ตอนที่ 8 : ตอนที่ ๘
๘
ร่างกายของมิซูโกะถูกนักพรตทำนายทายทักว่าอายุขัยสั้น เพราะมีธาตุน้ำในตัวมากเกินไปจนทำร้ายตนเอง เขาว่าต้องอาศัยคนมีธาตุไฟเข้าดับพยุงไม่ให้พลังชีวิตเอ่อล้นจนเกินจะรับเอาไว้ได้ นักพรตที่ผ่านมาพูดกับท่านน้าคางายะว่าเป็นเพราะความกระหายที่ต้องการจะมีชีวิตผลักดันให้เธอยืนยงจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายในใจ
มิซูโกะที่ตอนนั้นได้ฟังอยู่ข้าง ๆ แล้วกลับขนลุกซู่เสียอย่างนั้น ถ้าจำไม่ผิดแล้วเท่าที่เธอเคยผ่านบันทึกสายตระกูลของบ้านเร็นโงคุแล้ว เธอเคยอ่านผ่าน ๆ ว่ามีคู่สามีภรรยาที่มีชื่อเหมือนทั้งเธอและเคียวจูโร่ด้วย แน่นอนว่าชื่อของคุณเคียวจูโร่เป็นคันจิตัวเดิมเพราะเหมือนว่าในบางครั้งจะมีการนำเอาชื่อบรรพบุรุษรุ่นก่อนมาใช้ก็มี เป็นธรรมเนียมที่สืบทอดกันมาเพื่อความเป็นมงคลบางประการ
อืม…
บังเอิญหรือจริงก็ไม่ทราบ ขนาดชื่อโรงพยาบาลคิริยะ ยังเป็นชื่อคันจิตัวเดียวกับชื่อของบุตรชายท่านน้าคางายะเลย ดูเหมือนบริเวณที่กลายเป็นสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่ในยุคเรวะ จะเป็นพื้นที่เก่าแก่ของหน่วยพิฆาตอสูรมาก่อน มิน่าเล่าทำไมตำนานของเมืองนี้ในจังหวัดโตเกียวถึงมีเรื่องแนวอสูรปีศาจมาเกี่ยวข้อง รวมถึงหลาย ๆ บ้านมีการสืบทอดวิชาดาบลมปราณที่ว่ากันว่าใช้ปราบมารอสูรอีกด้วย
การกลับมารับรู้เรื่องราวในยุคสมัยนี้ได้เฉลยข้อกังขาในใจของมิซูโกะหมดแล้ว หลังจากนักพรตคนนั้นหายตัวไปอย่างลึกลับ เธอก็คุยเรื่องงานแต่งกับท่านน้าคางายะ เรื่องพิธีการและการเตรียมพร้อมอะไรหลาย ๆ อย่างที่จะต้องทำจากป้าอามาเนะ หรือน้าสะใภ้อามาเนะ
เป็นพิธีแต่งงานที่เรียบง่ายมากตามยุคสมัย ก็แค่ทำพิธีบ้านฝ่ายชาย เพื่อความสะดวกจะจัดที่เรือนพำนักของคุณเคียวจูโร่ที่เป็นเสาหลักเพลิง แต่งเมื่อไหร่สักพักค่อยไปกราบคุณชินจูโร่ในฐานะพ่อสามีและเคารพหลุมศพของคุณรุกะแม่สามีต่อตามธรรมเนียม
คุณแม่รุกะ…
ถ้าเป็นตอนที่เธออยู่เรวะแล้วล่ะก็ ไม่ว่าโรคร้ายที่รักษาไม่ได้อย่างมะเร็ง ถ้ารักษาดี ๆ ก็ยื้อต่อได้เป็นสิบยี่สิบปีเลยเชียว แต่พอมาเทียบกับสมัยนี่แค่โรควัณโรคยังไม่มียารักษาแล้วก็เหมือนฟ้ากับเหวเลย ลึก ๆ ในใจของมิซูโกะคิดแล้วถ้าจะแต่งงานเข้าบ้านของคุณเคียวจูโร่เธอก็อยากจะไหว้คุณแม่ท่านด้วยเหมือนกับงานแต่งและตอนที่คุณเคียวจูโร่พาเธอไปทานข้าวเปิดตัวน่ะนะ
แต่จะว่าไปช่วงนี้เองที่ร่างกายของเธอดีขึ้นมามากแล้ว…
ตรงกับคำพูดที่ว่าต้องให้คนที่มีธาตุไฟมาคุมธาตุน้ำในร่างกายเป๊ะเลย!
มิซูโกะหลับตาลงพิงประตูบานเลื่อนของบ้านสมัยเรือนเก่า อากาศของหน้าร้อนทำให้เธอเหงื่อออกง่ายมาก ชุดกิโมโนตัวหนาถูกเปลี่ยนเป็นยูกาตะผ้าบาง ๆ ในมือของเธอถือพัดทรงกลมโบกคลายร้อนอยู่ได้ครู่หนึ่งแล้ว นี่ไม่ค่อยร้อนเท่ายุคเรวะเท่าไหร่นัก ยุคนั้นน่ะร้อนจนเป็นลมแดดได้เลย…
ถ้าไม่ติดว่ายุคสมัยนี่ไม่ถือเรื่องเนื้อตัว เธอจะหากางเกงขาสั้นมาใส่กับเสื้อยืดย้วย ๆ แล้ว ถ้าอยู่บ้านแล้วล่ะก็สายเดี่ยวกางเกงนอนเลยล่ะหากว่าวันไหนไม่ได้ออกไปที่ไหน พอคุณสามีกลับมาก็แค่เอาผ้ากันเปื้อนมาผูกประดับหน่อยหนึ่งจะได้ไม่น่าเกลียดมากมาย
ร้อน!
เธอบ่นในใจก่อนจะล้มตัวนอนกับพื้นเสื่อเย็น ๆ แล้วห้อยขากับขอบชายระเบียง การใช้ชีวิตที่ไม่มีอะไรทำมันน่าเบื่อจริง ๆ ตอนที่เป็นแม่บ้านเธอยังมีอะไรให้ทำตั้งมากมาย รถน้ำต้นไม้เอย ทำความสะอาดบ้านเอย เตรียมกับข้าวเอย ไปซื้อเสบียงตุ๋นไว้ในตู้เย็นเอย รีดผ้าแล้วอบกลิ่นหอม ๆ ให้คุณเคียวจูโร่เอย และอีกมากมายสารพัดอย่างที่ต้องทำ
นอนกลางวันก็แล้วกัน…
มิซูโกะหลับไปอีกครั้งหนึ่งช่วงสั้น ๆ เธอฝันเห็นคุณเคียวจูโร่สามีของเธอกำลังเตรียมการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ในวันพรุ่งนี้อยู่ เขากด ๆ คลิ๊ก ๆ ที่เม้าท์และคีย์บอร์ดเพื่อจัดทำสไลด์ประกอบการเรียนการสอนประจำวิชา ส่วนเธอก็วางน้ำผลไม้เย็น ๆ ให้เขาแก้วหนึ่งแล้วยิ้มส่งกำลังใจให้
เห็นว่าในฝันเขาบ่นด้วย…ว่ามีนักเรียนคนหนึ่งที่ตั้งใจเรียนมากแต่หัวก็ยังตื้อเรียนไม่ทันอยู่ดี เห็นว่าชื่อทันจิโร่เป็นลูกชายคนโตของบ้านคามาโดะที่ขายเบเกอร์รี่ร้านดังของเมือง จากนั้นก็เล่าว่าแก็งค์นี้ยังมีอีกสองคนที่ผลการเรียนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อย่างเด็กหนุ่มที่มีท่าทีเป็นนักเลงอย่างอิโนะสุเกะคนนั้น กับหนุ่มง่วงนอนตลอดเวลาที่มักหลับในคาบเรียนที่ชื่อเซนอิทสึ
แต่ก็นะ…คุณเคียวจูโร่เขาก็ได้ทำการเหวี่ยงนักเรียนให้กลับมาขยันขันแข็งตั้งใจเรียนด้วยล่ะนะ ซึ่งทำเอาครูประจำรายวิชาคนอื่น ๆ ก็ปรบมือด้วยความชื่นชม
‘คุณเคียวจูโร่…คุณเคียวจูโร่’
มิซูโกะพึมพำอย่างด้วยฝันที่หวานประทับใจ
‘วันนี้ฉันทำปลาจานย่างเกลือเมนูโปรดของคุณด้วยนะคะ อ้อ! ได้มันหวานมาด้วยล่ะค่ะ ฉันตระเวนไปหาทั่วตลาดเลย…สัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอคะ ว่าจะทานข้าวให้ตรงเวลา พักผ่อนให้เพียงพอไง’ มิซูโกะบ่นกับสามีในความฝัน แน่นอนว่าเธอบ่นแบบนี้มาหลายครั้งแล้วที่คุณสามีโหมงานหนักในช่วงหนึ่ง
ภาพความฝันเริ่มกลับตาลปัตรแปลกพิสดารมากขึ้น
บางสิ่งเคลือบคลานเข้ามา ผู้หญิงในชุดกิโมโนชายลากพื้นแบบเกอิชาถลาเข้ามาหมายบีบคอเธอ ใบหน้าสลดสยองมากขึ้น มิซูโกะวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว เธอซ่อนตัวเองในตู้เสื้อผ้าที่มืด ๆ สองใบหูฟังเสียงกระดิ่งใต้รองเท้าไม้ดังใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ
จนกระทั่งตู้เสื้อผ้าเปิดขึ้นพร้อมมิซูโกะที่ถูกเล็บ ๆ ยาวกระซวกร่างจนพรุน ท่ามกลางฉากที่เปลี่ยนไปเป็นพลุดังในงานเทศกาลรื่นเริง
“กรี๊ด!!”
มิซูโกะเกลียดร้องสุดเสียงโดยไม่รู้ตัว!
ดวงตาของเธอกึ่งตื่นกึ่งหลับ เปลือกตาไม่ยอมยกขึ้นเหมือนผีอำ ความรู้สึกที่หวาดผวาอย่างสุดขีดทำให้ร่างกายของเธอชัก! ความรู้สึกกลัวเจ้าผีหรือสูรร้ายตนนี้ทำให้ลมหายใจเริ่มติดขัดและสั่นเทาไปทั้งร่างอย่างตื่นตระหนก ดีที่มันเป็นความฝันทำให้พอรู้สึกว่าตื่นแล้วก็จำได้แต่เพียงภาพเค้าโครงจาง ๆ เท่านั้น ซึ่งหากว่าติดตาแล้วล่ะก็ เธอคงผวานอนไม่หลับไปหลายคืนเป็นแน่
“ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ หายใจนะ” เสียงคุณเคียวจูโร่ดังขึ้นอยู่ข้าง ๆ สัมผัสจากฝ่ามือของเขาคอยลูบแผ่นหลังของเธอขึ้นลงเบา ๆ ด้วยความห่วงใยไม่น้อย แต่ทว่ามิซูโกะก็ยังไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ดีนัก เธอยังคงหอบหายใจหนักและรู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึก ๆ
“อสูรที่เทศกาลดอกไม้ไฟ…”
เธอพึมพำอย่างไม่รู้สึกตัว คำพูดมันแล่นออกจากปากไปเองราวกับว่านี่คือสัญชาตญาณเอาตัวรอดของเธอ มิซูโกะเลื่อนมือยกขึ้นจับที่ข้อแขนของอีกฝ่ายแล้วเกาะยึดเอาไว้อย่างพรั่นพรึง
“อสูร…มีอสูร…เกอิชา”เธอเริ่มพูดและเรียบเรียงคำไม่รู้เรื่อง
“ได้ ข้าจะจัดการมันให้เอง!” คุณเคียวจูโร่ว่าแล้วดึงเธอเข้ามาสวมกอดปลอบโยนอารามตกใจ จนกระทั่งสติของเธอกลับมาเต็มเป็นผู้เป็นคนดังเดิม เหมือนว่าได้กลับจากโลกแห่งความฝันข้ามมายังโลกมนุษย์แล้ว
มิซูโกะสูดหายใจลึก ๆ หลายครั้ง
“…ข้าฝันร้าย ฝันร้ายมาก” เธอว่า “ว่าแต่เมื่อครูข้าพูดอะไรออกไปกันหรือเจ้าคะ” เธอถามด้วยความอยากรู้และสงสัยในสิ่งตัวเองพูดออกไปบ้าง
“เจ้าบอกว่ามีอสูร เป็นอสูรนางรำ ข้าได้ยินเสียงของกรีดร้องของเจ้าจึงรีบเข้ามาดู” คุณเคียวจูโร่ตอบแล้วกลับมานั่งเว้นอย่างรักษาระยะห่าง วันนี้เขาใส่ชุดเครื่องแบบสีน้ำของกลุ่มพิฆาตอสูร ต่างออกไปตรงที่แค่มีกระดุมสีทองกับผ้าคลุมลายเปลวเพลิงและผ้ารัดช่วงข้าที่เป็นลายเดียวกับผ้าคลุมเท่านั้นเอง
วันนี้เขาคงมีภารกิจแต่เช้าเลยสินะ…
“มันอาจจะเป็นเพียงฝันกระมัง…” เธอพึมพำจากนั้นก็จัดเสื้อผ้าของตนเองให้เรียบร้อย “คุณเคียวจูโร่มีภารกิจหรือเจ้าคะ” เธอถามอีกฝ่ายอย่าให้ความสนใจ
“อื้ม!” เคียวจูโร่รับคำไม่ได้ตอบปฏิเสธ
“รอสักครู่นะเจ้าคะ” เธอว่าก่อนจะลุกขึ้นขยับตัวหายเข้าไปในบ้าน เธอเรื้อบางสิ่งที่อยู่บนหิ้งพระในบ้าน มันคือถุงแพรไหมสีทองเล็ก ๆ ปักคำว่าปัญญาที่บรรจุองค์พระอมิตาภพุทธะแกะสลักจำลองขนาดเล็กประมาณเกือบสองนิ้วโป้งได้
เธอมอบมันให้คุณเคียวจูโร่เก็บไว้ในกระเป๋าอกเสื้อ
“บ้านข้าเชื่อกันว่าพระอมิตาภพุทธะองค์นี้ของบ้านข้ามักจะมอบปัญญาญาณในเวลาที่คับขันที่สุด ข้ามอบให้คุณเคียวจูโร่พกติดตัวนะเจ้าคะ พ่อข้าว่าเวลาหาตัวอสูรแล้วนึกถึงพระองค์นี้จะทำให้พบเจออสูรโดยบังเอิญ”
เธอพรรณนาถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระอมิตาภพุทธะองค์นี้
“ขอบใจมาก!” คุณเคียวจูโร่ตอบเธอเสียงดังอย่างดีใจ “เอาล่ะ ข้าต้องไปแล้วรักษาตัวด้วยนะมิซูโกะ” เขาว่าแล้วเตรียมจะหันหลังเดินทางไปทำภารกิจของตนเองต่อ ซึ่งมิซูโกะรู้สึกหวิว ๆ ในใจอย่างไรอย่างนั้น
“คุณเคียวจูโร่!”
มิซูโกะเรียกคุณเคียวจูโร่เอาไว้ สองขาของเขาหยุดที่จะก้าวเดินจากเธอไปแล้วแปรเปลี่ยนเป็นหันกลับมามองอย่างใคร่รู้ มิซูโกะยืนขึ้นเธอสวมรองเท้าไม้แล้วเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่าย ใบหน้าเก้อเขินเล็กน้อยกับความรู้สึกของการทำอะไรแบบนี้อีกครั้งมันวนเวียนเข้ามาเต็มอกอีกรอบหนึ่ง
“?” เคียวจูโรมองมิซูโกะที่ยืนอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่นานสองนาน
“อะ-เอ่อ…คุณเคียวจูโร่ช่วยย่อตัวลงเล็กน้อยได้ไหมคะ” เธอว่าแน่นอนว่าเคียวจูโร่ก็ยอมย่อตัวลดลงมาให้อยู่ในระดับสำหรับคนเตี้ยอย่างเธอโดยไม่ขัดแย้ง
สองมือของมิซูโกะประคองใบหน้าของอีกฝ่ายเอาไว้แล้วขยับเข้าไปใกล้ ๆ ใกล้จนกระทั่งริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอสัมผัสกับริมฝีปากหนากว้างของอีกฝ่าย หัวใจของมิซูโกะเต้นตึกตักและสั่นไหวอย่างรุนแรง เธอไม่ชินกับเคียวจูโร่คนนี้แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คือเคียวจูโร่…เขาเป็นสามีของเธอไม่ใช่หรือ? ไม่ใช่คนแปลกน่าสักหน่อย!
แต่ก็แปลก...
ทั้ง ๆ ที่จูบธรรมดานี่ไม่ได้นานอะไรนัก มันแค่ระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ถึงวินาทีด้วยซ้ำเอง…
แต่ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าของเธอนี้กลับรู้สึกเหมือนว่าเวลาถูกหยุดเอาไว้เสียอย่างนั้น…
มิซูโกะถอนริมฝีปากของตนเองออกมา
“คุณเคียวจูโร่บอกฉันว่าชอบธรรมเนียมพวกฝรั่งต่างชาติ ก่อนออกจากบ้านคุณจะขอให้ฉันจูบคุณเสมอ…คุณบอกคุณคือเคียวจูโร่ เคียวจูโร่ที่เป็นสามีของฉันดังนั้นฉันไม่อยากจะผิดสัญญาที่ให้กับคุณน่ะ” เธอด้วยการใช้คำแทนตัวเองในปัจจุบัน จากนั้นก็รีบเผ่นตัวอย่างว่องไวเข้าไปบนเรือนพร้อมเลื่อนประตูปิดอย่างว่องไว
นี่เธอทำอะไรลงไปกันนะ…
เธอจะถูกเกลียดไหมนะ?
มิซูโกะคิดอย่างสับสนพร้อมใบหน้าที่ร้อนผ่าว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฟินมากมาย(//∇//)
ฟินเฟอร์~~~~ อร๊ายยย
แม่คะ... เค้าจูบกันแล้วค่าาา!!!
อุ้ย.......เขิน