'ท่านต้องไม่ตาย พี่ชาย!' เด็กสาวร้องอยู่อย่างนั้น นางรู้ดีว่าเขาเองก็เป็นหนึ่งในองครักษ์ขององค์ชายห้า รู้ดีว่าพี่ชายที่นางรักเป็นกบฎต่อองค์จักรรพดิพระองค์ใหม่
'เจ้าอย่าให้พวกทหารนั้นเห็นตัวเจ้าเด็ดขาดรู้ไหม?' น้ำเสียงแหบแห้งของชายหนุ่มกล่าวกับนาง ท่ามกลางความมืดของราตรีซึ่งปราศจากแสงจันทร์ส่องสว่าง...ท่ามกลางเสียงที่ดังของหทารจำนวนมาก
'ข้ามาเพื่อช่วยท่าน' เด็กสาวเอ่ยพลางลากชายหนุ่มเข้ามาหลบภายในตรอกแคบๆ และใช้ผ้าสะอาดที่เตรียมมา พยาบาลและประคองอาการเบื้องต้นตามตำราที่อ่านผ่านๆมา
'ฟังพี่นะ...การที่เจ้ามาช่วยข้า ครอบครัวเจ้าจะ..'
'ข้ารู้ๆ! แต่ท่านเป็นคนเดียวที่ข้าเชื่อใจมากที่สุด พี่ชายท่านจะทิ้งข้าได้ลงหรือ' เด็กสาวพยายามประคองร่างของชายหนุ่มขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ยอมเดิน เขาเพียงแต่หยิบบางอย่างขึ้นมาถือเอาไว้
'เจ้าฉลาดมาก...องค์จักรพรรดิคือองค์ชายห้า ไม่ใช้องค์ชายเก้า ผู้ที่ครอบครองตราประทับมังกรคืออค์จักรรพดิ์ที่แท้จริง เมื่อถึงเวลาเจ้าต้องนำมันไปให้องค์ชายห้า...เจ้าทำได้พี่ชายคนนี้เชื่อ ว่าเจ้าทำได้' ชายหนุ่มแย้มยิ้ม นี้คือสิ่งที่เขารักษาเอาไว้และทำให้พวกทหารขององค์ชายเก้าไขว้เขวเพื่อหาสิ่งนี้ทางอื่น อย่างน้อยเด็กสาวที่เขารักอย่างน้องสาวก็มา เป็นความหวังสุดท้ายของแผ่นดินนี้
'พี่ชาย!'
'ท่านรู้ไหมบิดามารดาข้าถูกพวกโจรป่าฆ่าตายวันนี้...ตอนนี้..ข้าเหลือเพียงน้องชายและท่าน เข้มแข็งเอาไว้ ข้าจะพาท่านไปพบท่านหมอให้ได้' เด็กสาวเอ่ยพยายามลากร่างของชายหนุ่มเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงคลองน้ำใจกลางเมือง
'ฟังพี่...เจ้าต้องเข้มแข็งให้มาก เอาตรามังกรนี้ไปเร็ว อีกไม่นานพวกมันจะมาหาพี่แน่..'
'พี่ชาย!'
'ข้าหย่งเต๋ออยากให้แผ่นดินสงบสุข บ้านเมืองรุ่งเรื่อง...และเห็นเจ้ามีความสุข เร็วสิ!' พลัน เสียงเคลื่อนตัวชุดเกราะทหารก็เริ่มดังเข้ามาใกล้ๆ ชายหนุ่มรีบนำหอผ้าผูกเข้าไว้กับข้อมือของด็กสาวแน่น พลางเอ่ยลาเป็นครั้งสุดท้าย 'ข้า พี่ชายผู้นี้ดีใจยิ่ง ที่เจ้าเป็นห่วงและออกตามหาจนพบ...ถึงแม้ว่าจะเจ้าจะเป็นโรคประหลาด พี่ชายผู้นี้! เชื่อว่าสักวันหนึ่งเจ้าจะต้องหายดีแน่นอน'
'พี่ชาย!' เด็กสาวร้องลั่น
'เกาะท่อนไม้เอาไว้ให้มั่น เจ้าจะไม่มีทางจ่มน้ำได้แน่ จงเข้มแข็งและเอาตัวรอด..' พี่ชายเอ่ยจบเขาก็พลักร่างของเด็กสาวลงสู่คลองทันที
ตูม!
ร่างของเด็กสาวกลืนหายไปกับสายน้ำที่ไหลไปเรื่อยๆ แววตาสุดท้ายที่นางมองเห็นลางๆ ก็คือความดีใจที่ปนไปด้วยความเสียใจ และสาตาของทหารขององค์ชายเก้าที่โหดเหี้ยม ชั่วร้ายที่กำลังค่อยๆ ดึงดาบออกจากร่างของพี่ชายที่นางรักมากที่สุด ฟัน...จนกระทั่งร่างนั้นไร้ศีรษะ ใบหน้าในตอนนั้น ยังคงยิ้มอย่างเป็นสุข และมองมาหานางก่อนที่เปลือกตาจะปิดลง...ราวกับคนที่ไร้ลมหายใจ
นางจะต้องเอาตราประทับนี้ไปให้องค์ชายห้าให้ได้!
ไม่ว่าวิธีไหนก็ตาม!
เฮือก!
หรงเซียนลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่นางเผลอหลับที่ลานใต้ต้นไม้หน้าเรือนหรือนี่?
หญิงสาวถอนหายใจไปสักพักหนึ่ง จู่ๆ นางก็ฝันถึงพี่ชายที่นางเคารพรักขึ้นมา ทั้งๆที่เรื่องเหล่านั้นจบลงไปนานแล้ว หลังจากที่นางรอดมาได้ในวันวิปโยคนั้น นางก็ทำทุกวิธีทางเพื่อเอาตราประทับมังกรส่งให้องค์ชายห้าได้ครองบังลังค์เป็นจักรรพดิจน...กระทั่งจนถึงตอนนี้นางทำสำเร็จแล้ว องค์ชายห้าสามารถกู้บังลังค์ของตนกลับคืนมาได้และครองราช
หลังจากที่พี่หย่งเต๋อตาย หลายวันต่อมาก็มีทหารมาสอบปากคำนางว่าคุยอะไรกับหย่งเต๋อไปบ้าง ดูเหมือนพวกทหารจะไม่สังเกตนางในตอนนั้น เพราะว่ามันมืดมากและเป็นที่อับแสงจันทร์ แลนางอยู่ใต้ผิวน้ำ เมื่อขึ้นฝั่งมาได้ก็รีบหลบซ้อนตัวกลับจวนทันที
ด้วยความฉลาดของนางจึงแอบเขียนคำกลอนสามบทให้พวกทหาร บอกว่านี้เป็นสิ่งที่พี่ชายผู้นั้นให้มาก บางทีอาจจะช่วยได้ ทหารพวกนั้นเอาคัดลอกบทกลอนนั้นไปตรวจสอบอย่างเชื่อใจเพราะเห็นว่านาเป็นโรคประหลาด ในขณะเดียวกันคืนนั้นนางก็พบองครักษ์ขององค์ชายห้าที่มาขโมยบทกลอนนั้นจากนางแต่มันคนละฉบับกัน
ฉบับปลอม..หากถอดข้อความออกจะแปลได้ว่าซ้อนไว้ที่หุบเขาทางเหนือที่สูงชัน ดังนั้นจึงยืดเวลาค้นหาไปได้นานหลายเดือน ส่วนฉบับจริงหากถอดออกจะพบว่ามันถูกฝั้งไว้ในสระบัวของจวนนาง พอผ่านไปเดือนหนึ่งนั้นนาก็ประกาศหาคนงานขุดสระ ทำสวนใหม่เปลี่ยนดวงชะตาของจวน โดยอ้าง..ฝันว่ามีเทพเซียนเข้าฝันมาบอกว่า ปีนี้สกุลดวงชะตาไม่ดีต้องเปลี่ยนย้ายทำเลใหม่ๆ เพื่อปัดเป่าเคราะห์ร้าย คนขององค์ชายห้าจึงแฝงตัวเพื่อมาเอาตราประทับ นางก็เลือกแต่คนที่เป็นคนขององค์ชายห้า เน้นๆ ให้พวกเขาเอาตราประทับไปอย่างง่ายดาย
หลังจากนั้นสงครามชิงบังลังค์ก็เกิดขึ้นรอบสอง...กว่าจะจบลงก็กินเวลาไปเกือบปี ทำให้เศรษฐกิจไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ นางจึงต้องเร่งฟื้นฟูกิจการต่างๆของสกุลให้กลับมารุ้งเรืองยิ่งกว่าเดิม บ้านเมืองเริ่มฟื้นฟูทำให้ทุกๆ อย่างดีขึ้น ยกเว้นตัวของนางเองที่หวาดระแวงสายตาของคน...ไม่ว่าจะดีจะแย่ก็ตาม นางขยาด! กับมันที่สุดทำให้นางเป็นโรคหนักกว่าแต่เก่า
จนกระทั่งได้พบกับท่านเสนาบดีสกุลต้านไถ...ฮุ่ยเหยียนในตอนนั้น
เจ้าใบไม้สามสีขี้ตื้อ ที่ชอบตามตอแยนาง...จนกระทั่งตอนนี้นางจะมีเด็กน้อยให้กับเขาแล้ว หรงเซียนยิ้มเบาๆ อย่างเป็นสุขใจ นางมองไปข้างบน มองดูใบไม้พริ้วไหวพร้อมๆกับกิ่งก้านของมันช้าๆ นั่งนับก้านของต้นอย่างไม่รีบร้อน ในใจคิด..จะตั้งชื่อเด็กคนนี้ว่าอะไรดี...
ตั้งตามพี่หย่งเต๋อดีหรือไม่น่า...
ฮุ่ยเหยียนจะยอมหรือไม่...
แน่ละสิเขาคงไม่ยอมหรอก แต่ยังไงเรื่องชื่อของลูกก็ต้องมีส่วนร่วมกัน อาจจะให้ฮูหยินผู้เฒ่าตั้งก็ได้ จะได้ไม่ขัดแย้งกัน หรงเซียนอมยิ้มพลางลูบท้องน้อยๆ ที่เริ่มนูนขึ้นมา และเริ่มลุกขึ้นอย่างช้าๆ โดยที่มีสาวใช้ปรี่เขามาประคองทันทีอย่างรู้งาน
"ฮูหยินเจ้าค่ะ บ่ายเริ่มร้อนแล้ว บ่าวเกรงจะไม่ดีต่อครรภ์" สาวใช้เอ่ยอย่างเป็นห่วง นางทำเพียงพยักหน้าอย่างเข้าใจ ถึงแม้ว่าอากาศจะไม่ได้ร้อนมาก หรือมีแดด ด้วยร่วมเงาของต้นไม้ใหญ่หน้าเรือนแล้ว แต่อย่างไรระวังไว้ก่อนก็ดี สภาพอากาศเปลี่ยนเพียงนิดเดียวอาจส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อครรภ์ได้
"..." นางเดินเข้าไปในเรือนด้านในของตนอย่างว่าง่าย และนั่งลงโต๊ะทำงานประจำของตน ค่อยๆนั่งเปิด ไล่บัญชีเงินของจวนเรื่อยๆ ตรวจสอบโดยละเอียด ปกติเงินประจำตำแหน่งเสนาบดีนั้นก็ค่อนข้างมาก จวนสกุลต้านไถก็ไม่ค่อยใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเสียด้วย เงินเก็บของจวนเลยมีมาก ไหนจะพวกเครื่องเงิน เครื่องทอง หยกที่ได้รับพระราชทานจากหลายรุ่นก็มีเต็มคลังของจวน
ตอนนางแต่งเข้ามา น้องชายได้กล่าวว่าให้เงินจำนวนหลายสิบหีบ ผ้าไหมเนื้อดีที่ผ่านการทออย่างประณีต เครื่องประดับหลายชุด รวมๆแล้วก็หนึ่งในสิบของเงินของจวนต้านไถ่ได้กระมั้ง เมื่อพูดถึงสกุลต้านไถแล้ว นับได้ว่าเป็นสกุลที่ยึดมั่นในคุณธรรม ไม่รับสินบน ไม่ยักยอกของหลวง มิเช่นคงร่ำรวยไม่ผิดกับจวนขุนนางคนอื่นๆ...
เป็นสกุลที่องค์จักรพรรดิไว้วางใจที่สุด...
เป็นที่หมายตาของขุนนางทั่วล้า...ที่อยากจะจับบุตรสาวมากมายแต่งเข้าด้วย
ทำไมกันนะ ตั้งแต่วันนั้นพักนี้นางกำลังหึงหวงเจ้าใบไม้สามสีอยู่ตลอดเวลา แต่ปกติแล้วพวกขุนนางก็มากเมียมากอนุ เต็มไปด้วยการแต่งงานทางการเมือง บางทีสักวันอาจจะเกิดขึ้นกับฮุ่ยเหยียนก็ได้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่อาจหยุดคิดได้เลย
"หรงเซียน" เสียงของฮุ่ยเหยียนเรียกนาง นางรู้สึกได้ถึงฝีเท้าของเขาที่เข้าใกล้มาเรื่อยๆ หลายสัปดาห์มานี้ เขาจะมีงานที่ยุ่งมาก เมื่อปีที่แล้วแม่น้ำทางตอนเหนือไหลท่วมบ้านเรือนของพวกชาวบ้านจนเสียหาย ทำให้เร่รอนมาเมืองหลวงกันเต็มไปหมด ขุนนางข้าราชการต่างวุ่นวายยกใหญ่ ปีนี้จึงมีการเร่งทำเขื่อนใหม่ ซ่อมบำรุง กระทั่งทำฝ่ายชะลอน้ำ
ไม่แปลกที่เขาจะยุ่ง...
"ฮืม?"
"เย็นนี้จะมีงานเลี้ยงในวัง ไปกับข้าเถิดนะ" ฮุ่ยเหยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนตามปกติ สองมือของเขากอดนางจากด้านหลังคล้ายเอาใจ
นางเหม่อไปสักพักหนึ่ง... ปกตินางจะไม่ไปร่วมงานเลี้ยงในวังหรืองานเลี้ยงต่างๆ อะไรเลย นางไม่ชอบการที่ต้องถูกสายตาต่างๆ จ้องมองมา
แต่ถ้าไม่ไป...ตอนนี้นางก็กลัวว่าจะมีบุตรสาวขุนนางต่างๆ มาแย่งใบไม้สามสีไปจากมือของนาง ไอเรื่องแบบนั้นนะ นางไม่อาจยอมรับได้เป็นอันขาด
"ก็ได้" นางเอ่ยรับทั้งๆที่ในใจตอนนี้กำลังตื่นเต้นกับงานที่มีแต่คนเยอะๆ
"เจ้าไม่ต้องกลัวไป ข้าจะอยู่ข้างๆเจ้า..มองแค่ข้าคนเดียวก็พอ" ฮุ่ยเหยียนเอ่ยปลอบนาง เขารู้ว่าตอนนี้นางคงกำลังตระหนกกลัว ตื่นเต้น ระทึกอยู่ในใจ แต่ในเมื่อครานี่นางยอมโอนอ่อนไปงานกับเขาแล้ว ก็ต้องดูแลให้ดีที่สุด เขาจะได้เปิดตัวว่าที่ศรีภรรยาอย่างเป็นทางการแล้ว ไม่ขอรับใครเข้าจวนเพิ่ม นางจากบุตรตัวน้อยจากนางเท่านั้น!
"..." หรงเซียนคลี่ยิ้มเบาๆ สองมือจับแขนแกร่งทั้งสองข้างที่โอบกอดนางไว้มั่น เมื่อหันหน้าไปหาฮุ่ยเหยียน นางก็ถูกช่วงชิงริมฝีบางน้อยๆทันที มันเป็นเช่นนั้นอยู่สักพักจนกว่าคนตัวโตตรงหน้าจะพอใจ จนกระทั่งฮุ่ยเหยียนค่อยๆ ช้อนตัวนาง อุ้มนางขึ้นอย่างเบามือที่สุดพลางตรงไปยังส่วนของถังไม้ด้านหลังของฉากกัน ที่เต็มไปด้วยไออุ่นแห่งรักกำลังเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
...ติดตามตอนต่อไป...
หวังมุ่งแต่อ่าน
ช่วยผ่านมาอัพบ่อยๆ
หวังมุ่งแต่อ่าน
ช่วยผ่านมาอัพบ่อยๆ