ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ฤทธิ์ยา
วาฤดีรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อความเจ็บปวดถูกข่มลงด้วยฤทธิ์ยา เธอรู้สึกว่ากำลังเดินไปตามชายหาดอย่างผ่อนคลาย
สายตาของเธอทอดไปไกลยังท้องทะเลสงบเบื้องหน้า กลิ่นทะเลเค็มจางลอยมาพร้อมสายลม
...หนาว...
เธอห่อตัวลงพลางกอดอกแน่น แม้สำหรับคนทั่วไป อาจจะเป็นเพียงกระแสลมบางเบาและเย็นสบาย แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เธอต้องลูบไล้แขนตัวเองเบาๆ ด้วยความหนาวเหน็บ
‘เสียดายจัง ดาวสวยซะด้วย’ เธอได้ยินเสียงตัวเองกล่าวเบาๆ ทั้งๆ ที่คิดว่ายังไม่ทันได้พูดอะไร
   
‘ไม่เป็นไร กลับไปเอาเสื้อคลุมดีกว่า จะได้ชวนแก้มมาดูดาวด้วยกัน’ เสียงเล็กๆ นั้นกล่าวต่อ ก่อนที่ภาพจะหมุนกลับมายังบ้านที่แสนคุ้นตา
   
แต่แล้วภาพนั้นก็หยุดชะงัก
เธอกำลังหันหน้าไปมองทางด้านหนึ่ง ภาพในสายตาของเธอเป็นเงาตะคุ่มของร่างสองร่างจับจูงมือกันเดินลัดเลาะชายหาดมาแต่ไกล
   
เธอรีบเดินไปนั่งซุกตัวแอบอยู่ด้านหนึ่งของเงาไม้ใหญ่ด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
   
‘...ทำไมเราต้องแอบด้วยนะ...’ เสียงเล็กๆ ดังขึ้นในหัวสมองของเธออีก เธอตัดสินใจจะยืดตัวขึ้นที่ซ่อน ทว่าเมื่อเห็นเงาร่างสูงใหญ่คุกเข่าลงแทบเท้าของอีกร่างหนึ่งเธอก็ตัดสินใจนั่งอยู่เช่นเดิม
   
เธอยกมือขึ้นทาบทับหัวใจที่เหมือนถูกบีบรัดของเธอเหมือนกลัวว่ามันจะแหลกสลาย มืออีกข้างหนึ่งยกขึ้นปิดปากเพราะกลัวเสียงของตัวเองจะเล็ดลอดออกไปรบกวนคนทั้งสอง
   
‘ไม่จริง อย่านะ’ เสียงประท้วงเล็กๆ ดังก้องอยู่ในอก หากแต่มันไปเป็นผล เธอปิดตาแน่นพยายามไม่รับรู้ใดๆ แต่ในที่สุดด้วยความอยากรู้ เธอก็ลืมตาขึ้นมองภาพที่เธอก็รู้ดีว่า มันจะประทับแน่นติดอยู่ในใจเธอตลอดกาล...
   
ร่างที่คุกเข่าเกาะกุมมือบางของอีกฝ่ายแนบกับหน้าของตน เธอปรารถนาที่จะเป็นเจ้าของมือที่ได้รับเกียรตินั้นยิ่งนัก
เสียงเบาอบอุ่นปละปลิวมาพร้อมกับสายลม เหมือนกับกระซิบให้ตรึงแน่นกับใจของเธอ
   
“พี่รักแก้ม”
   
วาฤดีซบหน้าลงกับเข่าของตัวเอง ตอกย้ำหัวใจก่อนจะสิ้นความรู้สึกด้วยถ้อยคำสุดท้ายที่ได้ยิน
   
พี่รักแก้ม...พี่รักแก้ม...
   
เป็นก้อยไม่ได้เหรอคะ พี่วิน...
“พี่วินไม่ได้...ไม่รัก..กะ...”
“ตื่นแล้วเหรอ เมื่อกี้ว่าไงนะ”
วาฤดีกระพริบตาหนักอึ้งไปมา รู้สึกถึงความแห้งผากของลำคอ เสียงที่เปล่งออกมาจากความฝัน ยังอ้อยอิ่งอยู่ที่ริมฝีปาก หญิงสาวกลืนคำตัดพ้อของตัวเองไปพร้อมกับน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ จนเห็นเอกบดินทร์นั่งอยู่ด้านหนึ่งของเตียง
   
“ไม่...ที่นี่ที่ไหน...ขอน้ำฉันหน่อย”
   
“โรงพยาบาล...แต่ยังอยู่บนเกาะช้างน่ะแหละ ถ้าดีขึ้นแล้ว เรากลับไปฝั่งระยองดีกว่า แล้วก็รีบๆ กลับกรุงเทพ จัดการผ่าตัดเสียเลยให้เรียบร้อย” เอกบดินทร์ตอบพลางรินน้ำยื่นให้
   
“ผ่าตัด?”
   
“ใช่น่ะสิ ยังทันนัดนี่ คุณมีกำหนดผ่าตัดวันจันทร์ไม่ใช่เหรอ”
   
หญิงสาวยิ้มอย่างเศร้าสร้อย ก่อนจะกล่าวเรียบเฉยราวกับเป็นเรื่องความเป็นความตายของคนอื่น ว่า
   
“ยังคิดว่าฉันจะรอดอยู่อีกเหรอ”
   
“ฮึ้ม? หมายความว่ายังไง”
   
“ก็หมายความตามที่พูด ฉันถามว่า นายเป็นหมอ ดูสภาพฉันแล้วยังคิดว่าฉันมีโอกาสรอดอยู่อีกเหรอ”
   
“แต่เห็นแก้มบอกว่า..” ชายหนุ่มนิ่งไปเมื่อพูดขึ้นมาเพียงแค่นั้น เพราะเขาคิดได้ว่าคำบอกเล่าจากหญิงสาวอีกผู้หนึ่ง ไม่ได้จำเป็นต้องเป็นความจริงเสมอไป
   
“บอกว่า?”
   
“ก็บอกว่าคุณต้องเข้าผ่าตัด”
   
“ฉันบอกที่บ้านไว้อย่างนั้น”
   
“หมายความว่าคุณรู้อยู่แล้วว่าคุณไม่มีทาง...เอ่อ ผมหมายถึง คุณไม่ต้องการจะผ่าตัด ทำไมคุณต้องบอกแบบนั้น”
   
“ฉันก็แค่อยากรู้...ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากนี้ ฉันก็แค่อยากจากไปอย่างมีความสุข ท่ามกลางความทรงจำดีๆ อยากใช้เวลาที่เหลืออยู่ข้างนอกโรงพยาบาลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้” เธอกล่าวเรียบๆ
“ความจริงคุณอาจจะหายก็ได้ ถ้าคุณจะไปผ่าตัดซะเดี๋ยวนี้”
“บิ๊ก...ฉันไม่อยากจากไปพร้อมภาพที่มีคนรุมล้อมอยู่เต็มหัว เพดานโรงพยาบาลขาวๆ เครื่องช่วยหายใจ แล้วก็...รอยน้ำตา” วาฤดีกล่าว ก่อนจะพยายามดึงสายน้ำเกลือออกจากแขน
   
“นี่! คุณทำบ้าอะไรน่ะ” เอกบดินทร์รีบห้าม ด้วยการยึดมือบอบบางทั้งคู่ไว้แน่น
   
“ก็ดึงมันออก แล้วก็ไปจากที่นี่ซะทีน่ะสิ”
   
“อย่ามาบ้าน่ะ คุณยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่เลย นอนพักซะให้น้ำเกลือหมดขวดก่อน เดี๋ยวผมจะโทรไปกรุงเทพบอกน้ากิ่ง ว่าคุณอยู่กับผม เราจะได้จบเรื่องพวกนี้ลงซะที”
   
“จบ?...นายคิดจะให้มันจบลงแบบนี้น่ะเหรอ แน่ใจเหรอว่ามันควรจะจบแบบนี้น่ะ รู้มั้ยว่าเราทำผิดกันมาพอแล้ว ต่อไปนี้ถ้าแก้มต้องการอะไร ฉันก็อยากให้...ไม่ว่ามันต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!”
   
“หมายความว่าคุณอยากให้ทำตามแผนบ้าๆ นี่ต่อไปงั้นเหรอ ผมไม่เข้าใจเลย ถ้าคุณอยากให้ผมเก็บตัวคุณไว้จริงๆ ทำไมคุณต้องส่งข้อความขอความช่วยเหลือนั่นด้วยล่ะ”
   
“แล้วถ้าไม่ทำอย่างงั้น สองคนนั่นจะมีโอกาสได้ออกมาอยู่ด้วยกันตามลำพังแบบนี้งั้นเหรอ” เธอย้อนถาม จนเอกบดินทร์ต้องหรี่ตามองหญิงสาวซีดเซียวที่ช่างดูเด็ดเดี่ยวกว่าคนปกติตรงหน้าอย่างครุ่นคิด ก่อนจะโพล่งออกมาว่า
   
“คุณจงใจให้แผนการของแก้มสำเร็จ! คุณร่วมมือกันงั้นเหรอ?” วาฤดีแค่นหัวเราะเศร้าสร้อยเมื่อฟังคำคะเนนั้น แววตาของเธอปรากฏร่องรอยความผิดหวัง และมากไปด้วยความเสียใจ
   
“เปล่าเลย เราสองคนไม่ได้รักกันเหมือนเดิมอีกแล้ว บางทีนะบิ๊ก บางทีฉันรู้สึกว่า...อีกครึ่งชีวิตของฉันหลุดลอยหายไปแล้ว ” วาฤดีรำพันก่อนจะหลับตาลงไปอีกครั้ง
   
เอกบดินทร์รู้ว่าเธอไม่ได้ต้องการจะหลับ เพียงแต่เธอปรารถนาจะยุติการสนทนาของเธอกับเขาไว้เพียงเท่านั้น
\"ผมไม่เคยเข้าใจพวกคุณเลย\"
สายตาของเธอทอดไปไกลยังท้องทะเลสงบเบื้องหน้า กลิ่นทะเลเค็มจางลอยมาพร้อมสายลม
...หนาว...
เธอห่อตัวลงพลางกอดอกแน่น แม้สำหรับคนทั่วไป อาจจะเป็นเพียงกระแสลมบางเบาและเย็นสบาย แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เธอต้องลูบไล้แขนตัวเองเบาๆ ด้วยความหนาวเหน็บ
‘เสียดายจัง ดาวสวยซะด้วย’ เธอได้ยินเสียงตัวเองกล่าวเบาๆ ทั้งๆ ที่คิดว่ายังไม่ทันได้พูดอะไร
   
‘ไม่เป็นไร กลับไปเอาเสื้อคลุมดีกว่า จะได้ชวนแก้มมาดูดาวด้วยกัน’ เสียงเล็กๆ นั้นกล่าวต่อ ก่อนที่ภาพจะหมุนกลับมายังบ้านที่แสนคุ้นตา
   
แต่แล้วภาพนั้นก็หยุดชะงัก
เธอกำลังหันหน้าไปมองทางด้านหนึ่ง ภาพในสายตาของเธอเป็นเงาตะคุ่มของร่างสองร่างจับจูงมือกันเดินลัดเลาะชายหาดมาแต่ไกล
   
เธอรีบเดินไปนั่งซุกตัวแอบอยู่ด้านหนึ่งของเงาไม้ใหญ่ด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
   
‘...ทำไมเราต้องแอบด้วยนะ...’ เสียงเล็กๆ ดังขึ้นในหัวสมองของเธออีก เธอตัดสินใจจะยืดตัวขึ้นที่ซ่อน ทว่าเมื่อเห็นเงาร่างสูงใหญ่คุกเข่าลงแทบเท้าของอีกร่างหนึ่งเธอก็ตัดสินใจนั่งอยู่เช่นเดิม
   
เธอยกมือขึ้นทาบทับหัวใจที่เหมือนถูกบีบรัดของเธอเหมือนกลัวว่ามันจะแหลกสลาย มืออีกข้างหนึ่งยกขึ้นปิดปากเพราะกลัวเสียงของตัวเองจะเล็ดลอดออกไปรบกวนคนทั้งสอง
   
‘ไม่จริง อย่านะ’ เสียงประท้วงเล็กๆ ดังก้องอยู่ในอก หากแต่มันไปเป็นผล เธอปิดตาแน่นพยายามไม่รับรู้ใดๆ แต่ในที่สุดด้วยความอยากรู้ เธอก็ลืมตาขึ้นมองภาพที่เธอก็รู้ดีว่า มันจะประทับแน่นติดอยู่ในใจเธอตลอดกาล...
   
ร่างที่คุกเข่าเกาะกุมมือบางของอีกฝ่ายแนบกับหน้าของตน เธอปรารถนาที่จะเป็นเจ้าของมือที่ได้รับเกียรตินั้นยิ่งนัก
เสียงเบาอบอุ่นปละปลิวมาพร้อมกับสายลม เหมือนกับกระซิบให้ตรึงแน่นกับใจของเธอ
   
“พี่รักแก้ม”
   
วาฤดีซบหน้าลงกับเข่าของตัวเอง ตอกย้ำหัวใจก่อนจะสิ้นความรู้สึกด้วยถ้อยคำสุดท้ายที่ได้ยิน
   
พี่รักแก้ม...พี่รักแก้ม...
   
เป็นก้อยไม่ได้เหรอคะ พี่วิน...
“พี่วินไม่ได้...ไม่รัก..กะ...”
“ตื่นแล้วเหรอ เมื่อกี้ว่าไงนะ”
วาฤดีกระพริบตาหนักอึ้งไปมา รู้สึกถึงความแห้งผากของลำคอ เสียงที่เปล่งออกมาจากความฝัน ยังอ้อยอิ่งอยู่ที่ริมฝีปาก หญิงสาวกลืนคำตัดพ้อของตัวเองไปพร้อมกับน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ จนเห็นเอกบดินทร์นั่งอยู่ด้านหนึ่งของเตียง
   
“ไม่...ที่นี่ที่ไหน...ขอน้ำฉันหน่อย”
   
“โรงพยาบาล...แต่ยังอยู่บนเกาะช้างน่ะแหละ ถ้าดีขึ้นแล้ว เรากลับไปฝั่งระยองดีกว่า แล้วก็รีบๆ กลับกรุงเทพ จัดการผ่าตัดเสียเลยให้เรียบร้อย” เอกบดินทร์ตอบพลางรินน้ำยื่นให้
   
“ผ่าตัด?”
   
“ใช่น่ะสิ ยังทันนัดนี่ คุณมีกำหนดผ่าตัดวันจันทร์ไม่ใช่เหรอ”
   
หญิงสาวยิ้มอย่างเศร้าสร้อย ก่อนจะกล่าวเรียบเฉยราวกับเป็นเรื่องความเป็นความตายของคนอื่น ว่า
   
“ยังคิดว่าฉันจะรอดอยู่อีกเหรอ”
   
“ฮึ้ม? หมายความว่ายังไง”
   
“ก็หมายความตามที่พูด ฉันถามว่า นายเป็นหมอ ดูสภาพฉันแล้วยังคิดว่าฉันมีโอกาสรอดอยู่อีกเหรอ”
   
“แต่เห็นแก้มบอกว่า..” ชายหนุ่มนิ่งไปเมื่อพูดขึ้นมาเพียงแค่นั้น เพราะเขาคิดได้ว่าคำบอกเล่าจากหญิงสาวอีกผู้หนึ่ง ไม่ได้จำเป็นต้องเป็นความจริงเสมอไป
   
“บอกว่า?”
   
“ก็บอกว่าคุณต้องเข้าผ่าตัด”
   
“ฉันบอกที่บ้านไว้อย่างนั้น”
   
“หมายความว่าคุณรู้อยู่แล้วว่าคุณไม่มีทาง...เอ่อ ผมหมายถึง คุณไม่ต้องการจะผ่าตัด ทำไมคุณต้องบอกแบบนั้น”
   
“ฉันก็แค่อยากรู้...ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากนี้ ฉันก็แค่อยากจากไปอย่างมีความสุข ท่ามกลางความทรงจำดีๆ อยากใช้เวลาที่เหลืออยู่ข้างนอกโรงพยาบาลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้” เธอกล่าวเรียบๆ
“ความจริงคุณอาจจะหายก็ได้ ถ้าคุณจะไปผ่าตัดซะเดี๋ยวนี้”
“บิ๊ก...ฉันไม่อยากจากไปพร้อมภาพที่มีคนรุมล้อมอยู่เต็มหัว เพดานโรงพยาบาลขาวๆ เครื่องช่วยหายใจ แล้วก็...รอยน้ำตา” วาฤดีกล่าว ก่อนจะพยายามดึงสายน้ำเกลือออกจากแขน
   
“นี่! คุณทำบ้าอะไรน่ะ” เอกบดินทร์รีบห้าม ด้วยการยึดมือบอบบางทั้งคู่ไว้แน่น
   
“ก็ดึงมันออก แล้วก็ไปจากที่นี่ซะทีน่ะสิ”
   
“อย่ามาบ้าน่ะ คุณยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่เลย นอนพักซะให้น้ำเกลือหมดขวดก่อน เดี๋ยวผมจะโทรไปกรุงเทพบอกน้ากิ่ง ว่าคุณอยู่กับผม เราจะได้จบเรื่องพวกนี้ลงซะที”
   
“จบ?...นายคิดจะให้มันจบลงแบบนี้น่ะเหรอ แน่ใจเหรอว่ามันควรจะจบแบบนี้น่ะ รู้มั้ยว่าเราทำผิดกันมาพอแล้ว ต่อไปนี้ถ้าแก้มต้องการอะไร ฉันก็อยากให้...ไม่ว่ามันต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!”
   
“หมายความว่าคุณอยากให้ทำตามแผนบ้าๆ นี่ต่อไปงั้นเหรอ ผมไม่เข้าใจเลย ถ้าคุณอยากให้ผมเก็บตัวคุณไว้จริงๆ ทำไมคุณต้องส่งข้อความขอความช่วยเหลือนั่นด้วยล่ะ”
   
“แล้วถ้าไม่ทำอย่างงั้น สองคนนั่นจะมีโอกาสได้ออกมาอยู่ด้วยกันตามลำพังแบบนี้งั้นเหรอ” เธอย้อนถาม จนเอกบดินทร์ต้องหรี่ตามองหญิงสาวซีดเซียวที่ช่างดูเด็ดเดี่ยวกว่าคนปกติตรงหน้าอย่างครุ่นคิด ก่อนจะโพล่งออกมาว่า
   
“คุณจงใจให้แผนการของแก้มสำเร็จ! คุณร่วมมือกันงั้นเหรอ?” วาฤดีแค่นหัวเราะเศร้าสร้อยเมื่อฟังคำคะเนนั้น แววตาของเธอปรากฏร่องรอยความผิดหวัง และมากไปด้วยความเสียใจ
   
“เปล่าเลย เราสองคนไม่ได้รักกันเหมือนเดิมอีกแล้ว บางทีนะบิ๊ก บางทีฉันรู้สึกว่า...อีกครึ่งชีวิตของฉันหลุดลอยหายไปแล้ว ” วาฤดีรำพันก่อนจะหลับตาลงไปอีกครั้ง
   
เอกบดินทร์รู้ว่าเธอไม่ได้ต้องการจะหลับ เพียงแต่เธอปรารถนาจะยุติการสนทนาของเธอกับเขาไว้เพียงเท่านั้น
\"ผมไม่เคยเข้าใจพวกคุณเลย\"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น