ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ++(The Hidden Code of Love: รหัสลับฉบับรัก)++

    ลำดับตอนที่ #14 : ความทรงจำของหัวใจดวงหนึ่ง (ต่อจนจบตอนค่ะ)

    • อัปเดตล่าสุด 8 ธ.ค. 48


    เป็นโรคอะไรก็ไม่รู้ ชอบเขียนสลับฉากไปมา ถ้างงๆ ก็ช่วยบอกกันหน่อยนะคะ

    ตอนที่ 14 ที่จะลงให้อ่านนี้ เป็นเหตุการณ์อดีต ในความทรงจำของพ่อหนุ่มบิ๊ก ที่ไม่ค่อยมีบทบาทค่ะ



    minimink

    ------------------------------------------------------------------





    เอกบดินทร์นั่งมองหญิงสาวที่หลับสนิทอยู่บนเตียง หากแต่กลับนึกไปถึงผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่มีพิมพ์หน้าเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน



    ผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนกันแต่นิสัยใจคอและความรู้สึกกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง...ต่างกันโดยสิ้นเชิงงั้นเหรอ?



    ไม่ใช่สิ อย่างน้อยก็มีอยู่อย่างสองอย่างล่ะ ที่ฝาแฝดคู่นี้เหมือนกัน หนึ่งก็คือรักคนๆ เดียวกัน ส่วนอย่างที่สอง ก็คือ ต่างก็รังเกียจเขาเช่นเดียวกัน!



    เอกบดินทร์วางมือทาบลงบนมือบางอย่างแผ่วเบา เพราะเกรงเจ้าของมือจะรู้สึกตัวตื่น แม้แต่ก่อนเขาจะโกรธแค้นแฝดทั้งคู่นี้มากแค่ไหน พอถึงบัดนี้ เขาก็ยังรู้สึกสงสารทั้งสองจับใจ



    ทำไมความรักที่ก่อให้เกิดความทุกข์อย่างแสนสาหัสเพียงนี้ ยังมีคนปรารถนาจะไขว่คว้า



    เอกบดินทร์ตั้งคำถามขึ้นมาให้กับตัวเอง ก่อนจะนึกแย้งขึ้นมาได้ว่า...เขาเองก็เคยเป็นหนึ่งของคนที่พยายามไขว่คว้ามันมิใช่เหรอ?



    เมื่อคราวที่เขายังเป็นเพียงเด็กตัวผอมเก้งก้างจอมเกเร ที่วิ่งวุ่นอยู่ในบ้านของแฝดทั้งสองในฐานะลูกของคนสวน



    ในสายตาของเธอทั้งสองเขาเป็นเพียง เด็กรับใช้คนหนึ่ง ที่ไม่ควรเผยอหน้าไปเล่นหัวกับเธอ ฐานะของเขาผิดกับ ด.ช. อนาวิน เพื่อนของเขาโดยสิ้นเชิง



    ในสายตาของเขา เธอทั้งสองเหมือนนางฟ้าตัวน้อยๆ ที่เขารู้ตัวดีว่าไม่อาจเอื้อม การเฝ้ามองนางฟ้าของเขายิ้มเยือนให้แก่กัน การได้เห็นไอรดาทำหน้าบึ้งให้กับเขาอย่างขัดเคือง หรือกระทั่งยามที่วาฤดีออกโรงปกป้องเขาด้วยการปรามน้องสาวตัวป่วน...ทั้งหมดนั่น ก็นับเป็นความยินดีของเขาแล้ว



    ลึกๆ ลงไปแล้ว เขารู้ดีว่า เขาไม่ได้ต้องการเพียงแค่นั้น…ความเท่าเทียมเป็นสิ่งที่เขาใฝ่หามาตลอด



    เขาโตมาพร้อมกับความรู้สึกเช่นนั้น และมันก็ก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆ สิ่งเหล่านั้นกลายเป็นความรู้สึกที่ติดตัวเขาจนกระทั่งโต จากเด็กชายตัวน้อย เขาพยายามถีบตัวเองให้สูงขึ้น อ่านหนังสือจนดึกจนดื่น จนกระทั่งได้รับผลเป็นสายตาที่ผิดปกติกว่าเดิมมาก



    เด็กชายตัวน้อย เริ่มใส่แว่นตาเมื่อเพิ่งย่างเข้าสู่วัยรุ่น พฤติกรรมเกเรโดนโยนทิ้งไปพร้อมกับตุ๊กตาหุ่นยนต์ตัวเก่า



    เขายอมรับโดยดุษฎีเลยว่า อนาวิน พี่ชายที่แสนอ่อนโยนของเด็กหญิงทั้งสองเป็นต้นแบบของเขาเอง เป็นต้นแบบ แบบที่เขาคิดว่าวันหนึ่งจะต้องไปให้ไกลกว่านั้นให้ได้!



    เขาพยายามจนสอบติดคณะแพทยศาสตร์ในมหาวิทยาลัยชั้นนำที่ใครๆ ต่างใฝ่ฝัน พยายามขวนขวายเข้าทำงานในโรงพยาบาลชั้นดี แบบที่ใครๆ ก็นับหน้าถือตา พยายามเพื่อที่จะพบว่า...ไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เขาก็ยังเป็นเพียง ไอ้บิ๊ก เด็กรับใช้คนเก่าในสายตาของเธอทั้งสองเท่านั้น



    บทพิสูจน์ของสิ่งนั้น คือ เรื่องราวที่แสนหอมหวานระคนปวดร้าว เรื่องราวที่เขาแม้อยากลืมแต่ก็ยังจำแน่นติดในหัวใจ...ภาพสาวแรกรุ่นที่คู้ตัวอยู่ใต้ต้นไม้ย้อนกลับมาอยู่ในมโนสำนึกของเขาอีกครั้ง



    “ใคร...ใครอยู่ตรงนั้น...เป็นอะไรรึป่าว” เขารีบปรี่เข้าไปประคองร่างนั้นอย่างเป็นห่วง หากแต่เธอไร้อาการตอบสนอง เด็กสาวที่เขาเพิ่งรู้ว่าคือวาฤดีนอนไม่ได้สติอยู่ในอ้อมกอดเขา



    “ตายล่ะ ก้อย” เขาอุทานด้วยความตกใจ หากเป็นคนอื่นยังพอว่า แต่ถ้าเป็นวาฤดีนี้ เขากลัวเหลือเกินว่ามันจะอาการหนักกว่าการเป็นลมเป็นแล้งธรรมดา เพียงนิสิตเพิ่งเรียนจบอย่างเขาจะช่วยอะไรได้ มือไม้ของเขาสั่นจนแทบควบคุมไม่อยู่ เขากลัวความสูญเสียเหลือเกิน



    “ก้อย ก้อย…”



    “อ่ะ..อืออ” เสียงครางกึ่งๆ ไอหลุดเร้นออกจากริมฝีปากบาง ทำให้เขาเริ่มใจชื้น เขาลูบมือลงบนผิวหน้านุ่มที่เต็มไปด้วยรอยชื้นเหงื่ออย่างอ่อนโยน



    “เป็นอะไรหรือเปล่า ตื่นมาคุยกับพี่สิ” เขาพยายามเรียกเธอให้ฟื้นตื่นขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะแทนตนเองว่า ‘พี่’ ทั้งที่รู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์ หญิงสาวในอ้อมกอดเขาสะท้านตัวขึ้นจนเหมือนกำลังชัก



    “ก้อย! ใจเย็น..เย็นๆ ไว้ พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไรนะ”



    “พี่วิน...พี่วิน พี่วิน”



    “วินทำไม ไอ้วินมันทำอะไร ก้อย”



    “พี่วินจ๋า” วาฤดีร้องไห้เหมือนเด็กน้อยที่ตกอยู่ในฝันร้าย มือเธอชื้นเหงื่อเสียจนเขาตกใจ เขากอดร่างของเธอไว้ดังกลัวว่าวิญญาณเธอจะหลุดลอยหนีเขาไป ณ ช่วงเวลานั้น



    หน้าผากอุ่นจะแทบร้อนของเธอซบแนบเข้ากับแผ่นอกเขา...เขารู้ดีว่าเธอกำลังทรมาน...



    “เดี๋ยวพี่พาเข้าไปข้างในนะ” เขากระซิบเบาๆ ก่อนจะช้อนตัวเธอขึ้นไว้กับอก อุ้มพาไปยังห้องนอนของเธอในตัวบ้านตากอากาศหลังใหญ่



    ในบ้านไม่มีใคร...



    เขาอดคิดไม่ได้ว่า คนในบ้านอาจกำลังตามหาตัวเธอให้วุ่นอยู่ตามชายหาดก็เป็นได้



    เอกบดินทร์จัดแจงวางร่างเธอลงบนเตียง หญิงสาวดูช่างอ่อนแอและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้



    “พี่วิน...อย่าทิ้งก้อยไปนะ อย่า...”



    “เดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้ ไม่ทิ้งไปไหนหรอก” เอกบดินทร์ลูบมือเธอ ขณะกล่าวปลอบโยน ก่อนจะเดินไปจัดการนำผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดตัวเธอเพื่อลดอาการไข้ แต่ดูวาฤดีจะไม่ดีขึ้นเลย



    มือร้อนผ่าวของเธอกระชับแน่นอยู่ที่ข้อมือของเขา ปะป่ายไปเรื่อยยามที่เขาเช็ดบรรเทาความร้อนของร่างกายเธอ นานพักใหญ่เลยทีเดียวกว่าเสียงครางอืออาจะหยุดเงียบลง วาฤดีซุกหน้าลงกับมือเขานิ่งๆ แต่ยังพูดคล้ายละเมอออกมาเป็นช่วงๆ ไม่มีวี่แววจะรู้สึกตัว



    “พี่วินอยู่กับก้อยนะ…รักก้อยนะ”



    “ครับ พี่จะอยู่กับก้อย พี่จะรักก้อย” เขาพูดตอบไปโดยไม่รู้ตัว



    ภายในบ้านหลังนั้น ยังคงเงียบสงบ...แต่จิตใจของเขากลับสั่นระรัวเหมือนมีใครมาโหมตีกลองใหญ่อยู่ในนั้น



    นั่นเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าสมควรไขว่คว้าความรักมาเป็นรางวัลตนเอง!

        







    “ไอ้บิ๊ก ไอ้ลูกระยำ เอ็งมาทำอะไรของเอ็งตรงนี้!” เสียงพ่อของเขาดังขึ้นเหนือหัว เขาสะดุ้งสุดตัว ซึ่งทำให้มึนงงไปชั่วขณะ

        

    “ผม..”

        

    “ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ” เขาโดนพ่อกระชากแขนให้ยืดตัวขึ้นจากการซบหน้าลงกับเตียง มือของเขาต้องผละจากมือนุ่มของวาฤดีอย่างน่าเสียดาย



    “นี่..ผมแค่เผลอหลับ..ผมไม่ได้ทำอะไรนะพ่อ” เขารีบแก้ตัวเมื่อเห็นสายตาหวาดระแวงของผู้เป็นพ่อ



    “ถ้าใครเห็นเขาจะว่ายังไง แกคิดบ้างมั้ยฮะ”



    “ก็น้องเขาล้มอยู่ข้างนอก ผมก็พาขึ้นมา แล้วก็..ช่วยพยาบาลจนดีขึ้น ผมกำลังช่วยนะพ่อ ไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย”



    “ยังจะมาเถียงอีก ไอ้ลูกเวร เอ็งไม่ต้องเรียกนับคุณเขาเป็นน้อง ให้มันรู้ไว้ว่าเขาเป็นเจ้านายเอ็ง”



    เอกบดินทร์นิ่งงันกับคำสบประมาทของผู้เป็นพ่อ...คำบอกเล่าที่เขาไม่เคยทนรับฟังได้เลยแม้ครั้งเดียว



    “เมื่อไหร่พ่อจะเลิกพูดแบบนี้ซะที”



    “ก็เมื่อเอ็งเลิกวอแวกับเขาไงวะ”



    “ทีพ่อยัง..”



    “ไอ้บิ๊ก เอ็งอย่าพูดออกมาเชียวนะ!”



    “ทีพ่อยังหลงรักน้ากิ่งได้หัวปักหัวปำเลย”



    “ไอ้บิ๊ก!”



    “ถ้าพ่อไม่ยอมแพ้จนต้องมาคอยเป็นคนสวนดูแลบ้านให้เขาจนถึงทุกวันนี้ ผมก็ไม่ต้องมาอยู่ในสภาพนี้หรอก!”



    “เอ็งไม่เชื่อแล้วเอ็งจะรู้สึก”



    “ผมไม่มีทางยอมแพ้แบบพ่อ ยอมทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สู้เพื่อตัวเองเลย” แววตาของพ่อเขาแปรเปลี่ยนไป เขารู้สึกได้เลยว่า พ่อเขาเองก็เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเช่นกัน



    “ประเดี๋ยวคุณวินกับคุณแก้มก็จะคงกลับมาจากตามหาคุณก้อยแล้ว เอ็งรีบๆไสหัวกลับลงไปข้างล่าง ไวๆเลย” พ่อของเขาพูดด้วยน้ำเสียงติดจะขมขื่น ก่อนจะหันร่างออกจากห้องไป



    เขาหันกลับมามองวาฤดีที่ยังคงหลับไหลไม่ได้สติอยู่บนเตียงอีกครั้ง ความรู้สึกที่ว่าสมควรทำอะไรสักอย่าง...รุนแรงขึ้นทุกขณะ



    เขาทรุดนั่งลงข้างเตียงอีกครั้ง เฝ้ามองวาฤดีที่หลับใหลผ่านความมืดมิด เกล็ดน้ำตาใสๆ สะท้อนแสงจันทร์จากนอกหน้าต่าง



    เสียงครางอือๆ ดังแผ่ว เขาวางมือลงบนมือเธอส่งผ่านความอบอุ่นที่เต็มตื้นในหัวใจเขาไปถึงเธออีกคราว วาฤดีเริ่มหายใจอย่างสม่ำเสมออีกครา



    “เป็นพี่ไม่ได้เหรอ ก้อย” เขากระซิบถามเบาๆ แม้รู้ดีว่าจะไม่ได้รับคำตอบ



    “เป็นพี่ได้มั้ย” เขาถามขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่จะสติอันน้อยนิดจะจางหายไป



    จูบแรกของเขา...ต่อเธอ...เป็นจูบที่เย็นสนิทและน่าหนาวสั่น จูบที่ไร้ความรู้สึกจนน่าใจหาย



    แล้วเธอก็ลืมตา…



    …เพี๊ยะ...

        

    “ทำอะไรน่ะ” วาฤดีกล่าวเสียงสั่น ดวงตาทอแววหวาดกลัว

        

    “คือ...”

        

    “ออกไปเดี๋ยวนี้นะ”

        

    “ก้อย คือ ฟังพี่ก่อน”

        

    “ออกไปนะ!”

        

    “ก้อยฟังพี่...พี่รักก้อยนะ” เขาโพล่งออกไปเหมือนบ้าคลั่ง

        

    “ฉันไม่ต้องการความรักบ้าบอของนาย! ออกไปซะ!”    

        

    เขาเดินกลับมาออกจากห้องนั้นพร้อมใบหน้าที่ด้านชา ตัวตนที่เล็กจิ๋วภายในจิตใจของเขารู้สึกด้อยค่าลงกว่าเดิมไปอีก

        

    นี่หรือ ผลตอบแทนแห่งรักของเขา...



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×