ตอนที่ 14 : ตอนที่ ๑๔
๑๔
( บท : เร็นโงคุ เคียวจูโร่ )
เสียงเหมือนเครื่องจักรดังขึ้นเรียกสติของเคียวจูโร่ให้กลับคืนมา ทันทีที่สายตาจับภาพรอบด้านเขาก็เกิดความประหลาดใจ สถานที่ที่เขาอาศัยอยู่ตอนนี้มีรูปร่างเหมือนบ้านฝรั่งใจกลางเมืองหลวงอย่างไรอย่างนั้น ข้าวของเครื่องใช้พลันประหลาดเหมือนมาจากต่างชาติผิดไปจากที่พำนักของเขา แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ตกใจ…พอนึกดี ๆ แล้วก็รู้สึกว่านี่คือบ้านของตนเช่นกัน
เสียงเครื่องจักร…รถยนต์หยุดลง
เขามองไปทางประตูทางหน้าบ้านที่ถูกไขด้วยกุญแจและคีร์การ์ดเข้ามาภายใน ประตูเปิดขึ้นพร้อมกับภาพของหญิงสาวร่างสูงราว ๆ ช่วงคอของเดินเข้ามาในชุดกระโปรงตัวยาวสีม่วงอ่อนยาวถึงข้อเท้า ที่คอของนางมีผ้าพันคอผืนหนาสีขาว บนใบหน้าสวมแว่นตาสีทึบมองไม่ออกว่าเป็นใคร ส่วนช่วงปากมีอะไรบางอย่างเกี่ยวปิดเอาไว้เหมือนพวกที่ทำงานในโรงหมอ...คงจะเป็นผ้าปิดปากกระมั้ง
ในมือของเธอถือตะกร้าใส่ขอสดที่เหมือนจะไปซื้อมาจากตลาด
เคียวจูโร่มองหญิงสาวที่หันใบหน้ามาทางเขา
“วันนี้ฉันซื้อปลาจานมาด้วยนะคะ” หญิงสาวยิ้มแฉ่งพร้อมชูห่อปลาจานตัวใหญ่อวบไปด้วยเนื้อให้เขาเห็น “ฉันไปสอยมาในราคาหมื่นเยนเลยนะคะตัวนี้” อีกฝ่ายจากนั้นก็หัวเราะเบา ๆ
เคียวจูโร่พลันนึกถึงเรื่องปลาจานแสนเยนของมิซูโกะที่เล่าให้เขาฟังอย่างไรอย่างนั้น จนกระทั่งหญิงสาวตรงหน้าถอดผ้าพันคอแขวนไว้กับเสาตรงทางเข้าบ้าน หัวใจของเคียวจูโร่ก็พลันตกตะลึงขึ้นเรื่อย ๆ แว่นตาถูกถอดห้อยไว้ที่กระเป๋าเสื้อของหญิงสาวตามมาด้วยเจ้าผ้าปิดปากที่ถูกม้วนยัดในกระเป๋าสะพายไหล่หน้าตาแปลกประหลาดที่มีสัญลักษณ์พระจันทร์ตรงข้ามซ้อนกัน (กระเป๋าชาแนล)
หญิงสาวที่ดูมีอายุคนนี้หน้าตาคล้ายกับมิซูโกะไม่น้อย
“มิซูโกะ” เขาเอ่ยปากเรียกชื่ออีกฝ่ายไปอย่างไม่รู้ตัว
“คะ?” คนถูกเรียกยิ้มหวาน “ปลาจานย่างเกลือราดน้ำมะนาวเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ สินะคะ” เธอว่าแล้วเดินไปยังส่วนหลังของบ้าน เคียวจูโร่เดินตามมายังห้องครัว เขานั่งลงที่โต๊ะทานข้าวเหมือนในร้านอาหารต่างชาติ แต่กลับไม่รู้สึกไม่คุ้นชินเลยสักนิด
“ทำไมวันนี้นึกทำของโปรดให้ฉันกันล่ะ?”
“เปล่านี่?” มิซูโกะในวัยสาวว่าเสียงสูงแต่ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ผิดสังเกต “คุณต่างหากที่แปลก ทำไมวันนี้เลิกงานเร็วจังล่ะคะ ปกติเลิกช้าไม่ใช่เหรอคะ” เธอถามกลับในขณะที่สองมือยุ่งอยู่กับวัตถุดิบสำหรับทำอาหารมื้อเย็น
“วันนี้เคลียร์งานเร็วน่ะสิ”
“อื้ม” มิซูโกะขานรับเสียงยาวพลางพยักหน้ารับขึ้นลง“คุณช่วยหยิบถุงสีขาวในกระเป๋าให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ” มิซูโกะขอความช่วยเหลือ แน่นอนว่าเคียวจูโร่ลุกขึ้นมาเปิดกระเป๋าใบใหญ่ของภรรยาที่วางอยู่ข้างตะกร้าจ่ายของสด เขารื้อข้าวของรก ๆ ข้างในแล้วหาถุงสีขาวที่อีกฝ่ายต้องการนำออกมาวางเอาไว้
“รกจังนะ ช่วงนี้วุ่นวายจนไม่ได้จัดกระเป๋าเลยสินะ”
“ก็ช่วงสิ้นเดือนฉันต้องทำบัญชีรายจ่ายนี่คะ ต้องเทียวไปจ่ายค่านั่นค่านี่แล้วก็ทำเรื่องเสียภาษีให้คุณด้วยน่ะค่ะ เฮ้อ…รัฐบาลนี่ก็แย่จังนะคะ ขึ้นภาษีอีกแล้ว ช่วงนี้ก็ดันมามีไวรัสระบาดอีก ฉันเลยซื้ออาหารแห้งของใช้ของมาตุนในบ้านเยอะเลย พวกหน้ากากอนามัยก็เหมือนกันนะคะ ฉันซื้อมาเป็นสิบกล่องเลย ต่อไปออกนอกบ้านคุณต้องพกไปใช้บ้างนะคะ พวกน้ำยาล้างมือแบบแห้งฉันก็ซื้อให้คุณใช้เหมือนกัน”
หญิงสาวบ่นร่ายยาวเป็นชุดไม่หยุด
เคียวจูโร่รู้สึกตกตะลึงกับอาการบ่นเป็นชุดเช่นนี้ของมิซูโกะไม่น้อย
“วันนี้เซนจูโร่โทรมาปรึกษาเรื่องการเรียนต่อกับฉันด้วย…เห็นว่าได้ทุนไปเรียนที่เมืองนอกปีหนึ่งด้วยน่ะค่ะ แต่เซนจูโร่อยากให้เราสองคนช่วยเกลี้ยกล่อมคุณพ่อท่านกับคุณแม่ท่านที่คัดค้านน่ะสิคะ”
เธอว่าเรื่องสำคัญขึ้นมา…
เคียวจูโร่เริ่มเข้าใจมาบ้างแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงคิดจะทำอาหารจานโปรดขึ้นมา
“อื้ม! ฉันจะโทรไปเกลี้ยกล่อมเอง” เขาว่าขึ้นอย่างตัดบทไม่ได้ถามอะไรต่อ
“ฉันคิดว่าจะช่วยออกเงินช่วยสนับสนุนความฝันชินจูโร่สักหน่อย ไปเรียนเมืองนอกอย่างน้อยก็ได้ภาษานะคะ แต่ฉันไม่รบกวนเงินของคุณหรอกนะ ฉันออกส่วนของฉันให้” เธอว่าจากนั้นก็มีการแอบหันมามองที่เขาเล็กน้อย
“เอาส่วนของฉันเติ่มสมทบไปด้วยนะ” เขาว่าขึ้น
“ได้ค่ะ” เธอยิ้ม “อีกสองสัปดาห์นี้คุณมีแข่งคัดเลือกตัวแทนนักเค้นโด้ฝ่ายชายสินะคะ” มิซูโกะถามขึ้นในขณะที่หันผักแล่เนื้อปลาอย่างชำนาญ
“อื้ม! ฝากจัดกระเป๋าให้ด้วยนะ”
“ค่ะ เตรียมให้แน่นอนอยู่แล้ว!” มิซูโกะว่าจากนั้นก็หมักปลาด้วยการทาเกลือไปทั่วผิวปลา เธอพักมันเอาไว้ก่อนจะล้างมื้อแล้วมานั่งตรงข้ามเขารอเวลานำไปย่างที่เตาไฟฟ้า “คุณคะ เรื่องคุณแม่ท่าน ฉันคิดว่าจะช่วยดูแลให้ช่วงหนึ่งจนกว่าจะดีขึ้นน่ะค่ะ แล้วฉันก็คิดว่าจะลองย้ายคุณแม่ท่านมารักษาที่โรงพยาบาลเฉพาะทางดู คุณคิดว่ายังไงบ้างคะ” มิซูโกะรื้อถุงสีขาวตนเองแล้วถามด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่น้อย
“เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยล่ะ!”
“แต่คุณต้องอยู่บ้านคนเดียวช่วงหนึ่งเลยนะคะ”
“นั่นไม่เป็นปัญหาหรอก! ไว้ฉันคิดถึงเธอ ฉันก็ขับรถตามไปอยู่ด้วยช่วงเสาอาทิตย์ก็ยังได้ ช่วงนี้โรงเรียนปิดเทอมแล้วภาระงานไม่หนักมาก อีกอย่างมันก็หมดช่วงอบรมครูไปแล้วด้วย”
“ถ้าอย่างงั้นก็สรุปเอาตามนี้นะคะ หลังส่งคุณไปแข่งฉันจะไปค้างที่บ้านประจำตระกูลนะคะ” มิซูโกะยิ้มอย่างยินดีเธอรื้อถุงสีขาวแล้วหยิบบางอย่างที่เป็นแท่ง ๆ ให้เขาดู ตรงกลางมีขีขึ้นสองขีด ขีดหนึ่งเข้มอีกขีดจาง ๆ ไม่ชัดเท่าไหร่นักออกไปทางสีชมพูตุ๋น ๆ อย่างไรอย่างนั้น
“?”
ใบหน้าของเคียวจูโร่งุนงงเล็กน้อย
ไอ้แท่งนี่มันคืออะไรกัน?
“ที่ตรวจครรภ์น่ะค่ะ ถ้าขึ้นสองขีดแปลว่าในท้องฉันมีเจ้าหนูอยู่ แต่ขีดมันยังจาง ๆ ฉันเลยไม่แน่ใจน่ะค่ะ คิดว่าอีกสองสัปดาห์จะไปตรวจให้แน่ใจที่คลินิกอีกทีดู”
“ฉันจะเป็นพ่อคนแล้ว!!”
เขาร้องลั่นบ้านด้วยความยินดีแม้ก่อนหน้านั้นจะมีสีหน้าเหวอก็ตาม
แม้ในใจของเคียวจูโร่จะรู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เขาเผชิญนี้เหมือนความฝัน แต่เขากลับรู้สึกว่านี่เป็นเหมือนความทรงจำของเขามากกว่าความฝัน
เขารู้สึกว่าเคียวจูโร่คนนี้ก็คือตัวเขาอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้…เราคือคนคนเดียวกันส่วนหญิงสาวตรงหน้าก็คือคนคนเดียวกับมิซูโกะอย่างแน่นอน เพราะความรู้สึกของเขาบอกว่าเป็นอย่างนั้น และเขาก็เลือกที่จะเชื่อในความรู้สึกนี้อย่างแรงกล้าโดยไม่สามารถต่อต้านมันได้เสียด้วย
“ยังไม่แน่นอนสักหน่อยนะคะ” มิซูโกะว่าแต่สีหน้าที่ดีใจและแอบคาดหวังนั้นไม่มีทางปกปิดไปจากสายตาของเคียวจูโร่ได้
“ต้องได้แน่ ๆ เป็นเด็กผู้ชายแน่นอน เพราะฉันรู้สึกแบบนั้น” เขาตอบไปเหมือนเหตุการณ์นี้ถูดจักฉากเอาไว้แล้ว“หลังแข่งคัดเลือกเสร็จฉันพาเธอไปตรวจนะ ฉันอดทนรอฟังผลไม่ไหวแล้ว”
“คุณนี่น่ะ เล่นใหญ่จังจริง ๆ เลย...” มิซูโกะยิ้มบาง ๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นไปทำกับข้าวต่อ แน่นอนว่าเขาลุกขึ้นมาช่วยเป็นลูกมือของนาง เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายทำงานหนักจนไปกระเทือนเจ้าตัวเล็กในท้องเอาได้ ต่อให้ยังไม่รู้ว่าผลสรุปจะใช่หรือไม่ก็ตามเถอะ
เคียวจูโร่รู้สึกมีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้นในความฝัน…
สิ่งที่มิซูโกะเล่าให้ฟังนั้นไม่ได้โกหกหรือบิดเบือนสักนิด…
. . .
เคียวจูโร่รู้สึกตัวอีกครั้ง ดวงตาลืมตื่นขึ้นจากห้วงความฝันหรือสิ่งที่เขาได้เข้าไปมีประสบการณ์ร่วมมา เสียงตั้งโต๊ะและกลิ่นกับข้าวหุงหอม ๆ นั้นปลุกให้สติของเขาแจ่มชัดมากยิ่งขึ้นว่าตนเองกลับมายังที่ที่ตนเองนั้นควรจะอยู่อาศัย พอหันไปมองคนข้างกายรวมเตียงเคียงหมอนที่หายเพราะตื่นแต่เช้ามืดเพื่อเตรียมข้าวเช้าให้เขาก็อดนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้
เคียวจูโร่ลุกขึ้นจัดชุดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะเดินไปยังห้องที่มิซูโกะจัดอาหารเช้าเอาไว้ ตอนนี้เธออายุสิบหก ตัวเล็กและยังคงกลิ่นอายของเด็กสาววัยกำดัดซึ่งต่างไปจากหญิงสาววัยสง่างามที่เติบโตแล้ว ณ โลกแห่งนั้น
แต่ทั้งสองคนก็คือมิซูโกะ…
เป็นตันตนเดียวกันยิ่งกว่าภาพเหมือนซึ่งซ้อนทับในดวงตาของเขา…
“ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” อีกฝ่ายถามไม่ได้หันมามองเพราะง่วนอยู่กับการจัดเตรียมมืออาหารบนโตะ
เคียวจูโร่ย่อกายลงดึงร่างเล็ก นั้นเขาสวมกอดจากด้านหลัง นึกถึงเรื่องราวที่อบอุ่นแล้วก็ทำให้เผลอตัวลูบหน้าท้องเล็ก ๆ ของอีกฝ่ายอย่างที่เขาอยากจะทำ แน่นอนว่ามิซูโกะไม่ได้โวยวายอะไรสำหรับการกระทำที่ฉุกละหุกของเขา นางหยุดนิ่งให้เขากอดลูบอย่างพอใจแต่โดยดี
“ต้องเป็นเด็กผู้ชายอย่างแน่นอน…” เขาเอ่ยปากขึ้นใบหน้าแนบคลอเคียงอยู่ข้างแก้มของนางอย่างมีความสุข
“เจ้าค่ะ ต้องเป็นเด็กผู้ชายอย่างแน่นอน”มิซูโกะกล่าวตามพร้อมหันใบหน้าเข้าหาเขา นัยน์ตาของนางปรากฎทั้งความประหลาดใจและความตื่นเต้นออกมา แน่นอนว่าเคียวจูโร่คิดว่านี่เป็นเพราะนางเองก็อาจจะดีใจที่เขาเกิดเรื่องประหลาดที่ทำให้สามารถเห็นความทรงจำในยุคสมัยข้างหน้า ยุคสมัยที่เขาและนางเป็นสามีภรรยากันอีกครั้งขึ้นมาได้
“เคียวจูโร่…” มิซูโกะเรียกเขาอย่างแผ่วเบาทว่ามันกลับหนักแน่นจริงจังไม่น้อย
“?”
“เมื่อเกือบสองเดือนก่อนท่านพูดว่า ถ้าผู้ชายไม่ไร้น้ำยาปีแรกก็ต้องฝากเด็กสักคนในท้องเมียตนเองได้ ข้าคิด ๆ ดูแล้วว่าท่านไม่ได้ไร้น้ำยาจริง ๆ รอบเดือนของข้าขาดมาได้เดือนกว่า ๆ แล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดแล้วล่ะก็…ในท้องของข้าก็น่าจะมีเด็กอาศัยอยู่จริง ๆ” มิซูโกะว่าแล้วทางฝ่ามือของตนทับฝ่ามือของเขาที่จับหน้าท้องน้อย ๆ ของนางเอาไว้พร้อมใบหน้าที่ทั้งเขินอายและยิ้มแย้ม
หืม? ในท้องของนางมีเด็กจริง ๆ รึ?
ใบหน้าของเคียวจูโร่เต็มไปด้วยอารมณ์แตกตื่นและตระหนกไปด้วยความยินดีปรีดา!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ในที่สุดก็มีน้องแล้วววว!!