ณ บ้านตระกูลอุจิวะ
มืดแล้วทว่าอิซึนะ คุณชายรองของตระกูลยังคงไม่มีท่าทีว่าจะง่วงหลับแม้แต่น้อย ในใจนั้นกำลังขบคิดถึงเรื่องบางอย่าง จนกระทั่งคุณชายใหญ่ของตระกูลเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ สายลมยามค่ำนั้นพัดปะทะร่างทั้งสองซึ่งนั่งอยู่บริวเวณลานเดินด้านนอกของห้อง
"เจ้าชอบท่านหมอสินะ" มาดาระกล่าวสีหน้าไม่ปรากฎความรู้สึกใดๆ
"ข้าเกลียดพวกเซ็นจู ไม่ไว้ใจพวกมัน แต่กับท่านหมอนะต่างออกไป" อิซึนะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ความรู้สึกนั้นแฝงไปด้วยความดื้อรั้น "นางน่ะไม่สมควรจะติดอยู่กับพวกนั้นเลย" เขากล่าวไม่ตรงกับคำถามของผู้เป็นพี่ชาย
"...นางแต่งงานแล้ว มีลูกตั้งสองคน จะดีกว่าหากเจ้าตัดใจจากนางซะ" มาดาระเอ่ยเสียงเรียบๆ ก่อนจะเงยหน้ามองจันทร์เสี้ยว คืนนี้หมอกลง มืดและไร้แสงจันทร์ที่ส่องสว่าง...
"ข้ารู้อยู่แล้วน่า" อิซึนะกล่าวน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
"อีกอย่างพิษของตระกูลโดคุนั้นร้ายกาจ กระทั่งเราและตระกูลเซ็นจูก็เกือบไม่รอด กับหมอที่สามารถรักษาได้มีแต่ท่านหมอหญิงเท่านั้น ไม่ช้าก็เร็วนางคงถูกเก็บ" มาดาระลุกขึ้นเขาล้วงหยิบบางอย่างที่พื้นดินด้านล้างขึ้นมา มันคือก้อนหินก้อนหนึ่งขนาดเหมาะมือ... "ข้าหวังว่าเจ้าคงจะไม่สอดมือเข้าไปยุ่งกับตระกูลโดคุ" กล่าวจบก็ปาก้อนหินไปยังด้านหน้า..
"...นางไม่ตายหรอก" อิซึนะกล่าวมุมปากประดับด้วยรอยยิ้มเล็กๆ เขามองไปยังความมืดมิดตรงหน้าที่ซึ่งแสงส่องไม่ถึง ในใจหวนย้อนไปยังเหตุการณ์หนึ่งที่ได้ประสบพบเจอมาโดยตรง...
. . .
. .
.
'เจ้าก็แปลก ขึ้นเขามาคนเดียวตลอด ไม่กลัวถูกพวกพรานป่าฉุดไปรึไง' เขาเดินไปบ่นไป หลังจากคุยกันเรื่องอาการของท่านพี่มาดาระ...พักหลังๆเราคุยกันสนิทเหมือนเพื่อนคนหนึ่งไปเสียแล้ว มีอะไรก็บอกกันเสียทุกอย่าง อย่างน้อยก็เว้นเรื่องตระกูลไปเรื่องหนึ่งก็แล้วกัน กระทั่งถึงตอนนี้หล่อนก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นคนตระกูลอุจิวะเลย
'พวกพรานป่าคงจะกลัวข้ามากกว่านะเจ้าค่ะ...ข้าจะเล่าให้ฟังก็ได้ แต่ท่านต้องไม่บอกใครนะ' หล่อนหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยิ้มแปลกๆ มันเป็นรอยยิ้มที่ชวนหลอนจริงๆ
'ทำไม? เจ้าเป็นวิชานินจารึ?' เขากล่าวถามอย่างสงสัย
'ข้านะ ตายไม่ได้ท่านรู้ไหม เป็นอมตะ...' หล่อนกล่าวเบาๆ
'ฮ่ะ?' เขากล่าวด้วยความประหลาดใจ นี่ท่านหมอจะโม้อะไรอีกกัน...
'ตอนที่ตระกูลอุจิวะบุกมาที่บ้านตระกูลเซ็นจู ข้าถูกแทงทะลุที่หัวใจ หน้าท้อง ปอดแล้วก็มีบาดแผลไปทั่วตัว แต่ข้าก็ไม่ตาย ทั้งที่หมอตระกูลเซ็นจูไม่ได้แตะด้วยซ้ำ ท่านลองไปถามเอาก็ได้หากไม่เชื่อ' หล่อนกล่าวเบาๆ ในใจของเขารู้สึกถึงความพิศวงจากนัยน์ตาประกายเพชรคู่นั้น
สงสัยเขาคงต้องกลับไปถามสมาชิกในตระกูลเมื่อคราวนั้นเสียหน่อยแล้ว...
ว่าความเป็นอมตะนั้นจริงหรือไม่?
.
. .
. . .
อิซึนะลืมตาขึ้น จากวันนั้นที่เขาได้ไปถามท่านลุง ก็พบว่ามันเป็นจริง มีสตรีประหลาดที่เอาตัวเข้าแลกปกป้องลูกบ้านตระกูลเซ็นจู ทั้งๆที่ถูกฟันแทงไปตั้งมากกลับยังยืนไหว ไหนจะวิชานินจาแพทย์แปลกๆอีกที่ช่วยคนตระกูลเซ็นจูเอาไว้ ดังนั้นการบุกไปครั้งนั้นจึงสลายตัวกลับมา...
เขาจึงเชื่อที่นางพูด...
หมอหรือนินจาแพทย์ในตอนนี้นะ ไม่มีใครเทียบเท่านางหรอก ไม่มีทางที่นางจะรอด เว้นเสียจากว่านางไม่สามารถตายได้นั้นเอง ดังนั้นเขาไม่ควรจะห่วงอะไรนางเลยแม้แต่น้อย...พวกตระกูลโดคุรึ? พิษของพวกมันแทบจะไม่มีผลเลยเมื่อเทียบกับร่างกายและความสามารถในวิชาหมอที่เชี่ยวชาญขั้นสุดยอดนั่น
"ไม่ตาย...ตลกเถอะ ไม่มีใครในโลกที่ไม่ตาย...ข้าไปละ เดี่ยวแม่หญิงของข้าจะหิวพอดี" มาดาะเอ่ยแล้วลุกเดินเข้าไปในห้อง "ช่วงนี้ยิ่งกินเก่ง แย่งกับข้าวข้าไปทุกที" มาดาระเอ่ยน้ำเสียงเหนื่อยใจ
"ท่านพี่อย่าลืมปลาย่างให้นางละ นั้นล่ะของโปรดนางเลย" อิซึนะกล่าวทิ้งทาย เขาเองก็ลุกขึ้นเช่นกัน ตั้งใจว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้านอนได้แล้ว
ตอนนี้เขาตัดสินใจได้แล้วว่า...
กับนางเขาจะละเว้น แต่กับสามีของนางและตระกูลเซ็นจูไม่มีทางเด็ดขาด!
ณ บ้านตระกูลเซ็นจู
ต้นไม้ใหญ่ซึ่งให้ความร่มรื่นประจำเรือนตระกูลเซ็นจูเริ่มเอนไหวไปมา ปีนี้สายลมพัดมาจากฝั่งตะวันออก ใกล้จะดูฤดูร้อนแล้ว อากาศจึงเริ่มร้อนขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่เนื่องจากบริเวณโดยรอบเป็นป่าของตระกูลเซ็นจูมิใช่พื้นที่โล่งๆ จึงไม่รู้สึกร้อนอะไรเท่าไหร่
ฮิสึงิยกมือป้องใบหน้าเล็กน้อยก่อนจะหาวเบาๆ
"ง่วงจัง..." หล่อนเอ่ย มือคืนนั้นหล่อนไม่ได้หลับเลย ถูกฮิโตะมารุร้องไห้งอแง ยิ่งเขาโตเขายิ่งหิว ผิดกับฟุตะมารุผู้เป็นน้องที่หิวเป็นเวลา กินนอนว่าง่ายเลี้ยงไม่ยากไม่ร้องไห้งองแงเหมือนพี่ชายของตน จนกระทั่งตื่นสายๆหน่อยแล้ว หล่อนก็ยังมีอาการง่วงซึมไม่หาย
หล่อนคิดและหันไปมองเจ้าตัวน้อยทั้งสองที่หลับปุ๋ยไปเสีย...
อีกนานกว่าสามีจะกลับมา ดังนั้นหล่อนจึงล้มตัวนอนตะแคงข้างๆ เบาะนอนแสนนุ่มนิ่มของลูกๆทั้งสอง ไว้เที่ยงหล่อนค่อยตื่นขึ้นมาอีกทีก็แล้วกัน...หล่อนหลับตาลงและเข้าสู่ช่วงเวลานอนกลางวันราวกับเด็กๆ
จนกระทั่งหล่อนรู้สึถึงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ด้วยความงัวเงียจึงไม่ได้สังเกตอะไรมาก หล่อนชันตัวขึ้นมา สองมือจัดชุดกิโนโมตัวยาวให้เรียบร้อย สายตานั้นมองผู้มาเยือนในห้องนี้...
โทบิรามะ...
"ข้ากลับมาแล้ว" โทบิรามะกล่าวเบาๆ ไม่อยากให้ลูกทั้งสองตื่น
"กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ" หล่อนเอ่ยรับตามธรรมเนียม ก่อนจะรับดาบของเขามาแล้วลุกขึ้นยืนนำมันไปเก็บไว้ที่ชั้นวางบริเวณโต๊ะทำงานตัวเตี้ย แล้วจึงช่วยถอดเจ้าชุดเกราะสีใบไม้แห้งของตระกูลเซ็นจู จากนั้นนำมันไปเก็บที่หุ่นจุดเดี่ยวกับชั้นวางดาบ
ตอนนี้ในใจของหล่อนกระวนกระวายเป็นอย่างมาก..
"ข้าจะไปยกน้ำชานะเจ้าคะ ท่านคงเหนื่อย พักก่อนเถอะ"
อุ๊ย!
พอหล่อนหมายจะก้าวขาเดินออกไปจากห้อง ก็ถูกท่านโทบิรามะคว้าเอวเอาไว้ บัดนี้ร่างของหล่อนนั้นนั่งอยู่บนตักของผู้เป็นสามีแล้ว
"ท่านโทบิรามะ" หล่อนเอ่ย ไม่รู้ว่าตอนนี้สีหน้าของเขาเป็นเช่นไร หากเขาโกรธหล่อนคงรู้สึกหวั่นใจจริงๆ
"เงียบก่อน..." เขากล่าวน้ำเสียงไม่เหมือนปกติ เหมือนกับว่าเขากำลังจัดการอารมณ์ของตัวเองอยู่ คำพูดคำจานั้นเหมือนคำสั่งจนหล่อนรู้สึกกลัว...
"..." หล่อนเงียบตามที่เขาเอ่ย "อิซึ...!"
"อย่าพูดชื่อมันเด็ดขาด" โทบิรามะเอ่ยน้ำเสียงนั้นแข็งกร้าวขึ้น หัวใจของหล่อนรู้สึกหวาดหวั่น ไม่รู้จะเริ่มต้นเอ่ยอะไรออกมาดี ตัวหล่อนนั้นได้ทบทวนความผิดของตัวเองมาตั้งหลายวันแล้ว รู้ดีว่าเขาคงจะต้องโกรธมากแน่ๆ บางทีอาจจะผิดหวังในตัวหล่อนด้วยซ้ำไป...
"ข้าเข้าใจในตัวเจ้าดี...เจ้ารักในการเป็นหมอ ให้เห็นคนตายต่อหน้าเจ้าคงปฏิเสธไม่ลง" โทบิรามะกล่าวน้ำเสียงนั่นอ่อนลง และมีเหตุผลมากขึ้นกว่าเก่า
"จริงหรือ..." หล่อนเอ่ยน้ำเสียงนั้นคลายกังวล รู้สึกดีที่สามีของตนนั้นเขาใจ
"ใช่...ไม่ว่าใครเจ้าก็ปฎิเสธไม่ได้ ข้าเข้าใจดี แต่เจ้าเองก็ช่วยเข้าใจข้าได้หรือไม" เขาเอ่ยและเงียบไป ตามที่คุณพี่เมียกล่าวเอาไว้นั้น ถ้าฮิสึงิกล้าหันหน้ากลับมา ให้ทำสีหน้าที่ลำบากอกลำบากใจที่สุด
พอแม่ภรรยาตัวดีหันกลับมาเขาก็หลับตาลงและเอ่ยไปตามขั้นตอนที่เตรียมเอาไว้...
"กับคุณชายรองของตระกูลอุจิวะ เพื่อนของเจ้านั้นละ...เราเป็นคู่ต่อสู้กันมาตั้งแต่ยังเด็ก เป็นศัตรูที่หมายจะเอาชีวิตข้าเสมอ ในสนามรบนั้น เราสู้กันอย่างไม่ปราณี การที่เจ้าช่วยมัน...เหมือนการฆ่าข้าทางอ้อม" เขากล่าว พอพูดจบก็รู้สึกได้ถึงหยดน้ำใสๆที่ไหลอาบแก้มภรรยาของเขา
"ข้าภรรยาทำผิดต่อท่านแล้ว..." หล่อนกล่าวและร้องไห้สะอื้น
"..." โทบิรามะไม่กล่าวอะไร เห็นภรรยาของตนร้องไห้แล้วในใจรู้สึกแย่ เป็นครั้งที่สองแล้วที่เห็นหล่อนร้องไห้ด้วยความเสียใจกระมั้ง นับตั้งแต่ครั้งที่เขาถูกยาพิษได้
"นั้นก็เพื่อนเจ้า ข้าก็สามีเจ้า มันอาจจจะเลือกยากไปเสียหน่อย...แต่ข้าเป็นสามีของเจ้า ทุกลมหายใจนั้นมีแต่ความรัก ความห่วงใยและความปรารถณาดีต่อเจ้า ทั้งหมดนั้นมาจากหัวใจของข้าโดยแท้จริง" กล่าวจบก็เว้นช่วงไปเล็กน้อย สองมือนั้นเกลี่ยน้ำหยาดตาใสๆ ที่เริ่มเอ่อล้นเหมือนสายฝนที่เทกระหน่ำ...
"ขะ...ข้าน้อย..." หล่อนเอ่ยน้ำเสียงสั่นๆ ไม่รู้จะเอ่ยคำอันใดดี โทบิรามะคลียิ้มเบาๆ
ดูเหมือนวิธีนี้จะใช้ได้ผล...
"ข้าไม่อาจรู้ว่าเพื่อนของเจ้าต่อเจ้าคิดเช่นไร ยิ่งเป็นศัตรูของข้าด้วยแล้ว ข้ายิ่งห่วงเจ้าเป็นที่สุด กลัวว่าเจ้าจะถูกทำโทษ กลัวว่าเจ้ากับลูกจะถูกพวกมันทำร้าย...กลัวจนต้องรีบกลับมาพบให้ได้...ให้เห็นว่าเจ้าและลูกสบายดี" เขากล่าวอย่างช้าๆน้ำเสียงและสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ท่าทางหน้าตาลำบากอกลำบากใจอย่างที่เตรียมเอาไว้เมื่อครู่...
"..." ตอนนี้หล่อนไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาได้แต่เงียบ รู้สึกว่าตัวเองนั้นได้ทำสิ่งที่ผิดและสิ่งที่ถูกต้องในเวลาเดียวกัน ทำในสิ่งที่คนเป็นหมอควรทำนั้นถูกต้อง เพียงแต่ว่าในส่วนของภรรยานั้นกลับทำให้สามีตัวเองต้องหนักใจ และเป็นกังวลมากถึงขนาดนี้ ขนาดที่ว่าสีหน้าของเขานั้นดูไม่ดีเลย...
ดูกังวลใจ ลำบากใจในการกระทำของหล่อน...
หล่อนนี้มันแย่จริงๆ...
"ข้าไม่ได้พูดให้เจ้าเลิกเป็นหมอนะ ข้าออกจะสนับสนุนเจ้าด้วยซ้ำ...เพียงแต่ว่าได้โปรดเห็นอกเห็นใจข้าบ้าง เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้บอกท่านพ่อ ข้าไม่อยากให้เจ้าถูกลงโทษ เห็นว่าเป็นครั้งแรก ครั้งต่อไปก็ขอให้นึกถึงข้า นึกถึงลูกของเราด้วย" โทบิรามะลอบยิ้มในใจ...วิธีนี้ไม่เลวเลย
ขอบคุณมากพี่เขย...
"ต่อไปข้าน้อยจะคิดให้มาก จะไม่ทำเรื่องให้ท่าน...ให้ท่านต้องหนักใจ จะไม่ทำให้ท่านต้องกังวล ข้าสัญญาเลย ท่านเชื่อข้านะ..." แม่ภรรยาของเขากล่าวและกอดเขาแน่น เขาเพียงแต่กอดหล่อนตอบ นึกย้อนไปเล็กน้อยก่อนที่จะกลับมายังบ้านตระกูลเซ็นจู ย้อนไปช่วงทีได้คุยกับชินดะ พี่เมียแสนเจ้าเล่ห์ คนๆเดียวที่ไม่ซื่อในตระกูลเอ็นเอย์
'เจ้ารู้จักคากามิไหม เพื่อนสนิท เพื่อนที่ฮิสึงิรักที่สุดในวัยเด็กนะ...เหมือนจะรู้แล้วสินะ' ชินดะถอนหายใจก่อนจะเล่าบางสิ่งออกมา 'ฮิสึงินะเป็นแพทย์ประจำตระกูลใหญ่ในแคว้น และเป็นตระกูลที่ทำสงครามกับแคว้นอื่น ตอนแรกน้องสาวของข้าก็ดีอยู่หรอก แต่พอรู้ว่าคนที่ตนเองรักษานั้น ได้ฆ่าเพื่อนสนิทของนาง...ฮิสึงิก็เลยเลิกเป็นหมอ แต่สุดท้ายก็ได้คำพูดของคากามิเอาไว้ เลยเดินหน้าช่วยเหลือคนในสงครามเต็มที่...' ชินดะเงียบลงไป 'แต่ในเมื่อนางแต่งงานแล้ว กฎบางอย่างก็ควรหายไป เจ้าก็ลองๆหาวิธีพูดเถอะ เลือกรักษาหน่อยก็ดี ใจดีเหมือนคนในตระกูลเราแล้ว คงไม่พ้นโดนกวาดล้าง'
พอได้ยินแบบนี้เขาก็เลย ประยุกต์คำพูดขึ้นเสียหน่อย ให้เมียรักเข้าใจและนึกถึงเหตุการณ์แสนเศร้าในตอนนั้น แม้ว่าจะรู้สึกผิดที่ทำให้นางสะเทือนใจ และนึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นมา แต่เขาจะหาทางชดเชยความผิดนี้อย่างลับๆ ปลอบใจนางก็แล้วกัน
"ข้าเชื่อเจ้า" เขากล่าวในขณะที่ลอบยิ้มอยู่ในใจก็คิด...
เห็นทีการกล่อมภรรยาให้ฟังตัวเองจะไม่ใช่เรื่องที่ยากอีกต่อไป...
จบตอน
1 คอมเม้นท์ = 100 กำลังใจ รักกันชอบกันช่วยให้กำลังใจไรต์ด้วยนะคะ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ท่านฮิสึงิ...รับปากท่านโทบิรามะแล้ว ท่านก็...คิดให้มากๆกว่าเดิมนะเจ้าค่ะ ดิฉันจะอยู่ห่างๆไม่เข้าไปยุ่งเจ้าค่ะ 55555