั้นก็รั้งผมให้ไปหาซื้อของกินรองท้อง แล้วเดิน จูงมือ ขึ้นไปส่งกันจนถึงหน้าห้องอย่างที่ว่าจริงๆ…






    แล้วแบบนี้จะให้ผมทำตัวปกติแบบที่อีเจ๊มันบอกได้ยังไงอ่ะ



    ในเมื่อแค่จังหวะหัวใจยังบังคับให้เต้นปกติไม่ได้เลย…






    ▷TBC◁





    อธิบายเพิ่มเติม 

    แจ้ : แจฮวาน | พี่อุ่น : พี่ซองอุน | อ๋อง : ซองอู | แดน : แดเนียล | เจ๊จี : จีซอง | พี่มิณทร์ : มินฮยอน | พี่เสือ : ดงโฮ




    talk : กลับมาแล้วค่ะ ขอโทษที่หายไปเลยนะคะ T T *ขอขมารอบทิศ*


    สารภาพว่าแต่งแล้วรู้สึกว่ามันไม่โอเคซักทีก็เลยดองจนลืมค่ะ มาต่อแล้วก็ยังมาสั้นๆ อีก OTL 


    จะพยายามไม่หายไปนานขนาดนี้แล้วค่ะ ขอโทษคนอ่านด้วยนะคะ แง


    แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่คอมเม้นท์ติชมให้กำลังใจกันนะคะ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ TUT



    PS. แท็กในทวิตยังใช้แท็ก #คุงคูพิซองอุน เหมือนเดิมค่ะ ♥ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×