ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {os/sf} PRODUCE101 | WANNAONE : Summer Cloud [ALL x SUNGWOON ,etc.]

    ลำดับตอนที่ #2 : {SF} Brother Complex - Lai Guanlin/Ha Sungwoon (2/2)

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ค. 60








    Title : Brother Complex 

    Pairing : Lai Guanlin/Ha Sungwoon

    Rate : PG-15

    Note : Mood song : Tahiti 80 - Heartbeat ♥ 




    03



    “หยุดคิดเดี๋ยวนี้เลยนะ… ชั้นไม่อยากจะซื้อกาแฟไปเยี่ยมเพื่อนในคุก..” 


    เสียงดังจอแจในร้านคาเฟ่เล็กๆ สไตล์วินเทจไม่ใกล้ไม่ไกลจากแคมปัสของมหาวิทยาลัยในช่วงเวลาสี่โมงเย็นของวันพฤหัส ไม่ได้ช่วยกลบเสียงดังโวยวายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผู้พูดให้เบาลงได้เลย เมื่อสิ่งที่เพิ่งได้ยินได้ฟังจากปากของเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่สมัยประถมนั้นเป็นเรื่องที่เกินจะรับได้


    “อย่าพูดแบบนี้ดิแทฮยอน… นี่ชั้นซีเรียสอยู่นะ...” เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเบะริมฝีปากพลางพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนคนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ….


    “ก็เพราะรู้ว่าซีเรียสน่ะสิ ถึงได้บอกให้หยุดคิด!!!” ชายหนุ่มปากระดาษห่อขนมปังใส่หน้าผากฮาซองอุนให้หยุดงอแง
    พลางคิดในใจว่าคนที่ควรร้องไห้ควรจะเป็นตัวเองเสียมากกว่า



    มีอย่างที่ไหน เขาอุตส่าห์หมั่นเพียรชวนมันไปนัดบอดตั้งหลายครั้งหลายหน แจกเบอร์สาวให้อีกเป็นร้อยคน เพราะเห็นว่าตั้งแต่มัธยมจนตอนนี้ปาเข้าไปปี 4 แล้วมันก็ยังโสดสนิทไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนให้เห็นซักที 
    พอเซ้าซี้ถามกี่ทีก็บอกยังไม่สนใจเรื่องพรรค์นี้บ้างล่ะ อยากเรียนให้จบก่อนบ้างล่ะ บลาๆๆ 



    พอมาวันนี้…. อยู่ๆ มันก็มาบอกกับเขาว่าตัวเองกำลังมี “ความรัก”


    รัก...น้องชายข้างบ้านที่เด็กกว่า 7 ปี….


    มันจะบ้าหรอ!!!




    “ก็อยากหยุด...ถึงได้มาขอคำปรึกษานี่ไง” น้ำเสียงคนฟังสั่นเครือหนักยิ่งขึ้นกว่าเก่าเมื่อโดนพูดจี้ใจ… ถ้าการหักห้ามใจมันง่ายนักเขาคงไม่ต้องมานั่งแฉตัวเองให้เพื่อนก่นด่าเล่นๆ แบบที่เป็นอยู่นี้หรอก…



    “เออโทษๆ เลิกเบะปากแล้วมาคุยกันดีๆ เล่ามาละเอียดๆ ดิ๊ ว่าเป็นมายังไงกันแน่” แทฮยอนยกมือขึ้นเป็นปางค์ห้ามก่อนที่ซองอุนจะแหกปากร้องไห้กลางร้านขึ้นมาจริงๆ… เอาดีๆเขาก็ไม่อยากเห็นเพื่อนร้องไห้หรอกนะ ขี้เกียจปลอบ



    “ชอบน้องมันตั้งแต่เมื่อไหร่…”


    “ก็… น่าจะนานแล้วมั้ง… แต่เพิ่งมั่นใจ…” แทฮยอนแอบคิ้วกระตุกเล็กน้อยกับคำบอกเล่าของเพื่อน น้องข้างบ้านมันเพิ่งจะอายุ 15 ปีนี้ แล้วนานแล้วของมันนี่คือเมื่อไหร่… ตั้งแต่ตอนน้องมันย้ายบ้านมาอายุ 7 ขวบหรอไง?!


    “แล้วมั่นใจได้ไง…”


    “ก็……” อยู่ๆ ซองอุนก็อิดออดไม่ยอมตอบเสียดื้อๆ ยิ่งทำให้แทฮยอนอยากรู้ เซ้าซี้ถามต่ออย่างไม่ลดละ


    “ก็อะไรวะ…”


    “ก็แบบ…….ฮือ...ไม่เล่าไม่ได้หรอวะ…” ซองอุนอึกอักไม่ยอมเริ่มเล่าเสียทีจนแทฮยอนที่นั่งรอฟังอยู่นานต้องเอ่ยปาก


    “อ่ะ...งั้นเดี๋ยวก็ขอคำปรึกษากับพนักงานร้านไปละกันนะ กูกลับห้องไปนอนละ” 


    “เดี๋ยวก่อนดิ เล่าแล้วก็ได้!!” คนตัวขาวลนลานเอื้อมมือไปรั้งเสื้อห้ามแทฮยอนที่ทำท่าจะลุกออกจากโต๊ะไปจริงๆ ให้กลับมานั่งตามเดิม ซองอุนถอนหายใจแรงๆหนึ่งทีก่อนจะเริ่มต้นเล่า...




    จริงๆ เมื่อวานมันก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งที่ควานลินมานอนเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่นบ้านเขาเหมือนอย่างที่เคยชอบทำมาตั้งแต่เมื่อก่อน 


    แตกต่างไปก็แค่นี่เป็นการมาหากันครั้งแรกในรอบเกือบๆ 2 เดือนก็เท่านั้นเอง….


    ต้องยอมรับว่าพอควานลินขึ้นเรียนชั้นมัธยม อะไรหลายๆ อย่างระหว่างพวกเขาก็ไม่เหมือนเดิม... 


    อย่างแรกคือเขาไม่ได้เป็นครูสอนพิเศษให้กับน้องแล้ว เพราะตั้งแต่น้องได้รับเลือกเป็นนักกีฬาของชมรมบาส เวลาหลังเลิกเรียนก็กลายเป็นเวลาฝึกซ้อมไปซะหมด กว่าจะได้กลับบ้านก็มืดค่ำ ประกอบกับตัวเขาเองที่ใกล้จะเรียนจบแล้วต้องทุ่มเทเวลากับการทำโปรเจ็คจบเช่นกัน การสอนพิเศษหลังเลิกเรียนจึงมีอันต้องยุติลง เหลือเพียงแค่การติวพิเศษช่วงใกล้สอบเท่านั้นที่คุณอาไลยังขอให้เขาช่วยอยู่


    อย่างที่สองคือตอนนี้น้องไม่จำเป็นต้องให้เขาไปรับที่โรงเรียนอีกแล้ว และขอร้องให้เขาเลิกเรียกแทนตัวอีกฝ่ายว่า ‘ลินลิน’
    อีกด้วย ด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นชื่อที่น่าอายเกินกว่าจะใช้เรียกเด็กวัยมัธยมที่กำลังโตเป็นหนุ่ม ซึ่งเขาก็ยอมทำตามคำขอนั้นแต่โดยดี


    และที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ… การใช้ชีวิตแบบที่ตัวติดกันแจเดินตามกันเป็นเงาแบบเมื่อก่อนนั้นมันไม่มีอีกแล้ว… อย่างที่บอกไปว่าน้องติดซ้อมบาสส่วนตัวเขาเองก็ติดทำโปรเจ็ค การจะเจอหน้ากันทุกวันแบบสมัยก่อนจึงไม่มีทางเป็นไปได้เลย เดี๋ยวนี้พวกเขาเจอกันเพียงเดือนละ 2-3 ครั้งเท่านั้น


    หรือบางครั้งก็ไม่เจอกันเลยทั้งเดือนเหมือนอย่างคราวนี้…


    “คัดเลือกนักกีฬาเมื่อวาน ผมได้รับเลือกให้ลงเล่นเป็นตัวจริงแมทช์หน้าด้วยแหละ…” ควานลินพูดขึ้นตอนที่พวกเขากำลังเริ่มทานอาหารเย็นกันด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ถ้าพี่ว่างมาเชียร์ผมนะ”


    คนเป็นพี่ตอบรับคำน้องด้วยรอยยิ้ม พลางสายตาก็จ้องมองเด็กตรงหน้าที่ดูโตขึ้นจนผิดหูผิดตาทั้งที่ไม่เจอหน้ากันแค่ไม่กี่เดือน ถึงแม้รอยยิ้มหวานจนดวงตาปิดนั้นจะยังดูน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนเคย แต่ภาพลักษณ์ภายนอกนั้นกลับไม่มีอะไรที่เหมือน ‘ลินลิน’ ที่เขาเคยรู้จักเลย….



    ทั้งส่วนสูง 175 เซนติเมตรนั่น… 


    ทั้งเสียงทุ้มต่ำที่ฟังแล้วยังไม่ชินหู… 


    มันทำให้ซองอุนรู้สึกแปลกๆ ในอกนิดหน่อย… 




    “ว่าแต่...พี่ซองอุนไปย้อมผมมาหรอ” คำถามนั้นเรียกสติให้เขาหลุดจากภวังค์ความคิดของตนเอง ปรับโฟกัสกลับมาที่เจ้าของคำถามก่อนจะตอบกลับไป


    “อ๋อ พอดีอยากลองเปลี่ยนลุคดูน่ะ แปลกรึเปล่า?” นิ้วมือขาวจับไปบนเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนของตนเองที่ก่อนหน้านี้เป็นสีดำมาโดยตลอด นึกไปถึงสัปดาห์ก่อนที่ได้คูปองส่วนลดจากเพื่อนในคณะมาพอดี เขาก็เลยนึกครึ้มใจอยากจะลองเปลี่ยนดู...


    “ไม่แปลกหรอกครับ…” ควานลินยืดตัวข้ามไปที่อีกฝั่งของโต๊ะอาหาร นิ้วมือเรียวเกี่ยวพันเอาเส้นผมนิ่มนั้นเข้ามามองใกล้ๆ ก่อนจะเบนสายตากลมโตลงมาสบกับดวงตาเบื้องหลังกรอบแว่นโลหะของคนเป็นพี่


    “จริงๆ ผมสีดำดูเหมาะกับพี่นะ…แต่สีนี้ก็ดี… ผมชอบ


    ควานลินตอบออกมาแบบนั้นก่อนจะถอยกลับไปนั่งทานอาหารตามเดิม แต่เจ้าตัวคงไม่รู้เลยว่า เรื่องเล่าต่างๆ ที่ยกมาเล่าบนโต๊ะอาหารหลังจากนั้น จะไม่ได้เข้าไปอยู่ในโสตประสาทของคนเป็นพี่แม้แต่น้อย...


    เพราะตอนนี้สิ่งเดียวที่ฮาซองอุนรับรู้ได้คือ หัวใจของตัวเองที่เต้นแรงอีกแล้ว...


    .

    .

    .


    “ควานลิน...คุณอาโทรมาบอกว่าให้กลับห้องได้แล้วแน่ะ…” ซองอุนส่งเสียงเรียกน้องพลางดูเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือซึ่งบอกเวลาเกือบๆ 3 ทุ่ม… 


    เมื่อเย็นหลังจากทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ขอตัวมาส่งงานพรีเซ้นท์วิชาในวันพรุ่งนี้ให้กับเพื่อนในกลุ่ม ปล่อยให้น้องนอนดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นคนเดียว


    “ควานลิน… อ้าวหลับไปซะแล้ว…” เขาเรียกน้องอีกครั้งแต่ก็ยังไม่มีเสียงขานรับตอบกลับมา เมื่อเดินมาดูที่โซฟาถึงได้เห็นว่าเจ้าตัวเผลอหลับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งๆ ที่ยังกำโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือแน่น


    ซองอุนส่ายหัวน้อยๆอมยิ้มขำกับท่าทางการนอนของคนเป็นน้อง พลางเดินอ้อมมาย่อตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าโซฟาออกแรงเขย่าเรียกน้องอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายกลับตอบรับเพียงเสียงครางงึมงัมในลำคอแล้วตะแคงตัวหันข้างมาทางที่เขานั่งอยู่แทน…


    คนตัวขาวสะดุ้งตัวออกมาเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆ ใบหน้าอ่อนใสของคนเป็นน้องอยู่ห่างจากเขาเพียงแค่คืบเดียว… ซองอุนมองดูใบหน้าของควานลินที่ตอนนี้ยังคงหลับใหลไม่รู้เรื่องราว พลางในใจก็คิดหาคำตอบให้กับอาการแปลกๆ ของตนเองที่มีกับน้องชายข้างบ้านในช่วงระยะหลังมานี้…



    เหงา? … ที่ไม่ค่อยได้เจอน้องเหมือนแต่ก่อน คือความคิดแรกที่ลอยเข้ามาในหัว แต่เขาก็คิดว่ามันไม่น่าใช่ความรู้สึกนี้...


    คิดถึง? … พอไม่ได้เจอกันนานเลยตื่นเต้นดีใจเป็นพิเศษ คือความคิดต่อมา... แต่เขาก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ความคิดถึงแบบที่เขามีให้กับเพื่อนคนอื่นๆ เวลาที่ไม่เจอหน้ากันนานๆ เพราะขนาดตอนที่เพื่อนสนิทอย่างแทฮยอนไปแลกเปลี่ยน 10 เดือนที่ญี่ปุ่น เขายังไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลย




    ชอบ? … 



    ซองอุนเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อตัวเองเมื่อข้อสันนิษฐานนี้ผุดขึ้นมาในหัว… 



    มันจะเป็นไปได้หรอที่ตัวเขานั้นจะเกิดชอบควานลินขึ้นมา?

    ชอบ...ในแบบที่ไม่ใช่พี่ชายน้องชายน่ะหรอ?



    ดวงตาภายใต้กรอบแว่นสายตาย้อนพินิจดูใบหน้าไร้เดียงสาของคนหลับอีกครั้ง…

    ครั้งนี้เขาไล่สายตามองตั้งแต่ขนตางอนยาวเรียงเส้นสวย... ไปยังจมูกโด่งรั้น...

    ไล่มาจนถึงริมฝีปากที่มักจะส่งรอยยิ้มสดใสมาให้เขาอยู่เสมอ…



    พลันหัวใจก็กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง...



    และก่อนที่เขาจะได้คิดใคร่ครวญหาคำตอบใดๆ ต่อไป…




    ริมฝีปากอิ่มของเขาก็สัมผัสแนบลงไปกับริมฝีปากอุ่นนุ่มนั้นเสียแล้ว…

     

     

     

     (30%)






     

    “พอ...ไม่ต้องเล่าแล้ว...แค่นี้ก็ได้ยินเสียงรถหวอกับกุญแจมือลอยมาตามลมแล้ว…”

     

     

     

    โนแทฮยอนพูดเบรกเพื่อนตัวขาวที่ตอนนี้หน้าแดงลามไปจนถึงใบหูแล้วพลางตบหน้าผากตัวเองดังฉาด รู้สึกราวกับตนกำลังเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในคดีพรากผู้เยาว์ของเพื่อน….

     

     

     

    “ฮือ….ก็ถึงได้บอกไงว่าไม่อยากเล่า” ซองอุนยกมือขึ้นป้องปิดใบหูของตนเองที่เห่อร้อน นั่งห่อไหล่ทำหน้าหงอยอย่างรู้ตัวในความผิดที่ก่อขึ้น...

     

     

     



    แอบลักจูบเด็ก 15 ….แค่พูดก็รู้สึกข้อมือเย็นขึ้นมาเลยล่ะ…

     

     




    “แล้วนี่น้องมันรู้ตัวมั้ย?” เขาส่ายหน้าตอบแทฮยอนจนผมสะบัด... ชั่ววินาทีหลังจากที่แตะริมฝีปากลงไป สติสัมปชัญญะที่กลับเข้าร่างก็พาเขาเด้งตัวออกจากตรงนั้นมาอยู่ที่ปลายโซฟาทันที โชคยังดีที่น้องดูยังไม่มีทีท่าจะรู้สึกตัว เขาก็เลยอาศัยจังหวะนั้นหนีออกไปสงบจิตสงบใจที่มินิมาร์ท กลับเข้าห้องอีกทีก็ตอนที่ควานลินส่งข้อความมาบอกว่ากลับไปแล้วและงอแงว่าทำไมอยู่ๆ เขาถึงได้หายออกจากห้องไปไม่ยอมบอก…

     

     

     


    แล้วจะให้บอกได้ยังไงกันล่ะ...ว่าตอนนี้ไม่กล้าสู้หน้าน้องเลยสักนิด......

     

     


     

    “ชั้นควรทำไงดีอ่ะแทฮยอน... นี่เมื่อคืนชั้นเครียดจนนอนไม่หลับเลยอ่ะ...ฮือ...” ยิ่งคิดฮาซองอุนก็ยิ่งอยากร้องไห้ เขาสาบานเลยว่าชีวิตนี้ไม่เคยไร้สติจนเผลอทำอะไรบ้าๆ แบบนี้มาก่อนแม้แต่ตอนเมาก็ยังไม่เคย…

     

     


     

    “อย่าเพิ่งคิดมากเลย…จริงๆ มันอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบก็ได้…”

     

     


    แทฮยอนว่าพลางเอามือตบเบาๆลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาลที่ตอนนี้ถูกทึ้งจนยุ่งเหยิงเป็นเชิงปลอบ อีกฝ่ายพยักหน้ารับฟังแม้จะยังมีสีหน้าบูดบึ้งอยู่ก็ตามที

     


     

    “อืม ก็อาจจะจริงของนาย… แต่คนปกติเขาหวั่นไหวกับน้องชายกันด้วยหรอวะ…”

     

     


    ไม่…ใจแทฮยอนอยากจะตอบออกไปแบบนั้น... แต่ก็เกรงว่าเพื่อนจะสติแตกไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ก็เลยไม่ได้พูดออกไป…



    .

     

    .

     

    .




     

    สงสัยว่าดวงคนมันจะได้เข้าคุก ยังไงประตูคุกก็เปิดกว้างต้อนรับ….

     

     


     

    “ดูเหมือนว่าระบบไฟฟ้าจะเสียนะ… เมื่อกี้อาโทรหาคนดูแลให้แล้ว เขาบอกจะให้ช่างมาดูให้วันพรุ่งนี้ คืนนี้ซองอุนไปนอนที่ห้องอาก่อนก็แล้วกัน...”

     

     

     

    คนตัวขาวที่ยืนลุ้นรอดูสถานการณ์อยู่ด้านนอกห้องรู้สึกราวกับมีสายฟ้าผ่าลงมากลางหัว เมื่อคุณอาไลหันมาพูดเช่นนั้นกับเขาหลังจากที่ลองกดสวิตช์ที่แผงไฟหน้าประตูอยู่หลายครั้งแล้วก็ยังพบว่าภายในห้องพักนั้นมืดสนิท…

     

     


     

    หมดกัน…

     

     

     

    ไอ้ที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะหลบหน้าน้องชายข้างห้องสักพักจนกว่าจะหายฟุ้งซ่านเป็นอันต้องล้มเหลวลงตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่ม…

     

     


     

    “ผมว่าผมไปนอนที่ห้องเพื่อนดีกว่าครับคุณอา...คือผมเกรงใจ…”

     


     

     

    อย่าว่าแต่ให้ไปพักอยู่ที่ห้องของอีกฝ่ายเลย…



    ตอนนี้แค่ให้เขากล้าสบตาน้องตรงๆ โดยไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเขายังทำไม่ได้เลย...ให้ตายเหอะ...

     


     

     

    “เกรงใจอะไรกัน….เมื่อก่อนซองอุนก็มานอนที่ห้องออกบ่อยนี่... ควานลินเองก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว จริงมั้ย” ชายวัยกลางคนหน้าตาใจดีตบไหล่เขาพร้อมพยักเพยิดหน้าไปทางลูกชายของตนที่ยิ้มกว้างมาให้อย่างต้อนรับ

     

     

     

    “นอนกับผมแหละครับพี่ ไม่ต้องคิดมาก...”

     

     

     

    ได้ยินแบบนั้นซองอุนก็ได้แต่ยิ้มรับแกนๆแล้วตะโกนตอบกลับไปในใจว่า คนพูดนั่นแหละที่กำลังจะทำให้เขาเป็นบ้าอยู่รอมร่อ  แต่ครั้นจะเอ่ยปากปฏิเสธไปอีกหน ใบหน้าใจดีของคุณอาไลที่ยิ้มพร้อมเดินมารุนหลังเขาไปทางห้องของตัวเองก็ทำให้คนตัวเล็กได้แต่ต้องจำยอมเดินตามไปแต่โดยดี…

     

     

     


    นึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ยังไง....

     


     

     

    ซองอุนคิดพลางมองไปรอบๆ ห้องที่ตัวเองเคยมานับเป็นร้อยครั้ง แต่วันนี้กลับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก… ฝ่ามือชื้นขยำขากางเกงของตัวเองอย่างหาที่ระบาย สายตาหยุดลงที่แผ่นหลังของต้นเหตุความประหม่าซึ่งกำลังก้มๆ เงยๆ จัดเตียงนอนของตัวเองอยู่…

     

     

     

    “พี่นอนบนพื้นได้จริงๆนะควานลิน… สองคนบนเตียงมันนอนไม่สบายหรอก” คนตัวขาวยืนกรานข้อเสนอของตนอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าคนน้องยังไม่มีทีท่าจะหยุดจัดแจงเอาตุ๊กตาบนเตียงนอนทั้งหมดมาวางกองบนพื้นเพื่อให้เตียงมีพื้นที่กว้างมากขึ้นกว่าเดิมเสียที

     

     

     

    แค่ซองอุนคิดว่าตัวเองจะต้องขึ้นไปนอนเบียดบนเตียงนั้นกับน้องทั้งที่เมื่อคืนทำเรื่องแบบนั้นไป


    หัวใจของเขาก็แทบจะหยุดเต้นแล้ว… จุดนี้ขอนอนบนพื้นแข็งๆจนถึงเช้าเสียยังจะดีกว่า...

     

     

     

    “ทำไมล่ะครับ เมื่อก่อนเราก็นอนกันแบบนี้นี่นา…” ควานลินพูดกลั้วเสียงหัวเราะก่อนจะเดินไปปิดไฟที่หน้าประตูแล้วเดินกลับมาเกาะไหล่คนเป็นพี่จากทางด้านหลังพลางยื่นหน้ามาพูดข้างหูเร่งให้อีกคนขยับตัว…

     

     

     

    “ขึ้นเตียงเร็ว…”

     

     

     

    สิ้นเสียงทุ้มต่ำนั้นพลันในหัวคนตัวเล็กก็ยิ่งคิดฟุ้งซ่านขึ้นมาจนสองขาก้าวแทบไม่ออก... ฮาซองอุนนึกก่นด่าตัวเองในใจที่คิดอะไรเตลิดเปิดเปิงไปหมดจนต้องสลัดหัวไล่ความคิด... ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง เด็กหนุ่มด้านหลังก็สอดแขนทั้งสองข้างเข้ามาที่ใต้วงแขนของเขาแล้วกอดรั้งให้ไปทิ้งตัวลงที่เตียงนุ่มพร้อมกันโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว...

     

     

     

    “นี่ไง...เหมือนเมื่อก่อนเลย…” ควานลินหัวเราะคิกคัก พลางซุกจมูกลงกับกลุ่มผมนุ่มหอมกลิ่นแชมพูของคนเป็นพี่ในอ้อมกอด แบบเดียวกันกับที่อีกฝ่ายเคยชอบทำกับเขาเมื่อสมัยประถม…

     

     

     

    นาทีนั้นซองอุนนอนตัวเกร็งรู้สึกเหมือนเลือดจากทุกส่วนในร่างกายกำลังไหลมาอยู่รวมตัวกันอยู่บนใบหน้าของเขาเมื่อถูกน้องกอดซ้อนจากทางด้านหลังไว้แบบนี้… เสียงหัวใจเต้นดังก้องอยู่ในหูอื้ออึงเสียจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินมันเข้า...

     

     


     

    และสติอันน้อยนิดที่มีก็คงจะยิ่งเตลิดไปไกลกว่านี้…

     

     

    ถ้าไม่ได้ยินประโยคต่อมาจากคนที่ซุกใบหน้าอยู่บนเส้นผมของเขา…

     


     

     

    “ถ้ากลับไปเป็นแบบนั้นได้ก็คงจะดี…” ควานลินพูดเปรยขึ้นมาเบาๆ ราวกับไม่ได้ตั้งใจจะให้อีกคนได้ยิน... แต่น้ำเสียงเจือความเหงานั้นก็เด่นชัดมากพอที่จะทำให้ซองอุนรู้สึกแปลกใจจนอยากจะพลิกตัวไปมองหน้าคนพูด ทว่าแรงรัดแน่นที่เอวเหมือนจะบังคับกลายๆ ไม่ให้เขาหันไปในตอนนี้…

     


     

    “ควานลิน...?” ซองอุนส่งเสียงพลางแตะมือลงบนท่อนแขนที่เอวเรียกคนด้านหลัง แต่ก็ได้รับคำตอบเป็นความเงียบอยู่นานนับนาทีกว่าอีกฝ่ายจะยอมพูดอะไรตอบกลับมา...

     

     

     

    “พี่ซองอุน…”

     

     

    “หืม”

     

     

    “พี่ยังชอบเวลาที่อยู่กับผมมั้ย…”

     

     

    “ทำไมถามแบบนั้นล่ะ…” ซองอุนถามทั้งๆ ที่ยังหันหลังให้กันแบบนั้น ในใจรู้สึกวูบโหวงไปกับน้ำเสียงไม่สู้ดีของคนเป็นน้อง…

     

     

    “ไม่รู้สิ...ก็หลังๆ มานี้พี่ดูแปลกไป… เวลาผมเข้าใกล้หรือจับตัวพี่ก็ดูเกร็งๆ ฝืนๆ เหมือนไม่อยากอยู่ด้วยกันเท่าไหร่…” ควานลินตอบออกมาเสียงค่อยก่อนจะปล่อยให้คนตรงหน้าเป็นอิสระจากอ้อมกอดของตนเอง  เป็นโอกาสให้อีกฝ่ายพลิกตัวหันมามองหน้ากัน...

     



     

    “ผมชอบพี่ซองอุนมากจริงๆ นะ ถ้าพี่เกิดไม่ชอบผมแล้วผมคงเสียใจมาก…”

     

     


     

    น้ำเสียงที่น้องใช้เว้าวอนเสียจนหัวใจของซองอุนอ่อนยวบ... คนตัวเล็กมองสบเข้ากับดวงตากลมของเด็กหนุ่มตรงหน้าผ่านความมืดมิด ระยะที่ใกล้กันทำให้เขามองเห็นแววตาที่สั่นระริกของน้องชัดเจนแม้ไม่ได้สวมแว่นสายตาเหมือนเช่นเวลาปกติ ลืมไปเสียสนิทเลยว่า ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ตนเองยังรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้ากันตรงๆ...

     

     

     

    “มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง…” ฝ่ามือขาวยกขึ้นลูบสันกรามของคนเป็นน้องเบาๆ มองดูเด็กตรงหน้าที่หลับตาพริ้มรับสัมผัสก่อนจะลืมขึ้นมาสบกันอีกครั้งด้วยสายตาละห้อย “พี่ผิดเอง...พี่ขอโทษนะ…”

     

     

     

    แม้ว่าจะไม่ได้บอกถึงสาเหตุที่ทำตัวแปลกไป แต่ควานลินก็ไม่ได้คิดจะถามอะไรออกมาอีก เด็กหนุ่มทำเพียงแค่ดึงตัวพี่ชายร่างเล็กเข้าไปในอ้อมกอดของตัวเองแน่น แล้วซุกใบหน้าลงบนไหล่ของอีกฝ่ายอย่างออดอ้อน…

     

     

     

    “พี่ชอบเวลาที่อยู่กับควานลินนะ…” ซองอุนพูดออกมาเสียงแผ่วคล้ายเป็นคำพูดปลอบประโลมใกล้ใบหูของคนที่กอดเขาเอาไว้ พร้อมกับยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังอุ่นนั้นเบาๆ “ชอบมากจริงๆ...”

     

     

     



     

    ฮาซองอุนไม่ได้สนใจอีกต่อไปแล้วว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามของตัวเขามั้ย…

     

     


    ในเมื่อเวลานั้น...เขาได้ยินแล้วว่าเสียงหัวใจของอีกคนเองก็เต้นดังโครมครามไม่ต่างกัน...

     

     

     



     

    04

     

     

     

    ‘ขณะนี้นักกีฬาทั้งสองทีมได้เข้าสู่สนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะขอเริ่มการแข่งขันรอบคัดเลือกเพื่อหาตัวแทนระดับเขตไปแข่งในระดับภูมิภาค ณ. บัดนี้’

     

     

     

    เสียงประกาศต่อด้วยเสียงนกหวีดสัญญาณเริ่มต้นดังก้องสนามท่ามกลางวงล้อมคนบนแสตนด์นับสิบที่มาร่วมดูการแข่งขันนัดสำคัญในวันนี้ หนึ่งในนั้นคือชายหนุ่มร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนซึ่งกำลังจดจ้องสายตาไปที่ผู้เล่นตำแหน่งพอยต์การ์ดที่รับส่งลูกให้กับเพื่อนร่วมทีมอย่างมาดมั่น

     

     

     

    “ยิ้มให้มันน้อยๆ หน่อยก็ได้มั้ง… ไม่เมื่อยหน้าบ้างรึไง นี่มองแล้วเมื่อยแทน”

     

     

     

    ซองอุนหันมาหรี่ตามองคนด้านข้างที่ทำตัวขี้บ่นเป็นคุณลุงเข้าไปทุกที พลางทำปากเป็นคำว่า ‘ยุ่ง’ แบบไม่มีเสียงใส่ก่อนจะหันกลับไปสนใจการแข่งขันในสนามต่อ… วันนี้เขาชวนแทฮยอนมาดูการแข่งขันของควานลินเป็นเพื่อนกัน แต่นอกจากอีกคนจะไม่สนใจการแข่งขันในสนามแล้ว ยังเอาแต่ถามคำถามก่อกวนสมาธิอีก

     


     

    “แล้วสรุปตอนนี้เป็นอะไรกัน?” แทฮยอนถามพลางบุ้ยปากไปทางผู้เล่นหมายเลข 7 ในชุดนักกีฬาสีเหลืองที่มีชื่อเขียนไว้ที่กลางหลังว่า ‘Kuanlin’ อย่างอยากรู้อยากเห็น

     

     

     

    “พี่น้องไง…”

     

     

    “แหมมมมม”

     

     


    แทฮยอนลากเสียงยาวพร้อมกรอกตาใส่เขากับคำตอบเมื่อครู่ ก่อนเอ่ยแซวขึ้นมาอีกระลอก “ทีตอนนั้นมาทำร้องห่มร้องไห้ว่าตกหลุมรักเด็กอายุ 15 ทีตอนนี้ได้เขาแล้วทำมาบอกว่าเป็นพี่น้องกัน...”

     



    ได้ยินแบบนั้นคนตัวขาวก็รีบเอามือตะครุบปากเพื่อนสนิทไว้พลางนิ่วหน้าใส่เมื่อเสียงที่ใช้มันดังเกินพอดีเสียจนคนรอบข้างหันมามองทางพวกเขาด้วยสายตาแปลกๆ เป็นตาเดียว

     


     

    “อย่าเว่อร์น่ะ! ได้แล้วอะไร แค่ใจตรงกันเฉยๆ มั้ยล่ะ ยังไม่ได้คบกันจริงๆ” ซองอุนเถียงอีกฝ่ายด้วยเสียงกระซิบ สายตาทอดไปยังบุคคลที่สามในบทสนทนาของเขาและเพื่อนสนิทซึ่งกำลังยืนพักเบรกดื่มน้ำอยู่ข้างสนาม และเหมือนว่าเด็กหนุ่มในวัยย่างเข้า 17 เจ้าของส่วนสูงเกิน 180 ซม. ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะรู้สึกได้ว่ากำลังถูกจ้องมองจึงเงยหน้ามาโบกมือให้กันด้วยรอยยิ้ม

     

     


     

    ฮาซองอุนเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายความสัมพันธ์ของตนเองกับน้องชายข้างห้องในตอนนี้อย่างไรดี…

     


    จากที่ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายเดียวที่แอบชอบน้อง…

     


    กลับกลายเป็นว่าน้องเองก็คิดแบบเดียวกัน…

     



     

    ‘จริงๆ เวลาที่บอกว่าชอบพี่ซองอุน ก็ไม่ได้หมายถึงชอบแบบพี่ชายมาตั้งนานแล้ว...’

     

     



    ควานลินตอบออกมาแบบนั้นด้วยสีหน้าจริงจัง จนเขาที่เป็นฝ่ายทำใจกล้าเปิดเผยความรู้สึกที่มีออกไปก่อนนั้นถึงกับก้มหน้างุดเขินอายไม่กล้าสบสายตาเสียเอง…

     


     

    แต่ถึงอย่างนั้น… สถานะระหว่างพวกเขาทั้งคู่ก็ยังเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมอยู่ดี

     


    แม้จะผ่านมาเป็นปีแล้วก็ตาม...

     

     




    "แล้วรออะไรอยู่วะ ทำไมถึงยังไม่ยอมคบ…” แทฮยอนขมวดคิ้วถามอย่างนึกสงสัย ถึงตอนแรกจะไม่เห็นด้วยกับการที่เพื่อนจะทำตัวเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางชอบเด็กอายุ 15 สักเท่าไหร่ แต่พอรู้ว่าน้องมันก็คิดไม่ต่างกัน เขาเองก็ไม่รู้จะห้ามไปทำไม

     


     

    “รอน้องบรรลุนิติภาวะก่อนไง...”

     


     

    ซองอุนอมยิ้มขำ กะอยู่แล้วว่าเพื่อนสนิทตัวเองจะต้องชะงักทำหน้าเหวอใส่เมื่อได้ยินคำตอบนี้… เพราะสีหน้าของเด็กหนุ่มที่วิ่งไล่ตามลูกบาสอยู่ในสนามนั่นก็เป็นแบบเดียวกันตอนได้ยินสิ่งที่เขาร้องขอ…



     

    ไม่ใช่ว่าฮาซองอุนไม่อยากคบกับไลควานลิน…

     

     


    แต่การที่อยู่ๆ จะเปลี่ยนความสัมพันธ์แบบพี่น้องที่มีมาเกือบ 10 ปี แบบปุบปับ เขาว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไหร่ ยิ่งนึกไปถึงอาการของตัวเองที่เคยทำตัวเกร็งๆ วางตัวไม่ถูกใส่อีกฝ่ายเสียจนโดนเข้าใจผิดแล้ว เขาก็ยิ่งแน่ใจว่าไม่ควรรีบร้อน ค่อยๆ คุ้นเคยไปกับความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นนี้จะดีกว่า...


     

     

    “เป็นพี่น้องกันไปก่อนนั่นแหละดีแล้ว...”


     

    .

     

    .

     

    .


     

    “ทะเลาะอะไรกับพี่แทฮยอนอีกแล้วหรอครับ มองจากข้างล่างหน้าพี่เขาดูเซ็งมากเลย…”

     


     

    เด็กหนุ่มที่ยังอยู่ในชุดกีฬาชุดเดิมกับตอนแข่งขันเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่รถยนต์ขับเคลื่อนตัวออกมาจากบริเวณโรงยิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดวงตากลมมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพี่ชายร่างเล็กผู้รับอาสาเป็นคนขับรถพากลับบ้านที่กำลังส่ายหน้าน้อยๆ เป็นการปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม

     

     


    “ไม่มีอะไรหรอก แค่โดนเทศนามานิดหน่อยหน่ะ” ซองอุนเล่า นึกไปถึงคนที่ทำสีหน้าเอือมระอาใส่เขา แถมท้ายยังไม่ลืมที่จะพูดจาจิกกัดกันในแบบที่เจ้าตัวถนัดเสียอีก

     


     

    “คราวนี้เรื่องอะไรอีกหรอครับ”

     

     

    “โดนด่าว่าแก่แล้วยังจะเล่นตัวอ่ะ…”

     

     

    “อืม… อันนี้จริงของพี่แทฮยอนแฮะ”

     

     

    “เดี๋ยวเถอะ...เดี๋ยวจะเพิ่มแบบฝึกหัดติวสอบให้อีก 10 หน้า”

     


     

    ได้ยินแบบนั้น ซองอุนก็พูดขู่ออกมาทั้งที่สายตายังคงจดจ้องเส้นทางบนท้องถนน จนกลายเป็นคนที่หัวเราะชอบใจกับคำว่านั้นเสียเองที่เป็นฝ่ายงอแงเอาหัวมาถูไถที่ต้นแขนพลางช้อนตากลมโตน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นออดอ้อนเช่นที่ทำเป็นประจำ

     

     


    “ผมมีซ้อมบาสด้วยนะครับ อย่าใจร้ายกันนักเลย” น้ำเสียงหวานหูเอ่ยเอื้อนออกมาจากริมฝีปากได้รูป แม้เนื้อเสียงจะทุ้มต่ำอย่างคนเป็นหนุ่มแล้ว แต่จริตการออดอ้อนนั้นเจ้าตัวมั่นใจว่าไม่มีทางแพ้สมัยตอนที่ตนเองอยู่ประถมเป็นแน่

     

     



    “เนี่ย… วันนี้ผมแข่งบาสชนะนะ... พี่ควรให้รางวัลผมสิถึงจะถูก…”

     


     

    ใบหน้าหล่อใสเปลี่ยนมาเกยคางไว้กับหัวไหล่ของคนเป็นพี่ กะพริบตาปริบๆ หวังอ้อนขอคะแนนความเห็นใจจากอีกฝ่าย ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเมื่อคนโดนอ้อนยอมแพ้ปล่อยมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัยมาลูบบนกลุ่มผมสีดำนั้นเบาๆหนึ่งที

     


     

    “ก็ได้...อยากได้อะไรเป็นรางวัลอ่ะ…”

     

     

    “ผมขออะไรก็ได้หรอ…”

     

     

    “อื้ม”

     




     

    “งั้นขอคำว่า ‘แฟน’ ได้มั้ยครับ” ริมฝีปากได้รูปเอ่ยคำขอที่ตนตั้งใจไว้ทั้งที่ยังไม่ละหน้าออกไปไหนอยู่ชั่วอึดใจ.. ก่อนจะต้องตีหน้ายุ่งใส่เมื่อดวงแก้มใสที่ขึ้นริ้วสีแดงระเรื่อนั้นส่ายกลับมาให้แทนคำตอบ... "เห็นมั้ยอ่ะ...พี่ซองอุนเล่นตัวอย่างที่พี่แทฮยอนว่าจริงๆ ด้วย"



     

    ซองอุนได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาคิกคัก แม้ว่าคำขอนั้นจะจุดรอยยิ้มที่มุมปากและสร้างความหวั่นไหวในใจเขาได้อยู่ไม่น้อย แต่ก็ใช่ว่าเขาจะยอมใจอ่อนกับเรื่องนี้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่… ซึ่งนั่นก็ทำให้ร่างสูงโปร่งที่เดินตามออกมาจากรถได้แต่ทำหน้างอง้ำบ่นไล่หลังมุบมิบตลอดทางจนถึงหน้าห้องพัก




    “ก็ไม่อยากเป็นน้องแล้วไม่ได้หรอครับ...”

     

     



    ควานลินทำหน้าหงอย เดินนำเจ้าของห้องเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวประจำในห้องนั่งเล่นพร้อมกับเหลือบสายตาขึ้นช้อนมองพี่ชายตัวเล็กที่เดินตามเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าด้วยตาละห้อย...

     

     



    “เป็นน้องไม่ดีตรงไหนกัน...” ซองอุนอมยิ้ม ก้มมองเด็กหนุ่มที่ยื่นแขนมากอดเอวเขาเอาไว้พลางใช้สองมือขาวของตนช้อนใบหน้าอ่อนวัยนั้นให้เงยขึ้นมองกันชัดๆด้วยรอยยิ้มหวาน แล้วโน้มตัวลงไปฝังจมูกโด่งลงบนแก้มใสทั้งสองข้างนั้นอย่างเอาใจ “เป็นน้องก็ได้รางวัลแบบนี้นะ”

     




     

    “แต่เป็นน้องทำแบบนี้ไม่ได้นี่ครับ…”

     

     



    เด็กหนุ่มจ้องดวงตาฉ่ำหวานของผู้เป็นพี่ที่ยื่นเข้ามาหอมแก้มกันใกล้ๆ ก่อนจะใช้สองแขนของตนที่กอดเอวอีกฝ่ายไว้รั้งให้ร่างเล็กๆ นั้นทรุดตัวลงมานั่งทับบนหน้าตักของตนเอง แล้วยื่นหน้าเข้าไปฉวยริมฝีปากอวบอิ่มของคนที่ยังไม่ทันตั้งตัวนั้นเบาๆ เสียหนึ่งที...

     

     



    “พี่ซองอุน…”


     

     


    “เลื่อนขั้นให้ผมสักทีเถอะนะครับ”

     

     


    ควานลินใช้ดวงตากลมโตเหมือนลูกหมาลูกแมวของตนมองสบกับคนบนตักที่บัดนี้ใบหน้าแดงซ่านลามจนถึงใบหู ก่อนจะเริ่มออดอ้อนขึ้นมาอีกครั้งด้วยรอยยิ้มหวานจนตายกเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวคว่ำและน้ำเสียงยานคางแบบที่เป็นท่าไม้ตายเฉพาะตัว…

     



     

    “น้าาาาา~”

     



     

     

     

    แล้วฮาซองอุนผู้ที่ใจอ่อนกับการออดอ้อนของไลควานลินเสียแทบทุกครั้ง

     

     

    ก็ยังคงพ่ายแพ้ต่อลูกอ้อนนั้นอยู่เช่นเคย…

     

     

     





    END



    talk : ขอโทษที่มาช้านะคะ ไม่มีอะไรจะแก้ตัวเลยนอกจากว่า เราเขียนแล้วไม่รู้จะจบยังไงดี...

    คือตอนแรกคิดไว้อีกแบบนึงค่ะ แต่ไปๆ มาๆ ไม่ชอบก็เลยลบแก้นั่นเติมนี่ จนมันไม่จบซักทีค่ะ OTL,,

    จนเวอร์ชั่นที่ลงนี้ก็ยังไม่มีความมั่นใจเลยค่ะ เพราะไม่เคยแต่งฟิคจนจบกับเขาได้ซักเรื่อง ฮือ 55555 (;-;)

    สำหรับเรื่องนี้คือเราแค่ตั้งใจอยากเขียนอะไรที่มันสกินชิปเยอะๆอ่ะค่ะ ชอบความนัวเนีย 5555

    ยังไงก็ขออภัยล่วงหน้าถ้าเรื่องนี้อ่านแล้วยังรู้สึกขัดๆ นะคะ,, เรื่องหน้าจะพัฒนาให้ดีกว่านี้ค่ะ (´°̥̥̥̥̥̥̥̥ω°̥̥̥̥̥̥̥̥`)

    สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่สนใจฟิคเรื่องนี้นะคะ เห็นฟีดแบ็คแล้วดีใจมากเลยค่ะที่มีคนรออ่านฟิคพี่ซองอุนกันค่ะ

    ขอบคุณที่คอมเม้นและติดแท็ก #คุงคูพิซองอุน กันนะคะ (´°̥̥̥̥̥̥̥̥ω°̥̥̥̥̥̥̥̥`)  แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ ฮือออ 


    ปล. ตอนนี้มีที่พล็อตและแต่งไปนิดหน่อยแล้วคือ ตอนพิเศษของพี่น้องคู่นี้ 1 ตอน

    แล้วก็ OS คู่ ฮยอนบิน/พิซองอุน กับ แดเนียล/พิซองอุนค่ะ จะพยายามเข็นออกมาให้ได้นะคะ  ಢ◡ಢ  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×