ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
ห้องนั้นเป็นห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง เพียงวางเตียงเก่าแคบกว้าง 3 ฟุตครึ่งหลังเดียว ห้องนี้ก็ไม่สามารถวางเฟอร์นิเจอร์อื่นใดได้อีก มันเหลือพื้นที่ให้พอสำหรับเปิดประตูห้อง และประตูห้องน้ำเล็กๆ ที่สร้างไว้ข้างๆ เท่านั้น
ห้องนั้น มีหน้าต่างอยู่บานเดียว ซ้ำร้ายหน้าต่างบานนี้ยังมีซี่ลูกกรงสีดำสนิทสนิมเกรอะกรัง จะบอกว่าลูกกรงนี้มีไว้กันไม่ให้โจรขโมยเข้าห้องก็ได้ แต่สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งคู้ตัวอยู่บนเตียงเก่าแคบในห้องนั้นแล้ว เธอกลับรู้สึกว่ามันเป็นเสมือนปราการล้อมกรอบอิสรภาพของเธอไว้
ใจเธอโบยบินไปแสนไกล ขณะที่ยังคงบังคับตัวเองให้นั่งตรึงติดอยู่ที่นั่น ดวงตาเธอที่ปิดสนิทของเธอปรากฎรื้นน้ำตาเกาะคลุมขนตางอนหนา พอดวงตาคู่นั้นลืมขึ้น ความใสกระจ่างของมันก็ขับความหมองเศร้าของใบหน้านั้นให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นบ้าง แต่กระนั้น ดวงตาคู่นั้นก็หม่นหมองเสียเหลือเกิน
“ทำไม ฉันถึงคิดถึงมันขึ้นมาอีกนะ .. นาน นานเหลือเกินแล้ว .. นานจนจำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่า มันผ่านมาแล้วตั้งกี่ปี วันนั้น ฉันก็เป็นอย่างนั้น วันนี้ ฉันก็ยังเป็นเหมือนเดิม” เธอผู้นั้นรำพึงรำพันอยู่ผู้เดียว
ในห้วงความทรงจำอันมืดมน .. เธอจำได้ถึงเนินทรายข้างคฤหาสน์ริมทะเลหลังงาม ที่ถูกตกแต่งเป็นปราสาททรายหลังเล็กๆ ด้วยฝีมือวิศวกรตัวน้อย 4 คน แทบจะทันทีที่พลั่วด้ามจิ๋วในมือเด็กชายคนหนึ่งตักทรายขึ้นมากอบใหญ่ เสียงเล็กใสของเด็กหญิงในชุดสีชมพูราวกับนางฟ้าซนๆ ก็ดังขึ้น
“พี่วิน อย่าตักไปสร้างบ้านเยอะสิ เดี๋ยวไม่มีสร้างกำแพง”
“ทรายตั้งเต็มหาด จะหมดได้ยังไงกันน้องแก้ม” เด็กชายขมวดคิ้วพลางเถียง มือก็โป๊ะทรายในพลั่วเพิ่มความสูงให้กับปราสาททรายหลังเล็ก
“ไม่รู้ล่ะ” เด็กหญิงกล่าวอย่างเอาแต่ใจ เปียทั้งสองข้างถูกเจ้าตัวสะบัดหัวจนส่ายไปมา
“ขี้หวงจริงเลย ทีหลังไม่มาเล่นด้วยแล้ว” เด็กชายอีกคนหนึ่งซึ่งรับหน้าที่สร้างปราสาทเช่นกันเอ่ยขึ้นมาบ้าง มือของเด็กชายคนนี้มีแต่เศษทรายติดเป็นอยู่ทั่ว เนื่องด้วยไม่ได้รับแบ่งปันชุดของเล่นขุดทรายสักอัน
“บิ๊ก อย่ามาว่าแก้ม ถ้าว่าแก้มแล้วก้อยโกรธจริงๆ นะ” เด็กหญิงตัวผอมบางในชุดสีเหลืองอ่อน หน้าตาเหมือนเด็กหญิงในชุดชมพูไม่ผิดเพี้ยน พูดปกป้องผู้เป็นน้องสาวฝาแฝด
“โกรธเลยๆ กลัวจะแย่อยู่แล้วเนี่ย แค่เดินยังต้องให้พี่เลี้ยงประคองจะมีปัญญาทำอะไรได้” เด็กชายบิ๊กหน้าตามอมแมมร้องยั่ว แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ เด็กหญิงตัวผอมบางเริ่มเบะปากจะร้องไห้ แฝดผู้น้องเห็นท่าไม่ดี จึงตวาดใส่ฝ่ายเด็กชายว่า
“ออกไปเลยนะ ไม่อยากมาเล่นก็ไม่ต้องมา ไม่ได้ขอให้มาซักหน่อย นี่บ้านเรา ถึงจะเป็นแค่ทรายก็ทรายของเรา ตัวเองเป็นแค่ลูกคนใช้ ให้เล่นก็ดีเท่าไหร่แล้ว ยังมีหน้ามาว่าพี่เราอีก”
“แก้ม ไม่พูดอย่างนั้นสิ เดี๋ยวคุณแม่ได้ยินจะดุเอานะ” เด็กหญิงท่าทางอมโรคยื่นมือเล็กซีดมาคว้าแขนเสื้อลูกไม้ตัวชมพูของผู้เป็นน้อง ออกปากท้วงด้วยเสียงสั่นเทา
“พี่ก้อยไม่ต้องพูดเลย ไม่เห็นต้องให้บิ๊กเล่น บิ๊กปากเสีย แก้มไม่ชอบ แก้มอนุญาตให้พี่วินเล่นคนเดียว” เด็กน้อยประกาศเสียงดัง จนเด็กชายที่โดนว่าทนไม่ไหว วิ่งหนีไปด้วยความไม่พอใจ เด็กชายคนเดียวที่เหลืออยู่เห็นอย่างนั้นก็โยนพลั่วจิ๋วในมือทิ้ง พลางว่า
“ถ้าบิ๊กไม่ได้เล่น พี่ก็ไม่อยากเล่น”
“ไม่ได้ๆ พี่วินต้องสร้างบ้านให้เสร็จสิ ไม่งั้นแก้มจะไปอยู่ที่ไหนกัน”
“ก็อยู่บ้านจริงๆ สิ บ้านทรายอย่างนี้อยู่ได้จริงที่ไหน” เด็กชายตอบ
“ไม่รู้ล่ะ พี่วินต้องสร้างบ้านให้เสร็จ แก้มจะอยู่บ้านที่พี่วินสร้าง”
“อ้าว ถ้าแก้มไปอยู่กับพี่วินแล้วพี่จะอยู่คนเดียวได้ยังไง”
“ก็ไม่ต้องอยู่คนเดียว เราสามคนต้องอยู่ด้วยกันตะหาก แก้ม พี่ก้อย แล้วก็พี่วิน”
...สามคนงั้นเหรอ...
เธอหัวเราะอย่างขมขื่นให้กับตัวเอง บนตักวางไว้ด้วยกระดาษจดหมายยับยู่แผ่นหนึ่ง เธอรีดมันให้เรียบติดกับตัก แล้วจรดปากกาเขียนกำกับชื่อตัวเองลงไปในตอนท้ายของจดหมาย บรรจงพับเก็บไว้อย่างดี รอเวลาที่กระดาษแผ่นนี้จะมีโอกาสส่งถึงผู้ที่เธอรัก
“เขาจะรู้ เขาจะตามหาฉัน ฉันจะได้พ้นจากความทรมานนี่เสียที”
ห้องนั้น มีหน้าต่างอยู่บานเดียว ซ้ำร้ายหน้าต่างบานนี้ยังมีซี่ลูกกรงสีดำสนิทสนิมเกรอะกรัง จะบอกว่าลูกกรงนี้มีไว้กันไม่ให้โจรขโมยเข้าห้องก็ได้ แต่สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งคู้ตัวอยู่บนเตียงเก่าแคบในห้องนั้นแล้ว เธอกลับรู้สึกว่ามันเป็นเสมือนปราการล้อมกรอบอิสรภาพของเธอไว้
ใจเธอโบยบินไปแสนไกล ขณะที่ยังคงบังคับตัวเองให้นั่งตรึงติดอยู่ที่นั่น ดวงตาเธอที่ปิดสนิทของเธอปรากฎรื้นน้ำตาเกาะคลุมขนตางอนหนา พอดวงตาคู่นั้นลืมขึ้น ความใสกระจ่างของมันก็ขับความหมองเศร้าของใบหน้านั้นให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นบ้าง แต่กระนั้น ดวงตาคู่นั้นก็หม่นหมองเสียเหลือเกิน
“ทำไม ฉันถึงคิดถึงมันขึ้นมาอีกนะ .. นาน นานเหลือเกินแล้ว .. นานจนจำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่า มันผ่านมาแล้วตั้งกี่ปี วันนั้น ฉันก็เป็นอย่างนั้น วันนี้ ฉันก็ยังเป็นเหมือนเดิม” เธอผู้นั้นรำพึงรำพันอยู่ผู้เดียว
ในห้วงความทรงจำอันมืดมน .. เธอจำได้ถึงเนินทรายข้างคฤหาสน์ริมทะเลหลังงาม ที่ถูกตกแต่งเป็นปราสาททรายหลังเล็กๆ ด้วยฝีมือวิศวกรตัวน้อย 4 คน แทบจะทันทีที่พลั่วด้ามจิ๋วในมือเด็กชายคนหนึ่งตักทรายขึ้นมากอบใหญ่ เสียงเล็กใสของเด็กหญิงในชุดสีชมพูราวกับนางฟ้าซนๆ ก็ดังขึ้น
“พี่วิน อย่าตักไปสร้างบ้านเยอะสิ เดี๋ยวไม่มีสร้างกำแพง”
“ทรายตั้งเต็มหาด จะหมดได้ยังไงกันน้องแก้ม” เด็กชายขมวดคิ้วพลางเถียง มือก็โป๊ะทรายในพลั่วเพิ่มความสูงให้กับปราสาททรายหลังเล็ก
“ไม่รู้ล่ะ” เด็กหญิงกล่าวอย่างเอาแต่ใจ เปียทั้งสองข้างถูกเจ้าตัวสะบัดหัวจนส่ายไปมา
“ขี้หวงจริงเลย ทีหลังไม่มาเล่นด้วยแล้ว” เด็กชายอีกคนหนึ่งซึ่งรับหน้าที่สร้างปราสาทเช่นกันเอ่ยขึ้นมาบ้าง มือของเด็กชายคนนี้มีแต่เศษทรายติดเป็นอยู่ทั่ว เนื่องด้วยไม่ได้รับแบ่งปันชุดของเล่นขุดทรายสักอัน
“บิ๊ก อย่ามาว่าแก้ม ถ้าว่าแก้มแล้วก้อยโกรธจริงๆ นะ” เด็กหญิงตัวผอมบางในชุดสีเหลืองอ่อน หน้าตาเหมือนเด็กหญิงในชุดชมพูไม่ผิดเพี้ยน พูดปกป้องผู้เป็นน้องสาวฝาแฝด
“โกรธเลยๆ กลัวจะแย่อยู่แล้วเนี่ย แค่เดินยังต้องให้พี่เลี้ยงประคองจะมีปัญญาทำอะไรได้” เด็กชายบิ๊กหน้าตามอมแมมร้องยั่ว แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ เด็กหญิงตัวผอมบางเริ่มเบะปากจะร้องไห้ แฝดผู้น้องเห็นท่าไม่ดี จึงตวาดใส่ฝ่ายเด็กชายว่า
“ออกไปเลยนะ ไม่อยากมาเล่นก็ไม่ต้องมา ไม่ได้ขอให้มาซักหน่อย นี่บ้านเรา ถึงจะเป็นแค่ทรายก็ทรายของเรา ตัวเองเป็นแค่ลูกคนใช้ ให้เล่นก็ดีเท่าไหร่แล้ว ยังมีหน้ามาว่าพี่เราอีก”
“แก้ม ไม่พูดอย่างนั้นสิ เดี๋ยวคุณแม่ได้ยินจะดุเอานะ” เด็กหญิงท่าทางอมโรคยื่นมือเล็กซีดมาคว้าแขนเสื้อลูกไม้ตัวชมพูของผู้เป็นน้อง ออกปากท้วงด้วยเสียงสั่นเทา
“พี่ก้อยไม่ต้องพูดเลย ไม่เห็นต้องให้บิ๊กเล่น บิ๊กปากเสีย แก้มไม่ชอบ แก้มอนุญาตให้พี่วินเล่นคนเดียว” เด็กน้อยประกาศเสียงดัง จนเด็กชายที่โดนว่าทนไม่ไหว วิ่งหนีไปด้วยความไม่พอใจ เด็กชายคนเดียวที่เหลืออยู่เห็นอย่างนั้นก็โยนพลั่วจิ๋วในมือทิ้ง พลางว่า
“ถ้าบิ๊กไม่ได้เล่น พี่ก็ไม่อยากเล่น”
“ไม่ได้ๆ พี่วินต้องสร้างบ้านให้เสร็จสิ ไม่งั้นแก้มจะไปอยู่ที่ไหนกัน”
“ก็อยู่บ้านจริงๆ สิ บ้านทรายอย่างนี้อยู่ได้จริงที่ไหน” เด็กชายตอบ
“ไม่รู้ล่ะ พี่วินต้องสร้างบ้านให้เสร็จ แก้มจะอยู่บ้านที่พี่วินสร้าง”
“อ้าว ถ้าแก้มไปอยู่กับพี่วินแล้วพี่จะอยู่คนเดียวได้ยังไง”
“ก็ไม่ต้องอยู่คนเดียว เราสามคนต้องอยู่ด้วยกันตะหาก แก้ม พี่ก้อย แล้วก็พี่วิน”
...สามคนงั้นเหรอ...
เธอหัวเราะอย่างขมขื่นให้กับตัวเอง บนตักวางไว้ด้วยกระดาษจดหมายยับยู่แผ่นหนึ่ง เธอรีดมันให้เรียบติดกับตัก แล้วจรดปากกาเขียนกำกับชื่อตัวเองลงไปในตอนท้ายของจดหมาย บรรจงพับเก็บไว้อย่างดี รอเวลาที่กระดาษแผ่นนี้จะมีโอกาสส่งถึงผู้ที่เธอรัก
“เขาจะรู้ เขาจะตามหาฉัน ฉันจะได้พ้นจากความทรมานนี่เสียที”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น