คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : {SF} Brother Complex - Lai Guanlin/Ha Sungwoon (2/2)
Pairing : Lai Guanlin/Ha Sungwoon
Rate : PG-15
พลางคิดในใจว่าคนที่ควรร้องไห้ควรจะเป็นตัวเองเสียมากกว่า
อีกด้วย ด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นชื่อที่น่าอายเกินกว่าจะใช้เรียกเด็กวัยมัธยมที่กำลังโตเป็นหนุ่ม ซึ่งเขาก็ยอมทำตามคำขอนั้นแต่โดยดี
(30%)
“พอ...ไม่ต้องเล่าแล้ว...แค่นี้ก็ได้ยินเสียงรถหวอกับกุญแจมือลอยมาตามลมแล้ว…”
โนแทฮยอนพูดเบรกเพื่อนตัวขาวที่ตอนนี้หน้าแดงลามไปจนถึงใบหูแล้วพลางตบหน้าผากตัวเองดังฉาด รู้สึกราวกับตนกำลังเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในคดีพรากผู้เยาว์ของเพื่อน….
“ฮือ….ก็ถึงได้บอกไงว่าไม่อยากเล่า” ซองอุนยกมือขึ้นป้องปิดใบหูของตนเองที่เห่อร้อน นั่งห่อไหล่ทำหน้าหงอยอย่างรู้ตัวในความผิดที่ก่อขึ้น...
แอบลักจูบเด็ก 15 ….แค่พูดก็รู้สึกข้อมือเย็นขึ้นมาเลยล่ะ…
“แล้วนี่น้องมันรู้ตัวมั้ย?” เขาส่ายหน้าตอบแทฮยอนจนผมสะบัด... ชั่ววินาทีหลังจากที่แตะริมฝีปากลงไป สติสัมปชัญญะที่กลับเข้าร่างก็พาเขาเด้งตัวออกจากตรงนั้นมาอยู่ที่ปลายโซฟาทันที โชคยังดีที่น้องดูยังไม่มีทีท่าจะรู้สึกตัว เขาก็เลยอาศัยจังหวะนั้นหนีออกไปสงบจิตสงบใจที่มินิมาร์ท กลับเข้าห้องอีกทีก็ตอนที่ควานลินส่งข้อความมาบอกว่ากลับไปแล้วและงอแงว่าทำไมอยู่ๆ เขาถึงได้หายออกจากห้องไปไม่ยอมบอก…
แล้วจะให้บอกได้ยังไงกันล่ะ...ว่าตอนนี้ไม่กล้าสู้หน้าน้องเลยสักนิด......
“ชั้นควรทำไงดีอ่ะแทฮยอน... นี่เมื่อคืนชั้นเครียดจนนอนไม่หลับเลยอ่ะ...ฮือ...” ยิ่งคิดฮาซองอุนก็ยิ่งอยากร้องไห้ เขาสาบานเลยว่าชีวิตนี้ไม่เคยไร้สติจนเผลอทำอะไรบ้าๆ แบบนี้มาก่อนแม้แต่ตอนเมาก็ยังไม่เคย…
“อย่าเพิ่งคิดมากเลย…จริงๆ มันอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบก็ได้…”
แทฮยอนว่าพลางเอามือตบเบาๆลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาลที่ตอนนี้ถูกทึ้งจนยุ่งเหยิงเป็นเชิงปลอบ อีกฝ่ายพยักหน้ารับฟังแม้จะยังมีสีหน้าบูดบึ้งอยู่ก็ตามที
“อืม ก็อาจจะจริงของนาย… แต่คนปกติเขาหวั่นไหวกับน้องชายกันด้วยหรอวะ…”
ไม่…ใจแทฮยอนอยากจะตอบออกไปแบบนั้น... แต่ก็เกรงว่าเพื่อนจะสติแตกไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ก็เลยไม่ได้พูดออกไป…
.
.
.
สงสัยว่าดวงคนมันจะได้เข้าคุก ยังไงประตูคุกก็เปิดกว้างต้อนรับ….
“ดูเหมือนว่าระบบไฟฟ้าจะเสียนะ… เมื่อกี้อาโทรหาคนดูแลให้แล้ว เขาบอกจะให้ช่างมาดูให้วันพรุ่งนี้ คืนนี้ซองอุนไปนอนที่ห้องอาก่อนก็แล้วกัน...”
คนตัวขาวที่ยืนลุ้นรอดูสถานการณ์อยู่ด้านนอกห้องรู้สึกราวกับมีสายฟ้าผ่าลงมากลางหัว เมื่อคุณอาไลหันมาพูดเช่นนั้นกับเขาหลังจากที่ลองกดสวิตช์ที่แผงไฟหน้าประตูอยู่หลายครั้งแล้วก็ยังพบว่าภายในห้องพักนั้นมืดสนิท…
หมดกัน…
ไอ้ที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะหลบหน้าน้องชายข้างห้องสักพักจนกว่าจะหายฟุ้งซ่านเป็นอันต้องล้มเหลวลงตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่ม…
“ผมว่าผมไปนอนที่ห้องเพื่อนดีกว่าครับคุณอา...คือผมเกรงใจ…”
อย่าว่าแต่ให้ไปพักอยู่ที่ห้องของอีกฝ่ายเลย…
ตอนนี้แค่ให้เขากล้าสบตาน้องตรงๆ โดยไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเขายังทำไม่ได้เลย...ให้ตายเหอะ...
“เกรงใจอะไรกัน….เมื่อก่อนซองอุนก็มานอนที่ห้องออกบ่อยนี่... ควานลินเองก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว จริงมั้ย” ชายวัยกลางคนหน้าตาใจดีตบไหล่เขาพร้อมพยักเพยิดหน้าไปทางลูกชายของตนที่ยิ้มกว้างมาให้อย่างต้อนรับ
“นอนกับผมแหละครับพี่ ไม่ต้องคิดมาก...”
ได้ยินแบบนั้นซองอุนก็ได้แต่ยิ้มรับแกนๆแล้วตะโกนตอบกลับไปในใจว่า คนพูดนั่นแหละที่กำลังจะทำให้เขาเป็นบ้าอยู่รอมร่อ แต่ครั้นจะเอ่ยปากปฏิเสธไปอีกหน ใบหน้าใจดีของคุณอาไลที่ยิ้มพร้อมเดินมารุนหลังเขาไปทางห้องของตัวเองก็ทำให้คนตัวเล็กได้แต่ต้องจำยอมเดินตามไปแต่โดยดี…
นึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ยังไง....
ซองอุนคิดพลางมองไปรอบๆ ห้องที่ตัวเองเคยมานับเป็นร้อยครั้ง แต่วันนี้กลับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก… ฝ่ามือชื้นขยำขากางเกงของตัวเองอย่างหาที่ระบาย สายตาหยุดลงที่แผ่นหลังของต้นเหตุความประหม่าซึ่งกำลังก้มๆ เงยๆ จัดเตียงนอนของตัวเองอยู่…
“พี่นอนบนพื้นได้จริงๆนะควานลิน… สองคนบนเตียงมันนอนไม่สบายหรอก” คนตัวขาวยืนกรานข้อเสนอของตนอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าคนน้องยังไม่มีทีท่าจะหยุดจัดแจงเอาตุ๊กตาบนเตียงนอนทั้งหมดมาวางกองบนพื้นเพื่อให้เตียงมีพื้นที่กว้างมากขึ้นกว่าเดิมเสียที
แค่ซองอุนคิดว่าตัวเองจะต้องขึ้นไปนอนเบียดบนเตียงนั้นกับน้องทั้งที่เมื่อคืนทำเรื่องแบบนั้นไป
หัวใจของเขาก็แทบจะหยุดเต้นแล้ว… จุดนี้ขอนอนบนพื้นแข็งๆจนถึงเช้าเสียยังจะดีกว่า...
“ทำไมล่ะครับ เมื่อก่อนเราก็นอนกันแบบนี้นี่นา…” ควานลินพูดกลั้วเสียงหัวเราะก่อนจะเดินไปปิดไฟที่หน้าประตูแล้วเดินกลับมาเกาะไหล่คนเป็นพี่จากทางด้านหลังพลางยื่นหน้ามาพูดข้างหูเร่งให้อีกคนขยับตัว…
“ขึ้นเตียงเร็ว…”
สิ้นเสียงทุ้มต่ำนั้นพลันในหัวคนตัวเล็กก็ยิ่งคิดฟุ้งซ่านขึ้นมาจนสองขาก้าวแทบไม่ออก... ฮาซองอุนนึกก่นด่าตัวเองในใจที่คิดอะไรเตลิดเปิดเปิงไปหมดจนต้องสลัดหัวไล่ความคิด... ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง เด็กหนุ่มด้านหลังก็สอดแขนทั้งสองข้างเข้ามาที่ใต้วงแขนของเขาแล้วกอดรั้งให้ไปทิ้งตัวลงที่เตียงนุ่มพร้อมกันโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว...
“นี่ไง...เหมือนเมื่อก่อนเลย…” ควานลินหัวเราะคิกคัก พลางซุกจมูกลงกับกลุ่มผมนุ่มหอมกลิ่นแชมพูของคนเป็นพี่ในอ้อมกอด แบบเดียวกันกับที่อีกฝ่ายเคยชอบทำกับเขาเมื่อสมัยประถม…
นาทีนั้นซองอุนนอนตัวเกร็งรู้สึกเหมือนเลือดจากทุกส่วนในร่างกายกำลังไหลมาอยู่รวมตัวกันอยู่บนใบหน้าของเขาเมื่อถูกน้องกอดซ้อนจากทางด้านหลังไว้แบบนี้… เสียงหัวใจเต้นดังก้องอยู่ในหูอื้ออึงเสียจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินมันเข้า...
และสติอันน้อยนิดที่มีก็คงจะยิ่งเตลิดไปไกลกว่านี้…
ถ้าไม่ได้ยินประโยคต่อมาจากคนที่ซุกใบหน้าอยู่บนเส้นผมของเขา…
“ถ้ากลับไปเป็นแบบนั้นได้ก็คงจะดี…” ควานลินพูดเปรยขึ้นมาเบาๆ ราวกับไม่ได้ตั้งใจจะให้อีกคนได้ยิน... แต่น้ำเสียงเจือความเหงานั้นก็เด่นชัดมากพอที่จะทำให้ซองอุนรู้สึกแปลกใจจนอยากจะพลิกตัวไปมองหน้าคนพูด ทว่าแรงรัดแน่นที่เอวเหมือนจะบังคับกลายๆ ไม่ให้เขาหันไปในตอนนี้…
“ควานลิน...?” ซองอุนส่งเสียงพลางแตะมือลงบนท่อนแขนที่เอวเรียกคนด้านหลัง แต่ก็ได้รับคำตอบเป็นความเงียบอยู่นานนับนาทีกว่าอีกฝ่ายจะยอมพูดอะไรตอบกลับมา...
“พี่ซองอุน…”
“หืม”
“พี่ยังชอบเวลาที่อยู่กับผมมั้ย…”
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ…” ซองอุนถามทั้งๆ ที่ยังหันหลังให้กันแบบนั้น ในใจรู้สึกวูบโหวงไปกับน้ำเสียงไม่สู้ดีของคนเป็นน้อง…
“ไม่รู้สิ...ก็หลังๆ มานี้พี่ดูแปลกไป… เวลาผมเข้าใกล้หรือจับตัวพี่ก็ดูเกร็งๆ ฝืนๆ เหมือนไม่อยากอยู่ด้วยกันเท่าไหร่…” ควานลินตอบออกมาเสียงค่อยก่อนจะปล่อยให้คนตรงหน้าเป็นอิสระจากอ้อมกอดของตนเอง เป็นโอกาสให้อีกฝ่ายพลิกตัวหันมามองหน้ากัน...
“ผมชอบพี่ซองอุนมากจริงๆ นะ ถ้าพี่เกิดไม่ชอบผมแล้วผมคงเสียใจมาก…”
น้ำเสียงที่น้องใช้เว้าวอนเสียจนหัวใจของซองอุนอ่อนยวบ... คนตัวเล็กมองสบเข้ากับดวงตากลมของเด็กหนุ่มตรงหน้าผ่านความมืดมิด ระยะที่ใกล้กันทำให้เขามองเห็นแววตาที่สั่นระริกของน้องชัดเจนแม้ไม่ได้สวมแว่นสายตาเหมือนเช่นเวลาปกติ ลืมไปเสียสนิทเลยว่า ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ตนเองยังรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้ากันตรงๆ...
“มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง…” ฝ่ามือขาวยกขึ้นลูบสันกรามของคนเป็นน้องเบาๆ มองดูเด็กตรงหน้าที่หลับตาพริ้มรับสัมผัสก่อนจะลืมขึ้นมาสบกันอีกครั้งด้วยสายตาละห้อย “พี่ผิดเอง...พี่ขอโทษนะ…”
แม้ว่าจะไม่ได้บอกถึงสาเหตุที่ทำตัวแปลกไป แต่ควานลินก็ไม่ได้คิดจะถามอะไรออกมาอีก เด็กหนุ่มทำเพียงแค่ดึงตัวพี่ชายร่างเล็กเข้าไปในอ้อมกอดของตัวเองแน่น แล้วซุกใบหน้าลงบนไหล่ของอีกฝ่ายอย่างออดอ้อน…
“พี่ชอบเวลาที่อยู่กับควานลินนะ…” ซองอุนพูดออกมาเสียงแผ่วคล้ายเป็นคำพูดปลอบประโลมใกล้ใบหูของคนที่กอดเขาเอาไว้ พร้อมกับยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังอุ่นนั้นเบาๆ “ชอบมากจริงๆ...”
ฮาซองอุนไม่ได้สนใจอีกต่อไปแล้วว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามของตัวเขามั้ย…
ในเมื่อเวลานั้น...เขาได้ยินแล้วว่าเสียงหัวใจของอีกคนเองก็เต้นดังโครมครามไม่ต่างกัน...
04
‘ขณะนี้นักกีฬาทั้งสองทีมได้เข้าสู่สนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะขอเริ่มการแข่งขันรอบคัดเลือกเพื่อหาตัวแทนระดับเขตไปแข่งในระดับภูมิภาค ณ. บัดนี้’
เสียงประกาศต่อด้วยเสียงนกหวีดสัญญาณเริ่มต้นดังก้องสนามท่ามกลางวงล้อมคนบนแสตนด์นับสิบที่มาร่วมดูการแข่งขันนัดสำคัญในวันนี้ หนึ่งในนั้นคือชายหนุ่มร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนซึ่งกำลังจดจ้องสายตาไปที่ผู้เล่นตำแหน่งพอยต์การ์ดที่รับส่งลูกให้กับเพื่อนร่วมทีมอย่างมาดมั่น
“ยิ้มให้มันน้อยๆ หน่อยก็ได้มั้ง… ไม่เมื่อยหน้าบ้างรึไง นี่มองแล้วเมื่อยแทน”
ซองอุนหันมาหรี่ตามองคนด้านข้างที่ทำตัวขี้บ่นเป็นคุณลุงเข้าไปทุกที พลางทำปากเป็นคำว่า ‘ยุ่ง’ แบบไม่มีเสียงใส่ก่อนจะหันกลับไปสนใจการแข่งขันในสนามต่อ… วันนี้เขาชวนแทฮยอนมาดูการแข่งขันของควานลินเป็นเพื่อนกัน แต่นอกจากอีกคนจะไม่สนใจการแข่งขันในสนามแล้ว ยังเอาแต่ถามคำถามก่อกวนสมาธิอีก
“แล้วสรุปตอนนี้เป็นอะไรกัน?” แทฮยอนถามพลางบุ้ยปากไปทางผู้เล่นหมายเลข 7 ในชุดนักกีฬาสีเหลืองที่มีชื่อเขียนไว้ที่กลางหลังว่า ‘Kuanlin’ อย่างอยากรู้อยากเห็น
“พี่น้องไง…”
“แหมมมมม”
แทฮยอนลากเสียงยาวพร้อมกรอกตาใส่เขากับคำตอบเมื่อครู่ ก่อนเอ่ยแซวขึ้นมาอีกระลอก “ทีตอนนั้นมาทำร้องห่มร้องไห้ว่าตกหลุมรักเด็กอายุ 15 ทีตอนนี้ได้เขาแล้วทำมาบอกว่าเป็นพี่น้องกัน...”
ได้ยินแบบนั้นคนตัวขาวก็รีบเอามือตะครุบปากเพื่อนสนิทไว้พลางนิ่วหน้าใส่เมื่อเสียงที่ใช้มันดังเกินพอดีเสียจนคนรอบข้างหันมามองทางพวกเขาด้วยสายตาแปลกๆ เป็นตาเดียว
“อย่าเว่อร์น่ะ! ได้แล้วอะไร แค่ใจตรงกันเฉยๆ มั้ยล่ะ ยังไม่ได้คบกันจริงๆ” ซองอุนเถียงอีกฝ่ายด้วยเสียงกระซิบ สายตาทอดไปยังบุคคลที่สามในบทสนทนาของเขาและเพื่อนสนิทซึ่งกำลังยืนพักเบรกดื่มน้ำอยู่ข้างสนาม และเหมือนว่าเด็กหนุ่มในวัยย่างเข้า 17 เจ้าของส่วนสูงเกิน 180 ซม. ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะรู้สึกได้ว่ากำลังถูกจ้องมองจึงเงยหน้ามาโบกมือให้กันด้วยรอยยิ้ม
ฮาซองอุนเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายความสัมพันธ์ของตนเองกับน้องชายข้างห้องในตอนนี้อย่างไรดี…
จากที่ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายเดียวที่แอบชอบน้อง…
กลับกลายเป็นว่าน้องเองก็คิดแบบเดียวกัน…
‘จริงๆ เวลาที่บอกว่าชอบพี่ซองอุน ก็ไม่ได้หมายถึงชอบแบบพี่ชายมาตั้งนานแล้ว...’
ควานลินตอบออกมาแบบนั้นด้วยสีหน้าจริงจัง จนเขาที่เป็นฝ่ายทำใจกล้าเปิดเผยความรู้สึกที่มีออกไปก่อนนั้นถึงกับก้มหน้างุดเขินอายไม่กล้าสบสายตาเสียเอง…
แต่ถึงอย่างนั้น… สถานะระหว่างพวกเขาทั้งคู่ก็ยังเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมอยู่ดี
แม้จะผ่านมาเป็นปีแล้วก็ตาม...
"แล้วรออะไรอยู่วะ ทำไมถึงยังไม่ยอมคบ…” แทฮยอนขมวดคิ้วถามอย่างนึกสงสัย ถึงตอนแรกจะไม่เห็นด้วยกับการที่เพื่อนจะทำตัวเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางชอบเด็กอายุ 15 สักเท่าไหร่ แต่พอรู้ว่าน้องมันก็คิดไม่ต่างกัน เขาเองก็ไม่รู้จะห้ามไปทำไม
“รอน้องบรรลุนิติภาวะก่อนไง...”
ซองอุนอมยิ้มขำ กะอยู่แล้วว่าเพื่อนสนิทตัวเองจะต้องชะงักทำหน้าเหวอใส่เมื่อได้ยินคำตอบนี้… เพราะสีหน้าของเด็กหนุ่มที่วิ่งไล่ตามลูกบาสอยู่ในสนามนั่นก็เป็นแบบเดียวกันตอนได้ยินสิ่งที่เขาร้องขอ…
ไม่ใช่ว่าฮาซองอุนไม่อยากคบกับไลควานลิน…
แต่การที่อยู่ๆ จะเปลี่ยนความสัมพันธ์แบบพี่น้องที่มีมาเกือบ 10 ปี แบบปุบปับ เขาว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไหร่ ยิ่งนึกไปถึงอาการของตัวเองที่เคยทำตัวเกร็งๆ วางตัวไม่ถูกใส่อีกฝ่ายเสียจนโดนเข้าใจผิดแล้ว เขาก็ยิ่งแน่ใจว่าไม่ควรรีบร้อน ค่อยๆ คุ้นเคยไปกับความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นนี้จะดีกว่า...
“เป็นพี่น้องกันไปก่อนนั่นแหละดีแล้ว...”
.
.
.
“ทะเลาะอะไรกับพี่แทฮยอนอีกแล้วหรอครับ มองจากข้างล่างหน้าพี่เขาดูเซ็งมากเลย…”
เด็กหนุ่มที่ยังอยู่ในชุดกีฬาชุดเดิมกับตอนแข่งขันเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่รถยนต์ขับเคลื่อนตัวออกมาจากบริเวณโรงยิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดวงตากลมมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพี่ชายร่างเล็กผู้รับอาสาเป็นคนขับรถพากลับบ้านที่กำลังส่ายหน้าน้อยๆ เป็นการปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีอะไรหรอก แค่โดนเทศนามานิดหน่อยหน่ะ” ซองอุนเล่า นึกไปถึงคนที่ทำสีหน้าเอือมระอาใส่เขา แถมท้ายยังไม่ลืมที่จะพูดจาจิกกัดกันในแบบที่เจ้าตัวถนัดเสียอีก
“คราวนี้เรื่องอะไรอีกหรอครับ”
“โดนด่าว่าแก่แล้วยังจะเล่นตัวอ่ะ…”
“อืม… อันนี้จริงของพี่แทฮยอนแฮะ”
“เดี๋ยวเถอะ...เดี๋ยวจะเพิ่มแบบฝึกหัดติวสอบให้อีก 10 หน้า”
ได้ยินแบบนั้น ซองอุนก็พูดขู่ออกมาทั้งที่สายตายังคงจดจ้องเส้นทางบนท้องถนน จนกลายเป็นคนที่หัวเราะชอบใจกับคำว่านั้นเสียเองที่เป็นฝ่ายงอแงเอาหัวมาถูไถที่ต้นแขนพลางช้อนตากลมโตน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นออดอ้อนเช่นที่ทำเป็นประจำ
“ผมมีซ้อมบาสด้วยนะครับ อย่าใจร้ายกันนักเลย” น้ำเสียงหวานหูเอ่ยเอื้อนออกมาจากริมฝีปากได้รูป แม้เนื้อเสียงจะทุ้มต่ำอย่างคนเป็นหนุ่มแล้ว แต่จริตการออดอ้อนนั้นเจ้าตัวมั่นใจว่าไม่มีทางแพ้สมัยตอนที่ตนเองอยู่ประถมเป็นแน่
“เนี่ย… วันนี้ผมแข่งบาสชนะนะ... พี่ควรให้รางวัลผมสิถึงจะถูก…”
ใบหน้าหล่อใสเปลี่ยนมาเกยคางไว้กับหัวไหล่ของคนเป็นพี่ กะพริบตาปริบๆ หวังอ้อนขอคะแนนความเห็นใจจากอีกฝ่าย ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเมื่อคนโดนอ้อนยอมแพ้ปล่อยมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัยมาลูบบนกลุ่มผมสีดำนั้นเบาๆหนึ่งที
“ก็ได้...อยากได้อะไรเป็นรางวัลอ่ะ…”
“ผมขออะไรก็ได้หรอ…”
“อื้ม”
“งั้นขอคำว่า ‘แฟน’ ได้มั้ยครับ” ริมฝีปากได้รูปเอ่ยคำขอที่ตนตั้งใจไว้ทั้งที่ยังไม่ละหน้าออกไปไหนอยู่ชั่วอึดใจ.. ก่อนจะต้องตีหน้ายุ่งใส่เมื่อดวงแก้มใสที่ขึ้นริ้วสีแดงระเรื่อนั้นส่ายกลับมาให้แทนคำตอบ... "เห็นมั้ยอ่ะ...พี่ซองอุนเล่นตัวอย่างที่พี่แทฮยอนว่าจริงๆ ด้วย"
ซองอุนได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาคิกคัก แม้ว่าคำขอนั้นจะจุดรอยยิ้มที่มุมปากและสร้างความหวั่นไหวในใจเขาได้อยู่ไม่น้อย แต่ก็ใช่ว่าเขาจะยอมใจอ่อนกับเรื่องนี้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่… ซึ่งนั่นก็ทำให้ร่างสูงโปร่งที่เดินตามออกมาจากรถได้แต่ทำหน้างอง้ำบ่นไล่หลังมุบมิบตลอดทางจนถึงหน้าห้องพัก
“ก็ไม่อยากเป็นน้องแล้วไม่ได้หรอครับ...”
ควานลินทำหน้าหงอย เดินนำเจ้าของห้องเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวประจำในห้องนั่งเล่นพร้อมกับเหลือบสายตาขึ้นช้อนมองพี่ชายตัวเล็กที่เดินตามเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าด้วยตาละห้อย...
“เป็นน้องไม่ดีตรงไหนกัน...” ซองอุนอมยิ้ม ก้มมองเด็กหนุ่มที่ยื่นแขนมากอดเอวเขาเอาไว้พลางใช้สองมือขาวของตนช้อนใบหน้าอ่อนวัยนั้นให้เงยขึ้นมองกันชัดๆด้วยรอยยิ้มหวาน แล้วโน้มตัวลงไปฝังจมูกโด่งลงบนแก้มใสทั้งสองข้างนั้นอย่างเอาใจ “เป็นน้องก็ได้รางวัลแบบนี้นะ”
“แต่เป็นน้องทำแบบนี้ไม่ได้นี่ครับ…”
เด็กหนุ่มจ้องดวงตาฉ่ำหวานของผู้เป็นพี่ที่ยื่นเข้ามาหอมแก้มกันใกล้ๆ ก่อนจะใช้สองแขนของตนที่กอดเอวอีกฝ่ายไว้รั้งให้ร่างเล็กๆ นั้นทรุดตัวลงมานั่งทับบนหน้าตักของตนเอง แล้วยื่นหน้าเข้าไปฉวยริมฝีปากอวบอิ่มของคนที่ยังไม่ทันตั้งตัวนั้นเบาๆ เสียหนึ่งที...
“พี่ซองอุน…”
“เลื่อนขั้นให้ผมสักทีเถอะนะครับ”
ควานลินใช้ดวงตากลมโตเหมือนลูกหมาลูกแมวของตนมองสบกับคนบนตักที่บัดนี้ใบหน้าแดงซ่านลามจนถึงใบหู ก่อนจะเริ่มออดอ้อนขึ้นมาอีกครั้งด้วยรอยยิ้มหวานจนตายกเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวคว่ำและน้ำเสียงยานคางแบบที่เป็นท่าไม้ตายเฉพาะตัว…
“น้าาาาา~”
แล้วฮาซองอุนผู้ที่ใจอ่อนกับการออดอ้อนของไลควานลินเสียแทบทุกครั้ง
ก็ยังคงพ่ายแพ้ต่อลูกอ้อนนั้นอยู่เช่นเคย…
ความคิดเห็น