คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : (SF)-For dreamer- Double B
บางครั้งความฝันก็ หอมหวาน ชวนให้ลุ่มหลง
ราวกลับเกล็ดน้ำตาลบริสุทธิ์ พราวระยับเมื่อต้องแสง
ขาวละเอียด น่าสัมผัสจับต้องและชวนให้ลิ้มลอง
เพียงแค่ปลายลิ้นรู้รส ก็เสพติดความหวานจนต้านทานไม่อยู่
ปลายนิ้วเรียวลากไล่จากกลางกระหม่อมลงมาที่แนวใบหูคล้องเอาผมที่ยาวปรกใบหน้าด้านข้างมาเกี่ยวทัดไว้ ลูบเบาที่ขอบปลายกระดูกอ่อนสัมผัสบางเบาที่ปลายหู โน้มใบหน้าขาวเข้าใกล้จนจมูกโด่งเป็นสันคลอเคลียกับข้างแก้ม เลื่อนริมฝีปากนุ่มเข้าชิด ก่อนจะกระซิบเสียงแผ่วที่ข้างหู
“จีวอน... จีวอนอ่า”
ไร้การตอบสนองจากร่างสูงสมส่วนที่นอนตะแคงหายใจเข้าออกนิ่งบนเตียงกว้าง มือขาวของคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง ก็เปลี่ยนเป็นลูบไล้เบาๆที่สันกรามที่เห็นชัดตลอดแนวความยาวจากใบหูถึงคาง ปลายนิ้วทั้งห้าลากลงไปตามลำคอทางด้านหน้า ลูบหน้าอกแข็งแรงผ่านผ้าเนื้อบางแล้วเลื่อนมือมากุมที่หัวไหล่หนา ออกแรงดึงเพียงเล็กน้อยร่างทั้งร่างก็ตอบสนองโดยการพลิกกลับมานอนหงาย แต่เปลือกตาทั้งสองข้างยังปิดสนิท
“ตื่นได้แล้ว ฉันมาแล้วนะ”
มือซุกซนเขี่ยวนรอบเปลือกตา ลูบเล่นบนขนคิ้วบางเรียงตัวเป็นระเบียบ พยายามใช้นิ้วโป้งและชี้ เปิดเปลือกตาขึ้น
คนที่ถูกรบกวนการนอนขมวดคิ้วคล้ายจะหงุดหงิดในที แต่ก็ค่อยๆลืมตาขึ้นในที่สุด ปรับสายตาให้ชินในห้องนอนที่ปิดไฟจนแทบจะมืดสนิท สิ่งแรกที่ปรากฏในจอสายตา คือ คนที่เขาปรารถนาอยากจะเจอมาตลอดทั้งวัน ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่มีรอยยิ้มบริสุทธิ์แต่นัยน์ตาแสนเศร้า จมูกที่โด่งเป็นสันรับกับโครงหน้าเรียวดูหล่อ กอปรกับลักยิ้มทำให้เขาดูอ่อนโยนยามแย้มยิ้ม ริมฝีปากสีชมพูซีดน่ามอง ทุกอย่างที่รวมเป็นคนๆนี้ช่างเหมาะเจาะและสมควร
“มาช้า”
คนที่นอนราบอยู่กับเตียง เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ราวกลับจะบ่งบอกให้คนที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ รับรู้ได้ถึงความไม่พอใจ จริงๆแล้วก็ไม่ถึงกับโกรธ เพียงแต่แสร้งทำ...
“ขอโทษ”
ร่างบอบบางสวมเสื้อแขนยาวสีขาวหม่น เลื่อนมือไปประสานกับมือของอีกคนที่อยู่ใกล้ตัว นิ้วทั้งห้าสอดแทรกจนฝ่ามือแนบชิด แล้วยกขึ้นมาแนบริมฝีปากลงบนหลังมือ
“อย่าโกรธนะ...”
ร่างสูงกว่าที่นอนแนบเตียงเผลอยกยิ้มออกมาเมื่ออีกคนแสดงการง้อได้อย่างน่ารักกว่าที่เขาได้คาดไว้ ท่อนแขนแข็งแรงดึงมืออีกคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจนเซล้มมาทับบนหน้าอกแกร่ง หมุนข้อมือแล้วจุมพิตลงบนหลังมือขาวๆของคนที่นอนอยู่บนตัวเขา
“ไม่โกรธครับ”
ว่าพลางใช้สองแขนโอบกอดคนที่นอนแนบกัน พลิกตัวย้ายให้อีกคนลงมานอนเคียงข้าง สายตาสอดประสานกันเนิ่นนาน ราวกับว่าไม่ต้องการจะมองสิ่งใดบนโลกอีกนอกจากใบหน้าของคนตรงหน้า ริมฝีปากชมพูซีดยกยิ้มบางก่อนจะเอ่ยถ้อยคำหวานหู
“จีวอนนอนสิ ฉันจะกล่อมเอง”
มือบางเอื้อมไปสอดใต้กลุ่มผมสีดำสนิท ลูบไปมาเบาๆหลายต่อหลายครั้ง จนคนที่ถูกสัมผัส เริ่มจะง่วงขึ้นมาจริงๆ
“เราจะเจอกันอีกใช่ไหม”
“แน่นอน...”
“ผมจะรู้ชื่อคุณได้ไหม”
คำตอบเป็นเพียงริมฝีปากเหยียดขึ้น จนเห็นลักยิ้มอ่อนโยนที่ข้างแก้ม ตาที่ดูหม่นหมองอยู่เป็นปรกติ กลับหยีลงราวกับว่าเขากำลังยิ้มด้วยทั้งปากและด้วยดวงตา
“พักผ่อนเถอะ”
สัมผัสเบาจากมือเขาที่ลูบซ้ำบนศีรษะยังอยู่ มีเพียงสติของอีกคนที่ลดลงเมื่อถูกความง่วงปกคลุม
พรึ่บ!!
ผมลืมตาขึ้นเต็มตื่น คลำพื้นที่ว่างข้างลำตัวที่เย็นชืดราวกับเมื่อคืนไม่มีอีกคนนอนอยู่ สิ่งนั้นยืนยันได้ว่า ผมฝันอีกแล้ว ฝันที่คล้ายๆเดิมทุกๆคืนต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายเดือน ตั้งแต่พ้นคืนวันครบรอบวันเกิดปีที่ 20ของผม ถึงมันจะไม่ใช่ฝันร้าย แต่มันก็ทำให้ผมกังวลบ้างเล็กน้อย ผมพยายามคิดเสมอว่าคนที่เจอในฝันคล้ายกับคนที่ผมเคยเจอในชีวิตจริง หรือคนที่เคยรู้จักบ้างหรือเปล่าแต่ก็ไม่ หลายต่อหลายครั้งที่ผมพยายามที่จะรู้ชื่อของเขา
แต่คำตอบมักจะเป็นเพียงรอยยิ้ม หรือจูบ
ผมลุกออกจากเตียงกว้างที่ปูด้วยผ้าปูที่นอนขาวสะอาด ตวัดผ้าห่มให้พ้นตัว บิดขี้เกียจสองสามครั้ง ก่อนจะเดินผ่านผ้าม่านโปร่งสีขาวที่ปลิวสะบัดเพราะประตูระเบียงที่เปิดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ร่างสูงสมส่วนเดินออกมารับลมที่ระเบียง พลางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นคืนก่อน จะว่ามีคนแอบปีนขึ้นมาลักหลับก็ไม่น่าใช่ เพราะเขาอยู่ชั้น 21 และไม่มีทางที่จะปีนมาจากระเบียงห้องข้างๆได้ เรื่องเหล่านั้นจึงเกิดขึ้นซ้ำๆโดยไร้วิธีการจัดการ
บางครั้งความฝันก็อบอุ่น ราวกับซ่อนกายไว้ในผ้านวมผืนหนา
เคลิบเคลิ้ม ราวกับได้กลิ่นและลิ้มรสกาแฟร้านโปรด
มัวเมา ราวกับอบาย
หลงใหล เหมือนหาทางออกไม่ได้ในเขาวงกต
.
.
.
“จับมือฉันสิ เดินมาทางนี้”
สัมผัสจากมือขาวที่คุ้นเคย กำลังจับจูงอีกคนไปในทางที่ไม่คุ้น ร่างบอบบางยังอยู่ในเสื้อแขนยาวสีขาวคลุมจนเกือบถึงปลายนิ้ว สวมกางเกงขายาวสีขาวพอดีตัว ทำให้ดูน่าปกป้องขึ้นไปอีก มือขาวบีบมือแน่นแล้วเขย่าเป็นจังหวะ เมื่อเห็นว่าร่างสูงไม่ยอมเดินตาม ใบหน้าขาวหันกลับมาก็พบอีกคนมองอยู่พร้อมกับรอยยิ้มทะเล้นจนมองเห็นฟันกระต่ายดูเป็นเอกลักษณ์
“เดินมาได้แล้ว ดื้อหรอจีวอน!!”
คนที่นำทางอยู่ตีสีหน้าจริงจัง แต่ทว่ากลับดูน่ากลั่นแกล้งมากกว่าน่าเกรงกลัว ทั้งร่างหันกลับมาเผชิญหน้ากันกับเด็กหนุ่มอีกคนที่ไม่ฟังคำสั่ง จากที่จับมืออีกคนด้วยมือข้างเดียว ก็เปลี่ยนเป็นใช้มืออีกข้างจับแขนอีกข้างของจีวอนไว้ด้วย แล้วออกแรงลากด้วยการเดินถอยหลัง
ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าผมช่างงดงามไร้ที่ติ ทั้งร่างบอบบางที่เดินอยู่ด้านหน้า ใบหน้าที่ดูเท่และอ่อนหวานอยู่ในที มือทั้งสองข้างของเราที่เกาะเกี่ยวกันแน่น แวดล้อมด้วยต้นหญ้าสีน้ำตาลอ่อนสูงเสียดหัวเราทั้งคู่ ดอกหญ้าดอกเล็กสีขาวและเหลืองกระจายอยู่เต็มพื้น อากาศที่เริ่มเย็นลงราวกับอยู่ในปลายเดือนธันวาคม ผมเส้นเล็กละเอียดของเขาปลิวไสวยามที่ลมพัดเข้าเป็นช่วง ไม่ต่างกับต้นหญ้าที่โอนอ่อน
แสงสีส้มของดวงอาทิตย์ราวกับจะบ่งบอกว่าเป็นแสงสุดท้ายของวัน ทำให้อบอุ่นไปทั้งกาย แต่เมื่อได้มองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทอประกายของเขาที่มีเพียงแต่ภาพของผม ทำให้อบอุ่นไปถึงดวงใจ
ผมผลักให้ร่างบอบบางโน้มลงจนหลังแนบบนกองฟาง สองมือของเขาเอื้อมมาโอบหลังผมให้ลงไปชิดใกล้ แล้วเราก็ตระกองกอดกันอยู่อย่างนั้นเสียเนิ่นนาน สายตาทั้งสองคู่ของเราสบกัน ไม่มีใครยอมละออก ราวกับจะหาคำตอบในสายตาคู่นั้น ว่านี่ ไม่ใช่เพียงความหลงใหล แต่เป็นสิ่งที่เต็มใจจะเรียกมันว่าความรัก
“ให้ผมเข้าไปได้ไหม”
ผมถามคำถามกับเขา เป็นคำถามที่ไม่ได้กลั่นกรองจากสมอง แต่ออกมาจากความรู้สึก
เขายิ้มบางเป็นคำตอบ แล้วตอกย้ำคำตอบนั้นด้วยจุมพิตจากริมฝีปากสีชมพูซีดอีกครั้ง
“ฉันรอให้นายเข้ามาเสมอทั้งหัวใจ... และร่างกายนี้”
ผมยิ้มรับคำตอบ ก่อนจะจุมพิตไปบนกลีบปากของเขาที่กำลังยกยิ้ม ซ้ำๆหลายหน แล้วช่องว่างระหว่างเราทั้งคู่น้อยลงเรื่อยๆ จนไม่มีสิ่งใดกั้นขวางอีกต่อไป
.
.
.
พรึ่บ!!
ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงที่คุ้นเคยในห้องนอนเพียงลำพัง เหมือนอย่างทุกครั้ง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน แต่เสมือนจริงราวกับว่ามันได้เกิดขึ้น ความอบอุ่นที่ผมได้รับยังคงหลงเหลืออยู่ที่ผิวสัมผัส กลายเป็นความโหยหา อยากได้มาครอบครองข้างกายตลอดเวลา
เป็นเพราะความจดจ่อ ทำให้ผมรู้สึกว่าเวลากลางวันมันแสนยาวนาน ตรงกันข้ามกับเวลากลางคืนนั้นแสนสั้น จนผมไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
.
.
.
บางครั้ง ความฝันก็ผลักไส
บางครั้ง ความฝันก็เพรียกหา
แต่เป็นความจริงที่ว่า เราต้องตื่น
ผมใช้เวลาในตอนกลางวัน ออกตามหาสถานที่ที่ผมเห็นในฝัน ที่ๆมีต้นหญ้าสีน้ำตาลสูงท่วมหัว ดอกหญ้าเล็กละเอียดโทนสีเหลืองและขาว ยอมลดเวลาในตอนกลางคืนน้อยลง
จนผ่านไปเป็นเวลาหลายวันถึงได้พบที่ที่เหมือนกับภาพที่เห็นในฝันทุกอย่าง ขาดก็แต่เพียงไม่มีเขา ผมเดินลึกเขาไปในพงหญ้า ให้เหมือนกับที่เขาเป็นคนจับจูงไป จนไปพบกับกองฟางเหมือนกับในฝัน
ผมดีใจเพราะไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเข้าใกล้ฝันมากขนาดนี้มาก่อน ผมนั่งลงบนกองฟางตรงหน้าแต่ก็สัมผัสถึงแท่นแข็งที่อยู่เบื้องล่าง จึงลงมือกวาดเอาฟางที่ขวางอยู่ออก
แล้วผมก็ได้พบกับแท่นหินอ่อน ที่ถูกสลักชื่อไว้อย่างบรรจง
คิม ฮันบิน
.
.
หากเรามีโอกาสที่จะเลือก
“คิม ฮันบิน”
ผมเอ่ยขึ้นเมื่อรับรู้ถึงสัมผัสของเขาที่สางกลุ่มผมของผมจากทางด้านหลัง เมื่อได้ยินที่ผมพูดเขาก็ชะงักมือที่กำลังลูบ
“รู้แล้วหรอ” เขาตอบออกมาเสียงแผ่วกว่าทุกที
ผมนอนตะแคงไปอีกฝั่งที่เขาอยู่ แววตาของเขาดูหม่นหมองและพร้อมที่จะหลั่งน้ำตาอยู่ตลอด
ผมเอื้อมมือไปโอบรอบท้ายทอยเขา แล้วโน้มศีรษะมาจูบที่หน้าผาก
“อย่าร้องนะ”
ผมไม่อยากเห็นเขาเสียใจแม้แต่วินาทีเดียว ถึงเขาจะมีนัยน์ตาแสนเศร้าที่เป็นเอกลักษณ์ แต่เมื่อสีน้ำตาลอ่อนในแววตาไม่ทอประกายเหมือนเก่า ก็เหมือนหัวใจของผมถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆทั้งที่ยังเต้นอยู่
“ฮันบิน แค่คุณเอ่ยออกมาผมจะทำตามคำขอของคุณทุกอย่าง”
ผมเอ่ยคำสัญญาที่เหมือนตรึงตัวเองอยู่ภายใต้พันธนาการ
“อยู่กับฉันตลอดไปนะ อย่าตื่นเลย”
และคำขอของฮันบินก็เหมือนกับคำสาป
ผมมองลึกไปในแววตาเว้าวอนของเขา จุมพิตเบาๆบนริมฝีปากนิ่มแทนคำสัญญาว่าจะไม่โกหก
“ตกลงครับ”
จะเลือกอยู่ในโลกของความเป็นจริง
หรือจะเลือกอยู่เพียงแต่ในโลกของความฝัน
-END-
Talk เมื่อคืนโดนผีอำจ่ะ น่ากลัวมาก ;_; เลยเป็นต้นกำเนิดของฟิคเรื่องนี้
เป็นเรื่องแรกจริงๆ ที่ใจจดใจจ่อกับคำบรรยายมากๆ ไม่รู้ว่าดีไม่ดีเหมือนกัน เอาเป็นว่าขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ค่ะ
ขอบคุณที่ติดตาม #ฟิคหมวยร้านชำด้วย 99Fanclub แล้วดีใจจัง ><
ส่วนหมวยร้านชำ รอแปป กำลังพิมพ์... ไว้เดี๋ยวมาสปอยดีมะ 555
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ หมวยต้องมีคู่ปรับ บอกเล๊ย!
ความคิดเห็น