ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : กุญแจมือ ล่ามไว้ได้เพียงมือ
“พี่ก้อยใจร้าย พี่ก้อยรักพี่วิน แต่แก้มก็รักพี่วินไม่ได้น้อยกว่าพี่ก้อยเลยนี่ ทำอย่างนี้มันไม่เห็นยุติธรรมเลย!”
วาฤดีห่อตัวอยู่ในเสื้อคลุมตัวโคร่งอย่างเจ็บปวด ยามเมื่อเธอคิดถึงถ้อยคำตัดพ้อของผู้เป็นน้อง มือผอมบางกดแน่นลงกับหน้าท้องเพื่อสะกดความปวดร้าวที่มักมาเยือนทุกครั้งที่อยู่ในอารมณ์ตึงเครียดผิดปกติ
“เป็นอะไรอ่ะ พี่” กั๊ก ซึ่งเป็นคนขับรถพาเธอลงมาจากบ้านไม้ที่เชิงเขาหันมาถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย วาฤดีฝืนส่งยิ้มซีดเซียวให้ ก่อนจะตอบเสียงแผ่วว่า
“ไม่หรอก ขอบใจนะ เธอขับต่อเถอะ”
“แล้วตกลงจะให้ไปส่งที่ไหน จะไหวมั้ยเนี่ย”
“หน้าเกาะนั่นแหละ เดี๋ยวฉันต่อเรือกลับไปเอง”
“ครับ...เอ่อ ขอโทษนะพี่ ที่ขังพี่ไว้ตั้งหลายวัน แต่ผมก็ทำตามที่เขาสั่งอ่ะ พี่เป็นอะไรกับผู้ชายคนนั้นเหรอ”
“เป็นเพื่อน เป็นเจ้านาย แต่ไม่เป็นไรหรอก ฉัน..ฉันยอมรับมันได้ เพราะมันเป็นทางที่ฉันเลือกเอง ความจริงเธอไม่ต้องพาฉันหนีมาก็ได้ด้วยซ้ำ เพราะเดี๋ยวก็มีคนมาช่วยฉันเองนั่นแหละ” วาฤดียิ้มเมื่อกล่าวถึงประโยคนั้น
กั๊กหน้าย่นด้วยความไม่เข้าใจ หากแต่เขาก็ไม่ซักไซร้ต่อ ด้วยเขารู้สึกว่า พี่สาวท่าทางอมโรคที่เขาคุมตัวอยู่มักพึมพำอะไรที่เกินกว่าที่เขาจะเข้าใจได้อยู่เสมอ ราวกับว่าพร่ำบ่นกับตัวเองเสียมากกว่าคุยกับเขา
เด็กหนุ่มหันไปให้ความสนใจกับการขับรถบนเส้นทางขรุขระเบื้องหน้า ตัวรถโยกซ้ายขวาไปมาตามพื้นผิวทาง
“อะ..โอ้ยยย..” วาฤดีทรุดตัวซ้ำลงไปอีกจากแรงกระเทือน เธอซบหน้าลงกับด้านหน้ารถอย่างหมดแรง ในขณะที่กั๊กได้แต่พะวักพะวนทำอะไรไม่ถูก
“พี่ๆ เป็นไงบ้าง”
“ยา...ขอยา..” วาฤดีครวญด้วยความเจ็บปวด เธอข่มก้อนน้ำดีขมๆ ที่ขึ้นมาจุกที่คอเสียจนแสบปร่าจนน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
หญิงสาวพยายามเปิดกระเป๋าใบเล็ก ทว่ามือทั้งสองเกร็งแน่นจนช่วยเหลือตัวเองได้ลำบากเต็มที
“ยา ยาไหน ยาอยู่ไหนล่ะ” กั๊กหันรีหันขวางหาถุงยาที่คงจะอยู่ที่ไหนซักแห่งในกระเป๋าใบนั้น เขารีบคว้ากระเป๋าใบเล็กของวาฤดีมาคุ้ยดู ทว่าตัวยาสารพัดในนั้นก็ทำให้เขาต้องหัวหมุน
“ไหนล่ะ ไหน ยาอันไหนล่ะพี่”
ปึ่กๆๆ
เสียงเคาะกระจกทำให้เขาชะงักการค้นหา เด็กหนุ่มเอี้ยวตัวกลับไปมองข้างกระจกคนขับ ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของเสียงนั้น
“คุณ!”เขาแยกไม่ออกว่า สมควรเสียใจหรือดีใจกันแน่ หากแต่ว่าเด็กหนุ่มก็ยังรีบไขกระจกลงโดยเร็ว
“ถอย ฉันจะฉีดยาระงับปวด” เด็กหนุ่มรีบถอยหนีออกจากที่นั่งคนขับ ปล่อยให้การรักษาพยาบาลเป็นหน้าที่ของชายผู้มาใหม่
“เอ่อ คุณเอกบดินทร์ครับ เรื่องที่ผมพาผู้หญิงคนนี้ออกมา คือผม..อืม..คือ” เด็กหนุ่มพยายามแก้ตัวกับเอกบดินทร์ เรื่องที่พาวาฤดีหนีออกมาโดยพลการ แต่เท่าที่เขาทำได้คือการอึกอักจนน่าขัน เอกบดินทร์ส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะบอกปัดอย่างไม่ใส่ใจว่า
“ไม่เป็นไรหรอก”
เด็กหนุ่มต้องย่นหน้าอีกครั้งด้วยความไม่เข้าใจ.. ความไม่เข้าใจครั้งแรก เป็นเพราะผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกจับมาขังโดยที่ตัวเองเห็นเป็นเรื่องสมควร ส่วนครั้งที่สอง สำหรับผู้ชายที่จับตัวผู้หญิงคนนั้นมาโดยไม่ถือสากับการปล่อยตัวเธอ
“คุณควรจะไปผ่าตัดซะทีนะ ก้อย” กั๊กได้ยินเสียงนายจ้างของเขากระซิบเบาๆ กับร่างที่ไม่ได้สติ น้ำเสียงนั้นดูเป็นห่วงเป็นใยเสียจนไม่น่าจะใช่คนที่จะมาทำร้ายกันได้
“เดี๋ยวนายขับรถต่อลงไปข้างล่าง แล้วไปหาที่พักกัน เธอต้องการพักผ่อน” เอกบดินทร์หันมาสั่งกับกั๊ก ก่อนที่จะผลุบกลับไปสตาร์ทรถคันดำสนิทที่จอดถัดไปด้านหลังของตัวรถจิ๊บ
กั๊กก้าวขึ้นประจำที่นั่งคนขับ ก่อนจะสรุปกับตัวเองว่า บางทีการทำอะไรที่คาดการณ์ไม่ได้แบบนี้ อาจจะเป็นลักษณะนิสัยของคนกรุงเทพกระมัง
ประตูห้องขังถูกเปิดแง้มออกช้าๆ...
ภายในนั้น ไอรดากำลังนอนหันหน้าเข้ากับกำแพงห้อง มองความว่างเปล่านั้น เหมือนกันว่าเป็นหัวใจตัวเอง
ไม่เสียใจ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น...
เธอชี้นำตัวเองด้วยประโยคซ้ำๆ แต่หัวใจของเธอเองกลับซื่อสัตย์ต่อความรู้สึก ร่างกายยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์
เธอกำลังร้องไห้...และผู้ชายที่เธอรักที่แม้จะถูกผูกมือข้างหนึ่งติดไว้กับมืออีกข้างหนึ่งของเธอ แต่ก็ทำทีว่าไม่สนใจเธอเลยสักนิด
“กินข้าวซะ” เสียงดัดต่ำที่พูดผ่านหมวกไหมพรมหนาๆ ของผู้ชายร่างท้วมคนเดิมพูดขึ้นมา พร้อมกับที่ห่ออาหารถูกวางลงที่ปลายเตียง
“นายจับพวกเราไว้ทำไม” อนาวินถามขึ้น
“ก็ไว้อย่างงั้นๆ แส่มาทำไมล่ะ” ชายคนนั้น ยักษ์ไหล่ตอบด้วยท่าทียียวน
“แล้วผู้หญิงอีกคนล่ะ คนที่นายจับมาก่อนหน้าฉันน่ะ”
“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามอะไรสักหน่อย อยากกินก็กินซะก็แล้วกัน” ชายร่างท้วมบอก พลางหมุนตัวจะจากไป ไอรดารีบออกปากประท้วงโวยวาย
“จะให้กินยังไงฮะ มามัดมือติดกันไว้อย่างเนี้ย จะกินเข้าไปได้ยังไง จะให้กินก็ปล่อยกุญแจมือก่อนซิ”
“ไม่เห็นต้องปล่อย ยังไงมืออีกข้างก็ยังว่างนี่”
“แล้วจะให้ฉันเข้าห้องน้ำยังไงเล่า” เหตุผลที่ไอรดายกมาทำให้ชายร่างท้วมชะงักตัวเล็กน้อย ไหล่หนาสั่นไหวเหมือนกำลังกลั้นหัวเราะ
\"ยังไงก็ยังงั้นแหละ ไม่รู้เว้ย” ชายร่างท้วมว่า พลางเดินออกไปแล้วปิดประตูลง ไอรดาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ แว่วอยู่ภายนอก
“ทำไมมันต้องแกล้งกันอย่างงี้ด้วยเนี่ย” เธอสบถ พลางชันตัวลุกขึ้น มือข้างที่เป็นอิสระทุบกำแพงปึงปัง
“แก้มต้องออกจากที่นี่ให้ได้เลย” ไอรดาว่า พลางลุกขึ้นสำรวจหน้าต่างบานเล็กหาทางหนีรอบๆ ห้องอย่างไม่ยอมแพ้ โดยมีอนาวินคอยเดินตามอยู่ข้างหลัง
“คงไม่มีทางหนีหรอก แก้ม” เขาออกความเห็น ทว่าได้รับเพียงสายตาที่ตวัดขวับของไอรดา
เธอเดินป่ายปะไปถึงห้องน้ำ ปีนขึ้นไปสำรวจบนช่องลมแคบๆ ด้านบน ถึงขั้นทดลองยื่นมือออกไปภายนอก
“ไม่เอาน่า กลับไปนั่งแล้วคิดวิธีที่ดีกว่านี้เถอะ” เขาบอก แต่ไอรดาก็ยังคงเฉยและสำรวจทางหนีของเธอต่อ ราวกับไม่ได้ยิน
“เราอยู่กันแค่สองคนนะ แก้ม คุยกันดีๆ ไม่ได้เหรอ”
ไอรดาก้าวลงจากโถส้วมประจันหน้ากับเขาอยู่ในห้องน้ำแคบ สายตาว่างเปล่ามองผ่านเขาไปราวกับเขาไม่มีตัวตน
“แมงหวี่ที่นี่กระพือปีกดังชะมัด” หญิงสาวบ่น พลางเอียงศีรษะไปด้านหนึ่งวางสีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิด
“อย่ากวนน่า แก้ม”
“แน๊ะ คราวนี้เป็นแมลงวันแฮะ ไอ้แมลงวันโสโครก”
“ไม่เอาน่ะ พี่ว่าเราคุยกันเข้าใจนะ ยังไงเราก็ถูกขังไว้ด้วยกันนะ”
ไอรดาแบะปากออก ดวงตากลมโตกรอกไปมา คล้ายกับจะล้อเลียนเจ้าแมลงวันโสโครกในจินตนาการของตัวเอง “อือๆๆๆ ตบให้ตายซะดีกว่ามั้ยเนี่ย อือๆๆ”
“จะเล่นสงครามเย็นกับพี่รึไงฮะ” เสียงอนาวินเกือบจะเอือมๆ กับความยียวนของหญิงสาวตรงหน้า แต่รอยยิ้มก็ยังปรากฏให้เห็นเด่นชัด เหมือนกับกำลังเล่นเกมสนุกๆ
“คิดว่าเล่นเป็นคนเดียวเหรอ” อนาวินก้มหน้าลงมาเสียเกือบชิด จมูกของเขาแทบจะชนกับจมูกเล็กๆ ของไอรดา ซึ่งนั่นทำให้เสียงอือๆ เลียนเสียงการบินของแมลงวันเงียบหายไป เธอแสร้งก้มลงมองปลายเท้าตัวเอง
“แล้วคิดว่าจะชนะด้วยเหรอไง” อนาวินพูดต่อ จมูกโด่งถูกกดลงหยอกเหย้าที่แก้มอ่อนใส ไอรดาสะท้านตัวขึ้นเงยหน้าจะสวนควับ แต่ก็ข่มอารมณ์ตัวเองไว้ บ่นออกไปเพียงว่า
“แมลงวันปากเหม็น!”
“เหรอ....” อนาวินลากเสียงยาวแต่ไม่ยอมถอยหนี จนหญิงสาวได้แต่หน้าแดงนิ่งยอมจำนน แก้มของเธอยังคงถูกรุกราน
“พี่วินขี้โกง” ไอรดาท้วง หน้าบูดบึ้งที่อนาวินใช้วิธีอย่างนี้กับเธอ...แล้ววิธีอย่างนี้ของเขาก็ดันได้ผลเสียด้วย!!...
“แพ้แล้ว เห็นมั้ย คุยกะพี่แล้ว ไม่เห็นจะโกงตรงไหน แก้มแพ้ ก็คือแพ้อยู่ดีน่ะแหละ” ชายหนุ่มหัวเราะร่า
“ขี้โกง” หญิงสาวยังคงยืนยันคำเดิม พลางผลักอกเขาให้ถอยห่าง
“ดีกันน่า เราเข้าใจกันดีนี่ ยังไงๆ เราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้”
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ แก้มจะคิดซะว่าไม่ได้ถามพี่วินก็แล้วกัน ไปกินข้าวกันดีกว่าค่ะ จะได้เก็บแรงไว้หาทางหนี”
“อืม” ชายหนุ่มรับคำ แล้วออกเดินนำกลับไปยังเตียง ไอรดากระตุกแขนที่คล้องกุญแจมือไว้ทีหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดว่า
“อ่อ พี่วินคะ..แล้วขอร้องล่ะ อย่าเล่นแบบนี้อีกนะ พี่วินอาจคิดว่าพี่น้องกันไม่เป็นไร แต่แก้มไม่ได้คิดแบบนั้น...เรื่องเก่าๆ ที่พี่วินลืมแล้ว แต่แก้มไม่ลืม ยังไงๆ ก็สงสารแก้มบ้างเถอะนะคะ”
วาฤดีห่อตัวอยู่ในเสื้อคลุมตัวโคร่งอย่างเจ็บปวด ยามเมื่อเธอคิดถึงถ้อยคำตัดพ้อของผู้เป็นน้อง มือผอมบางกดแน่นลงกับหน้าท้องเพื่อสะกดความปวดร้าวที่มักมาเยือนทุกครั้งที่อยู่ในอารมณ์ตึงเครียดผิดปกติ
“เป็นอะไรอ่ะ พี่” กั๊ก ซึ่งเป็นคนขับรถพาเธอลงมาจากบ้านไม้ที่เชิงเขาหันมาถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย วาฤดีฝืนส่งยิ้มซีดเซียวให้ ก่อนจะตอบเสียงแผ่วว่า
“ไม่หรอก ขอบใจนะ เธอขับต่อเถอะ”
“แล้วตกลงจะให้ไปส่งที่ไหน จะไหวมั้ยเนี่ย”
“หน้าเกาะนั่นแหละ เดี๋ยวฉันต่อเรือกลับไปเอง”
“ครับ...เอ่อ ขอโทษนะพี่ ที่ขังพี่ไว้ตั้งหลายวัน แต่ผมก็ทำตามที่เขาสั่งอ่ะ พี่เป็นอะไรกับผู้ชายคนนั้นเหรอ”
“เป็นเพื่อน เป็นเจ้านาย แต่ไม่เป็นไรหรอก ฉัน..ฉันยอมรับมันได้ เพราะมันเป็นทางที่ฉันเลือกเอง ความจริงเธอไม่ต้องพาฉันหนีมาก็ได้ด้วยซ้ำ เพราะเดี๋ยวก็มีคนมาช่วยฉันเองนั่นแหละ” วาฤดียิ้มเมื่อกล่าวถึงประโยคนั้น
กั๊กหน้าย่นด้วยความไม่เข้าใจ หากแต่เขาก็ไม่ซักไซร้ต่อ ด้วยเขารู้สึกว่า พี่สาวท่าทางอมโรคที่เขาคุมตัวอยู่มักพึมพำอะไรที่เกินกว่าที่เขาจะเข้าใจได้อยู่เสมอ ราวกับว่าพร่ำบ่นกับตัวเองเสียมากกว่าคุยกับเขา
เด็กหนุ่มหันไปให้ความสนใจกับการขับรถบนเส้นทางขรุขระเบื้องหน้า ตัวรถโยกซ้ายขวาไปมาตามพื้นผิวทาง
“อะ..โอ้ยยย..” วาฤดีทรุดตัวซ้ำลงไปอีกจากแรงกระเทือน เธอซบหน้าลงกับด้านหน้ารถอย่างหมดแรง ในขณะที่กั๊กได้แต่พะวักพะวนทำอะไรไม่ถูก
“พี่ๆ เป็นไงบ้าง”
“ยา...ขอยา..” วาฤดีครวญด้วยความเจ็บปวด เธอข่มก้อนน้ำดีขมๆ ที่ขึ้นมาจุกที่คอเสียจนแสบปร่าจนน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
หญิงสาวพยายามเปิดกระเป๋าใบเล็ก ทว่ามือทั้งสองเกร็งแน่นจนช่วยเหลือตัวเองได้ลำบากเต็มที
“ยา ยาไหน ยาอยู่ไหนล่ะ” กั๊กหันรีหันขวางหาถุงยาที่คงจะอยู่ที่ไหนซักแห่งในกระเป๋าใบนั้น เขารีบคว้ากระเป๋าใบเล็กของวาฤดีมาคุ้ยดู ทว่าตัวยาสารพัดในนั้นก็ทำให้เขาต้องหัวหมุน
“ไหนล่ะ ไหน ยาอันไหนล่ะพี่”
ปึ่กๆๆ
เสียงเคาะกระจกทำให้เขาชะงักการค้นหา เด็กหนุ่มเอี้ยวตัวกลับไปมองข้างกระจกคนขับ ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของเสียงนั้น
“คุณ!”เขาแยกไม่ออกว่า สมควรเสียใจหรือดีใจกันแน่ หากแต่ว่าเด็กหนุ่มก็ยังรีบไขกระจกลงโดยเร็ว
“ถอย ฉันจะฉีดยาระงับปวด” เด็กหนุ่มรีบถอยหนีออกจากที่นั่งคนขับ ปล่อยให้การรักษาพยาบาลเป็นหน้าที่ของชายผู้มาใหม่
“เอ่อ คุณเอกบดินทร์ครับ เรื่องที่ผมพาผู้หญิงคนนี้ออกมา คือผม..อืม..คือ” เด็กหนุ่มพยายามแก้ตัวกับเอกบดินทร์ เรื่องที่พาวาฤดีหนีออกมาโดยพลการ แต่เท่าที่เขาทำได้คือการอึกอักจนน่าขัน เอกบดินทร์ส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะบอกปัดอย่างไม่ใส่ใจว่า
“ไม่เป็นไรหรอก”
เด็กหนุ่มต้องย่นหน้าอีกครั้งด้วยความไม่เข้าใจ.. ความไม่เข้าใจครั้งแรก เป็นเพราะผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกจับมาขังโดยที่ตัวเองเห็นเป็นเรื่องสมควร ส่วนครั้งที่สอง สำหรับผู้ชายที่จับตัวผู้หญิงคนนั้นมาโดยไม่ถือสากับการปล่อยตัวเธอ
“คุณควรจะไปผ่าตัดซะทีนะ ก้อย” กั๊กได้ยินเสียงนายจ้างของเขากระซิบเบาๆ กับร่างที่ไม่ได้สติ น้ำเสียงนั้นดูเป็นห่วงเป็นใยเสียจนไม่น่าจะใช่คนที่จะมาทำร้ายกันได้
“เดี๋ยวนายขับรถต่อลงไปข้างล่าง แล้วไปหาที่พักกัน เธอต้องการพักผ่อน” เอกบดินทร์หันมาสั่งกับกั๊ก ก่อนที่จะผลุบกลับไปสตาร์ทรถคันดำสนิทที่จอดถัดไปด้านหลังของตัวรถจิ๊บ
กั๊กก้าวขึ้นประจำที่นั่งคนขับ ก่อนจะสรุปกับตัวเองว่า บางทีการทำอะไรที่คาดการณ์ไม่ได้แบบนี้ อาจจะเป็นลักษณะนิสัยของคนกรุงเทพกระมัง
ประตูห้องขังถูกเปิดแง้มออกช้าๆ...
ภายในนั้น ไอรดากำลังนอนหันหน้าเข้ากับกำแพงห้อง มองความว่างเปล่านั้น เหมือนกันว่าเป็นหัวใจตัวเอง
ไม่เสียใจ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น...
เธอชี้นำตัวเองด้วยประโยคซ้ำๆ แต่หัวใจของเธอเองกลับซื่อสัตย์ต่อความรู้สึก ร่างกายยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์
เธอกำลังร้องไห้...และผู้ชายที่เธอรักที่แม้จะถูกผูกมือข้างหนึ่งติดไว้กับมืออีกข้างหนึ่งของเธอ แต่ก็ทำทีว่าไม่สนใจเธอเลยสักนิด
“กินข้าวซะ” เสียงดัดต่ำที่พูดผ่านหมวกไหมพรมหนาๆ ของผู้ชายร่างท้วมคนเดิมพูดขึ้นมา พร้อมกับที่ห่ออาหารถูกวางลงที่ปลายเตียง
“นายจับพวกเราไว้ทำไม” อนาวินถามขึ้น
“ก็ไว้อย่างงั้นๆ แส่มาทำไมล่ะ” ชายคนนั้น ยักษ์ไหล่ตอบด้วยท่าทียียวน
“แล้วผู้หญิงอีกคนล่ะ คนที่นายจับมาก่อนหน้าฉันน่ะ”
“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามอะไรสักหน่อย อยากกินก็กินซะก็แล้วกัน” ชายร่างท้วมบอก พลางหมุนตัวจะจากไป ไอรดารีบออกปากประท้วงโวยวาย
“จะให้กินยังไงฮะ มามัดมือติดกันไว้อย่างเนี้ย จะกินเข้าไปได้ยังไง จะให้กินก็ปล่อยกุญแจมือก่อนซิ”
“ไม่เห็นต้องปล่อย ยังไงมืออีกข้างก็ยังว่างนี่”
“แล้วจะให้ฉันเข้าห้องน้ำยังไงเล่า” เหตุผลที่ไอรดายกมาทำให้ชายร่างท้วมชะงักตัวเล็กน้อย ไหล่หนาสั่นไหวเหมือนกำลังกลั้นหัวเราะ
\"ยังไงก็ยังงั้นแหละ ไม่รู้เว้ย” ชายร่างท้วมว่า พลางเดินออกไปแล้วปิดประตูลง ไอรดาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ แว่วอยู่ภายนอก
“ทำไมมันต้องแกล้งกันอย่างงี้ด้วยเนี่ย” เธอสบถ พลางชันตัวลุกขึ้น มือข้างที่เป็นอิสระทุบกำแพงปึงปัง
“แก้มต้องออกจากที่นี่ให้ได้เลย” ไอรดาว่า พลางลุกขึ้นสำรวจหน้าต่างบานเล็กหาทางหนีรอบๆ ห้องอย่างไม่ยอมแพ้ โดยมีอนาวินคอยเดินตามอยู่ข้างหลัง
“คงไม่มีทางหนีหรอก แก้ม” เขาออกความเห็น ทว่าได้รับเพียงสายตาที่ตวัดขวับของไอรดา
เธอเดินป่ายปะไปถึงห้องน้ำ ปีนขึ้นไปสำรวจบนช่องลมแคบๆ ด้านบน ถึงขั้นทดลองยื่นมือออกไปภายนอก
“ไม่เอาน่า กลับไปนั่งแล้วคิดวิธีที่ดีกว่านี้เถอะ” เขาบอก แต่ไอรดาก็ยังคงเฉยและสำรวจทางหนีของเธอต่อ ราวกับไม่ได้ยิน
“เราอยู่กันแค่สองคนนะ แก้ม คุยกันดีๆ ไม่ได้เหรอ”
ไอรดาก้าวลงจากโถส้วมประจันหน้ากับเขาอยู่ในห้องน้ำแคบ สายตาว่างเปล่ามองผ่านเขาไปราวกับเขาไม่มีตัวตน
“แมงหวี่ที่นี่กระพือปีกดังชะมัด” หญิงสาวบ่น พลางเอียงศีรษะไปด้านหนึ่งวางสีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิด
“อย่ากวนน่า แก้ม”
“แน๊ะ คราวนี้เป็นแมลงวันแฮะ ไอ้แมลงวันโสโครก”
“ไม่เอาน่ะ พี่ว่าเราคุยกันเข้าใจนะ ยังไงเราก็ถูกขังไว้ด้วยกันนะ”
ไอรดาแบะปากออก ดวงตากลมโตกรอกไปมา คล้ายกับจะล้อเลียนเจ้าแมลงวันโสโครกในจินตนาการของตัวเอง “อือๆๆๆ ตบให้ตายซะดีกว่ามั้ยเนี่ย อือๆๆ”
“จะเล่นสงครามเย็นกับพี่รึไงฮะ” เสียงอนาวินเกือบจะเอือมๆ กับความยียวนของหญิงสาวตรงหน้า แต่รอยยิ้มก็ยังปรากฏให้เห็นเด่นชัด เหมือนกับกำลังเล่นเกมสนุกๆ
“คิดว่าเล่นเป็นคนเดียวเหรอ” อนาวินก้มหน้าลงมาเสียเกือบชิด จมูกของเขาแทบจะชนกับจมูกเล็กๆ ของไอรดา ซึ่งนั่นทำให้เสียงอือๆ เลียนเสียงการบินของแมลงวันเงียบหายไป เธอแสร้งก้มลงมองปลายเท้าตัวเอง
“แล้วคิดว่าจะชนะด้วยเหรอไง” อนาวินพูดต่อ จมูกโด่งถูกกดลงหยอกเหย้าที่แก้มอ่อนใส ไอรดาสะท้านตัวขึ้นเงยหน้าจะสวนควับ แต่ก็ข่มอารมณ์ตัวเองไว้ บ่นออกไปเพียงว่า
“แมลงวันปากเหม็น!”
“เหรอ....” อนาวินลากเสียงยาวแต่ไม่ยอมถอยหนี จนหญิงสาวได้แต่หน้าแดงนิ่งยอมจำนน แก้มของเธอยังคงถูกรุกราน
“พี่วินขี้โกง” ไอรดาท้วง หน้าบูดบึ้งที่อนาวินใช้วิธีอย่างนี้กับเธอ...แล้ววิธีอย่างนี้ของเขาก็ดันได้ผลเสียด้วย!!...
“แพ้แล้ว เห็นมั้ย คุยกะพี่แล้ว ไม่เห็นจะโกงตรงไหน แก้มแพ้ ก็คือแพ้อยู่ดีน่ะแหละ” ชายหนุ่มหัวเราะร่า
“ขี้โกง” หญิงสาวยังคงยืนยันคำเดิม พลางผลักอกเขาให้ถอยห่าง
“ดีกันน่า เราเข้าใจกันดีนี่ ยังไงๆ เราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้”
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ แก้มจะคิดซะว่าไม่ได้ถามพี่วินก็แล้วกัน ไปกินข้าวกันดีกว่าค่ะ จะได้เก็บแรงไว้หาทางหนี”
“อืม” ชายหนุ่มรับคำ แล้วออกเดินนำกลับไปยังเตียง ไอรดากระตุกแขนที่คล้องกุญแจมือไว้ทีหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดว่า
“อ่อ พี่วินคะ..แล้วขอร้องล่ะ อย่าเล่นแบบนี้อีกนะ พี่วินอาจคิดว่าพี่น้องกันไม่เป็นไร แต่แก้มไม่ได้คิดแบบนั้น...เรื่องเก่าๆ ที่พี่วินลืมแล้ว แต่แก้มไม่ลืม ยังไงๆ ก็สงสารแก้มบ้างเถอะนะคะ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น