13 ปีต่อมา
แสงแดดอ่อนๆยามเช้าสาดส่องเข้ามาภายในตัวเรือนหลังใหญ่ แสงนั้นตกกระทบกับภาพถ่ายที่เต็มไปด้วยความสุข ภาพเป็นภาพของชายหญิงคู่หนึ่งที่ยืนเคียงคู่กัน ชายผู้นั้นก็คือสามีของหล่อน โทบิรามะหรือท่านโฮคาเงะรุ่นที่สอง เขาถ่ายภาพกับหล่อนซึ่งเป็นภรรยาครั้งสมัยที่หมู่บ้านเริ่มก่อตั้งขึ้นมาใหม่ๆได้ไม่นานมากนัก
หลังจากที่ท่านฮาชิรามะเสียไปอย่างสงบด้วยวัยสี่สิบกว่าๆ หล่อนเพิ่งมารู้ตัวเอาทีหลังว่าผลของการฟื้นฟูร่างกายด้วยความรวดเร็วของท่านฮาชิรามะนั้นส่งผลให้อายุขัยของท่านลดลง มันไม่แปลกเลย...ในคืนที่ท่านฮาชิรามะต่อสู้กับมาดาระนั้น ท่านได้รีดเร้นจักระไปจำนวนมหาศาลเพื่อเร่งฟื้นฟูร่างกายจนส่งผลมาถึงเมื่อสองปีที่แล้ว ท่านก็จากไปสงบในอ้อมแขนของท่านมิโตะ...นับว่าเป็นเรื่องเศร้าของหล่อนเช่นกันที่ได้เสียบุคคลที่เป็นที่รักไป
ด้วยเหตุนี้...
ทำให้ท่านโทบิรามะต้องเข้ามารับตำแหน่งฉุกเฉินอย่างช่วยไม่ได้ เวลาผ่านมาได้สองปีกว่าๆแล้วที่เขารับตำแหน่งนี้ หมู่บ้านก็เริ่มมีสำนักงานต่างๆเกิดขึ้นมา อย่างกรมตำรวจอุจิวะที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ตระกูลอุจิวะได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้าน มอบที่ดินท้ายหมู่บ้านให้ กระทั่งสร้างหน่วยลับอันบุขึ้นมาเป็นกองกำลังพิเศษของหมู่บ้าน นอกจากนี้เขายังกำหนดระดับนินจา ระดับภารกิจและปรับปรุงระบบต่างในหมู่บ้านให้เจริญขึ้นผิดหูผิดตาเมื่อหลายปีก่อนไปเลยจริงๆ
ใช่...เขายุ่งมากกว่าเดิมและกลับบ้านดึกๆดื่นๆ
สองมือของหล่อนปัดฝุ่นที่เกาะติดกับรูปถ่ายคู่กันแล้วยิ้ม...ไม่นึกว่าหล่อนจะมีโอกาสได้เป็นภรรยาของโฮคาเงะ แต่เพราะแบบนี้หน้าที่การงานของหล่อนก็เพิ่มขึ้น หล่อนเริ่มเป็นครูสอนวิชานินจาแพทย์ รวมทั้งช่วยเขาปรับปรุงหลักสูตรของโรงเรียนนินจาเสียยกเครื่อง...
"ลูกๆแต่งตัวเสร็จแล้วนะเจ้าค่ะ กับข้าวก็พร้อมแล้วด้วย" หล่อนกล่าว และวางกรอบรูปที่ถ่ายคู่กันลงที่ชั้นวางของ เมื่อเข้าไปในห้องก็ตรงดิ่งไปช่วยผู้เป็นสามีแต่งเนื้อแต่งตัว ชัดชุดโฮคาเงะให้เรียบร้อย
"ช่วงนี้ลำบากเจ้าแย่ ขอโทษด้วยนะ" เขากล่าว ทว่าหล่อนกลับสายหน้าอย่างไม่เป็นอะไร เขาตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างลุกขึ้นมาทำงานที่โต๊ะตัวเตี้ยพร้อมๆกับหล่อนที่ตื่นเช้ากว่าเดิมเพื่อมาดูแลเขา
"ข้าไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ" หล่อนเอ่ยก่อนจะจัดชุดของสามีให้เรียบร้อยกว่าเดิม "ช่างถ่ายภาพมากันแล้ว แต่พวกเขายังเตรียมการกันไม่เสร็จ คงอีกสักพัก" หล่อยเอ่ยบอกเขา ท่านโทบิรามะจะได้ไม่ต้องรีบทานข้าว
ใช่แล้ว...
วันนี้ท่านโทบิรามะอยากจะถ่ายรูปของครอบครัว ในฐานะที่เราแต่งงานกันมาครบรอบยี่สิบปี...จนตอนนี้หลานคนแรกของหล่อนและเขาเองก็เกิดแล้วด้วย เลยถือโอกาสถ่ายรูปรวมเอาไว้เลย หล่อนเลยจัดการนัดช่างเอาไว้ในช่วงเช้าเสียเลย ท่านโทบิรามะจะได้มีเวลาไปทำงานที่สำนักงานโฮคาเงะต่ออย่างที่เขาขอเอาไว้
"อย่างงั้นรึ ก็ดี จะได้ทานข้าวพร้อมหน้ากันบ้าง" เขายิ้มบางๆ และคว้าหมวกประจำตำแหน่งโฮคาเงะมาถือเอาไว้ หลังจากนั้นเราก็เดินไปที่ห้องครัวพร้อมๆกัน
นานแล้วที่หล่อนไม่ได้ทานกับข้าวพร้อมกันนานขนาดนี้...
ตั้งแต่ที่ฮิโตะมารุโตและสำเร็จวิชาต้องห้ามของตระกูลในขณะที่ออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อรักษาผู้คน เขาก็กลับมาที่บ้านในสภาพที่เมียของเขากำลังตั้งท้องได้ห้าเดือน ทำให้หล่อนนั้นด่าเจ้าลูกชายตัวดีไปสองสามฉาด ใครกันให้พาเมียเดินทางไกลทั้งๆที่กำลังท้องไปด้วย! และด่าในเรื่องที่เขาแอบฝึกวิชาต้องประจำตระกูลสำเร็จ ทำให้หล่อนเกือบหัวใจวายไม่รู้เรื่อง...
ส่วนฟุตะมารุนั้นทำงานในหน่วยลับ ลูกสาวคนนี้เองก็ตื่นเช้าไม่แพ้คนเป็นพ่อ และทำงานหนักในฐานะนินจาของหมู่บ้านระดับแนวหน้า ฟุตะมารุนั้นไปปฎิบัติภารกิจระดับ S และได้สละตัวแยกทางกับเพื่อนร่วมภารกิจ ลูกสาวคนนี้หายตัวไปประมาณสองปี และกลับมาพร้อมร่างกายที่สภาพดูไม่ได้ แต่...ก็ฝึกวิชาต้องห้ามสำเร็จในสถานการณ์ฉุกเฉิน...ทำให้หล่อนเป็นลมไปกองกับพื้น
ทั้งสองคนนั้นมีชีวิตที่ไร้ความตายเหมือนหล่อนไปเสียแล้ว...
ผิดกับเมชิมารุที่นับวันร่างกายยิ่งไม่ค่อยแข็งแรง ฝึกวิชาอะไรไม่ค่อยจะได้...แต่ก็ยังดีที่เมชิมารุนั้นยังคงช่วยหล่อนทำงานอยู่ที่บ้านเช่นเดียวกับสะใภ้คนแรกของหล่อนที่อยู่ดูแลหลาน ดูแลเรือนหลังนี้ในวันที่หล่อนทำงานหัวหมุ่นที่โรงหมอ...กับฮิโตะมารุที่ไปๆหายๆจากหมู่บ้าน
"ท่านแม่ ข้าจัดจานเรียบร้อยแล้ว" เสียงเล็กๆแสนน่ารักของเมชิมารุกล่าว จากเด็กสาวตัวน้อยขี้ฟ้องกลายเป็นนางฟ้าน่ารักซึ่งถอดแบบมาจากหล่อนแทบจะทั้งหมด
"โอ๋ๆ ไม่ร้องๆ" น้ำเสียงเรียบนิ่งแสนเยือกของเย็นของฟุตะมารุดังขึ้น มือข้างหนึ่งนั้นกำลังไกว่แขนปลอบหลานคนแรกของหล่อนที่ร้องไห้งอแงเหมือนฮิโตะมารุในตอนเด็ก โดยที่สะใภ้คนแรกของเรือนหนังนี้กำลังมองลูกชายด้วยความห่วงใย ทำเอาหล่อนนึกถึงครั้งแรกที่กลายเป็นคุณแม่มือใหม่...
"ส่งลูกข้ามาเถอะฟุตะมารุ ลูกข้ากลัวเจ้าแย่แล้ว" ฮิโตะมารุเอ่ยเขาจัดชุดกิโมโนของตระกูลเซ็นจูให้เรียบร้อยและรับตัวลูกชายตัวน้อยมาไว้ในอ้อมแขน แกว่งไปแกว่งมาสักก็เริ่มหยุดร้อง "ข้าบอกแล้ว ตอนเด็กๆให้พ่ออุ้มนะ หยุดร้องแน่นอน เหมือนข้าไง" เขากล่าวแล้วหัวเราะเบาๆ มือหนึ่งก็จูงเมียร่างเล็กมานั่งข้างๆตนที่โต๊ะ
"ท่านข้าวกันเถอะจ๊ะ" หล่อนเอ่ยขึ้น และทุกๆคนนั่งประจำที่เป็นอันเรียบร้อย
เป็นอีกหลายๆครั้งที่ได้ทานข้าวเช้าพร้อมหน้าพร้อมตากัน...หล่อนยิ้มบางๆ และทานเงียบๆ
"ท่านแม่เย็นนี้ข้าอาจไม่กลับบ้าน ไม่ต้องเตรียมข้าวเผื่อข้านะ" ฟุตะมารุกล่าวแล้วเริ่มจวกทานข้าวด้วยความรวดเร็ว คงเพราะยังไม่ได้เกล้าผมแลปักปิ่นกระมั้งเลยต้องรีบหน่อย
"จ้าๆ" หล่อนเอ่ยรับ "ให้แม่ทำไปให้ไหมละ" หล่อนถาม ปกติช่วงเย็นถ้าโทบิรามะยังไม่กลับหล่อนจะเดินถือข้าวกล่องไปให้เขาถึงที่ทำงาน บางทีก็เจอกับเจ้าลูกสาวในสภาพเหนื่อยล้ากำลังวุ่นกับงานเอกสารของหน่วยลับ
"ก็ดีนะคะ เดี๋ยวข้ามารับข้าวกล่องที่บ้าน อาจจะแวะเอาไปให้ท่านพ่อด้วย" ฟุตะมารุเอ่ย
"เย็นนี้พ่อกลับบ้านไว ไม่ต้องทำเผื่อล่ะฮิสึงิ" โทบิรามะเอ่ยบอกภรรยาข้างๆ
"ช่วงนี้ข้าเองก็อยู่ยาวเดือนสองเดือน ข้าไปมาหลายแคว้นได้ข้อมูลที่น่าสนใจมาหลายอย่าง ไว้จะเขียนให้ท่านพ่ออ่านดูนะ" ฮิโตะมารุกล่าว "พวกแคว้นคุโมะเสียไรเงะรุ่นที่หนึ่งเสียแล้ว ตอนนี้ไรคาเงะรุ่นสองกำลังรับตำแหน่ง ไหนจะเรื่องภายในแคว้นรอบด้านอีก" ฮิโตะมารุเอ่ยอย่างจริงจังด้วยน้ำเสียงที่เบาพอประมาณ ทว่าสีหน้ายังคงเรียบนิ่ง
"เย็นนี้ทันไหม พี่"ฟุตะมารุเอ่ย "ข้าอยากเอาไปเทียบกับข่าวที่สืบมาเสียหน่อย" ฟุตะมารุเอ่ยอย่างท่าทายพี่ขาย
"ได้สิ" ฮิโตะมารุรับคำ สายตาของคนทั้งสองกำลังฟาดฟั้น
"หยุดทับถมกันได้แล้วน่าพี่" เมชิมารุกล่าวขึ้นมากลางวงรับประทานอาหารเช้า
"นั้นสิ กว่าจะได้เจอกันพร้อมหน้าพร้อมตา พวกเจ้าเป็นพี่น้องกันเชื่อใจกันไว้เถอะ" โทบิรามะกล่าวเขาคีบเนื้อปลาแบ่งให้ฮิโตะมารุและฟุตะมารุซึ่งอยู่ใกล้ๆ
"ค่ะ/ครับ" ทั้งสองเอ่ยรับและยิ้มบางๆ นานๆทีจะได้กลับไปทะเลาะกันเหมือนเดิมแล้วโดนท่านพ่อดุเข้าให้ มันเหมือนกับว่าได้กลับไปมีความสุขเหมือนครั้งวัยเด็กเลย...
ส่วนฮิสึงิก็ทำเพียงแต่มองภาพของครอบครัวด้วยความสุขใจ...
ครอบครัวของหล่อนจากที่เดียวดายนั้นเริ่มกลับมาอบอุ่น ข้างกายเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่มอบความรักให้หัวใจที่เคยไร้รักถูกกลับมาเต็มดวง...ได้มีความสุขมากกว่าทุกๆครั้งที่ผ่าน หวังว่าภาพที่จะถ่ายในวันนี้จะเก็บช่วงเวลาแสนสุขเอาไว้อย่างยาวนาน ไม่ให้มันสูญสลายหายไป
หล่อนคิดวันนี้ได้แต่ยิ้มและยิ้ม...
. . .
. .
.
แชะ! แชะ! แชะ!
เสียงชัทเตอร์ของกล้องถ่ายรูปแบบขาตั้งดังขึ้นรัวๆ ภาพของครอบครัวใหญ่ยืนเคียงข้างกัน ตามด้วยภาพคู่ของแต่ละคนภายในครอบครัว รูปของหล่อนกับท่านโทบิรามะ รูปของเด็กๆทั้งสามคน รูปของหลานและฮิโตะมารุรวมทั้งภรรยาของเขา
จนในที่สุดก็เป็นภาพสุดท้ายที่โทบิรามะขอเอาไว้ ภาพของหล่อนที่ยืนยิ้มพร้อมด้วยชุดกิโมโนสีขาวที่ใช้ในวันแต่งงาน กระทั่งปิ่นประดับผม ทุกๆอย่างล้วนเป็นของชุดเดิมที่เคยใช้ในวันแต่งงานวันนั้นทั้งหมด ตอนนี้หล่อนกำลังยืนถ่ายภาพคู่กับเขา...
แค่กำลังรอสัญญาณจากช่างถ่ายภาพก็เท่านั้น
"คล้องแขนเหมือนวันนั้นไหมเจ้าค่ะ" หล่อนกล่าวถาม แล้วนึกถึงวันเข้าหอในคืนปีใหม่
"เอาสิ" โทบิรามะมองหล่อน หลังจากนั้นเราก็คล้องแขนระหว่างกันก่อนจะหันกลับไปเกร็งตัวเตรียมถ้ายรูป
"จะถ่ายแล้วนะขอรับ หนึ่ง..สอง..สาม..." ช่างภาพเอ่ยนับเวลา
"อุ้ย!" หล่อนตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆก็ถูกเขาอุ้มขึ้นเสียอย่างนั้น
แชะ!
"ท่าน!" หล่อนเอ่ยเรียกโทบิรามะ และมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความงุนงง
"ช่วยเก็บภาพนั้นเอาไว้ด้วยนะ" เขากล่าวบอกกับช่างภาพแล้วมองมาที่หล่อน เห็นแบบนี้หล่อนก็เลยตีแขนของเขาเบาๆไปหนึ่งที หล่อนหัวเสียเล็กน้อย แทนที่จะได้ภาพสวยๆ กลับได้ภาพหลุดๆของหล่อนไปแทน
"ข้าอายช่างแย่ ท่านอย่าเก็บไว้เลย" หล่อนกล่าวเสียงกระซิบ แต่สามีกลับทำเป็นไม่ได้ยิน เขาดันตอบหล่อนกลับมาว่า แถมยังหอมแก้มของหล่อนอีก
"ภาพไหนเจ้าก็สวยนั้นละข้าชอบทั้งหมด ช่างถ่ายต่อเถอะ" เขากล่าวบอกช่างถาพให้ถ่ายต่อ สีหน้าอิ่มเอิบไปด้วยความสุขที่ได้แกล้งภรรยาแสนน่ารักของตน มันเหมือนกลับไปยังช่วงเวลาที่ยังหนุ่มยังแน่น
และแล้วการถ่ายภาพก็ดำเนินต่อไปด้วยความรวดเร็ว...
.
. .
. . .
เพล้ง!
กรอบรูปถ่ายของโทบิรามะในชุดโฮคาเงะตกลงแตก ฮิสึงิหัวใจชาวาบด้วยความรู้สึกแปลกๆ วันนี้โทบิรามะนั้นเดินทางไปยังหมู่บ้านคุโมะเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี โดยที่มีฮิโตะมารุติดตามไปด้วย ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อเขาและเจ้าลูกชายรับปากแล้วว่าจะดูแลพ่อเป็นอย่างดี ในขณะที่ฟุตะมารุนั้นจะดูแลหมู่บ้านแทนโทบิรามะสักระยะ
'ฮิโตะมารุ...ถอยกันก่อน เร็ว!'
!?
นี่มันเสียงของท่านโทบิรามะนี่นา ทำไมหล่อนถึงได้ยินเสียงของเขากัน หรือว่า?!....เขากำลังจะตาย...? ไม่น่ะ แต่ถ้ามีฮิโตะมารุอยู่ด้วย ก็น่าจะ...เกิดอะไรขึ้นกับเขากัน! หล่อนคิดก่อนรีบวิ่งออกไปจากเรือนใหญ่หลังนี้ สองมือกำชายกิโมโนเอาไว้ หล่อนจะไปหาฟุตะมารุและถามข่าวของโทบิรามะเดี๋ยวนี้เลย!
ใช้เวลาไม่นานก็ได้รับข่าวมาจากเหยี่ยวอัญเชิญของฮิโตะมารุ...
เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ไม่ผิด...โทบิรามะถูกพวกพี่น้องกินคาคุ คินคาคุบุกลอบบุกเข้ามาภายในพิธีเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างหมู่บ้านนินจา และลอบสังหารไรคาเงะรุ่นสองร่วมทั้งโทบิรามะดวย แต่โชคดีที่ทั้งสองคาเงะไม่ได้เสียชีวิตแต่ก็ต่างพากันหลบหนีเอาชีวิตรอดมาได้ในสภาพปางตาย..
และนี้ทำให้หล่อนกลัวเป็นอย่างมาก...
เขาจะเป็นยังไงบ้างนะ...
. . .
โชคดี...ที่เขายังมีชีวิตและกลับมาในสภาพร่างที่ครบสมบูรณ์ทุกประการณ์ถึงแม้ว่าจะต้องพักฟื้นอย่างน้อยสักสองสามวัน ตอนนี้หล่อนได้แต่นั่งอยู่ข้างๆเขาที่เตียงกว้าง เอาแต่จ้องมองเขาไม่ละสายตาไปจากไหน ในใจรู้สึกโกรธแค้นเคืองเจ้าพวกสองพี่น้องเงินทองที่บังอาจมาทำร้ายสามีของตนจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดเช่นนี้!
"ท่านแม่ ข้าจะเฝ้าท่านพ่อต่อเอง ท่านไปพักผ่อนเถอะ..." เสียงของเมชิมารุดังขึ้นจากด้านหลังของหล่อน
"แม่ขอเฝ้าต่ออีกสักหน่อยเถอะ" หล่อนกล่าวเบาๆ
"ท่านพูดเช่นนี้มาสี่ครั้งแล้วนะเจ้าค่ะ หากท่านพลอยไม่สบายไปด้วยจะทำอย่างไร" เมชิมารุเข้ามาใกล้ๆหล่อน และแตะที่บ่าด้วยความห่วงใย "ท่านไปพักผ่อนสักเล็กน้อย ดื่มน้ำทานของว่างสักครู่ก็ยังดี" ลูกสาวกล่าวต่อและสวมกอดหล่อนเบาๆ จนกระทั่งหล่อนยินยอมออกไปตามคำขอร้องของเมชิมารุ
พอฮิสึงิออกไปได้สักพักหนึ่งโทบิรามะก็ลืมตาขึ้น...เขามองไปที่ลูกสาวคนเล็กที่เหมือนรอจะฟังสิ่งที่เขาจะเอ่ย ลูกสาวคนเล็กนั้น เกิดมาด้วยร่างกายที่ไม่แข็งแรง แต่ทว่าสิ่งที่เด็กคนนี้มีคือพลังพิเศษของการเห็นภาพความตายของคนแต่ละคน...
เหมือนตอนเด็กลุกสาวตัวน้อยคุยกับเขาถึงความตายของเจ้ามาดาระ...กระทั่งของท่านพี่ฮาชิรามะ และใครหลายๆคนที่ได้สัมผัสอย่างไม่ตั้งใจ
'หนูมองเห็นภาพแปลกๆ ท่านพ่อ! ท่านพ่อ! หนูกลัว' เด็กสาวร้องไห้ด้วยความตื่นตกใจ ร่างเล็กๆนั้นกระชากแขนเสื้อของเขาด้วยท่าทีจริง
'ภาพอะไร ไหนเล่าให้พ่อฟังทีสิ' เห็นลูกสาวตัวน้อยร้องไห้เขาจึงไตร่ถาม
'หนูเห็นลุงมาดาระสู้กับลุงฮาชิรามะ เขาถูกท่านลุงแทงดาบใส่เข้าที่ด้านแล้วนอนหลับไป...เหมือนกับท่านลุงฮาชิที่หลับไปไม่ตื่นอีกเลย เหมือน! เหมือนท่านพ่อเลย...พ่อไม่ยอมตื่น...' เมชิมารุร้องไห้งอแง แววตานั้นจริงจังไร้การแต่งเติมใดๆจากคำโกหก
'!!?' เขาได้แต่ตกใจและเงียบไป...เรื่องนี้คงต้องเก็บเอาไว้ 'พ่อหลับไปยังไงละ ลูก...'
'พ่อ...' ไม่ทันที่เด็กสาวจะเอ่ยกลับต้องเป็นลมล้มพับไป...
นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงไม่สอนวิชานินจาให้เมชิมารุ ไม่ให้ใครมายุ่งเมชิมารุ แต่ก็ยังมีคนมากมายผ่านเข้ามาในชีวิตของลูกสาวคนนี้ อย่างเจ้าคากามิจากอุจิวะที่เป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็ก และยังคงแวะเวียนมาพูดคุยเสมอ เป็นเด็กไม่กี่คนที่ลูกสาวคนนี้ให้ความไว้วางใจ
"ตอบพ่อมาตามตรง...พ่อใกล้ถึงเวลานั้นรึยัง เมชิมารุ" เขาเอ่ยเบาๆ
"ท่านพ่อ..." เมชิมารุเงียบ หล่อนทำเพียงได้แต่พยักหน้าเบาๆ "คงจะปีกว่าๆ" หล่อนเอ่ย โทบิรามะทำเพียงพยักหน้าเบาๆไม่ได้กล่าวอะไร ในใจได้เตรียมวางแผนไว้แทบจะทั้งหมดแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัว ถึงจะไม่รู้ว่าความตายของตนนั้นเป็นเช่นไร
"เมื่อสัปดาห์ก่อนอุจิวะ คากามิมาสู่ขอตัวเจ้ากับพ่อ เจ้าชอบพอในตัวของเจ้านั้นอย่างนั้นรึ?" เขาถามเมชิมารุ เจ้าคากามินะ เป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กที่โรงเรียนนินจาของเมชิมารุ ถึงจะออกจากโรงเรียนนินจาแล้วก็ยังแวะเวียนมาหาบ่อยๆทุกๆเย็นๆ เป็นสาเหตุที่เขาดึงตัวอุจิวะคากามิเข้ามาในทีมโจนินที่คุมอยู่
เป็นคนที่ใช้ได้และมีอุดมคติเพื่อหมู่บ้าน ไม่เหมือนพวกอุจิวะคนอื่นๆที่ทำเพื่อตระกูล คนผู้นี้ดีพอที่จะยกลูกสาวให้ดูแล เขาไว้ใจพอที่จะฝากฝังลูกสาวคนสุดท้องคนนี้ได้
"เจ้าค่ะ..." ลูกสาวตอบเบาๆ
"ก็ดี ถ้าเจ้าเห็นว่าดี พ่อก็เห็นว่าดี" เขากล่าวไม่ได้บอกอะไรไว้ หากหายดีคงจะต้องไปพูดคุยกับทางตระกูลอุจิวะสักหน่อยแล้วถึงเรื่องกำหนดการพิธีต่างๆ พอมองไปที่ใบหน้าของลูกสาวตัวเองแล้วก็รู้สึกหวง ใจหนึ่งก็อยากจะให้แต่งเป็นฝั่งเป็นฝา ใจหนึ่งก็ไม่อยากจะยกให้ใคร
"ท่านพ่อ...แล้วท่านแม่ล่ะ?"
"...ไม่ต้องห่วงหรอก" ฮิสึงินะมีทั้งฟุตะมารุ ทั้งเจ้าฮิโตะมารุ ตอนนี้ก็มีหลานแล้ว คงจะไม่เหงา เขาเองก็เตรียมการอะไรหลายๆอย่างเอาไว้ให้หล่อนแล้ว วางใจได้เลยว่าชีวิตที่เหลืออยู่ของหล่อนโดยไม่มีเขานั้น จะต้องไม่ทุกข์ใจแน่นอน...
แน่นอนว่าไม่มีใครอยากจะให้คนที่เรารักตายตามเรามาด้วย...มีเพียงแต่อยากให้ชีวิตนั้นอยู่อย่างยาวนาน สุขสบายใจสบายกาย ที่สำคัญจะต้องมีความสุขด้วย จะให้มาตายตามเขาไปเนี่ยนะ..เขาไม่ยอมหรอก!
มันช่างดูเห็นแก่ตัว...แต่ให้หล่อนทุกทรมาน เขาก็ไม่สามารถทำได้ ความตายของหล่อน เขาอยากให้หล่อนค่อยๆใช้เวลาคิดมัน นั่นเพราะเขารู้ดีว่าชีวิตนั้นมีความหมายมากแค่ไหน...
"แม่ของเจ้าจะมีพ่อคอยดูแลเสมอ...เสมอแน่นอน..." เขากล่าวเพื่อให้ลูกสาวสบายใจ
เรื่องที่ฮิสึงิจะอยู่อย่างไรนั่น...
เขาได้มีทางออกไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว...
. . .
. .
.
ปีต่อมา
สถานการณ์ระหว่างห้าแคว้นใหญ่เริ่มไม่มั่นคง รอเพียงแต่จังหวะเท่านั้นว่าใครจะเป็นคนเปิดศึกนี้ก่อน และด้วยเหตุนี้ทำให้โทบิรามะวุ่นวายและทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิม แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นโทบิรามะก็ยังคงมีเวลาว่างให้หล่อนเสมอ
มือของหล่อนค่อยๆ ล้วงหยิบล็อกเก็ตนาฬิกาพกขึ้นมา เมื่อเปิดเวลาดูก็จะพบรูปของเราสองคนที่ถ่ายคู่กันเมื่อปีก่อน สายทอดมองลากผ่านหน้าปัดนาฬิกาไปยังรูปภาพ หล่อนจ้องมันอยู่นานสองนานจึงเก็บมันลงไปในตัวเสื้อกิโมโนดังเดิม ช่วงนี้เองหล่อนก็วุ่นวายไม่ใช่น้อย
ก็ลูกสาวคนสุดท้องนะสิ...ตอนนี้หมั้นกับเจ้าเพื่อนสนิทไว้แล้วกับเด็กที่ชื่อคากามิ อีกไม่ถึงสามเดือนก็ได้เวลาจัดพิธีแต่งงานขึ้น นี่ชีวิตของหล่อนผ่านมายาวนานมาก มากจนที่ได้อยู่ในงานแต่งของลูกสาว แล้วตอนนี้ก็ดันมีหลานเป็นตัวเป็นตนเสียแล้ว จะได้ไม่อายท่านฮาชิรามะที่มีหลานสาวแล้วเช่นกัน!
!
"ข้ากลับมาแล้ว" เสียงของโทบิรามะเอ่ยขึ้นทันทีที่ประตูหน้าเรือนใหญ่ถูกเลื่อนเปิด
"กลับมาแล้วหรือเจ้าค่ะ" หล่อนเอ่ยรับตามธรรมเนียม แปลกที่โทบิรามะดูรีบๆ
"สงครามเริ่มขึ้นแล้ว วันพรุ่งนี้ข้าคงต้องออกไปทำภารกิจตั้งแต่เช้ามืด" เขากล่าวบอกคราวๆ และนี้ทำให้หล่อนตกใจเล็กน้อย นี้แสดงว่ามีคนเริ่มต้นเปิดฉากการสู้รบแล้วนะสิ...ที่สำคัญมันหมายความหมู่บ้านนินจาแต่ละแคว้นก็ต้องออกไปรบ ทำภารกิจ
"เช่นนั้นข้าจะไปเตรียมข้าวของให้นะเจ้าค่ะ" หล่อนกล่าวอย่างเข้าใจ ตอนนี้เข้าสู่ช่วงสงครามเสียแล้ว นินจาที่เป็นหนึ่งในกำลังหลักของแคว้นก็ต้องออกมาสู้รบกัน
"ฝากเจ้าด้วย" โทบิรามะกล่าวกับฮิสึงิที่เข้ามาช่วยเขาถอดเสื้อคลุมโฮคาเงะ และรับหมวกไปเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อยก่อนที่ฮิสึงิจะหายไปเตรียมข้าวของของเขาให้พร้อมสำหรับเช้ามืดในวันพรุ่งนี้
ตกดึก
ถึงแม้ว่านี้จะมืดค่ำแล้ว แต่โทบิรามะก็ยังคงทำงานอยู่อย่างต่อเนื่อง...หล่อนเองก็เช่นกัน ยังคงไม่ง่วงนอนเลยแม้แต่น้อย เผื่อว่าจะช่วยอะไรเขาบ้างก็ยังดี หล่อนมองไปยังโต๊ะทำงานตัวเตี้ยที่ยังคงถูกจุดด้วยเทียนไขแทนที่จะเปิดไฟ โทบิรามะเป็นเช่นนี้เสมอ...
เขาคงไม่ออยากจะรบกวนหล่อนเลย
"นอนเถอะเจ้าค่ะ วันพรุ่งนี้ท่านต้องไปทำภารกิจไม่ใช่รึ" หล่อนกล่าวทาง พลางลุกขึ้นมานั่งข้างๆเขา สายตาไม่ได้มองไปที่เอกสาร มีเพียงจ้องมองเขาอย่างห่วงใย
"ข้าทำเจ้าตื่นรึ" เขาถามท่าทางเหมือนจะไม่ยอมกลับไปนอน
"มีเรื่องอะไรที่ท่านกังวลกัน?" หล่อนถาม
"ข้าเป็นห่วงเจ้า" เขากล่าวสั้นๆ
"ฮืม?" หล่อนเอ่ยพึมพำเบาๆอย่างสงสัย
"ทิ้งเจ้าไว้คนเดียว เจ้าคงจะเหงาแย่" เขากล่าวสิ่งที่กังวลใจออกมาในที่สุด แล้วละสายตาจากเอกสารกองโตแล้วจ้องมาที่หล่อน มือข้างหนึ่งแตะหลังฝ่ามือของหล่อนด้วยสีหน้าที่กังวลใจ ดวงตานั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หวั่นไหว อย่างที่หล่อนไม่เคยเห็นมาก่อน... "ข้าเองก็คงเหงาถ้าไม่ได้เจอเจ้านานๆ คิดแล้วก็กังวล...อดรู้สึกคิดถึงเจ้าไม่ได้"
"ข้าเองก็เหมือนกัน" หล่อนเอ่ย...
แค่ห่างกันสามวันหล่อนก็กังวลแทบตายแล้ว ทั้งเป็นห่วงทั้งคิดถึง...หล่อนคิดแล้วเป็นฝ่ายสวมกอดเบาๆจากด้านข้าง ใช้หัวซุกไซร้ไหลของเขา
"เมื่อก่อน ตอนที่ท่านออกไปรบ สิ่งที่ข้าชอบที่สุดคือการกอดท่าน..." หล่อนเอ่ยแล้วกลายเป็นฝ่ายถูกสวมกอดแน่นแทนด้วยฝีมือของโทบิรามะ เขาช้อนตัวของหล่อนขึ้นมานั่งทับที่ตักของตนเอง
"ที่ข้าชอบที่สุดก็คือกอดเจ้า แล้วก็จูบเจ้า" กล่าวจบก็บรรจงประทับริมฝีปากด้วยความรักใคร่เอ็นดู คนร่างเล็กได้แต่โอนอ่อนไปตามแรงรักของเขาอย่างช่วยไม่ได้
ถึงจะสี่สิบแล้วแต่เขาก็ยังคงดูไม่แก่เลย...
ไม่ต่างจากตอนหนุ่มเลยสักนิด...
"ยิ้มอะไรกันเมียรัก" เขาถามหล่อนซึ่งกำลังยิ้มอย่างมีความสุข
"ท่านดูไม่แก่เลย ยังดูหนุ่มแน่นเหมือนเมื่อก่อน" หล่อนกล่าวแล้วยิ้มหวาน มือทั้งสองประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ แสงเทียนสีส้มนวลไม่ต่างอะไรกับแสงเทียนเมื่อก่อนเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าหล่อเหลาอย่างไรก็ยังคงเป็นเช่นนั้น คนตระกูลเซ็นจูนี่ดูแก่ช้าเสียจริงๆ เหมือนท่านบุซึมะถึงจะหกสิบแล้วก็ยังเหมือนสี่สิบกว่าๆเอง "ข้ายังคิดอยู่เลย บางทีท่านอาจจะแอบมีเมียลับๆเก็บเอาไว้" หล่อนหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าของโทบิรามะในตอนนี้
"ข้ามีเมียที่ยอดเยี่ยมที่สุดขนาดนี้ ข้าจะไปมีใครอื่นอีกได้อย่างไร" เขาลูบผมของหล่อนที่ปล่อยยาวลากพื้น สางมันเบาๆด้วยความทะนุถนอมเป็นอย่างดี "พยานรักของข้ามีตั้งสามคน หรือว่าเจ้าอยากมีอีกกัน?" เขาถามและแน่ละสี่คนหล่อนก็ดูแลไม่ไหวแล้ว
"ท่านนี่ก็" หล่อนเอ่ยอย่างไม่รู้จะเอ่ยอะไรดี ใบหน้านั้นเขินเล็กๆน้อยๆ
เราได้แต่จ้องกันและกันอยู่เนินนาน...
"...ถ้าหากเราต่างคิดถึงกันและกัน ข้าอยากให้เรานึกถึงวันเวลาที่ดีงาม เวลาที่เรามีกันและกัน เช่นนั้นเราก็จะไม่รู้สึกเหงา...ข้ากับเจ้าก็จะไม่ได้ต้องรู้สึกทุกข์ ถ้าคิดถึงกันก็ให้มองดูรูปที่ถ่ายคู่กันเอาไว้ ดีหรือไม่?" เขาถาม...
"ดีเจ้าค่ะ ดี!" หล่อนตอบรับแล้วยิ้มกว้าง
เขามักจะเอ่ยเวลาเราอู่ห่างไกลกัน...ให้คิดถึงความทรงจำต่างๆ ทุกๆสิ่งที่ทำร่วมกันเอาไว้ เขามักจะ...พูดแบบนี้เสมอ ๆ หากเป็นช่วงที่ตระกูลเซ็นจูรบกับตระกูลอุจิวะแล้วละก็ หล่อนจะมอบพัดประจำตระกูลให้เขาพกเอาไว้เหมือนเครื่องราง แต่พัดนั้นในที่สุดก็ถูกเผาด้วยคาถาไฟของพวกอุจิวะ หล่อนในตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก
ขอแค่เขาปลอดภัยกลับมาก็ดีแล้ว...
"เช่นนั้นเราก็เข้านอนกันเถอะ" เขาบอกหล่อนและเป่าเทียนที่โต๊ะจนดับ ทั้งห้องเต็มไปด้วยความมืด ร่างของหล่อนถูกเขาอุ้มด้วยความนุ่มนวลแล้ววางบนเตียงกว้าง หล่อนรับรู้ถึงน้ำหนักตัวของโทบิรามะที่ทิ้งตัวนอนลงมาข้างหล่อน ตามด้วยความอบอุ่นของผ้าหนาผืนใหญ่ที่คลุมร่างของเราเอาไว้
ในใจนั้นหวังและภาวนาด้วยความรู้สึกมากมาย...
หวังว่าเขาจะกลับมาพร้อมกับภารกิจที่ทำสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี...
. . .
. .
.
ช่วงเวลาผ่านยาวนานมากหลายสัปดาห์...
สงครามระหว่างห้าแคว้นเพื่อแย่งชิงพื้นที่เขตแดนก็เริ่มขึ้นเรื่อยๆ แคว้นต่างพากันส่งกองกำลังของตนเพื่อแย่งชิงทรัพยากรต่างๆ แน่นอนว่าการสู้รบยังคงกันอย่างต่อเนื่อง นินจาจากหลายๆหมู่บ้านเริ่มออกทำภารกิจจากแคว้น โคโนฮะก็เช่นกัน
นินจาที่ได้รับบาดเจ็บนั้นมีจำนวนมาก บางก็ล้มหายตายจากไปในภารกิจ หล่อนเองก็วุ่นวายกับการรักษาพวกเขาที่โรงหมอ ส่วนฮิโตะมารุรวมทั้งฟุตะมารุนั้นก็ออกไปทำภารกิจลับเช่นกัน ต่างทำเพื่อหมู่บ้านเหมือนพ่อของพวกเขา
นี้นับเป็นสงครามมหานินจาเลยก็ว่าได้...
หล่อนเองอยู่ที่บ้านหลังนี้ รอคอยด้วยความสงบ มันไม่ต่างจากเมื่อแปดปีเลย...หล่อนยังคงรู้สึกเหมือนตอนนั้น ซ้ำยังรุ่นแรงกว่าเดิม สามีออกไปรบใครเล่าที่จะไม่กังวลและหวาดกลัว หล่อนเองก็เช่นกันฝ่ายรอคอยช่างน่าเศร้าใจ หล่อนไม่สามารถทำอะไรได้เลย...
ได้แต่รักษานินจาที่บาดเจ็บกลับมาให้หายดีปลอดภัยจนสามารถออกไปทำหน้าที่ได้ แล้วก็ตรวจหาสาเหตุการณ์ตายของนินจาที่สิ้นชีวิตไปแล้วนำไปบันทึกข้อมูลเก็บเอาไว้ในเอกสารข้อมูลของพวกเขา...
ขออย่าให้มีท่านโทบิรามะอยู่ในห่อผ้าของคนตายเลย...
"ท่านอาจารย์หมอ นินจาที่ได้รับบาดเจ็บมีมาเพิ่มแล้วครับ!" เสียงขอลูกศิษย์ของหล่อนเอ่ยดังขึ้นจากด้านข้าง โรงหมอแห่งนี้วุ่นวายตั้งแต่เช้ายันค่ำ ไม่มีความสงบลงแม้แต่น้อย
"แยกอาการของพวกเขาตามลำดับ ปฐมพยาบาลบาดแผลก่อน!" หล่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้มแข็ง ในฐานะหมอใหญ่ของที่นี้แล้ว หล่อนจะต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด
หวังว่าข้าจะได้พบท่านนะ...
ท่านโทบิรามะ...
หล่อนคิดก่อนจะเดินดูอาการของคนไข้ที่บาดเจ็บ ตอนนี้คงไม่ใช้เวลาที่จะแสดงถึงความอ่อนแอให้ใครเห็น หล่อนเองกก็จะทุ่มเทการรักษาให้เต็มที่ ให้สมกับที่สามีของหล่อน โฮคาเงะรุ่นที่สองทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับหมู่บ้านนี้!
ตกเย็น
นินจาที่บาดเจ็บเริ่มมีอาการดีขึ้นมาบ้างแล้วจนไว้วางใจได้...ช่วงเวลาเหล่านี้หล่อนได้แต่นั่งเขียนเอกสารของคนไข้ต่างๆ ประวัติและการรักษาให้เสร็จสิ้นเรียบร้อย และเมื่อหน้าที่ของหล่อนในวันนี้จบลง ท้องฟ้าจากที่สว่างสดใสเริ่มกลับกลายเป็นสีส้ม แปลกมันเป็นสีส้มที่แดง สีแดงเหมือนนันย์ตาของท่านโทบิรามะ...
เหมือนว่าเขากำลังจ้องมองหล่อนอยู่อย่างนั้น...
แปลกจริงๆ...
หล่อนวางพู่กันที่แท่นรอง ลุกขึ้นคว้าเสื้อคลุมกิโมโนฮาโอริขึ้นมาสวม ไม่อาจทนรอข่าวจากที่นี้ได้ หล่อนจะไปที่สำนักงานโฮคาเงะเสียหน่อย หรือไม่ก็ไปที่สำนักงานเหยี่ยวสื่อสารใกล้ๆกันนี้ พอเข้าไปสอบถามแล้วกลับพบคำตอบที่น่ากลัว...
'พวกเราขาดการติดต่อกับทีมของท่านโฮคาเงะมาสองวันเต็มๆแล้ว'
หมายความว่าอย่างไรกัน...?
หัวใจของหล่อนรู้สึกกระวนกระวายใจและเศร้าอย่างไม่อาจห้ามปรามได้ ความกลัวและความกังวลนั้นทวีคุณมากขึ้น และมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่..
กระทั่งเข้าสู่ช่วงกลางคืนแล้ว...มันก็ไม่สามารถข่มความรู้สึกนี้ไปได้เลย...
หล่อนยังคงมองไปยังโต๊ะทำงานตัวเตี้ยของเขาที่ว่างเปล่า...ได้แต่รอและรอ จนกระทั่งหล่อนโผเข้าไปสวมกอดเสื้อประจำตำแหน่งโฮคาเงะของเขาใกล้ๆโต๊ะตัวนั้น...และเริ่มร้องไห้ในขณะที่นึกถึงช่วงเวลาในความทรงจำทั้งหมดที่เราได้ทำร่วมกัน
!?
แปลกที่บรรยากาศรอบๆตัวนั้นเริ่มหนาวเหน็บ
แสงเทียนพริ้วไหว้ราวกับมีคนเดินเข้ามาใกล้ๆ
'เจ้าเคยบอกว่าจะได้ยินเสียงคนใกล้ตาย...เจ้าน่าจะได้ยินเสียงข้าแล้วกระมัง'
เสียงของโทบิรามะ!
ฮิสึงิเริ่มรู้สึกไม่สู้ดีเลย...
มันไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย! เรื่องแบนนี้!
"โทบิรามะ!" หล่อนตะโกนอย่างคนเป็นบ้า...แม้จะรู้ดีว่าเขาคงไม่ได้ยิน
น้ำตาไหลยิ่งกว่าแม่น้ำที่เชี่ยวกราก
'ฟังข้านะ...ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องร้องไห้...ข้าคงไม่อาจกลับไปบอกบางสิ่งต่อหน้าเจ้าได้...ข้า...วันเวลาที่ไม่มีข้า...ให้เจ้า...ทำเหมือนที่เราสัญญาเอาไว้...แล้วเจ้าจะมีความสุข'
"ท่านต้องอดทน กลับมาให้ได้นะ...ได้โปรด..ได้โปรด..." หล่อนเอ่ยต่อ
หัวใจเริ่มแหลกสลาย...
'...สุดท้าย...อย่ารีบมาหาข้าเร็วนักละ อยู่จนกว่าข้าจะไปรับเจ้า...แล้วเราจะไปที่โลกของคนตายด้วยกัน...แล้วก็นะ...ข้ารักเจ้า...ขอบคุณที่แต่งให้ข้านะ...ฮิสึงิ...'
"ไม่!" หล่อนตะโกนลั่นสองมือยังคงกอดเสื้อของเขาเอาไว้แน่น
หัวใจของหล่อนไม่เหลือชิ้นดี...
มันแหลกยิ่งกว่าผุยผงเสียแล้ว...
. . .
ไม่กี่วันต่อมา หล่อนพบกับลูกทีมของโทบิรามะ ทีมของโฮคาเงะที่ออกไปทำภารกิจสู้รบกับนินจาต่างแคว้น หล่อนพบกับโฮคาเงะรุ่นที่ 3 ซารุโทบิ ฮิรุเซ็น พวกเขามาหาหล่อนที่บ้านเพื่อโขกหัวคำนับหล่อนที่ไร้ความรู้สึกและอารมณ์ใดๆ ได้แต่ยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่ไร้อารมณ์เหมือนคนตายเสียมากกว่า...เขาสละตัวเองเป็นเหยื่อล่อเพื่อให้ลูกทีมรอด...และส่งต่อตำแหน่งโฮคาเงะให้ซารุ
หล่อนได้แต่นิ่งเงียบเมื่อได้ฟังถึงเหตุผลนั้น...จนกระทั่ง...
"เข้ามาใกล้ๆข้าสิ ซารุ" หล่อนเรียกฮิรุเซ็นให้เข้ามาใกล้ๆหล่อน ซึ่งนั่งอยู่ที่ห้องโถ่งของบ้าน ด้านข้างมีถาดที่วางชุดโฮคาเงะและหมวกสีแดงที่มีคำว่าไฟอยู่
"ขอรับ!" ฮิรุเซ็นก้าวเข้ามาใกล้ๆหล่อน
"เสื้อนี้ตัวใหญ่ไปเสียหน่อย..." หล่อนเอ่ยเบาๆ ในขณะที่นำชุดของโทบิรามะทาบกับตัวของฮิรุเซ็น ใบหน้ายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม "ข้าจะตัดชุดสีแดงให้เจ้า...เป็นโฮคาเงะใส่ชุดสีน้ำเงินแล้ว ไม่เข้ากับคำว่าไฟเลย" หล่อนหัวเราะเบาๆ
สามีของหล่อนนะชอบชุดสีน้ำเงินฟ้าอย่างกับอะไรดี...เคยพูดแล้วว่ามันไม่เข้ากัน แต่สุดท้ายก็ต้องยอมตัดชุดโฮคาเงะสีน้ำเงินให้เขา แต่สีน้ำเงินนี้ล่ะเหมาะกับเขาที่สุด ก็มันเป็นสีที่คนทั้งบ้านของเราชอบนี้นา...
"ขอบพระคุณขอรับ ท่านฮิสึงิ" ฮิรุเซ็นเอ่ย ถึงจะเป็นหน้าที่ของนินจาที่สละตัวเองเพื่อปกป้องหมู่บ้าน และอาจจะต้องตายในภารกิจ แต่สำหรับเขา ท่านอาจารย์นั้นได้สละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องไฟของหมู่บ้าน ไฟดวงน้อยๆของพวกเขาเพื่อกลายเป็นเปลวเพลิงที่ยิ่งใหญ่
"ท่านอะไรกัน..." หล่อนเอ่ย "หมู่บ้านนี้ต้องฝากให้พวกเจ้าสานต่อแล้ว...เจตจำนงแห่งไฟจะถูกสานต่อในรุ่นของพวกเจ้า ไฟของข้าใกล้จะมอดดับลงแล้ว...จงปกป้องผู้คนที่รักหมู่บ้าน และผู้คนที่เชื่อใจตัวเจ้า และส่งต่อเจตจำนงแห่งไฟให้สืบต่อไปในรุ่นหน้า" หล่อนกล่าว
เมื่อเห็นท่าทีของซารุโทบิและคนอื่นๆแล้ว คำพูดนี้คงตรงกับสิ่งที่โทบิรามะพูดเอาไว้เป็นแน่...
"ขอรับ!" ทั้งหมดเอ่ยรับ
"ไปทำงานของเจ้าเถอะท่านรุ่นสาม" และแล้วหล่อนก็เอ่ยปากไล่...พวกเขาไปจนได้
ตอนนี้ศพของท่านโทบิรามะก็ถูกตามหาโดยฮิโตะมารุและฟุตะมารุ ถ้าหากศพของเขาถูกใครก็ตามขโมยไป หล่อนจะไปตามหาด้วยตัวเอง แล้วลากคนพวกนั้นให้ตายจ่มไปกับกองเลือดของพวกมันเลย...หล่อนคิดด้วยความรู้สึกที่รุนแรง ถึงจะรู้ดีว่าไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นก็ตาม...
ต่อให้ทำทุกอย่างเขาคงไม่ฟื้นขึ้นมาหาหล่อนหรอก...
. . .
หลายวันต่อมาหล่อนก็ยืนอยู่ที่พิธีไว้อาลัยของเขา...เป็นคนแรกที่ได้วางดอกไม้ไว้อาลัย ความเศร้ายังคงมีอยู่มากกว่าความทุกข์...น้ำตาไม่อาจอดกลั้นเอาไว้ได้
จนกระทั่งพิธีการไว้อาลัย และพิธีแต่งตั้งโฮคาเงะผ่านไปหลายเดือน...
ศพของเขาถูกเก็บรักษาเอาไว้ที่สุสานลับของโฮคาเงะ แยกกันคนละส่วนของโจนินระดับสูง นี้เป็นนโยบายของเขาเอง เพื่อไม่ให้ใครนำศพและร่างกายของนินจาที่มีพลังขั้นสูงไปทำการทดลอง และนี้ทำให้หล่อนไม่ได้มีโอกาสที่จะไปเยี่ยมเขาบ่อยๆ เหมือนที่ครอบครัวอื่นๆเขาทำกัน
จากความรู้สึกเจ็บปวดเริ่มบรรเทาลง กลายมาเป็นความรู้สึกที่เงียบเหงาแทน...หล่อนมักจะใช้เวลาดูรูปภาพที่ถ่ายร่วมกันเอาไว้เสมอๆ เมื่อเหงา บางครั้งก็กอดหมอนของท่านโทบิรามะเพื่อที่จะสามารถนอนได้หลับและไม่เศร้าเสียใจจนเป็นทุกข์
"ท่านแม่ ทำอะไรอยู่รึขอรับ"
เสียงของฮิโตะมารุถามหล่อนซึ่งกำลังยืนนิ่งมองรูปของโทบิรามะบนกำแพงบ้าน ฮิโตะมารุเองก็ยังคงเข้าๆออกหมู่บ้านบ่อยๆ ไม่ได้ประจำที่โรงหมอ ส่วนฟุตะมารุนั้นทุ่มเทไปกับงานเพื่อคลายความเศร้าที่เกิดขึ้นกระทันหันด้วยการเป็นที่ปรึกษาของโฮคาเงะและคณะที่ปรึกษาของเขา นำด้วยดันโซ โคฮารู และโฮมูระ
"แม่กำลังมองดูพ่อนะ..." หล่อนเอ่ยแล้วมองไปที่รูปภาพรูปเดิม
"ตอนนี้พ่อคง...กำลังคอยเฝ้าดูแลแม่อยู่แน่เลย" ฮิโตะมารุเอ่ย
"อย่างงั้นรึ" ฮิสึงิกล่าวนึกถึงคำสัญญาในวันก่อนแต่งงาน
หล่อนเพิ่งไปคุยกับเขาที่หน้าโลงศพมาได้ไม่นานเอง...บอกเขาไปว่า
'สัญญาที่ท่านให้ไว้ ไม่ต้องทำแล้วก็ได้...มาทวงสัญญากับคนตายข้ารู้สึกไม่ดี...ยังไงก็...' ทว่าพูดไปได้ไม่นานก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่เกิดขึ้นเหมือนตอนที่ถูกท่านโทบิรามะกอดเสียอย่างนั้น สัมผัสถึงจักระที่รายล้อมรอบตัวของหล่อน
ราวกับหูแว่วไปเอง หล่อนได้ยินคำว่า 'ไม่' กระซิบที่ข้างหู ตอนนั้นหล่อนเพียงแค่ตอบกลับไปว่า 'เจ้าค่ะ' หลังจากกลับมาที่บ้านแล้วก็ยังรู้สึกเหมือนกับว่ามีเขาอยู่ด้วยเสมอๆ...
คงไม่แปลก...
ที่เขากำลังเฝ้ามองหล่อนจากที่ไหนสักที่ ที่ห่างไกลมาก...
"จะออกเดินทางอีกแล้วหรือฮิโตะมารุ" หล่อนเอ่ยถามลูกชาย
"ขอรับท่านแม่ ฝากลูกฝากเมียของข้าด้วยนะขอรับ" เจ้าลูกชายตัวดียิ้ม เป็นพ่อคนแล้วก็ยังคงทำตัวเช่นเดิม ไปๆกลับๆหมู่บ้านแบบนี้ ส่วนเมียของเจ้าลูกชายนะหรือ ก็ยังสามารถอดทนและรอไปได้...เฮ้อ..สามีภรรยาคู่นี้นี่จริงๆเลย
"จ้าๆ" หล่อนเอ่ยรับและยืนส่งเจ้าลูกชายที่หน้าเรือน
เมื่อร่างของเขาหายไปแล้วก็กล่าวเบาๆ
"ขอบคุณท่านที่เข้ามาเติมเต็มหัวใจของข้านะเจ้าค่ะ...โทบิรามะ" หล่อนเอ่ยและเงยหน้ามองท้องฟ้ายามเช้าที่สดใส ก่อนจะนึกถึงช่วงเวลาที่ได้พบกับเขา ไม่ว่าจะเศร้าจะสุข...ก็ต้องขอบคุณในความพลาดพลั้งของเขาที่เข้ามาแทงดาบใส่หล่อนในวันนั้น...
"ข้าคิดไว้แล้ว...ว่าข้าจะตายอย่างไรดี..." หล่อนยิ้มชั่วครู่แล้วหันหลังเดินเข้าไปยังด้านในของตัวบ้าน...
ข้าจะรอวันที่ท่านมารับข้า...จากนี้เราคงได้อยู่ด้วยกันตลอดไป...
อวสานแล้ว
...เติมเต็มหัวใจของเรา...
คอมเม้นท์สำหรับครั้งสุดท้ายของนิยายเรื่องนี้ ไรต์ไม่ขออะไรมากแล้วละเจ้าค่ะ
ไรท์มาคิดๆดูแล้ว อยากให้นิยายเรื่องนี้จบแบบปลายเปิด ให้นักอ่านไปคิดกันเอาเอง
ว่าสุดท้ายฮิสึงิจะตายอย่างไร...
กราบของคุณแฟนคลับทุกๆคนที่ติดตามนิยายเรื่องนี้ ไม่ว่าจะนักอ่านเงา นักอ่านขาประจำ และนักอ่านที่ผ่านมากราบขอบพระคุณทุกๆคนที่คอมเม้นท์ มันเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดของไรต์เลยถึงบางตนจะเม้นท์น้อยก็ตาม Y.Y กราบขอบพระคุณทุกๆ คนที่ไม่ด่าไรต์เรื่องคำผิด อนึ่งไรต์ไม่ค่อยมีเวลาจริงๆ สายตาก็ไม่ดีด้วย // กราบ
ไว้เจอกันสำหรับนิยายเรื่องหน้านะเจ้าคะ!
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
สนุกมากค่ะ แม้จะน้ำตาไหลตอนจบ ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ
มันทรมานมากเจ้าค่ะน้ำตามันไม่ยุดไหลจนจบตอนเลยคะเศ้าด้วยขอไปทำใจกอนนะคะ
พึ่งมาอ่าน น้ำตาไหลอ่าาา
น้ำตาไหลเลย