ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ความรัก ความหลัง
“เฮ้ย แล้วเอ็งจะปล่อยตัวสองคนนั่นเมื่อไหร่วะ” นายชัยถาม ขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดียวในบ้าน ถัดจากตัวเขา คือ นักรบ เด็กหนุ่มร่างท้วมที่เขาค่อนข้างจะรู้จักเป็นอย่างดีในหมู่บ้านเดียวกัน นักรบอายุยังไม่ถึง 20 ปีดี เขาค่อนข้างขาวเมื่อเทียบกับเด็กน้ำทะเลในแถบนี้
ด้วยความที่นักรบมีลักษณะดูเจ้าสำอางอยู่มาก ดังนั้น โดยส่วนตัวของนายชัยแล้ว เขามองว่านักรบเป็นเพียงเด็กยังไม่โต ที่คงมีนิสัยค่อนข้างขี้ขลาดตาขาวคนหนึ่ง เขาจึงแปลกใจมากเมื่อพบว่า นักรบมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย
“ไม่รู้สิ ลุง ต้องรอเค้าสั่งมาก่อน” นักรบตอบ ขณะหยิบอาหารแห้งออกจากตู้เก็บของ แล้วยืนกินเสียตรงนั้น
“เค้า? เอ็งหมายถึงไอ้คนที่จ้างเอ็งมาเฝ้าแฝดของเด็กในห้องนั่นน่ะรึ” นายชัยกล่าวเสียงเบา เพราะเกรงว่าคนที่ถูกขังในห้องจะได้ยิน
“อือ นี่มันก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ สงสัยคงตามรอยคนที่หนีไปล่ะมั้ง” นักรบตอบ พลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“แล้วนี่ เอ็งเฝ้ากันยังไง ถึงปล่อยให้เค้าหนีไปได้”
“ผมบอกตรงๆ ผมทนขังผู้หญิงคนนั้นไว้ไม่ได้หรอก กลัวตายคาห้อง...อีกอย่าง ความจริง...ก็ไม่รู้จะขังไว้ทำไม ในเมื่อจุดประสงค์จริงๆ ของงานนี้...มันก็บรรลุแล้ว”
“บรรลุแล้ว?” นายชัยทวนคำอย่างแปลกใจ
“ใช่ พอนายคนที่จ้างโทรมาบอกว่า สองคนเนี้ย จะขึ้นเขามาวันนี้ ก็เท่ากับจุดประสงค์จริงๆ ของงานเนี้ย บรรลุแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าจะเก็บผู้หญิงคนนั้นไว้อีกทำไม ก็เลยให้ไอ้กั๊ก มันพาไปส่งข้างล่าง”
“หมายความว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของเรื่องทั้งหมดนี่ ” ชายฉกรรจ์แทบไม่อยากจะเชื่อหูเมื่อได้ยินสิ่งที่นักรบกล่าว เขาประมวลเรื่องราวในสมองอย่างรวดเร็ว
“อือ ... มันอยู่ที่สองคนนี่ น่ะแหละ” เด็กหนุ่มย้ำ ก่อนที่จะหันไปให้ความสนใจกับอาหารแห้งในตู้ต่อ
นายชัยมองไปยังบานประตูที่ถูกล็อคเขม็ง เขาไม่รู้หรอกว่า ภายในห้องนั้นจะได้ยินเขาพูดหรือไม่ เพียงแต่จากที่เขาฟังนักรบทั้งหมด...ชายฉกรรจ์คิดคำนวนแล้วเหยียดยิ้มขึ้นที่มุมปาก...
มันเป็นอย่างที่เขาเคยคิดไว้จริงๆ เสียด้วย!
ไอรดาเงี่ยหูฟังอยู่บนเตียงแคบ แม้หลังจากที่อนาวินโดนฟาดเข้าอย่างแรงจนสิ้นสติ แต่เธอก็ไม่ได้ถูกทำอันตรายแต่อย่างใด ถึงกระนั้น เธอก็ยังถูกจับล็อคกุญแจมือติดกับอนาวิน ทั้งกระเป๋าตังค์ และ โทรศัพท์มือถือของเธอกับถูกยืด ไม่ว่าเธอจะพยายามร้องประท้วงเพียงใด เจ้าคนที่จับตัวเธอกับอนาวินไว้ก็ไม่มีทีท่าสนใจจะต่อปากต่อคำใดๆ ทั้งสิ้น ราวกับเป็นใบ้
แล้วเธอและอนาวินก็ถูกโยนโครมลงบนเตียงแคบๆ จากนั้นนายคนนั้นก็หันหลังเดินหายออกไปภายนอก แล้วตามด้วยเสียงล็อคกุญแจที่อันน่าแค้นใจ
หญิงสาวนิ่วหน้าด้วยความไม่ได้ดั่งใจ เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยกันอยู่นอกห้อง แต่เสียงนั่นกลับเบาเพียงเสียงกระซิบ และเงียบหายไปในที่สุด...
“พี่วิน พี่วิน ตื่นสิ”
“...”
“พี่วิน” ไอรดาเรียกซ้ำ พลางกระแซะไหล่กระทบกับเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับเป็นตัวเองที่ตัวสั่นคลอน ด้วยว่าขนาดร่างสู้ชายหนุ่มไม่ได้
“เป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย” เธอบ่น พลางลองยกมือที่ถูกล็อคกุญแจติดกับอนาวินขึ้นดึงไปมา
“พี่วิน” เธอลองเรียกอีกครั้ง จนกระทั่งได้ยินเสียงแผ่ว ครางงึมงำในลำคอกลับมา
“แก้ม..หยะ..อย่าทำอะไรแก้มนะ..อย่า”
เพียงแค่ได้ยินเท่านั้น ไอรดาก็อมยิ้มอย่างเป็นสุข เท่านี้แหละที่เธอต้องการ เท่านี้เองที่ทำให้หัวใจเธอชุ่มชื้นขึ้นมาอีกครั้ง
“พี่วินยังห่วงแก้มอยู่ใช่มั้ยคะ พี่วินยังรักแก้ม...ขอบคุณค่ะ พี่วิน ขอบคุณ” หญิงสาวลดมือที่ยกค้างไว้ในอากาศลง ก่อนจะหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย
“พี่วินเค้าไม่ได้รักแก้มแล้ว พี่วินเค้ารักพี่” เสียงผู้หญิงที่คล้ายเธอยิ่งแว่บเข้ามาในสมองพร้อมกับภาพที่เธอที่เริ่มฉายชัดเจนราวกับเธอยืนเผชิญหน้ากับกระจกเงาขนาดใหญ่
“ไม่ พี่ก้อยจะรู้อะไร!” เธอเถียงกลับไปเสียงดัง มือไม้สั่นระริกด้วยความโกรธเคือง
“ทำไมพี่จะไม่รู้ พี่วินหมั้นกับพี่มาเป็นปีแล้วนะ พี่กับพี่วินรักกันมากขนาดไหน เรื่องของแก้มน่ะ พี่วินเค้าลืมไปหมดแล้วมั้ง”
“ไม่มีทาง พี่วินไม่มีทางลืมแก้มเด็ดขาด”
“งั้นเหรอ? ตลอดปีนึงมานี่ พี่วินเคยติดต่อกับแก้มมั้ยล่ะ เคยบ้างมั้ยที่จะส่งจดหมายมาหา อีเมลสักฉบับเคยมีมั้ย ขนาดเวลาโทรคุยกับพี่ รู้มั้ยพี่วินไม่เคยพูดถึงแก้มเลย” เงาของเธอย้ำเสียงหนัก ดั่งจะใช้เสียงนั้นกระชากใจเธอออกมา
“เราไม่เคยลืมกัน เราจะไม่มีทางลืมกันแม้ซักนาที” เธอกล่าวราวกับจะปลอบประโลมหัวใจตัวเอง
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ พี่วินก็จะกลับมาแล้ว เธอกล้าถามเค้ามั้ยล่ะ ว่าระหว่างพี่กับเธอ เค้ารักใคร เค้าเลือกใคร”
“กล้าสิ”
“ไม่กลัวจริงๆ นะ ว่าคำตอบที่ได้ จะไม่ตรงใจกับเธอ”
“ไม่กลัว แก้มเชื่อใจพี่วิน พี่วินไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนใจง่ายๆ หรอก วันนั้นพี่วินบอกว่ารักแก้ม วันนี้พี่วินก็ต้องยังรักแก้ม...ไม่มีทางเปลี่ยนใจเด็ดขาด!”
“หึ ฮะๆๆ แก้มนี่ ตลกจริงเลย ฮะๆๆๆ” เงาของเธอหัวเราะใส่หน้า ราวกับเป็นเรื่องขบขันเสียเต็มประดา
“ขำอะไร”
“ขำแก้มน่ะสิ เรื่องมันเป็นปีมาแล้วยังคิดจริงจังอีกเหรอ”
“คิดสิ พี่ก้อยจะรู้อะไร พี่ก้อยน่ะไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้เลย”
เงาของเธอเริ่มชักสีหน้า ใบหน้าที่ซูบเซียวอยู่เล็กน้อย ซีดเผือดหนักลงไปอีก เธอกล่าวอย่างน่าเวทนาอยู่บ้างว่า
“แล้วเธอจะบอกพี่มั้ยล่ะ ว่าอะไรคือสิ่งที่พี่ไม่รู้”
“วันนั้น เค้าขอแก้มแต่งงาน”
นั่นเป็นวันสุดท้ายที่เธอเห็นหน้าเงาของเธอ วันสุดท้ายก่อนที่อนาวินจะกลับมา และเธอยังแอบนึกหวังด้วยซ้ำว่า ขอให้มันเป็นวันสุดท้ายจริงๆ!
วันนั้น วาฤดีคู้ตัวลงกับพื้นห้อง ร้องไห้อย่างเจ็บปวดทุรนทุราย แต่นั่นไม่ได้ทำให้หัวใจที่เคยเจ็บช้ำที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านั้นของเธอ รู้สึกสงสารขึ้นมาได้ เธอย้ำด้วยคำพูดเสียดสีที่แสนเหี้ยมเกรียมจนไม่เหมือนคำพูดที่ควรจะพูดกับคนที่พร้อมจะหัวใจวายได้ตลอดเวลา
“แก้มเองแหละที่ขอให้พี่วินไปหาพี่ก้อย พี่ก้อยน่าจะขอบคุณแก้มนะคะ”
ร่างที่กำลังสั่นระริกของพี่สาวเธอ ยืดตัวขึ้นอย่างทรนง ริมฝีปากเล็กบางที่เหมือนกับเธอไม่ผิดเพี้ยนเม้มแน่นด้วยอย่างถือดี
“แล้วแก้มคิดว่าถ้าพี่วินเลือกได้อีกครั้งตอนนี้ จะกลับไปหาแก้มงั้นเหรอ? จะกลับไปหาคนที่ทิ้งเค้าไปอย่างนั้นน่ะเหรอ? จะหาคนที่ทรยศเค้าอย่างแก้มมั้ย!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ก้อย มันก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก คอยดูนะ แก้มจะบอกพี่วินให้รู้ความจริง ถึงตอนนั้นพี่ก้อยน่ะแหละที่จะไม่เหลือค่าอะไรในสายตาพี่วินอีกเลย คอยดู!”
เพี๊ยะ
แรงฟาดของฝ่ามือนั้น ทำให้หน้าของไอรดาสะบัดวูบ ซีกหน้าด้านหนึ่งแดงและชาจนไม่รู้สึกถึงความเจ็บ
เพี๊ยะ
เธอฟาดมือกลับไปแทบจะทันที แต่นั่นกลับทำให้มือเธอชาและไร้ความรู้สึกเสียยิ่งกว่าความชาที่ปรากฏกับใบหน้า
“ถ้าเธอทำ เราก็ไม่ใช่พี่น้องกันอีก” วาฤดีเค้นเสียงตอบกลับมาด้วยความช้ำใจ แต่ไอรดาเองก็เสียใจไม่แพ้กัน
“พี่ก้อยใจร้าย พี่ก้อยรักพี่วิน แต่แก้มก็รักพี่วินไม่ได้น้อยกว่าพี่ก้อยเลยนี่ ทำอย่างนี้มันไม่เห็นยุติธรรมเลย!” เธอกล่าวทั้งน้ำตา
....ตั้งแต่เกิดมาสองพี่น้องไม่เคยตบตีกันเลย...จนกระทั่งวันนั้น!
“แก้ม แก้มเป็นไรรึป่าว”
“คะ?..ไม่เป็นไรนี่คะ แก้มแค่พักตาเฉยๆ” ไอรดาตอบ พลางยิ้มดีใจ เมื่อเห็นว่า ทันทีที่อนาวินได้สติ ก็รีบไถ่ถามความเป็นไปของเธอ
“พี่เห็นแก้มนิ่งอยู่ตกใจแทบแย่ มันไม่ได้ทำอะไรแก้มใช่มั้ย”
“ไม่ค่ะ ไม่ได้ทำอะไรเลย พี่วินแหละ เจ็บมากมั้ย มันฟาดคอพี่วินดังปั่ก” หญิงสาวถาม พลางยกมือข้างที่เป็นอิสระขึ้นสัมผัสแผ่วเบาที่ท้ายทอยด้วยความห่วงใย หากแต่กิริยานั้น ทำให้ชายหนุ่มชันตัวลุกขึ้นหนีโดยเร็ว ซึ่งนั่นทำให้ข้อมือไอรดาที่ถูกล่ามไว้กับเขาถูกกระตุกอย่างแรง
“โอ้ย!”
“เอ้อ พี่ขอโทษ พี่...นี่มันอะไรกันเนี่ย” ชายหนุ่มคราง เมื่อพบว่าข้อมือของเขาถูกล่ามติดกับไอรดา
“มันล่ามเราได้ด้วยกันน่ะค่ะ รังเกียจรึไงคะ” ไอรดาประชด เพราะอดน้อยใจที่เขารีบลุกหนี ทันทีที่เธอสัมผัสแตะต้องตัวเขาไม่ได้
“ไม่..ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ” อนาวินละล่ำละลั่กบอก พลางทรุดตัวลงนั่งที่ขอบเตียง เพื่อผ่อนความตึงของกุญแจมือ ไอรดาชันตัวลุกขึ้นด้วยความลำบากเพื่อประจันหน้ากับเขา ก่อนจะกล่าวอย่างสะท้อนใจว่า
“ก็แค่แก้มแตะตัวพี่วิน พี่วินยังลุกหนีหยั่งกับแก้มน่าขยะแขยงเสียเต็มประดา จะไม่ให้คิดว่าพี่วินรังเกียจแก้มได้ยังไงละคะ”
“พี่ไม่ได้รังเกียจ”
“หึ ค่ะ ไม่ได้รังเกียจซักนิด” ไอรดาแค่นหัวเราะในลำคอ จ้องตาอนาวินอย่างค้นหาความจริง
“พี่วินคะ บอกมาสิคะ พูดตรงๆ แค่ว่า ไม่ได้รักแก้มแล้ว แล้วแก้มจะไม่ใส่ใจอะไรกับพี่วินอีกต่อไป”
“แก้ม!”
“ทำไมคะ พูดไม่ได้เหรอ แก้มไม่ได้ขออะไรพี่วินมากมายเลยนะคะ”
“พี่...พี่หมั้นกับก้อยอยู่นะ และเราจะแต่งงานกัน!”
“แก้มทราบค่ะ ไม่เห็นต้องบอกเลย”
“ก็เผื่อว่าแก้มจะลืม หรืออยากจะแกล้งลืมไงล่ะ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างจริงจัง ขณะหันหน้าหนีไปอีกทาง ไม่ยอมสบตาเธอ
“เหรอคะ? นึกว่าพี่วินกำลังเตือนตัวเองอยู่เสียอีก”
“พี่รักก้อย พี่ไม่มีทางลืมหรอก”
“ค่ะ แก้มทราบ ทราบว่าพี่วินลืมไปแล้วว่าเคยพูดคำว่ารักกับใครบ้าง!”
“พี่เป็นคู่หมั้นพี่สาวของแก้ม แล้วตอนนี้พี่สาวของแก้มก็กำลังหายไป พี่อยากให้แก้มลืมเรื่องของเราซะ มันจบไปแล้ว จบด้วยมือของแก้มเอง และคำว่ารักของพี่ ก็มีไว้สำหรับคนที่รักพี่เท่านั้น”
หญิงสาวเงียบงัน เหมือนกับจนต่อคำพูด หากทว่าคำว่ารักของเธอกลับดังก้องอยู่ในหัวใจ
‘แต่แก้มยังรักพี่วินอยู่นี่คะ แก้มรักพี่วิน!’
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น