ตอนที่ 3 : ตอนที่ ๓
๓
สามวันหลังจากอาการดีขึ้นมิซูโกะอย่างรวดเร็วจนเด็กหนุ่มเซนจูโร่ที่เป็นคนเฝ้าไข้ตกใจ สองวันแรกเธอสามารถลุกขึ้นมาเดินเหินและช่วยทำกับข้าวในครัวได้แล้ว มิซูโกะมองว่ามันน่าเหลือเชื่อหรืออาจจะเพราะการหายใจแบบกักลมตามหลักอัสมิตาในทางพระพุทธศาสนาอย่างเคยชินเหมือนหายใจเป็นปกติแล้วทำให้ร่างกายของเธอฟื้นไว
เธอรู้สึกว่าบางครั้งการพูดอะไรออกไปนั้นเกิดขึ้นอย่างอันตโนมัติ ร่างกายมิซูโกะนี้ถึงจะชื่อเดียวกันแต่มีคันจิคนละตัว แต่พอมองมองในกระจกแล้วก็พบว่าหน้าตาไม่ต่างไปจากเธอสมัยวัยรุ่นเท่าไหร่ ต่างตรงในยุคสมัยไทโชนี่ออกจะเป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์ปราศจากความทันสมัยในยุคสมัยเรวะ ราวกับว่าแตกต่างคนละกลิ่นอาย คนละยุคสมัยเพียงเท่านั้น
ดาบไม้ถูกจับอย่างมั่นคง กระบวนท่าของปราณเพลิงถูกถ่ายทอดอย่างงดงามมากในสายตาของเซนจูโร่ที่เฝ้ามองดูพร้อมกับพี่ชายของเขาที่ยืนหยุดมองทันทีที่ได้เห็นเธอออกกระบวนท่า
ดูเหมือนเจ้ากระบวนท่าของปราณเพลิงทำให้ร่างนี้ดูคุ้นชินมาก
จะว่าไปมันก็คล้าย ๆ กับกระบวนท่าเฉพาะตัวของสำนักดาบหรือโรงฝึกดาบของคุณพ่อของสามีเธอเลย และสามีเธอเองก็มีกระบวนท่าเหล่านี้ซึ่งเขาถ่ายทอดให้เธอต่ออีกทีเพราะถือว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกันแล้ว
ตระกูลเร็นโงคุก็คงจะมีการถ่ายทอดวิชาสืบต่อกันมานั่นแหละ ส่วนใหญ่สำนักดาบในปัจจุบันต้นสายตระกูลของพวกเขาเป็นซามูไรหรือไม่ก็นักดาบ หรือลูกศิษย์ของนักดาบเลื่องชื่อที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนานจากรุ่นสู่รุ่น มิซูโกะไม่ได้คิดว่ามันแปลกอะไรเลยที่จะมีกระบวนท่าคล้ายคลึงกัน และในบางครั้งหลาย ๆ สำนักก็มีพื้นฐานกระบวนท่าจากจุดเดียวกันด้วยซ้ำไป เพียงแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะทางเท่านั้น
กระบวนท่ายังคงไม่จบลง…ร่างมิซูโกะคนนี้ยังมีกระบวนท่าดาบประหลาดอีกชุดหนึ่ง ร่างเธอเคลื่อนไหวด้วยกระบวนท่าที่พลิ้วไหวงดงาม มันถูกเรียกว่าปราณเพลิงพลิกฟ้าดิน ที่เพื่อเอาไว้เสริมผู้ใช้ปราณเพลิงต้นตำรับในการปราบอสูรที่ยาก
“พี่สาวเก่งจัง” เซนจูโร่ชม
“ออกกระบวนท่าปราณเพลิงเป็นใช่ไหม? มาออกกำลังสักหน่อยไหม”เธอยิ้มแย้มจากนั้นก็กวักมือเรียกเด็กชายมาออกกระบวนท่าพร้อมกัน อีกฝ่ายออกกระบ่วนท่าของปราณเพลิง ส่วนเธอออกกระบวนท่าปราณเพลิงสลับทิศ ทำให้ครั้งนี้ดูเหมือนการร่ายรำที่สุดยอด ราวกับว่ามีเปลวเพลิงที่คอยโหมโรมเผาผลาญทุกสิ่ง น่าเกรงขามราวกับว่ามีเทพแห่งเพลิงประทับ
กระบวนท่าหยุดลงอย่างงดงาม
“งดงามมาก!” เสียงของเคียวจูโร่เอ่ยอย่างชื่นชมทั้งเธอและเซนจูโร่ มิซูโกะไม่ได้ยิ้มเธอแค่มองด้วยสายตายินดีสำหรับคำชม ส่วนเด็กชายเซนจูโร่นั้นล้วนมีความสุขสำหรับคำชม เธอไม่ได้ฝึกต่อ วางดาบไม้และนั่งพักจากการฝึก
คิดถึงคุณสามีจริง ๆ
เขาจะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ไหมนะ…เห็นว่าวันนี้มีคุณครูพละโทมิโอกะกับนักเรียนมอปลายอย่างมุอิจิโร่ที่มีฝีมือวิชาเคนโด้ไม่ธรรมดาเข้าร่วมการคัดเลือกทีมเคนโด้ชายด้วย? แต่เธอเชื่อว่าเขาทำได้อยู่แล้วล่ะ! พอคิดได้แบบนั้นเธอก็อมยิ้มบาง ๆ อย่างมีความสุขซะอย่างนั้น
“พี่สะใภ้นี่เก่งจังนะขอรับ ฝีมือดาบไม่ธรรมดาเลย”
มิซูโกะมองมือของตนเองแล้วตอบเซนจูโร่
“นักดาบที่ไม่ธรรมดาฝามือย่อมแข็งกระด้าง เพราะมีการฝึกฝนจึงเกิดผลลัพธ์ที่ดีงาม เจ้าเองเวลาออกกระบวนท่า สำหรับในวัยนี่ถือว่าเจ้าไม่อาจดูแคลนได้เลย” เธอชมกลับจนอีกฝ่ายเก้อเขินนี่ถ้าเอาไปฝึกเคนโดน่ะ แชมป์ระดับเยาว์ชนต้องคว้ามาได้แน่นอน
“ในประวัติศาสตร์ผู้ใช้ปราณเพลิง ไม่เคยมีผู้ใช้ที่เป็นสตรีมาก่อน” เคียวจูโร่เอ่ยปากขึ้นคล้ายจะชื่นชมและประหลาดใจ“เป็นเปลวไฟที่อบอุ่นและอ่อนโยนมาก” เขาว่าต่อพร้อมชมเชยเพิ่ม
‘ฉันไม่เคยเจอนักเคนโด้หญิงที่เหมือนคุณชิซูเอะมาก่อนเลย’
จู่ ๆ คำพูดของคุณสามีก็แวบเข้ามาในหัวให้มิซูโกะคิดถึง
“ท่านพ่อของข้าไม่เคยถ่ายทอดปราณเพลิงให้ข้าจริง ๆ หรอกเจ้าค่ะ…สำหรับลูกสาวที่ถูกมองว่าไม่อาจสืบทอดวิชาอะไรได้ ขอแค่พอจับดาบปกป้องตัวเองได้ก็มากเกินควรที่จะสั่งสอนแล้ว พ่อข้าก็ไม่ยอมถ่ายทอดให้…ข้าก็เลยแอบฝึกฝนลับ ๆ โดยที่มีท่านแม่ช่วยปิดบังเอาไว้”
มิซูโกะเว้นช่วงก่อนจะเล่าต่อ
“ข้าอาศัยตำราพื้นฐานเล่มเดียวกับลักวิชาท่านพ่อมาร่ำเรียนเท่านั้น เพราะแบบนั้นวิชาเลยไม่สมบูรณ์ กระบวนท่าปราณเพลิงของข้าจึงเป๋ประหลาด ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายอย่างมาก หากพื้นฐานอ่อนแอและมีร่างกายที่ไม่ดีพอ ปราณเพลิงจะทำร้ายผู้ใช้และทรมานร่างกายอย่างแสนสาหัส ทำให้หากมีการใช้อย่างจริงจังก็จะกลายเป็นผักต้มย้วย ๆ ที่ไม่รู้สึกตัว”
“ที่แท้ตอนนั้นก็เพราะท่านใช่ปราณเพิงสินะ”
มิซูโกะพยักหน้ารับคำของเซนจูโร่
“ดังนั้นพ่อก็เลยฝึกปราณเพลิงให้อย่างจริงจังแต่กระนั้นก็ยังถูกห้ามใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ฝีมือเลยไม่ไปถึงขั้นที่มากพอจะเข้าถึงวิถีของทุกกระบวนท่าได้เสียที ทำได้แต่ฝึกกระบวนดาบออกกำลังเท่านั้น” เธอว่าจากนั้นก็มองข้อมือของตนเองอยู่ครู่หนึ่ง
ความรู้สึกของมิซูโกะนั้นปรากฏออกมาเป็นความเสียดายแต่ไม่เสียใจ
“ถ้าการใช้ปราณเพลิงทำอันตรายร่างกายของเจ้า หลังแต่งงานแล้วข้าก็คงจะไม่อนุญาตให้ใช้อีกเช่นเดียวกับท่านคิชิ” เคียวจูโร่เอ่ยปากและมองมาที่เธอซึ่งรับฟังอย่างเข้าใจดี ร่างกายน่ะเป็นข้องมีค่า เป็นสิ่งที่พ่อแม่ให้มาดังนั้นคนเราจึงไม่อาจทำสิ่งที่โหดร้ายต่อกายเนื้อนี้ได้
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ” เธอยิ้มรับ
“นี่พี่สะใภ้…ข้ารู้สึกว่าท่านเป็นคนที่ดูจะรักอิสระ ไม่ชอบการผูกบังคับ ทำไมถึงยอมแต่งกับท่านพี่ของข้าล่ะ” เด็กหนุ่มถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ“ก็-ก็ท่านเพิ่งจะพบท่านพี่ของข้าเองไม่ใช่หรือ ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเขาจะดีต่อท่าน”
“ถามอะไรแบบนั้นกันเซนจูโร่ จะเสียมารยาทกับพี่สะใภ้ของเจ้าไม่ได้นะ” เคียวจูโร่เหมือนจะดูน้องชายเล็กน้อย แต่ทว่าในความคิดและสายตาของเขาก็อยากจะรับรู้คำจากใจจริงของเธอเหมือนกัน ซึ่งมิซูโกะไม่ได้หลบหลีกที่จะเผชิญหน้ากับสายที่ร้อนแรงและมุ่งมั่นของอีกฝ่ายแต่อย่างใด กลับกันด้วยซ้ำที่เธอประสานสายตามองอีกฝ่าย
“มีคนบอกว่าถ้าจะดูผู้หญิงให้ดูที่แม่และหลังครัว ถ้าจะดูผู้ชายให้ดูที่ฝ่ามือ ช่วงอกและแผ่นหลัง พวกเขาบอกว่าบุตรสาวจะดีเพราะได้การสั่งสอนจากแม่ บุตรชายจะดีเพราะได้รับการสั่งสอนจากพ่อ”
“เช่นนี้ท่านเลยมองออกสินะว่าพี่ชายของข้าเป็นชายที่ดี”ความคิดสดใสของหนุ่มน้อยทำให้มิซูโกะขำเล็กน้อยก่อนจะส่ายหัวเป็นการตอบว่าไม่ใช่
“ความเป็นจริงแล้วไม่ว่าจะห้องครัว รสมืออาหารหรือท่าทางนั้นล้วนเป็นสิ่งที่สามารถปั้นแต่งหรือฝึกฝนขึ้นมาได้ เมื่อมองผิวเผินแล้วก็อาจจะหลงในรูปลวงตาเหล่านั้นได้ง่ายเพราะความไม่ถี่ถ้วน”
“แล้วยังไงหรือพี่สะใภ้?”เด็กหนุ่มถามต่ออย่างไม่เข้าใจ
“พระพุทธองค์กล่าวว่าผู้คนย่อมมีดีและร้าย จิตใจมนุษย์นั้นมีพื้นฐานของกิเลสตันหา ดังนั้นไม่ว่าใครก็จะมีด้านที่มืดมิดในตัวตน แต่สำหรับผู้ที่ตั้งมั่นและครองตนด้วยความดีงามพร้อมคุณธรรมแล้ว ก็จะเหมือนกับแสงอาทิตย์ส่องสว่างยามเที่ยงวัน เมื่อเข้าใกล้ใครก็ตาม ก็ล้วนแล้วแต่จะสลายเงามืดมิดในตัวตนของผู้นั้นจางหายไป…ดังนั้นข้าเลยไม่กลัว เพราะข้าอยู่ในหลักการครองตนที่ดีพร้อม ข้าไม่เคยกลัวสักนิดว่าจะพบคนที่ไม่ดี”
มิซูโอะกล่าวจบแล้วก็แอบสังเกตว่าที่มุมปากของเคียวจูโร่นั้นมีรอยยิ้มประดับไว้บาง ๆ อยู่ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะชื่นชอบคำตอบของเธอมากล่ะมั้งนะ
“เซนจูโร่ ข้ามีอีกคำตอบหนึ่งแต่นี่เป็นคำตอบลับในใจของข้า ข้าจะบอกเจ้าเพียงแค่คนเดียวและครั้งเดียวเท่านั้น หากเจ้าแอบปากโป้งไปบอกผู้อื่น ข้าจะถือว่าเจ้าไม่ใช่ลูกผู้ชาย”
เซนจูโร่พยักใบหน้ารับแล้วเอียงใบหูเข้ามาใกล้ ๆ ให้เธอกระซิบ
มิซูโกะกระซิบด้วยถ้อยคำกระซิบแลบรรยายมันอย่างยืดยาว
‘พี่ชายของเจ้าเป็นชายที่แสนวิเศษ ไม่ใช่เพียงแค่ว่าฝ่ามือของเขานั้นเต็มไปด้วยวิชาดาบที่เก่งกาจ หรือแผ่นหลังที่ไม่ยอมแพ้และหมอบคู้เมื่อถูกบิดาของเจ้าว่าร้ายตนเอง แต่แววตาของเขานั้นมุ่งมั่นลุกโชนไปด้วยจิตใจที่เข้มแข็งซื่อตรง ความไม่ยอมแพ้นี้เองที่ทำให้ข้าชื่นชอบเขาตั้งแต่แรกพบ’
เซนจูโร่ยิ้มกว้างเขากระซิบกลับให้ข้าได้ยินประโยคสั้น ๆ ว่า
‘ข้าบอกแล้วว่าท่านพี่ของข้าเป็นชายที่ดีจริง ๆ พี่สะใภ้ เห็นไหมว่าข้าไม่ได้โกหกเขาเลย’
แน่นอนว่ามิซูโกะยิ้มบาง ๆ ให้กับถ้อยคำของเซนจูโร่ท่ามกลางสายตาที่ส่งของเคียวจูโร่และใบหูของเขาที่พยายามจะจับใจความสิ่งทั้งเธอและเซนจูโร่โต้ตอบกันเมื่อครู่ มิซูโกะไม่ทราบว่าเขาจับใจความได้อย่างไร แต่ดูเหมือนว่าเขาจะแอบยิ้มที่มุมปากอีกครั้งแล้ว…
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เราอ่านนิยายเลื่องนี้แล้วหุบยิ้มไม่ได้เหมือนคนบ้าเลย
ยิ้ม...ยิ้มเข้าป๊ายยย ชอบคุณภรรยาล่ะสินะ เคียวจูโร่