แปลกที่ท้องฟ้ากลับสดใสไร้วี่แววของเค้าเมฆพายุหิมะ ฮิสิงิลุกขึ้นเดินออกไปยังชานเรือนข้างห้อง มือสัมผัสกับสายลมแสนเย็นเฉียบ แม้จะรู้ตัวดีว่าร่างกายไม่แข็งแรง หากฝืนตนเองฝึกวิชาละก็คงไม่แคล้วผล่อยหลับหมดสติไป ทำให้ทุกคนเป็นห่วงเอาได้...หล่อนนะไม่อยากถูกท่านชายรองกระทั่งท่านบุซึมะดุหรอกนะ...หล่อนคิดก่อนจะเดินกลับมายังกองผ้าด้านในห้อง
ใกล้จะปีใหม่แล้วเพียงราตรีนี้ผ่านพ้นไป...
สิ่งที่สามารถทำได้ในช่วงนี้ของหล่อนคือนั่งปักผ้าลวดลายต่างๆ หาไม่ก็นั่งสมาธิแก้ว่าง พอนึกถึงท่านชายแล้วก็มีสิ่งหนึ่งที่หล่อนจะต้องนึกขึ้นมาอยู่ร่ำไป และมีความรู้สึกหนึ่งที่ผุดขึ้นมาเสมอๆจากหัวใจของหล่อน
จูบเมื่อครั้งนั้น...
แปลก...
ที่ริมฝีปากมันยังคงรู้สึกร้อนผ่าวราวกับว่ามันได้ฝากฝั้งความรู้สึกเอาไว้กับของหล่อน ไม่มีทางที่มันจะหายไปในเร็ววัน เมื่อพบท่านชายทีไร หล่อนจะรู้สึกเช่นนี้เสมอ จนบางครั้งก็ไม่กล้าสู้หน้าด้วย หล่อนไม่ได้กลัวเพียงแต่ทว่ารู้สึกอาย? เขิน? หรือรู้สึกว่าเหมือนหัวใจนั้นกำลังถูกบีบ หล่อนไม่แน่ใจนัก
"!" หล่อนสะดุ้ง เข็มปักผ้านั้นทิ่มนิ้วด้วยความใจลอยของหล่อนเอง หล่อนรีบวางผ้าลง ผ้าที่ตั้งใจว่าจะปักให้ท่านมิสึบะที่เพิ่งจะคลอดเจ้าเด็กฝาแฝดตัวน้อย ด้วยความที่ว่าไม่อยากให้ผ้าเปื้อนเลือด มันจะไม่เป็นมงคงเอาได้จึงรีบเช็ดเลือดตัวเองเสีย
"ปักฝ้าอยู่รึ" เสียงของท่านชายรองเอยมาจางด้านหลังของหล่อน
ช่วงนี้หล่อนไม่ได้ปิดประตูห้องเพียงแต่เปิดแง้มเอาไว้ ใครจะเข้ามาหล่อนก็ไม่รู้ตัวหรอก หลายช่วงมานี้ มีคนหลายคนกลัวจะรบกวนหล่อนก็เลยมักเปิดประตูเอาไว้ หากหล่อนนอนอยู่ก็จะไม่มีใครมารบกวน ไม่ต้องเคาะประตูห้องหรือเรียกให้หล่อนตื่น
"อ่า..เจ้าค่ะ ปักผ้าให้ท่านมิสึบะ เป็นของขวัญแสดงความยินดีกับบุตรทั้งสองของท่านหญิง" หล่อนกล่าวก่อนจะลงมือปักผ้าต่อ
ท่านโทบิรามะนั่งลงข้างๆหล่อนแล้วหยิบผ้าที่ปักเอาไว้ขึ้นมาดู เขาไม่นึงเลยว่าหล่อนจะมีความสามารถสูงขนาดนี้ ลวดลายละเอียดอ่อนช้อยปักออกมาได้สวยงามไม่มีตำหนิทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แลดูฝีมือดีกว่าร้านผ้าดังๆเสียอีก
"ที่บ้านเจ้าสอนมารึ? แพทย์เช่นเจ้าไม่น่าจะมีเวลาว่างทำงานฝีมือเช่นนี้นะ" เขากล่าวถาม วิชาแพทย์ตำราต่างๆนั้นยากยิ่งกว่าวิชาคาถาบางวิชาเสียอีก ตระกูลหมออย่างตระกูลของหล่อนไม่น่าจะมีเวลาให้กับงานศิลปะหรอกกระมั้ง
ฮิสึงิหยุดปักผ้าและมองไปที่โทบิรามะ หล่อนหัวเราะเบาๆ
"ที่บ้านข้ามีธรรมเนียมนะเจ้าค่ะ ทุกๆปีใหม่เราจะได้พบกับคนภายในตระกูลที่แยกย้ายกันไป เมื่อกลับมารวมกันก็จำเป็นต้องมอบของขวัญที่นำมามอบให้กันและกัน ทุกๆปีข้าน้อยจะปักผ้า หรือไม่ก็ตัดชุดให้คนในตระกูล...ก็เลยกลายเป็นงานถนัดของข้าน้อยนะเจ้าค่ะ" หล่อนกล่าวและตั้งใจปักผ้าต่อ
"ขอโทษด้วย...ข้าทำให้เจ้าคิดถึงครอบครัวรึเปล่า?" โทบิรามะกล่าวด้วยความห่วงใย ด้วยไม่รู้ความเป็นมาที่ลึกซึ่งและความสัมพันธ์ในครอบครัวของหล่อนเลย
"ข้าน้อยคิดถึงอยู่แล้ว" หล่อนตอบ "...แต่ก่อนตอนที่ข้าน้อยห้าหกขวบ คนในตระกูลมีเยอะมากๆ ทุกๆปีใหม่ข้าน้อยจะเล่นหิมะกับท่านพี่ พี่ชายของข้าน้อยจะแบกข้าน้อยขึ้นนั่งบ่นบ่า แล้วใช้วิชาปีนต้นไม้ พาข้าน้อยขึ้นไปชมจันทร์" หล่อนกล่าวและยิ้ม
"วันพรุ่งนี้แล้วสินะ..." โทบิรามะกล่าวจะปีใหม้แล้ว
"เร็วนะเจ้าค่ะ จะครึ่งปีได้แล้วที่ข้าน้อยอยู่ที่นี้" หล่อนกล่าวและนึกถึงวันแรกที่ถูกท่านชายแทง ไม่เช่นนั้นหล่อนคงไปยังแคว้นน้ำวนเสียแล้ว คงไม่ได้พบกับความรักที่จะมาแก้คำสาปที่เป็นนี้ แม้จะยังไม่เข้าใจความรักดีนัก แต่ก็ได้พบกับมันแล้ว...
"มีอะไรที่เจ้าอยากได้หรือไม่? ข้าอยากจะหาอะไรให้เจ้าเสียหน่อย" จู่ๆ โทบิรามะก็เอ่ยถามขึ้นมาเสียดื้อๆ
"ฮืม?...เอ๊ะ?..ไม่มีหรอกเจ้าค่ะ" หล่อนตอบในขณะที่กำลังมุ่งสมาธิไปที่ปักผ้าต่อไม่ได้สนใจท่านชายเท่าไหร่ ใกล้จะปักเสร็จแล้ว อย่างน้อยวันพรุ่งนี้จะต้องทันมอบให้ได้
"ไม่มี?" ท่านชายโทบิรามะกล่าวท่าทางดูอ่ำอึ้ง "ไม่ใช้ว่าสตรีล้วนต้องอยากได้พวกเครื่องประดับ ของสวยๆงามๆมิใช่รึ เจ้านี่ช่างแปลกเสียจริง พูดมาเถอะ ข้าจะหามาให้..." ท่านชายกล่าวอีกคำพูดนี้คล้ายกับบังคับหล่อนเลย
มันคงไม่แปลกท่าท่านชายจะคิดเช่นนี้...ท่านนะ เป็นคุณชายตระกูลนินจาชื่อดัง สาวน้อยสาวใหญ่ที่ได้ยินคงจะยินดีหากว่าท่านชายกล่าวถามอะไร และคงไม่รีรอที่จะตอบเป็นแน่ เพียงแต่ว่าหล่อนเป็นคนเรียบง่ายอะไรที่มีอยู่คงไม่ต้องไปรบกวนใครหรอก...
"เจ้านะ โอ้ย! ฟังกันบ้างสิ" ท่านชายเรียกหล่อนที่ยังคงปักผ้าอยู่
หล่อนหยุดปักผ้าแล้วหันไปมองท่านชาย
"ข้าฟังอยู่นะเจ้าคะ" หล่อนกล่าวและหันมามองที่ท่านชายซึ่งล้วงหยิบบางอย่างออกมาจากชายเสื้อด้านใน สิ่งที่ท่านชายหยิบออกมานั้นเป็นกล่องลักษณะยาวๆ หล่อนมองอย่างสงสัยแต่ไม่ได้เอ่ยถามอันใด
"เจ้าช่างเป็นคนเรียบง่ายเสียจริง...เชือกนั้นก็ใกล้ขาดแล้ว จะดีกว่าถ้าเจ้ามีปิ่นดีๆ" ท่านชายกล่าวเขาเปิดเจ้ากล่องที่ล้วงมาจากเสื้อ
จากที่ได้ยินมันคงเป็นปิ่นกระมั้ง เรื่องทรงผมของหล่อนนะหรือหล่อนไม่ค่อยได้ใส่ใจมันเสียเท่าไหร่ เพียงแต่ใช้เชือกที่หาได้รัดไม่ให้มันดูไม่ดี อีกอย่างการที่จะปล่อยผมสยายนั้นเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับหล่อน ตามกฎของครอบครัวแล้ว เฉพาะผู้เป็นสามีที่สามารถเห็นได้
พอเห็นตัวปิ่นได้ในหล่อนก็ร้องอุทานในใจเบาๆ ไม่คิดว่าท่านชายจะลงทุนควักเงินซื้อมาทั้งชุดเช่นนี้ มันเป็นปิ่นเงินแวววาว ปิ่นสองชิ้นแรกนั้นเป็นปิ่นดอกไม้กระจกซึ่งสะท้อนแสงเหมือนเพชร เกสรทำจากทองคำดูล่ำค่าและยังมีแทบแผ่นเงินเล็กๆห้อยระยา ปิ่นโอกิรูปพัดห้อยระยาหนึ่งชิ้น ปิ่นแถบเงินบิระบิระ ปิ่นรูปบอลทามะลายปลาคาร์ฟอีกหนึ่งชิ้น แล้วสุดท้ายนั้นเป็นปิ่นนกกระเรียนล้อมด้วยเมฆาและเมกไม้มงคลชิ้นใหญ่
โดยปกติสตรีที่จะสวมเครื่องประดับผมเช่นนี้นั้น ย่อมต้องเป็นสตรีสูงศักดิ์ ใส่ออกงานหรือใส่ในพิธีแต่งงานในฐานะเจ้าสาว...ไม่กระมั้ง หล่อนหาได้มีฐานะที่เหมาะสมกับการใช่มันเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ปิ่นธรรมดาก็พอแล้ว หาได้ใช้ของมีค่าเช่นนี้ไม่
"ข้าน้อยรับไว้ไม่ได้หรอก...มัน..." หล่อนเอ่ยและส่งมันกลับไป
ควับ!
"รับไว้เถอะ อีกหน่อยเจ้าก็ต้องใช่มันแน่" เขากล่าว "ข้าแค่อยากให้เจ้า ขนาดสาวใช้ยังทำผมสวยกว่าเจ้าเสียอีก" ท่านชายกล่าวและทำเสียงชิชะราวกับคนหงุดหงิด แต่ถึงขนาดบอกว่าสาวใช้ยังปักปิ่นแต่งตัวดีกว่าหล่อนนี้มัน...อ่า หล่อนรู้สึกโมโหจริงๆแล้วนะ!
"ท่านชายรอง..." หล่อนเอ่ย
"มันไม่ได้มีราคาสูงมากนักเจ้าอย่ากังวลไป" เขากล่าวและใช้มือข้างหนึ่งช้อนใบหน้าของหล่อนขึ้นมา มืออีกข้างหนึ่งกอดกระชับเอาหล่อนเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะดึงเอาเชือกที่ผูกม้วยผมออก ทำให้เรือนผมนั้นแผ่ยาวสยายเต็มกลางแผ่นหลัง ใบหน้างามนั้นเม้มปาก ตาคู่หวานนั้นกลมโตด้วยความตกตะลึง
"ห้ามมองเด็ดขาดนะเจ้าคะ! ข้าไม่อยากเป็นหญิงมีมลทิน!" หล่อนหลับตาและเริ่มโหวกเหวกโวยวายขึ้นมา สองมือนั้นะยายามพยักท่านชายรองด้วยความมั่วซั่ว
"มลทิน? เจ้าอย่าเพิ่งโวยวายอธิบายให้ข้าฟังก่อน!" เขาเอ่ยและรวบหล่อนเข้ามากอดเอาไว้แน่นไม่ยอมให้หล่อนปัดป้องด้วยความมั่วซั่วอีก!
"ท่านต้องหลับตาก่อนน่ะ!" หล่อนเอ่ยในใจคิด ต่อให้ตายก็คงไม่มีหน้าไปพบท่านพ่อท่านแม่แล้ว!
"ได้! ข้าจะหลับตา" โทบิรามะกล่าวและเริ่มหลับตา เขาคลายอ้อมกอดลง ในหัวไม่เข้าใจถึงการกระทำของหล่อน เมื่อคราวนั้นจูบยังไม่สะทกสะท้านเท่าไหร่ เพียงปล่อยผมกลับต้องกระวนกระวายเสียได้ น่าแปลก! คิดแล้วก็หงุดหงิดใจจริงๆ
พอโทบิรามะคลายอ้อมกอด หล่อนก็รีบผละตัวออกมา จัดชุดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และทำใจอยู่ชั่วครู่หนึ่ง
"ตามกฎของตระกูลแล้ว จะปล่อยผมให้ใครเห็นไม่ได้เมื่ออยู่ในห้องกับบุรุษสองต่อสอง..." หล่อนกล่าว "ท่านไม่ใช่สามีข้า ท่านจะเห็นไม่ได้เด็ดขาด" หล่อนกล่าวเสียงสูงด้วยความกังวล เมื่อโทบิรามะได้ฟังก็หายสงสัยทันที...
"ข้าเข้าใจแล้ว ขออภัยด้วยที่วู่วาม" โทบิรามะกล่าวอย่างสุภาพเขายังคงนั่งอยู่ที่เดิม ยังคงหลับตาอยู่ด้วยความซื่อสัตย์ "แต่อย่างไรก็รับไว้เถอะ ข้าชอบพอในตัวเจ้า อยากมอบบางสิ่งให้เจ้า ได้โปรดนำมันไปใช้ด้วยเถอะ" เขากล่าวน้ำเสียงที่อ่อนลงและพูดแกมขอร้อง
"...เจ้าค่ะ" หล่อนกล่าวรับ พอเขาได้ยินเช่นนั้นจึงลืมตาขึ้น เมื่อมองไปยังแม่สาวหัวอ่อนตรงหน้าที่ปล่อยเรือนผมสีดำเงางามสยายเต็มแผ่นหลังก็อดนึกไม่ได้ว่า ขนาดหล่อนปล่อยผมแล้วยังดูงดงามขนาดนี้ เห็นทีปิ่นพวกนั้นคงไม่ต้องใช้แล้วกระมั้ง
"ท่านอย่าพึ่งลืมตานะเจ้าคะ!" หล่อนกล่าวเสียงสูงอีกครั้งๆ
"อืมๆ เสร็จแล้วเรียกก็แล้วกัน" เขากล่าวแล้วหันหลังเช่นเดิมปล่อยให้หล่อนรวบผมให้เสร็จเรียบร้อย
ฮิสึงิมองตัวเองในกระจก ที่ผ่านมาหล่อนไม่เคยได้เอาใจใส่ในเรื่องทรงผมเลยแม้แต่น้อย ได้เพียงแต่มัดรวบเป็นมงม้วยผมเรียบๆง่ายๆ ด้วยความที่ไม่อยากถูกต่อว่าจึงถักผมรวบเป็นมวยรอบๆกรอบใบหน้าแล้วยกสูงเป็นหางม้ายาว ด้านหน้าปักปิ่นดอกไม้ทั้งซ้ายและขวา และปิ่นชนิดๆต่างที่ท่านชายอุตสาห์เรียกร้องให้ปัก กว่าจะปักเสร็จก็กินเวลาไปนานเสียยกใหญ่
"ฮิสึงิ ฮิสึงิ!" ท่านชายที่ยังคงกิริยาบทเช่นเดิมเริ่มเอ่ยเรียกหล่อน กลัวว่าหล่อนจะเป็นลมเป็นแล้งไปอีก
"ลืมตาได้แล้วเจ้าค่ะ" หล่อนกล่าวเสียงใส และเริ่มปวดคอเสียแล้ว เครื่องประดับผมที่ทำจากเงินเช่นนี้ล้วนมีน้ำหนักมีมากแถมยังเป็นการบังคับให้คนที่สวมต้องตั้งคอตรงๆ และอยู่ในกิริยาที่สำรวม เรียกๆได้ว่ามันคือเครื่องทรมานขนาดย่อมเลยทีเดียว
ท่านชายหันมามองหล่อน เขาเงียบไม่ได้พูดอะไร...สองมือสอดเข้าในภายในแขนเสื้อกิโมโน สายตายังคงจับจ้องมองหล่อนไม่ว่างตา ส่วนหล่อนนะหรือทำเพียงลู่ตาต่ำมองลงพื้นไม่อยากเงยหน้านานๆ หล่อนนะเริ่มปวดคอแล้วนะสิ!
"...คราวนี้ท่านว่าข้าไม่งามไม่ได้แล้วนะเจ้าคะ" หล่อนกล่าวโดยมีท่าทีเขินอายหน่อยๆ
"ไม่สู้มาอยู่ในฐานะภรรยาของข้าเจ้าคงจะงามกว่านี้" ท่านชายกล่าว "ในเมื่อข้าทำเจ้ามีมลทินไปแล้ว ข้าขอรับผิดชอบเจ้าก็แล้วกัน" เขากล่าวและยกยิ้มอย่างเหนือชั้น
ให้ตายสิ!
"ข้าจะยอมหากท่านเอาดวงจันทร์มากองตรงหน้าข้า..." หล่อนเอ่ยตัดบท แน่นอนว่าท่านชายนะทำไม่ได้หรอก...หล่อนคิด ตัวของหล่อนนั้นยังไม่เข้าใจความรู้สึกที่มีต่อท่านโทบิรามะเลย จะให้ตกลงยอมรับง่ายๆรึ? หล่อนนะกลัวความรักที่แสนเจ็บปวด...ไม่อยากทรมานอีกแล้ว
ถ้าเลือกผิดแล้วจะทำอย่างไร...หล่อนคิดและนึกถึงคำพูดของท่านพ่อ
'เจ้านะเป็นคนซื่อ หากไม่รู้จะแต่งกับใครก็ให้เลือกคนที่เอาดวงจันทร์สอยดวงดาวนับร้อยมาให้เจ้าได้...คนผู้นั้นนะ จะต้องเป็นผู้ที่รักเจ้าจริง เพื่อที่จะให้เจ้ายอมรับ เขาจะต้องนำสิ่งที่เจ้าต้องการมาให้ได้ นั้นเพราะเขารักเจ้าเขาจึงพยายาม และคนที่ทำได้นั้นย่อมเป็นคนที่ฉลาด เขาคงจะนำพาเจ้าไปในอนาคตที่ดี คงไม่ใช่คนชั่วช้าหรอก'
"พูดจริงใช่หรือไม่? หากว่าข้าทำได้ละ" เขากล่าวขึ้นมาด้วยสายตาจริงจัง
หล่อนมองท่าโทบิรามะ และผงกหัวรับเบาๆ
"เจ้าค่ะ หากท่านทำได้ ให่แต่งเป็นเมียท่านตอนนั้นเลยข้าน้อยก็ยอม" หล่อนกล่าวและคลี่ยิ้มบางๆ "นี้เป็นบททดสอบของท่านพ่อของข้า...ข้าหาได้คิดเองแต่อย่างใด" หล่อนกล่าวและหลับตาลง
"เช่นนั้นเจ้าจงรอคอยข้า อย่าลืมคำพูดของเจ้าล่ะ คืนนี้ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าเห็น" โทบิรามะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เรียบง่ายทว่านัยน์ตาของเขาดูเหมือนคนที่เต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจเป็นอย่างมาก...
เอ๊ะ!
คืนนี้?
หญิงสาวตกใจและรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ในใจใคร่ครวญวิธีการต่างๆที่ท่านชายจะใช้ นี่ท่านชายจะยกดวงจันทร์มาให้หล่อนจริงๆนะหรือ? ดวงดาวด้วย?
แต่ช่างมันเถอะ...
จะวิธีการอะไรก็ได้...
"เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะรอคอยท่านคืนนี้" หล่อนกล่าวและยิ้มรับ ในใจได้แต่ภาวนาหวังให้วันพรุ่งนี้คงมีแต่สิ่งๆดีๆเข้ามา และได้แต่คิดว่าปีหน้านี้อนาคตของหล่อนคงจะเปลี่ยนไปตลอดกาลแล้วกระมั้ง..
จบตอน
1 คอมเม้นท์ = 100 กำลังใจ รักกันชอบกันช่วยให้กำลังใจไรต์ด้วยนะคะ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
เมลล์ 24mobile6547@gmail.com
ไม่นึกไม่ฝันว่าท่านชายรองจะรุกหนักขนาดนี้ ตอนที่แล้วก็ทีนึง ตอนนี้อีก หัวใจแม่ยกตรงนี้วายแล้วค่า!
รอตอนหน้านะคะ!