ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : มุ่งหน้าสู่ความมืดมน
-3-
มุ่งหน้าสู่ความมืดมน
“คุณแม่หมายถึงอะไรคะ จดหมายนี่มันแปลกยังไง มันก็แค่จดหมายน๊ะ” ไอรดาโวยวาย
“แม่ก็ยังไม่แน่ใจ แต่แม่ว่าเรื่องนี้มันมีอะไรแปลกๆ พี่เค้าเขียนว่าจะไปเชียงใหม่ เก็บข้าวของไปจริงๆ ซะด้วย แต่ดันลืมมือถือไว้ แล้วอีกอย่าง...”
“ถ้าก้อยไปไหน ทำไมไม่ใครสักคนเห็น ไม่มีใครในบ้านรู้บ้าง”
“ ... อาจจะไม่มีอะไรหรอกครับ ผมว่าอาจจะคิดมากไปเองก็ได้” เขาบอก ทั้งที่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณวรวรินทร์พูด อีกอย่างเขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติในจดหมายนั้น แม้ว่าเค้าจะไม่ค่อยมั่นใจก็ตาม
“นั่นสิ กิ่งคงคิดมากไปเองแหละ ถ้ายังไงผมว่า ถ้ากิ่งเป็นห่วงลูก เราน่าจะเช็คเที่ยวบินไปเชียงใหม่ดูดีกว่า ว่าก้อยเขาไปเมื่อไหร่ หรือไม่ก็โทรไปเช็คตามโรงแรม อืม ... แก้มเห็นก้อยครั้งล่าสุดเมื่อไหร่นะ”
“เมื่อวานค่ะ เมื่อวานนี้ตอนเย็นๆ แก้มส่งพี่ก้อยเข้านอนตอนประมาณทุ่มได้”
“เดี๋ยวลุงจะให้คนของลุงช่วยโทรหาตามโรงแรมต่างๆ ก็แล้วกัน แล้วพวกเราก็ลองไปที่นั่นดู ก้อยคงเที่ยวไหนไม่โลดโผนนักหรอก” พร้อมพงศ์สรุป
“เอ่อ ถ้ายังไง ผมมีอะไรต้องเคลียร์ทางนี้นิดหน่อย คงไปเชียงใหม่ด้วยไม่ได้นะครับ แล้วก็จะคอยรอฟังข่าวทางนี้แล้วกัน”
“อ้าว แกต้องเคลียร์อะไรกัน”
“เรื่องทีซิสไงครับ เผอิญผมนัดอาจารย์ท่านนึงไว้ ท่านไม่ค่อยมีเวลาให้ซะด้วยสิ” อนาวินกล่าวอ้อมแอ้ม
“พี่วินห่วงเรื่องทีซิสบ้านั่นมากกว่าคู่หมั้นตัวเองรึไง” ไอรดากล่าวหาด้วยน้ำเสียงเหน็บแนมหงุดหงิด คุณวรวรินทร์รีบหันมาปรามลูกสาวเสียงขุ่น
“แก้ม อย่าไปว่าพี่เค้าอย่างนั้นสิลูก ... ไม่เป็นไรหรอกนะจ้ะ วิน ตามสบายเถอะ”
“ครับ ขอโทษด้วยนะครับ ถ้ายังไง ผมว่าผมอยู่รอทางนี้ ถ้าเผื่อก้อยติดต่อกลับมาอีก ผมจะได้โทรบอกให้ทุกคนทราบ”
“อืม เอางั้นก็ดีเหมือนกันจ้ะ ถ้าน้าเจอตัวยัยก้อย น้าจะโทรมาบอกเราแล้วกัน”
“แก้มจะอยู่รอพี่ก้อยทางนี้ด้วย” ไอรดาประกาศ คุณวรวรินทร์หันมามองหน้าลูกสาวอย่างสงสัย เธอกลัวใจลูกสาวคนเล็กเหลือเกินว่า ถ้าเกิดมีโอกาสได้อยู่กับอนาวินเพียงสองคน แล้วไอรดาอาจจะรักมากเสียจนไม่มีทางถอยกลับอีก
คุณวรวรินทร์หันไปมองหน้าอนาวินเป็นเชิงถาม ภาวนาอยู่ในใจให้ชายหนุ่มรุ่นหลานปฏิเสธ หากแต่อนาวินกลับตอบรับง่ายๆ ว่า
“เอาอย่างนั้นก็ดีครับ ผมกับแก้มอยู่ทางนี้ ก็จะช่วยเช็คชื่อแขกตามโรงแรมไปด้วยแล้วกัน”
“ดี ถ้างั้นเอาตามนี้นะ พ่อจะกลับไปแพ็คกระเป๋า ... เดี๋ยวผมมารับนะ กิ่ง” ท้ายประโยค พร้อมพงศ์หันไปบอกกับวรวรินทร์ก่อนจะเดินออกไป
“แม่ก็คงต้องไปเก็บของเหมือนกัน ... ไปก่อนนะจ้ะ” คุณวรวรินทร์กล่าวเรียบๆ แล้วเดินออกไปจัดกระเป๋าเดินทางของตนโดยมีแม่บ้านคนสนิทตามออกไปด้วย ทันทีที่ชายหญิงทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง ไอรดาซึ่งไม่มีความเชื่อถือในสิ่งที่อนาวินปั้นเรื่องพูดแม้แต่น้อย ก็รีบออกปากซักไซ้
“ความจริงพี่วินเห็นด้วยกับคุณแม่ใช่มั้ย แก้มรู้นะว่ามันไม่ใช่เรื่องทีซิสอะไรนั่นหรอก ทำไมต้องยกมันขึ้นมาบังหน้าด้วย” ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างหนักอก ก้มมองจดหมายในมือราวกับว่าไม่ต้องการให้สิ่งใดๆ ในจดหมายหลุดรอดจากสายตาแม้แต่น้อย
“พี่ไม่อยากพูดต่อหน้าน้ากิ่ง พี่กลัวน้าเค้าทำใจไม่ได้ ความจริงก็อย่างที่แก้มว่านั่นแหละ พี่ว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ และที่สำคัญ ... ตั้งแต่พี่ไปเรียนต่อ พี่ก็ติดต่อกับก้อยผ่านจดหมายอยู่เสมอๆ ทุกครั้ง ก้อยจะชอบคิดปัญหามาทายพี่ มันจะมีคำบอกใบ้ รหัส หรือสัญลักษณ์อะไรสักอย่างซ่อนอยู่ในจดหมายทุกฉบับของก้อย พอพี่เห็นจดหมายของก้อยฉบับนี้ พี่ก็คิดว่ามันต้องมีอีกแน่”
“มันอาจจะไม่มีก็ได้ จดหมายนี่ พี่ก้อยเขียนไว้ให้คุณแม่ไม่ได้จะให้พี่วินซะหน่อย”
“ก้อยต้องรู้ว่าพี่จะได้อ่าน เพราะก้อยรู้ว่าพี่จะกลับมา ในเนื้อความก้อยก็พูดถึงพี่”
“แล้วยังไง แก้มไม่เห็นมันมีอะไรเลย” ไอรดาดึงจดหมายมาจากมือชายหนุ่ม อ่านมันอย่างคร่าวๆ อีกครั้งแต่ก็ยังคงไม่พบอะไรอยู่ดี
“ถ้าให้พี่อ่านแบบที่พี่อ่านจดหมายของก้อยทุกครั้ง อ่านอย่างสังเกตดูความผิดปกติ พี่จะอ่านจดหมายฉบับนี้ได้ว่า ... ก้อยถูกคนจับไป และถูกบังคับให้เขียน ไม่รู้ว่ามันเป็นใคร แต่พาไปเกาะช้าง ...”
ไอรดามองจดหมายอย่างไม่เชื่อสายตา ตัวอักษรในจดหมายแทบจะโดดเด่นขึ้นมาประกาศความถูกต้องจากการคาดเดาของอนาวิน ใช่ล่ะ ... ทำไมเธอไม่เห็นมันก่อนหน้านี้นะ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ถึงทุกคน!!
...ก้อยหายไป!! >O< ใครๆ ก็คงตกใจเมื่อเข้าห้องมาแล้วเห็นอย่างนั้นใช่มั้ยคะ ก็...ถูกล่ะค่ะ ใครจะคิดว่า คนอย่างก้อยควรจะออกไปเที่ยวที่ไหน คงคิดสิคะว่า...คนอ่อนแอ อมโรคอย่างก้อยควรจะนอนแบ่บอยู่บ้าน
นี่ถ้ารู้กันว่าก้อยอยู่ไหน ห้หมอตามมา...จับก้อยไปแน่ๆ เลยใช่มั้ยล่ะคะ เมื่อวานก้อยคิดแบบนี้ พอวันนี้ก้อยก็ตัดสินใจได้ ฉะนั้นก็เลยคิดว่า ก้อยจะหนี!! 55+ ล้อเล่นน่า แค่คิดว่า ....ไปเที่ยวดีกว่า คิคิ แม่อย่าโกรธก้อยนะ ...และก้อยก็ดูแลตัวเองได้ ก้อยโตแล้ว ก้อยแค่รู้สึกว่า การที่ก้อย...ถูกจับให้อยู่ในห้องแคบๆ อุดอู้ๆ ...บังคับก้อยให้กินยาบำรุงเป็นกระบุง .ให้นอนเฉยๆ เป็นวันๆ แบบเนี้ย มันไม่ยุติธรรมเลย .เขียนไปเขียนมาชักเหนื่อยซะแล้ว ก้อยนี่อ่อนแอจริงๆ ซะด้วย T^T....ไม่ไหวเลยเน๊อะ 55+ 
เอาเป็นว่าแม่กับแก้มไม่ต้องตกใจไปหรอกค่ะ นี่ถ้าพี่วินกับลุงพงศ์ .รู้เข้าก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ รู้แค่....ว่าก้อยสบายดีลัลล้า ก้อยสบายดีจนรู้สึกว่า....มันเหมือนเป็นความฝันอย่างนั้นแหละค่ะ แล้ว...เป็นฝันที่ไม่เป็นจริงซะด้วย ...ใครก็รู้นี่คะ ว่าก้อยน่ะ ห่างจากคำว่าสบายดีอยู่เสมอมา....แต่เอาเถอะค่ะ ไงๆ ก็แล้วแต่ ก้อยไปแล้วนะคะ ....พาตัวเองไปสนุกสนานเฮฮา ก่อนขึ้นเขียงผ่าตัด 555+ คอยดูนะ ก้อยว่าจะ...ไปเที่ยวให้เพลินเลยล่ะค่ะ ไม่อยู่เป็นปลิงตัวน้อยๆ ...เกาะแม่กินแล้ว อีกอย่างก้อยอยากไปดูมากๆ เลย ก็ไอ้แปร๋นนนนน งงล่ะสิ ก็...ช้างที่ก้อยชอบไงคะ ไม่เคยเห็นตัวจริงเสียที สรุปแล้วว่าก้อยจะไปเชียงใหม่นะคะ อิอิ
ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องตามหา ถึงแล้วจะโทรมานะคะ จุ๊บๆๆ
ก้อยเองค่า
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
“นี่เป็นแพทเทิร์นที่ง่ายที่สุดของรหัสที่ก้อยชอบซ่อนมาในจดหมาย พี่มั่นใจ” อนาวินย้ำ
“พี่วินจะทำยังไงต่อไป .. จะแจ้งตำรวจ .. มั้ย...” ไอรดาถามเสียงแผ่ว ก้อนสะอื้นเหมือนจุกขึ้นมาเต็มลำคอ
“พี่กลัวก้อยจะเป็นอันตราย ไม่รู้ว่าก้อยโดนใครจับไป ต้องการอะไรก็ไม่รู้ ตอนท้ายจดหมายก้อยยังย้ำเรื่องตำรวจขึ้นมาอีก ถ้าก้อยยังมีโอกาสส่งจดหมายมาอีก เราอาจจะได้ข้อมูลเพิ่มเติม อีกอย่างพี่ว่าตำรวจคงไม่เชื่ออะไรที่พี่พูดหรอก” ไอรดาฟังอนาวินกล่าวพลางพยักหน้าอย่างเห็นจริงด้วย
“ค่ะ แก้มก็ว่าเรายังไม่ควรไปแจ้งตำรวจหรอก ถ้าพี่ก้อยเป็นอะไรไปล่ะแย่เลย แต่ถ้าไม่ทำอย่างนั้น เราจะทำยังไงดีละคะ”
“รอให้คุณน้ากับพ่อพี่ไปเชียงใหม่ก่อน แล้วพี่จะไปเกาะช้าง” ทีแรกอนาวินมีความคิดที่จะโทรตามหาวาฤดีตามรีสอร์ทต่างๆ แต่แล้วเขาก็ได้แต่ส่ายหัวให้กับความคิดตัวเอง เพราะถ้าวาฤดีถูกจับไปแบบนี้ ชื่อของเธอไม่มีทางไปอยู่ตามโรงแรมไหนเป็นแน่
อนาวินขมวดคิ้วหนาของเขาอย่างครุ่นคิด เขาไม่เคยไปเกาะช้างมาก่อน ดังนั้น จึงไม่มีความมั่นใจเลยว่าจะหาเธอพบได้ง่ายๆ และที่สำคัญ เกาะที่มีคนตั้งชื่อว่า ช้าง คงไม่เล็กกระจิ๋วหลิวให้เขาตามหาตัวคนได้ง่ายๆ เป็นแน่
“แก้มไปด้วยนะคะ”
“ไปกับพี่น่ะเหรอ” ชายหนุ่มกล่าวพลางเหลียวมองแฝดผู้น้องของคู่หมั้นตน คิ้วของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่เขาไม่ได้คุยกับไอรดาอย่างสนิทสนม นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่ไม่ได้ติดต่อกัน นานเหลือเกินแล้วที่เขาไม่ได้พูดจากับไอรดาดีๆ ...
“พี่ว่าอย่าดีกว่า แก้มอยู่รอฟังข่าวทางนี้เถอะ ไปโน่นพี่ก็ไม่ได้มั่นใจเลยว่าจะเจอก้อย ถ้าเผื่อว่าก้อยส่งข่าวมาอีกทีแก้มจะได้คอยประสานให้พี่รู้”
“ยิ่งถ้าพี่วินไม่มั่นใจว่าจะเจอพี่ก้อย แก้มว่าพี่วินยิ่งต้องเอาแก้มไปด้วยใหญ่ อย่าลืมนะคะ ว่าพี่ก้อยกับแก้มน่ะ เป็นฝาแฝดกัน ถ้ายังไงเรื่องทางนี้ ก็ให้น้าแหวนดูแลแทนไปก่อนก็ได้นี่คะ” ไอรดากล่าว เธอแหงนหน้ามองอนาวินอย่างอ้อนวอน หวังว่าจะได้ติดตามไปด้วย
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้เราแยกกันก่อน คุณน้ากับพ่อพี่ไปเมื่อไหร่ เราก็ออกเดินทาง” ไอรดายิ้มให้กับข้อสรุปนั้นอย่างยินดี
เกาะช้าง ตั้งอยู่ในเขตแหลมงอบ เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของไทย ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเขาสูงมีผาหินสลับซับซ้อน ยอดเขาที่สูงที่สุด ได้แก่เขาสลักเพชร มีสภาพป่าอันอุดมสมบูรณ์ ส่วนใหญ่เป็นป่าดิบเขา มีน้ำตก ลำธารหลายสาย และชายหาดอยู่มากมาย ตามชายฝั่งตะวันตก
นั่นเป็นความรู้ทั้งหมดที่อนาวินมีเกี่ยวกับสถานที่ที่เขากำลังบึ่งรถไป!!
อนาวินเคาะนิ้วลงบนพวงมาลัยรถ ขณะรอไฟแดงอยู่บนถนนสายบางนา-ตราด ระยะทางกว่า 300 กิโลเมตรที่รออยู่เบื้องหน้า แม้จัดว่าไม่ได้อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ มากนัก แต่เขากลับรู้สึกเหมือนกับว่ามันอยู่ไกลมาก ไกลจนอยากจะขึ้นเครื่องบินไปซะเดี๋ยวนั้น
เพียงแต่เครื่องบินไปลงที่ตราด มีแต่ไฟล์ทเช้าตั้งแต่แปดเก้าโมง กับไฟล์ทเย็นตอนสี่โมง ซึ่งแน่นอนว่าเขากับไอรดาขึ้นเครื่องไม่ทันตอนเช้าและเขาใจร้อนเกินกว่าจะรอไฟล์ทเย็นได้ ดังนั้น เขาจึงได้แต่เหยียบคันเร่งอย่างแรงทันทีที่สัญญาณไฟเปลี่ยนสี
“โอ้ย พี่วินขับรถดีกว่านี้ไม่เป็นรึไงอ่ะ” ไอรดาซึ่งนั่งหน้ามุ่ยจากการนั่งเป็นตุ๊กตาล้มลุก โยกไปย้ายมาทั้งที่คาดเข็มขัดนิรภัยแน่นหนาอยู่นานสองนาน เลือกที่จะโวยวายขึ้นมาก่อนที่สถานการณ์ของเธอจะเลวร้ายไปกว่านี้ เมื่อคืน เธอนอนดึกเกือบเที่ยงคืน แล้วยังต้องตื่นนอนแต่เช้าไปรับอนาวินที่สนามบิน และแทบจะทันทีที่กลับมาจากสนามบิน แม่เธอก็โวยวายขึ้นมาว่าพี่สาวฝาแฝดที่มีกำหนดต้องเข้ารับการผ่าตัดโรคเนื้องอกในอีกไม่ถึงสองสัปดาห์ข้างหน้า หายตัวไป
ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดสำหรับการผ่าตัดครั้งนี้ พร้อมถึงขนาดอนาวินบินกลับมารับขวัญ แต่คนที่ต้องเข้ารับการรักษากลับไม่อยู่!!
แล้วนี่เธอก็ต้องนั่งรถมากับคนที่เธอไม่ประสงค์จะเผชิญหน้ามากที่สุด แถมยังนั่งอย่างไม่ปลอดภัยเสียด้วย ไอรดาหันไปมองค้อนชายหนุ่มที่สวมบทคนขับผี
“ก็พี่อยากไปถึงเร็วๆ นี่”
“แล้วอยากตายก่อนไปถึงด้วยมั้ยล่ะ” ไอรดากระชากเสียงตอบโต้ไปด้วยความหงุดหงิด
“เอ๊ะ ทำไมเราพูดจาแบบนี้นะ เราไม่เป็นห่วงพี่สาวเราบ้างรึไง”
“ห่วง ทำไมจะไม่ห่วง แต่พี่ก้อยยังไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า”
“แล้วเราจะมารู้ได้ยังไง”
“แก้มกะพี่ก้อยอ่ะแฝดกันนะ แก้มรู้หรอกน่าว่าพี่ก้อยยังไม่เป็นไรอ่ะ ถ้าแก้มก็ยังสบายดีอยู่ ก็แปลว่าพี่ก้อยก็ยังสบายดีอยู่”
“มันก็ไม่เสมอไปหรอก”
“เสมอไปสิ อีกอย่างคนที่พาตัวพี่ก้อยไปน่ะ จะพาไปเชือดเล่นเฉยๆ รึไงล่ะ ถ้ามันอยากได้เงิน รึอยากได้อะไร มันก็ต้องติดต่อมาสิ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็จับไปฆ่าหมกเกาะน่ะ”
“ก้อยเค้ามีศัตรูที่ไหนรึป่าว” อนาวินเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะเริ่มเห็นจริงกับเหตุผลของไอรดา ที่ผ่านมาเขาเป็นห่วงคู่หมั้นสาวเสียจนสมองมืดทึบไปหมด ก่อนที่เขาจะขับรถออกมาก็มีการถามไถ่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจากคนในบ้านคร่าวๆ แต่กลับไม่มีใครรู้เห็นถึงการหายไปของวาฤดีเลยแม้แต่คนเดียว
มันจะเป็นไปได้อย่างไร คนคนหนึ่งหายตัวไปจากบ้าน โดยไม่มีความผิดปกติให้ใครรู้สึกแม้แต่น้อย ทั้งยามที่ด้านหน้าด้านหลัง ทั้งแม่บ้าน เด็กรับใช้ ทุกคนไม่มีใครรู้เรื่อง .. ราวกับว่าเธอหายตัวไปกับสายลม
“พี่ก้อยอ่ะนะจะมีศัตรู วันๆ ก็อยู่แต่ที่บ้านไม่ได้ออกไปทำงานที่ไหน แก้มสิที่บริษัทคนหมั่นไส้แก้มเยอะจะตาย ความจริงก็แปลกนะ คนที่น่าจะโดนจับไปน่าจะเป็นแก้มมากกว่า” ไอรดาบ่นอุบอิบ อารมณ์หงุดหงิดทำให้เธอพาลพาดพิงไปถึงการทำงานในร้านเสื้อชื่อดังที่เธอรับหน้าที่เป็นผู้จัดการร้านและคอยออกแบบเสื้อผ้าบ้างเป็นครั้งเป็นคราวไป
ซึ่งความจริงห้องเสื้อนี้เป็นของแม่ของเธอเอง ด้วยเหตุผลนั้น ทำให้ลูกเจ้าของร้านอย่างเธอถูกผู้คนสวมหน้ากากใส่ ลับหลังก็บอกว่าเธอได้มาทำงานนี้ก็เพียงเพราะเป็นลูกของคุณวรวรินทร์ ไม่ได้มีความสามารถมาเจือปนเลยจนนิดเดียว ในขณะที่วาฤดีซึ่งเรียนมาในเอกคอมพิวเตอร์ ได้ทำงานอยู่กับบ้าน ไม่จำเป็นต้องออกไปไหน ทำหน้าที่เป็นเว็บดีไซน์ดูแลงานด้านคอมพิวเตอร์ อัพโหลดข้อมูลใหม่ของเสื้อผ้าในแบรนด์ Designate
“รึว่า ... มันจะจับไปผิดตัว” ไอรดาโพล่งความคิดที่ทำให้อนาวินแทบสะดุ้งออกมา เขาครุ่นคิดตามข้อสังเกตของไอรดา พลางว่า
“ไม่แน่นะ ... แต่ก้อยกับแก้มก็ไม่ได้เหมือนกันซะขนาดนั้นนี่ อย่างน้อยก้อยก็ผมยาว ไม่ได้ซอยซะสั้นจู๋อย่างเราน่ะ” อนาวินแย้ง
“ผิดล่ะ พี่ก้อยเพิ่งไปทำผมทรงเดียวกับแก้มเด๊ะ เพิ่งไปหั่นมาเมื่อสองวันที่แล้วมั้ง ไม่รู้นึกยังไง”
“ฮ๊ะ!! หมายความว่า มันอาจจะจับไปผิดตัวงั้นสิ เรานะเรา ไปสร้างศัตรูไว้ที่ไหนบ้างฮ๊ะ”
“ไม่รู้ ใครจะไปจำได้ ถ้าหนักสุดก็มีแต่นายบิ๊ก ทาสหัวโตนั่นแหละ” ไอรดากล่าวพาดพิงไปถึง บิ๊ก ลูกชายของนายชม คนดูแลสวน แม้ตอนนี้บิ๊ก ซึ่งแก่กว่าไอรดาถึง 3 ปี จะทำงานได้ดิบได้ดีเป็นศัลยแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง แต่สำหรับไอรดาแล้ว บิ๊ก ก็เป็นแค่ลูกชายคนทำสวนในบ้านเช่นเคย
“เฮ้ย ทำไมเราชอบค่อนขอดบิ๊กมันอย่างนั้นนะ เค้าอายุก็มากกว่าเรา ต้องมาทนเราทุกอย่าง” วินพยายามเอ่ยปกป้องเพื่อน เหมือนกับที่เคยทำอยู่เสมอตั้งแต่เด็ก
“ก็บิ๊กมันปากไม่ดีนี่ เด็กจนโตไม่เปลี่ยนซักนิด”
“พี่ว่าก็พอกันน่ะแหละ ไม่งั้นจะ...” อนาวินกัดฟันกรอด ก่อนจะละทิ้งความคิดที่จะพูดประโยคต่อมา
“ไม่งั้นอะไร?”
“ไงๆ ก็เถอะ ไม่ใช่ไอ้บิ๊กหรอก ถึงบิ๊กมันจะปากหมาไปซักหน่อย แต่มันไม่ประสงค์ร้ายแน่ และที่สำคัญ มันไม่จับก้อยไปหรอก ถ้ามันอยากจับแก้ม มันคงไม่จำผิดตัวแน่”
“แหม พี่วิน นี่รู้สึกจะเริ่มปักใจเกินไปแล้วนะว่า คนร้ายอ่ะมุ่งเป้ามาที่แก้ม”
“อ๊ะ ไม่งั้นเค้าจะจับก้อยไปทำไม” บทสนทนาของทั้งสองจบลงที่ความเงียบ อาจเป็นเพราะว่าคนทั้งคู่ต่างก็ตอบคำถามนี้ไม่ได้ อนาวินผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ทั้งคนร้าย วิธีการ เหตุจูงใจ ... เขาไม่รู้อะไรซักอย่าง เขารู้สึกว่าหนทางข้างหน้าช่างมืดมน
“แล้วพี่ก็งงๆ อยู่อีกว่า ทำไมคนร้ายถึงให้ก้อยเขียนจดหมายทิ้งไว้แบบนี้”
“คนร้ายมันโง่มั้ง” ไอรดาเอ่ยแดกดันด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะปิดบทสนทนาด้วยการเสไปมองวิวทิวทัศน์ข้างทาง
มุ่งหน้าสู่ความมืดมน
“คุณแม่หมายถึงอะไรคะ จดหมายนี่มันแปลกยังไง มันก็แค่จดหมายน๊ะ” ไอรดาโวยวาย
“แม่ก็ยังไม่แน่ใจ แต่แม่ว่าเรื่องนี้มันมีอะไรแปลกๆ พี่เค้าเขียนว่าจะไปเชียงใหม่ เก็บข้าวของไปจริงๆ ซะด้วย แต่ดันลืมมือถือไว้ แล้วอีกอย่าง...”
“ถ้าก้อยไปไหน ทำไมไม่ใครสักคนเห็น ไม่มีใครในบ้านรู้บ้าง”
“ ... อาจจะไม่มีอะไรหรอกครับ ผมว่าอาจจะคิดมากไปเองก็ได้” เขาบอก ทั้งที่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณวรวรินทร์พูด อีกอย่างเขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติในจดหมายนั้น แม้ว่าเค้าจะไม่ค่อยมั่นใจก็ตาม
“นั่นสิ กิ่งคงคิดมากไปเองแหละ ถ้ายังไงผมว่า ถ้ากิ่งเป็นห่วงลูก เราน่าจะเช็คเที่ยวบินไปเชียงใหม่ดูดีกว่า ว่าก้อยเขาไปเมื่อไหร่ หรือไม่ก็โทรไปเช็คตามโรงแรม อืม ... แก้มเห็นก้อยครั้งล่าสุดเมื่อไหร่นะ”
“เมื่อวานค่ะ เมื่อวานนี้ตอนเย็นๆ แก้มส่งพี่ก้อยเข้านอนตอนประมาณทุ่มได้”
“เดี๋ยวลุงจะให้คนของลุงช่วยโทรหาตามโรงแรมต่างๆ ก็แล้วกัน แล้วพวกเราก็ลองไปที่นั่นดู ก้อยคงเที่ยวไหนไม่โลดโผนนักหรอก” พร้อมพงศ์สรุป
“เอ่อ ถ้ายังไง ผมมีอะไรต้องเคลียร์ทางนี้นิดหน่อย คงไปเชียงใหม่ด้วยไม่ได้นะครับ แล้วก็จะคอยรอฟังข่าวทางนี้แล้วกัน”
“อ้าว แกต้องเคลียร์อะไรกัน”
“เรื่องทีซิสไงครับ เผอิญผมนัดอาจารย์ท่านนึงไว้ ท่านไม่ค่อยมีเวลาให้ซะด้วยสิ” อนาวินกล่าวอ้อมแอ้ม
“พี่วินห่วงเรื่องทีซิสบ้านั่นมากกว่าคู่หมั้นตัวเองรึไง” ไอรดากล่าวหาด้วยน้ำเสียงเหน็บแนมหงุดหงิด คุณวรวรินทร์รีบหันมาปรามลูกสาวเสียงขุ่น
“แก้ม อย่าไปว่าพี่เค้าอย่างนั้นสิลูก ... ไม่เป็นไรหรอกนะจ้ะ วิน ตามสบายเถอะ”
“ครับ ขอโทษด้วยนะครับ ถ้ายังไง ผมว่าผมอยู่รอทางนี้ ถ้าเผื่อก้อยติดต่อกลับมาอีก ผมจะได้โทรบอกให้ทุกคนทราบ”
“อืม เอางั้นก็ดีเหมือนกันจ้ะ ถ้าน้าเจอตัวยัยก้อย น้าจะโทรมาบอกเราแล้วกัน”
“แก้มจะอยู่รอพี่ก้อยทางนี้ด้วย” ไอรดาประกาศ คุณวรวรินทร์หันมามองหน้าลูกสาวอย่างสงสัย เธอกลัวใจลูกสาวคนเล็กเหลือเกินว่า ถ้าเกิดมีโอกาสได้อยู่กับอนาวินเพียงสองคน แล้วไอรดาอาจจะรักมากเสียจนไม่มีทางถอยกลับอีก
คุณวรวรินทร์หันไปมองหน้าอนาวินเป็นเชิงถาม ภาวนาอยู่ในใจให้ชายหนุ่มรุ่นหลานปฏิเสธ หากแต่อนาวินกลับตอบรับง่ายๆ ว่า
“เอาอย่างนั้นก็ดีครับ ผมกับแก้มอยู่ทางนี้ ก็จะช่วยเช็คชื่อแขกตามโรงแรมไปด้วยแล้วกัน”
“ดี ถ้างั้นเอาตามนี้นะ พ่อจะกลับไปแพ็คกระเป๋า ... เดี๋ยวผมมารับนะ กิ่ง” ท้ายประโยค พร้อมพงศ์หันไปบอกกับวรวรินทร์ก่อนจะเดินออกไป
“แม่ก็คงต้องไปเก็บของเหมือนกัน ... ไปก่อนนะจ้ะ” คุณวรวรินทร์กล่าวเรียบๆ แล้วเดินออกไปจัดกระเป๋าเดินทางของตนโดยมีแม่บ้านคนสนิทตามออกไปด้วย ทันทีที่ชายหญิงทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง ไอรดาซึ่งไม่มีความเชื่อถือในสิ่งที่อนาวินปั้นเรื่องพูดแม้แต่น้อย ก็รีบออกปากซักไซ้
“ความจริงพี่วินเห็นด้วยกับคุณแม่ใช่มั้ย แก้มรู้นะว่ามันไม่ใช่เรื่องทีซิสอะไรนั่นหรอก ทำไมต้องยกมันขึ้นมาบังหน้าด้วย” ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างหนักอก ก้มมองจดหมายในมือราวกับว่าไม่ต้องการให้สิ่งใดๆ ในจดหมายหลุดรอดจากสายตาแม้แต่น้อย
“พี่ไม่อยากพูดต่อหน้าน้ากิ่ง พี่กลัวน้าเค้าทำใจไม่ได้ ความจริงก็อย่างที่แก้มว่านั่นแหละ พี่ว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ และที่สำคัญ ... ตั้งแต่พี่ไปเรียนต่อ พี่ก็ติดต่อกับก้อยผ่านจดหมายอยู่เสมอๆ ทุกครั้ง ก้อยจะชอบคิดปัญหามาทายพี่ มันจะมีคำบอกใบ้ รหัส หรือสัญลักษณ์อะไรสักอย่างซ่อนอยู่ในจดหมายทุกฉบับของก้อย พอพี่เห็นจดหมายของก้อยฉบับนี้ พี่ก็คิดว่ามันต้องมีอีกแน่”
“มันอาจจะไม่มีก็ได้ จดหมายนี่ พี่ก้อยเขียนไว้ให้คุณแม่ไม่ได้จะให้พี่วินซะหน่อย”
“ก้อยต้องรู้ว่าพี่จะได้อ่าน เพราะก้อยรู้ว่าพี่จะกลับมา ในเนื้อความก้อยก็พูดถึงพี่”
“แล้วยังไง แก้มไม่เห็นมันมีอะไรเลย” ไอรดาดึงจดหมายมาจากมือชายหนุ่ม อ่านมันอย่างคร่าวๆ อีกครั้งแต่ก็ยังคงไม่พบอะไรอยู่ดี
“ถ้าให้พี่อ่านแบบที่พี่อ่านจดหมายของก้อยทุกครั้ง อ่านอย่างสังเกตดูความผิดปกติ พี่จะอ่านจดหมายฉบับนี้ได้ว่า ... ก้อยถูกคนจับไป และถูกบังคับให้เขียน ไม่รู้ว่ามันเป็นใคร แต่พาไปเกาะช้าง ...”
ไอรดามองจดหมายอย่างไม่เชื่อสายตา ตัวอักษรในจดหมายแทบจะโดดเด่นขึ้นมาประกาศความถูกต้องจากการคาดเดาของอนาวิน ใช่ล่ะ ... ทำไมเธอไม่เห็นมันก่อนหน้านี้นะ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ถึงทุกคน!!
...ก้อยหายไป!! >O< ใครๆ ก็คงตกใจเมื่อเข้าห้องมาแล้วเห็นอย่างนั้นใช่มั้ยคะ ก็...ถูกล่ะค่ะ ใครจะคิดว่า คนอย่างก้อยควรจะออกไปเที่ยวที่ไหน คงคิดสิคะว่า...คนอ่อนแอ อมโรคอย่างก้อยควรจะนอนแบ่บอยู่บ้าน
นี่ถ้ารู้กันว่าก้อยอยู่ไหน ห้หมอตามมา...จับก้อยไปแน่ๆ เลยใช่มั้ยล่ะคะ เมื่อวานก้อยคิดแบบนี้ พอวันนี้ก้อยก็ตัดสินใจได้ ฉะนั้นก็เลยคิดว่า ก้อยจะหนี!! 55+ ล้อเล่นน่า แค่คิดว่า ....ไปเที่ยวดีกว่า คิคิ แม่อย่าโกรธก้อยนะ ...และก้อยก็ดูแลตัวเองได้ ก้อยโตแล้ว ก้อยแค่รู้สึกว่า การที่ก้อย...ถูกจับให้อยู่ในห้องแคบๆ อุดอู้ๆ ...บังคับก้อยให้กินยาบำรุงเป็นกระบุง .ให้นอนเฉยๆ เป็นวันๆ แบบเนี้ย มันไม่ยุติธรรมเลย .เขียนไปเขียนมาชักเหนื่อยซะแล้ว ก้อยนี่อ่อนแอจริงๆ ซะด้วย T^T....ไม่ไหวเลยเน๊อะ 55+ 
เอาเป็นว่าแม่กับแก้มไม่ต้องตกใจไปหรอกค่ะ นี่ถ้าพี่วินกับลุงพงศ์ .รู้เข้าก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ รู้แค่....ว่าก้อยสบายดีลัลล้า ก้อยสบายดีจนรู้สึกว่า....มันเหมือนเป็นความฝันอย่างนั้นแหละค่ะ แล้ว...เป็นฝันที่ไม่เป็นจริงซะด้วย ...ใครก็รู้นี่คะ ว่าก้อยน่ะ ห่างจากคำว่าสบายดีอยู่เสมอมา....แต่เอาเถอะค่ะ ไงๆ ก็แล้วแต่ ก้อยไปแล้วนะคะ ....พาตัวเองไปสนุกสนานเฮฮา ก่อนขึ้นเขียงผ่าตัด 555+ คอยดูนะ ก้อยว่าจะ...ไปเที่ยวให้เพลินเลยล่ะค่ะ ไม่อยู่เป็นปลิงตัวน้อยๆ ...เกาะแม่กินแล้ว อีกอย่างก้อยอยากไปดูมากๆ เลย ก็ไอ้แปร๋นนนนน งงล่ะสิ ก็...ช้างที่ก้อยชอบไงคะ ไม่เคยเห็นตัวจริงเสียที สรุปแล้วว่าก้อยจะไปเชียงใหม่นะคะ อิอิ
ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องตามหา ถึงแล้วจะโทรมานะคะ จุ๊บๆๆ
ก้อยเองค่า
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
“นี่เป็นแพทเทิร์นที่ง่ายที่สุดของรหัสที่ก้อยชอบซ่อนมาในจดหมาย พี่มั่นใจ” อนาวินย้ำ
“พี่วินจะทำยังไงต่อไป .. จะแจ้งตำรวจ .. มั้ย...” ไอรดาถามเสียงแผ่ว ก้อนสะอื้นเหมือนจุกขึ้นมาเต็มลำคอ
“พี่กลัวก้อยจะเป็นอันตราย ไม่รู้ว่าก้อยโดนใครจับไป ต้องการอะไรก็ไม่รู้ ตอนท้ายจดหมายก้อยยังย้ำเรื่องตำรวจขึ้นมาอีก ถ้าก้อยยังมีโอกาสส่งจดหมายมาอีก เราอาจจะได้ข้อมูลเพิ่มเติม อีกอย่างพี่ว่าตำรวจคงไม่เชื่ออะไรที่พี่พูดหรอก” ไอรดาฟังอนาวินกล่าวพลางพยักหน้าอย่างเห็นจริงด้วย
“ค่ะ แก้มก็ว่าเรายังไม่ควรไปแจ้งตำรวจหรอก ถ้าพี่ก้อยเป็นอะไรไปล่ะแย่เลย แต่ถ้าไม่ทำอย่างนั้น เราจะทำยังไงดีละคะ”
“รอให้คุณน้ากับพ่อพี่ไปเชียงใหม่ก่อน แล้วพี่จะไปเกาะช้าง” ทีแรกอนาวินมีความคิดที่จะโทรตามหาวาฤดีตามรีสอร์ทต่างๆ แต่แล้วเขาก็ได้แต่ส่ายหัวให้กับความคิดตัวเอง เพราะถ้าวาฤดีถูกจับไปแบบนี้ ชื่อของเธอไม่มีทางไปอยู่ตามโรงแรมไหนเป็นแน่
อนาวินขมวดคิ้วหนาของเขาอย่างครุ่นคิด เขาไม่เคยไปเกาะช้างมาก่อน ดังนั้น จึงไม่มีความมั่นใจเลยว่าจะหาเธอพบได้ง่ายๆ และที่สำคัญ เกาะที่มีคนตั้งชื่อว่า ช้าง คงไม่เล็กกระจิ๋วหลิวให้เขาตามหาตัวคนได้ง่ายๆ เป็นแน่
“แก้มไปด้วยนะคะ”
“ไปกับพี่น่ะเหรอ” ชายหนุ่มกล่าวพลางเหลียวมองแฝดผู้น้องของคู่หมั้นตน คิ้วของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่เขาไม่ได้คุยกับไอรดาอย่างสนิทสนม นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่ไม่ได้ติดต่อกัน นานเหลือเกินแล้วที่เขาไม่ได้พูดจากับไอรดาดีๆ ...
“พี่ว่าอย่าดีกว่า แก้มอยู่รอฟังข่าวทางนี้เถอะ ไปโน่นพี่ก็ไม่ได้มั่นใจเลยว่าจะเจอก้อย ถ้าเผื่อว่าก้อยส่งข่าวมาอีกทีแก้มจะได้คอยประสานให้พี่รู้”
“ยิ่งถ้าพี่วินไม่มั่นใจว่าจะเจอพี่ก้อย แก้มว่าพี่วินยิ่งต้องเอาแก้มไปด้วยใหญ่ อย่าลืมนะคะ ว่าพี่ก้อยกับแก้มน่ะ เป็นฝาแฝดกัน ถ้ายังไงเรื่องทางนี้ ก็ให้น้าแหวนดูแลแทนไปก่อนก็ได้นี่คะ” ไอรดากล่าว เธอแหงนหน้ามองอนาวินอย่างอ้อนวอน หวังว่าจะได้ติดตามไปด้วย
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้เราแยกกันก่อน คุณน้ากับพ่อพี่ไปเมื่อไหร่ เราก็ออกเดินทาง” ไอรดายิ้มให้กับข้อสรุปนั้นอย่างยินดี
เกาะช้าง ตั้งอยู่ในเขตแหลมงอบ เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของไทย ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเขาสูงมีผาหินสลับซับซ้อน ยอดเขาที่สูงที่สุด ได้แก่เขาสลักเพชร มีสภาพป่าอันอุดมสมบูรณ์ ส่วนใหญ่เป็นป่าดิบเขา มีน้ำตก ลำธารหลายสาย และชายหาดอยู่มากมาย ตามชายฝั่งตะวันตก
นั่นเป็นความรู้ทั้งหมดที่อนาวินมีเกี่ยวกับสถานที่ที่เขากำลังบึ่งรถไป!!
อนาวินเคาะนิ้วลงบนพวงมาลัยรถ ขณะรอไฟแดงอยู่บนถนนสายบางนา-ตราด ระยะทางกว่า 300 กิโลเมตรที่รออยู่เบื้องหน้า แม้จัดว่าไม่ได้อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ มากนัก แต่เขากลับรู้สึกเหมือนกับว่ามันอยู่ไกลมาก ไกลจนอยากจะขึ้นเครื่องบินไปซะเดี๋ยวนั้น
เพียงแต่เครื่องบินไปลงที่ตราด มีแต่ไฟล์ทเช้าตั้งแต่แปดเก้าโมง กับไฟล์ทเย็นตอนสี่โมง ซึ่งแน่นอนว่าเขากับไอรดาขึ้นเครื่องไม่ทันตอนเช้าและเขาใจร้อนเกินกว่าจะรอไฟล์ทเย็นได้ ดังนั้น เขาจึงได้แต่เหยียบคันเร่งอย่างแรงทันทีที่สัญญาณไฟเปลี่ยนสี
“โอ้ย พี่วินขับรถดีกว่านี้ไม่เป็นรึไงอ่ะ” ไอรดาซึ่งนั่งหน้ามุ่ยจากการนั่งเป็นตุ๊กตาล้มลุก โยกไปย้ายมาทั้งที่คาดเข็มขัดนิรภัยแน่นหนาอยู่นานสองนาน เลือกที่จะโวยวายขึ้นมาก่อนที่สถานการณ์ของเธอจะเลวร้ายไปกว่านี้ เมื่อคืน เธอนอนดึกเกือบเที่ยงคืน แล้วยังต้องตื่นนอนแต่เช้าไปรับอนาวินที่สนามบิน และแทบจะทันทีที่กลับมาจากสนามบิน แม่เธอก็โวยวายขึ้นมาว่าพี่สาวฝาแฝดที่มีกำหนดต้องเข้ารับการผ่าตัดโรคเนื้องอกในอีกไม่ถึงสองสัปดาห์ข้างหน้า หายตัวไป
ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดสำหรับการผ่าตัดครั้งนี้ พร้อมถึงขนาดอนาวินบินกลับมารับขวัญ แต่คนที่ต้องเข้ารับการรักษากลับไม่อยู่!!
แล้วนี่เธอก็ต้องนั่งรถมากับคนที่เธอไม่ประสงค์จะเผชิญหน้ามากที่สุด แถมยังนั่งอย่างไม่ปลอดภัยเสียด้วย ไอรดาหันไปมองค้อนชายหนุ่มที่สวมบทคนขับผี
“ก็พี่อยากไปถึงเร็วๆ นี่”
“แล้วอยากตายก่อนไปถึงด้วยมั้ยล่ะ” ไอรดากระชากเสียงตอบโต้ไปด้วยความหงุดหงิด
“เอ๊ะ ทำไมเราพูดจาแบบนี้นะ เราไม่เป็นห่วงพี่สาวเราบ้างรึไง”
“ห่วง ทำไมจะไม่ห่วง แต่พี่ก้อยยังไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า”
“แล้วเราจะมารู้ได้ยังไง”
“แก้มกะพี่ก้อยอ่ะแฝดกันนะ แก้มรู้หรอกน่าว่าพี่ก้อยยังไม่เป็นไรอ่ะ ถ้าแก้มก็ยังสบายดีอยู่ ก็แปลว่าพี่ก้อยก็ยังสบายดีอยู่”
“มันก็ไม่เสมอไปหรอก”
“เสมอไปสิ อีกอย่างคนที่พาตัวพี่ก้อยไปน่ะ จะพาไปเชือดเล่นเฉยๆ รึไงล่ะ ถ้ามันอยากได้เงิน รึอยากได้อะไร มันก็ต้องติดต่อมาสิ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็จับไปฆ่าหมกเกาะน่ะ”
“ก้อยเค้ามีศัตรูที่ไหนรึป่าว” อนาวินเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะเริ่มเห็นจริงกับเหตุผลของไอรดา ที่ผ่านมาเขาเป็นห่วงคู่หมั้นสาวเสียจนสมองมืดทึบไปหมด ก่อนที่เขาจะขับรถออกมาก็มีการถามไถ่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจากคนในบ้านคร่าวๆ แต่กลับไม่มีใครรู้เห็นถึงการหายไปของวาฤดีเลยแม้แต่คนเดียว
มันจะเป็นไปได้อย่างไร คนคนหนึ่งหายตัวไปจากบ้าน โดยไม่มีความผิดปกติให้ใครรู้สึกแม้แต่น้อย ทั้งยามที่ด้านหน้าด้านหลัง ทั้งแม่บ้าน เด็กรับใช้ ทุกคนไม่มีใครรู้เรื่อง .. ราวกับว่าเธอหายตัวไปกับสายลม
“พี่ก้อยอ่ะนะจะมีศัตรู วันๆ ก็อยู่แต่ที่บ้านไม่ได้ออกไปทำงานที่ไหน แก้มสิที่บริษัทคนหมั่นไส้แก้มเยอะจะตาย ความจริงก็แปลกนะ คนที่น่าจะโดนจับไปน่าจะเป็นแก้มมากกว่า” ไอรดาบ่นอุบอิบ อารมณ์หงุดหงิดทำให้เธอพาลพาดพิงไปถึงการทำงานในร้านเสื้อชื่อดังที่เธอรับหน้าที่เป็นผู้จัดการร้านและคอยออกแบบเสื้อผ้าบ้างเป็นครั้งเป็นคราวไป
ซึ่งความจริงห้องเสื้อนี้เป็นของแม่ของเธอเอง ด้วยเหตุผลนั้น ทำให้ลูกเจ้าของร้านอย่างเธอถูกผู้คนสวมหน้ากากใส่ ลับหลังก็บอกว่าเธอได้มาทำงานนี้ก็เพียงเพราะเป็นลูกของคุณวรวรินทร์ ไม่ได้มีความสามารถมาเจือปนเลยจนนิดเดียว ในขณะที่วาฤดีซึ่งเรียนมาในเอกคอมพิวเตอร์ ได้ทำงานอยู่กับบ้าน ไม่จำเป็นต้องออกไปไหน ทำหน้าที่เป็นเว็บดีไซน์ดูแลงานด้านคอมพิวเตอร์ อัพโหลดข้อมูลใหม่ของเสื้อผ้าในแบรนด์ Designate
“รึว่า ... มันจะจับไปผิดตัว” ไอรดาโพล่งความคิดที่ทำให้อนาวินแทบสะดุ้งออกมา เขาครุ่นคิดตามข้อสังเกตของไอรดา พลางว่า
“ไม่แน่นะ ... แต่ก้อยกับแก้มก็ไม่ได้เหมือนกันซะขนาดนั้นนี่ อย่างน้อยก้อยก็ผมยาว ไม่ได้ซอยซะสั้นจู๋อย่างเราน่ะ” อนาวินแย้ง
“ผิดล่ะ พี่ก้อยเพิ่งไปทำผมทรงเดียวกับแก้มเด๊ะ เพิ่งไปหั่นมาเมื่อสองวันที่แล้วมั้ง ไม่รู้นึกยังไง”
“ฮ๊ะ!! หมายความว่า มันอาจจะจับไปผิดตัวงั้นสิ เรานะเรา ไปสร้างศัตรูไว้ที่ไหนบ้างฮ๊ะ”
“ไม่รู้ ใครจะไปจำได้ ถ้าหนักสุดก็มีแต่นายบิ๊ก ทาสหัวโตนั่นแหละ” ไอรดากล่าวพาดพิงไปถึง บิ๊ก ลูกชายของนายชม คนดูแลสวน แม้ตอนนี้บิ๊ก ซึ่งแก่กว่าไอรดาถึง 3 ปี จะทำงานได้ดิบได้ดีเป็นศัลยแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง แต่สำหรับไอรดาแล้ว บิ๊ก ก็เป็นแค่ลูกชายคนทำสวนในบ้านเช่นเคย
“เฮ้ย ทำไมเราชอบค่อนขอดบิ๊กมันอย่างนั้นนะ เค้าอายุก็มากกว่าเรา ต้องมาทนเราทุกอย่าง” วินพยายามเอ่ยปกป้องเพื่อน เหมือนกับที่เคยทำอยู่เสมอตั้งแต่เด็ก
“ก็บิ๊กมันปากไม่ดีนี่ เด็กจนโตไม่เปลี่ยนซักนิด”
“พี่ว่าก็พอกันน่ะแหละ ไม่งั้นจะ...” อนาวินกัดฟันกรอด ก่อนจะละทิ้งความคิดที่จะพูดประโยคต่อมา
“ไม่งั้นอะไร?”
“ไงๆ ก็เถอะ ไม่ใช่ไอ้บิ๊กหรอก ถึงบิ๊กมันจะปากหมาไปซักหน่อย แต่มันไม่ประสงค์ร้ายแน่ และที่สำคัญ มันไม่จับก้อยไปหรอก ถ้ามันอยากจับแก้ม มันคงไม่จำผิดตัวแน่”
“แหม พี่วิน นี่รู้สึกจะเริ่มปักใจเกินไปแล้วนะว่า คนร้ายอ่ะมุ่งเป้ามาที่แก้ม”
“อ๊ะ ไม่งั้นเค้าจะจับก้อยไปทำไม” บทสนทนาของทั้งสองจบลงที่ความเงียบ อาจเป็นเพราะว่าคนทั้งคู่ต่างก็ตอบคำถามนี้ไม่ได้ อนาวินผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ทั้งคนร้าย วิธีการ เหตุจูงใจ ... เขาไม่รู้อะไรซักอย่าง เขารู้สึกว่าหนทางข้างหน้าช่างมืดมน
“แล้วพี่ก็งงๆ อยู่อีกว่า ทำไมคนร้ายถึงให้ก้อยเขียนจดหมายทิ้งไว้แบบนี้”
“คนร้ายมันโง่มั้ง” ไอรดาเอ่ยแดกดันด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะปิดบทสนทนาด้วยการเสไปมองวิวทิวทัศน์ข้างทาง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น