คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ทางเลือกที่มีทางเดียว
นี่หรือ ผลตอบแทนแห่งรักของเขา...
หรือเขายังพยายามไม่เพียงพอ?
เอกบดินทร์ตั้งคำถามให้กับตัวเองเมื่อครั้งที่นั่งตั้งสติอยู่ในห้องเก่าแคบในเรือนรับใช้ และใช้คำถามเดียวกันนั้นถามกับตัววาฤดีในเช้าวันต่อมา
“พี่ยังพยายามไม่พอเหรอ ทำไมก้อยถึงปฏิเสธพี่” หญิงสาวที่เขาใฝ่ฝันถึงเมินหน้าไปด้านหนึ่ง เสี้ยวหน้าด้านข้างของเธอดูเย็นชาและไว้ตัว จนเขาหวั่นใจ
“ไม่ใช่” เธอตอบเสียงสะบัด
“แล้วทำไมล่ะ”
“อย่ามาถามได้มั้ย” เสียงเย็นชาของวาฤดีฟังดูตวัดสูงขึ้นเล็กน้อยในความคิดของเขา ชายหนุ่มหอบหายใจหนักๆ พยายามระงับความรู้สึกที่คุกรุ่นอยู่ภายใน เขาพยายามจะบังคับให้ตัวเองพูดออกมาดีๆ ทว่าเสียงที่ออกมาจริงๆ กลับเหมือนตะคอกอยู่กลายๆ
“หรือเพราะว่าก้อยรักไอ้วิน...ใช่มั้ย?...เพราะว่าก้อยรักไอ้วินใช่มั้ย ความรักของพี่ถึงไม่มีค่า”
“อย่าเอาพี่วินมาเกี่ยวนะ”
“ทำไม...ก้อยก็น่าจะรู้ว่าไอ้วินมันรักแก้ม แล้วแก้มก็รักมัน คนสองคนนั้นเขารักกัน ใครๆ เค้าก็รู้กันทั้งนั้น!”
“พี่วิน ไม่ได้รักแก้ม พี่วินรักก้อย”
“ไม่จริง”
“จริง! แล้วแก้มก็ไม่ได้รักพี่วินด้วย แก้มรักบิ๊กน่ะแหละ” วาฤดีพูดเสียงหนักแน่นเสียจนเขาหลงเชื่อโดยสนิทใจ
ซึ่งความจริงแล้ว เขาคงต้องยอมรับว่า การที่เขาเชื่ออาจไม่ใช่เพียงเพราะเหตุผลแค่นั้น...ความรู้สึกว่าตนชนะต่างหาก ที่ทำให้เขาลำพองขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
เขาเสียใจเหลือเกินที่หลงคิดหลงเชื่อตามคำบอกเล่าของวาฤดีแบบนั้น
และเสียใจยิ่งกว่า กับสิ่งที่เขากระทำต่อจากนั้น
.......
....
“โอ้ย!” วาฤดีตื่นเต็มตาร้องลั่น เพราะเอกบดินทร์เผลอบีบมือของวาฤดีที่ตนเองถือวิสาสะกุมไว้โดยไม่รู้ตัว
“ขอโทษ..”
“นายทำอะไรน่ะ มาจับมือฉันทำไม” เธอท้วง พลางดึงมือออกจากการเกาะกุม เอกบดินทร์พยายามไม่ใส่การกระทำนั้น เขาเสมองไปนอกหน้าต่างห้อง พลางกล่าวเหมือนเป็นเรื่องไม่สลักสำคัญว่า
“ขอโทษที กำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่นิดหน่อย”
“เพลินๆ” วาฤดีทวนคำเสียงสูง ก่อนจะต่อด้วยประโยคที่ส่อความไม่เชื่อถืออยู่มากว่า
“หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีกับฉันละนะ”
“ผมเหรอจะคิดอะไรไม่ดี” เขาย้อนถามด้วยน้ำเสียงจริงจังจนวาฤดีต้องเป็นฝ่ายหลบสายตา
“คงไม่ใช่ผมคนเดียวละมัง ที่คิดเรื่องไม่ดีเป็น!”
ความผิดเมื่อกระทำไปแล้ว...มันก็ติดตัวเป็นตราบาปอยู่เช่นนั้น!
Chapter Forteen
ภายในห้องเล็กแคบ มีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องลอดเข้ามาจากหน้าต่างที่ติดซี่กรงสนิมเกรอะกรังที่ฉายให้ความสว่างกับภายใน เสียงหนอนแมลงที่บอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า และเสียงลมหายใจแผ่วๆ ของคนในห้องนั้น
อนาวินยังคงใช้สมาธิครุ่นคิดความหมายของกลอนเพียงบทเดียวที่วาฤดีสลักไว้ลวกๆ บนพื้นไม้ ถึงแม้ว่าไอรดาจะบอกว่ามันเป็นเพียงกลอนบทหนึ่งที่เธอแต่งไว้
แต่งไว้ให้เขา...
ชายหนุ่มรู้สึกสะดุดกับความคิดเช่นนั้น หัวใจรู้สึกวูบไหวอย่างประหลาด ก่อนจะรีบให้เหตุผลกับตัวเองทันควันว่า มันเป็นเพียงความรู้สึกแปลกใจเท่านั้นเอง
หลายวันมานี้ ไอรดาทำราวกับว่ายังรักเขาอยู่เสมอ ทั้งๆ ที่เธอเองนั่นแหละ ที่เป็นฝ่ายตีจากไป ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าเป็นฝ่ายหลอกลวงเขาต่างหาก เป็นการเล่นตลกอย่างร้ายที่สุด เท่าที่เขาเคยเจอมา
อนาวินยังคงจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นได้อยู่เสมอ ถ้าจะพูดให้ถูก เขาแทบจะเตือนตัวเองให้ท่องมันให้ขึ้นใจทุกคืนเลยทีเดียว
...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับไอ้ผู้ชายหน้าโง่คนหนึ่ง ที่ลงทุนทำน้ำเน่า คุกเข่าขอความรักจากหญิงสาวผู้หนึ่ง และแทบกระดิกหางดิกๆ เมื่อเธอผู้นั้นแสร้งทำท่าเขินอายและมีใจให้ หากไอ้ผู้ชายหน้าโง่คนนั้นจะฉลาด หรือเลิกคิดที่จะทำโรแมนติคโง่ๆ แล้วเลือกบอกความในใจเอาเสียตอนแดดเปรี้ยง เอาให้เห็นหน้าของเธอชัดๆ เขาอาจจะมีโอกาสได้เห็นสีหน้าแห่งความภาคภูมิใจที่เธอเล่นตลกร้ายครั้งนี้ได้สำเร็จก็เป็นได้
ผู้ชายหน้าโง่คนนั้นต้องถูกลบทิ้งไป
อนาวินย้ำกับตัวเอง ในขณะที่หัวใจอดรู้สึกเจ็บปลาบไม่ได้...
...ถ้าแก้มไม่ได้โกหกพี่ ถ้าแก้มรักพี่จริง...ทำไมตอนนั้นแก้มถึงได้หันไปคบกับไอ้บิ๊กเสียเฉยๆ ล่ะ
...ถ้าพี่ถามแก้มตอนนี้ แก้มจะให้คำตอบดีๆ กับพี่ได้มั้ย?
“แก้ม”
“คะ?”
“ยังไม่หลับใช่มั้ย?”
“ค่ะ นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอคะ แก้มนอนไม่ถนัดเลย” ไอรดาขยับตัวยุกยิกไปมา ทั้งที่นอนคับแคบ เตียงแข็งกระด้าง และผู้ชายตัวใหญ่ที่ต้องนอนคู่กันนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุของความไม่ถนัด
“อืม พี่ก็เหมือนกัน งั้นมาคุยเล่นฆ่าเวลากันมั้ย”
“เอาสิคะ เดี๋ยวนี้ เราไม่ค่อยได้คุยกันดีๆ เลยเน๊อะ”
“ว่าอย่างนั้นก็เกินไป แค่เราไม่ค่อยโอกาสได้คุยกันเท่าไหร่ พี่ก็เรียน แก้มก็ทำงานนี่ อืม งานยุ่งมั้ย”
“ก็เป็นพักๆ ค่ะ” ไอรดาตอบสั้นๆ หากคำว่าเป็นพักๆ ของเธอหมายถึงไม่เป็นเวลา ซึ่งเธอก็แสนจะชอบใจ งานที่มาไม่ตรงเวลาและมาแทบจะตลอดเวลา ทำให้เลือนๆ ไปเสียบ้างที่จะคิดถึงใคร
“จริงสิ พี่ว่าจะถามหลายครั้งแล้วว่าทำไมแก้มถึงตัดผม เห็นแล้วเสียดายแทน”
“แก้มก็เสียดาย ไว้ยาวจนเกือบกลางหลังอยู่แล้วเชียว”
“อ้าว เสียดายแล้วทำไมถึงตัดซะล่ะ”
“ตัดใจค่ะ...ตัดใจตัด อาจจะเป็นการตัดใจเหมือนๆ กับที่พี่วินเปลี่ยนลุ้คมั้งคะ”
“หึ เหรอ พี่นึกว่าเพราะเสียใจที่เลิกกับไอ้บิ๊กมันซะอีก”
“แก้มไม่เสียใจที่เลิก ไม่เคยเสียใจเลย”
“ไม่เคยเสียใจ พูดง่ายดีเน๊อะ แล้วนี่แก้มเลิกกับบิ๊กมานานแล้วเหรอ?”
“ก็นานแล้วค่ะ”
“แล้วทำไมแก้มถึงเลิกกับบิ๊กมันเสียล่ะ ทะเลาะอะไรกันเหรอ”
“ทะเลาะ? หึ ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันนี่คะ“
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คือเราก็เลิกกันเฉยๆ เราคบกันเพื่อที่จะเลิกกันอยู่แล้ว มันไม่ได้มีความหมายอะไรนักหรอก พี่วินอย่าสนใจเลย”
“ขอโทษที่ละลาบละล้วง พี่แค่เห็น...เคยรักกันดี” ประโยคสุดท้ายหลุดออกจากปากอนาวินยากลำบาก รักกันดี...ความจริงสิ่งที่เขาเห็นจนทนรับไม่ได้ มันยิ่งกว่ารักกันดีเสียอีก!
“มันไม่ใช่ละลาบละล้วงอะไรหรอกค่ะ แต่แก้มก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง พี่วินรู้แค่ว่าตอนนั้นเราคบกัน แล้วตอนนี้เราเลิกกัน ก็พอแล้ว เพราะมันก็เป็นแค่นั้นจริงๆ”
อนาวินเลิกคิ้วสูงอย่างแปลกใจในความมืด “แก้มพูดแปลกๆ อีกแล้ว พี่ไม่เห็นเข้าใจ”
“แปลกแต่จริงนี่คะ ความรักก็คงเป็นอย่างนี้แหละ เข้าใจยาก”
“พี่ว่าแก้มต่างหากที่เข้าใจยาก” อนาวินกล่าวหาเอาเสียดื้อๆ เพราะเขาไม่เข้าใจการกระทำของไอรดาเสมอมา และความไม่เข้าใจนั้นก็ไม่เคยได้รับการอธิบาย
เพียงอยากเล่นสนุก ก็มาล้อเล่นกับหัวใจเขาอย่างนั้นหรือ?
“ค่ะ แก้มเข้าใจยาก” ไอรดารับคำอย่างว่าง่าย น้ำเสียงราวกับกำลังเยาะหยันตนเอง
“เด็กๆ ไม่เห็นเป็นอย่างนี้”
“ตอนเด็กคนเราไม่ต้องคิดอะไรมากนี่คะ วันๆ กิน นอน เล่น ทำอยู่ไม่กี่อย่าง โตขึ้น ความคิดมีมากขึ้น สมองมันก็คอยกังวลเรื่องโน้นเรื่องนี่ การกระทำมันก็ต้องซับซ้อนขึ้นตามความคิดเป็นธรรมดา”
“พี่อยากให้แก้มเป็นเหมือนก่อนมากกว่า”
“ถ้าแก้มเลือกได้ แก้มก็อยากกลับไปเป็นเด็กอย่างนั้น แต่พี่วินก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ เราสามคนไม่ทางกลับไปนั่งก่อปราสาททรายเล่นกันอีกแล้ว”
“แต่เราเลือกที่จะทำอะไรๆ ได้นี่ ทำแต่สิ่งดีๆ เราจะได้เก็บเป็นความทรงจำดีๆ เอาไว้ไง”
“ค่ะ หึ อยู่ๆ เรามาพูดอะไรดูปรัชญาเน๊อะ”
“พี่ว่าพูดอย่างนี้ก็ดีนะ ง่วงดี อืม พี่ชักง่วงจริงๆ ด้วยนะเนี่ย นอนเอาแรงดีมั้ย พรุ่งนี้จะได้มีแรงคิดว่าจะหนีออกไปจากที่นี่ได้ยังไง”
“อืม ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
“ราตรีสวัสดิ์ หวังว่าพรุ่งนี้เราคงได้ไปจากที่นี่ซะทีนะ”
“ฝันอย่างนั้นไปก่อนก็ได้ แก้มว่าเค้าคงไม่ปล่อยเราไปเร็วนักหรอก”
“นั่นสิ” อนาวินรับคำในลำคอก่อนจะเงียบไปเพื่อไม่ให้ประโยคสนทนาใดๆ ดำเนินต่อ แต่เสียงแย้งในใจของไอรดายังดังก้อง
คนเราสามารถเลือกที่จะทำได้เสมอจริงเหรอ? เพราะสำหรับเธอแล้วมันไม่จริง!
ฉันเก็บซ่อน ความทรงจำ อยู่ภายใน
เก็บอยู่ลึก เกินกว่าใคร จะค้นหา
แต่ความนัย ที่พบได้ ในสายตา
ฉายเฉพาะ เธอมา เป็นภาพรัก
จำเฉพาะงั้นเหรอ? หากคนเราเลือกจำได้อย่างชื่อกลอนที่พี่สาวเธอแต่งไว้ก็คงดี
แต่เมื่อเธอเลือกที่จะทำยังไม่ได้ ประสาอะไรกับเลือกที่จะจดจำ ความทรงจำอันเลวร้ายถูกกดไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจเสมอ
แต่ใช่ว่าจะลืม!
ไอรดายกมือขึ้นมานวดกดหว่างคิ้วแน่นลึก พยายามขับไล่ความทรงจำที่ย้อนคืนมาอย่างปวดร้าว
“พี่รักแก้ม” พี่วินของเธอกำลังช้อนตามองอย่างวาดหวัง สำหรับเธอมันเป็นถ้อยคำที่วิเศษสุด และเธอยินดีรับไว้อย่างยิ่ง เพียงแต่ว่า
“พี่ก็รักพี่วินเหมือนกัน”
“แก้ม...เอ่อ แก้ม...” ถ้อยคำที่วาฤดีพูดไว้กำลังทลายความรู้สึกปลาบปลื้มในตอนนั้นเกือบหมดสิ้น
เธอทั้งอึดอัด ทั้งขัดเขิน ไม่รู้เลยว่าควรจะตอบอย่างไร จะตอบอย่างไรที่จะให้เราสามารถอยู่ด้วยกันสามคนได้อย่างดีตลอดไป!
“พี่รักแก้มจริงๆ นะ กลับไปกรุงเทพเมื่อไหร่ พี่จะให้พ่อมาขอแก้มไว้ก่อน ไม่งั้น..หึหึ พี่คงไม่มีกะจิตกะใจจะไปเรียนต่อเมืองนอกแน่ๆ เลย”
“คือ พี่วินคะ แก้ม...”
“คุณแก้มครับ คุณวิน...”
“อะไรกัน ลุงชม”
“คุณก้อยครับ! คุณก้อยหายไป!”
“ตายจริง พี่ก้อย...พี่วิน รีบตามหาพี่ก้อยกันเถอะค่ะ”
การตามหาวาฤดีดำเนินไปจนถึงเช้า ทั้งไอรดาและอนาวินแทบไม่เปิดปากพูดคุยกันอีก จนกระทั่งลุงชมโทรบอกว่าเจอตัววาฤดีแล้ว
“แก้ม” เสียงเรียกแผ่วเบาแหบแห้งดังขึ้นจากร่างบางบนเตียง เจ้าของเสียงใบหน้าซีดขาว ไม่มีประกายความสดใส แม้แต่กระทั่งดวงตายังทอแววหม่นหมอง จนทำให้แฝดผู้พี่ผู้น้องแยกกันออกได้อย่างง่ายดาย
“พี่ก้อย...ตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“พี่ไม่เป็นไร”
“เมื่อคืนพี่ก้อยออกไปไหนมา เป็นห่วงกันแทบแย่ นี่แก้มถามตาบิ๊กว่าเจอพี่ก้อยที่ไหน เค้าก็ไม่ยอมตอบ เรียกตัวออกมาจากห้องทีทำหน้าอย่างกับโกรธใครมาทั้งปีอย่างนั้นแหละ นี่มันทำอะไรพี่ก้อยรึเปล่าคะ แก้มจะไปเฉ่งให้”
“หึ พี่ออกไปเดินเล่นน่ะ” คนเป็นพี่เลือกตอบเพียงประโยคแรกแล้วคลี่ยิ้มให้บางๆ
“แล้วตาบิ๊กก็ไปเจอเหรอ”
“อืม พี่...ล้มอยู่ข้างนอก” ไอรดาไม่สังเกตว่า คำว่า ‘ล้ม’ หลุดจากปากวาฤดียากเย็นเพียงใด เพราะมีเพียงตัววาฤดีเท่านั้นที่รู้ว่า...เธอล้มเพราะเหตุใด
“เคยบอกแล้วเชียว ว่าอย่าออกไปเดินไหนๆ คนเดียว พี่ก้อยก็ไม่เชื่อแก้มอ่ะ”
“ที่จริงว่าจะชวนแก้มไปเดินด้วยกัน แต่หาไม่เจอ เมื่อคืนแก้มไปไหนมาล่ะ ถึงไม่อยู่ห้อง” เสียงซักถามเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาแต่คนถูกถามเกือบสะดุ้ง
“เอ่อ แก้มก็..เดินเล่นน่ะค่ะ เดินตั้งแต่บ้านเราไปจนสุดหาดด้านโน้นแน่ะ คนเยอะเชียว เสียดายเหมือนกันที่พี่ก้อยไม่ได้ไปเดินด้วยกัน แต่อากาศมันเย็นนี่คะ แก้มกลัวพี่ก้อยไม่สบาย”
ไอรดาตอบยืดยาว แต่จงใจเลี่ยงไม่บอกว่าเธอไปเดินเล่นมากับใคร เพราะรู้ดีว่าพี่สาวฝาแฝดรู้สึกเช่นไรต่ออนาวิน
“อืม เหรอ พี่ก็คิดๆ อยู่ว่า เดินๆ ไปเดี๋ยวก็คงเจอกับแก้มเอง หรือไม่...ถ้าโชคดีกว่านั้น ก็อาจจะเจอกับพี่วิน”
“ค่ะ”
“แก้ม จำได้ใช่มั้ยที่พี่บอกว่า พี่ก็รักพี่วินเหมือนกัน”
“จำได้..”
“พี่วินอยากบอกว่าพี่ไม่ใช่แค่รักพี่วินนะ...แต่พี่ขาดพี่วินไม่ได้ พี่คงทนอยู่ต่อไปไม่ได้ ถ้าพี่วินไม่รักพี่”
“ค่ะ”
“เท่านี้แหละ ที่อยากบอก พี่เหนื่อยแล้ว ขอพักเสียหน่อยก็ดี”
‘เราจะอยู่ด้วยกันสามคนตลอดไป’ เป็นเพียงอดีต ความฝัน และความวาดหวังอันเลื่อนลอย!
ตอนนั้นเองที่เธอตัดสินใจเลือก...ไม่สิ ต้องบอกว่าต้องตัดใจเลือกหนทางที่จะทำให้อยู่ด้วยกันได้สามคนตลอดไป แม้ว่ามันจะทำให้เธออยู่ในสถานะเช่นไรก็ตาม
ความคิดเห็น