ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ONE.. หนึ่ง [KyuMin Ft.KiHae,Etc]

    ลำดับตอนที่ #2 : ˋ ONE ; คำถาม

    • อัปเดตล่าสุด 2 มิ.ย. 55


      

     

     

     

    การมีอคติโดยไร้เหตุผล...ก็มีนะ

     

     

     

     

     

     

                “เฮ้ย พวกมึงกูลืมแนะนำเลย นี่เพื่อนกูเองชื่อคยูฮยอนเรียนวิศวะเว้ย เป็นไง กูเจ๋งป่ะล่ะ!!

     

    ซีวอนพูดอวดอย่างภาคภูมิวาดแขนขึ้นพาดคอเพื่อนใหม่อย่างสนิทสนม ผู้นั่งร่วมโต๊ะคนอื่นต่างให้ความสนใจ ไหนจะใบหน้าที่ดูมีเสน่ห์นั่นอีก จะมีนักศึกษาศิลปกรรมคนไหนบ้างล่ะที่ได้เป็นเพื่อนกับคณะวิศวะที่ขึ้นชื่อว่าหยิ่งที่สุดในมหาวิทยาลัย

     

                “เก่งห่าไรล่ะ ไม่ใช่เขาจำใจเป็นหรอสัด” อีทึกพูดแขวะซีวอนไปก่อนจะหันมองคยูฮยอนพร้อมยิ้มจนตาปิด

     

                “พูดงี้เจอกันหลังร้านได้นะครับ เชี่ยพี่ทึก -.-

     

                คยูฮยอนเอ่ยแนะนำตัวเองอีกครั้งคนอื่นๆต่างก็แนะนำชื่อตัวเองกับเพื่อนใหม่...แต่ดูจะมีเพียงร่างบางตรงหน้าที่เขานั่งมองมาตลอด ไม่ยอมแม้จะจะเอ่ยทักซ้ำยังทำเป็นเมินเหมือนเขาไม่อยู่ตรงนี้เสียอย่างนั้น

     

                “ถ้ามึงจะมานั่งทำหน้าเบื่อโลกนะ กูแนะและอัญเชิญไปดมสีที่หอมึงเถอะ เห็นแล้วกูแดกไม่ลงว่ะ” ฮีชอลมองด้วยความไม่สบอารมณ์นัก มือสวยถือแก้วน้ำพันช์แกว่งไปมาแก้เบื่อหน้าเพื่อนรุ่นน้อง

     

    เหล้าก็ไม่แดกยังเสนอหน้ามาทำไม นี่ถ้าเข้าไปนั่งดื่มเหล้าในส้วมยังสุนทรีน์กว่าเห็นหน้าอีซองมินเลย

     

    “ช่างเขาเหอะอาเจ๊ เนอะ.. ฮยอกจี้~” ซีวอยิ้มหน้าทะเล้นใส่เพื่อนร่างบางสองแขนท้าวขึ้นรองคางมน ในขณะที่นัยตาสวยกำลังเข้าสู่โหมตเกินลิมิต เพียงเพราะคำๆนี้...

     

    “ฮยอกจี้~~

     

    “ตายเหอะมึง!!

     

    “อ๊าซซซซซซซซซซซซซซ!!<- ซีวอน

     

    “เฮ้ยยยยยย! ฮยอกแจมึงใจเย็นดิ!<- เยซอง

     

    “อย่าทำเลือดหกใส่พรมน้ากูนะมึง - -<- ฮีชอล

     

    จากที่นั่งหน้าเบื่อโลกมาตั้งนานพอมาเห็นเพื่อนตัวเองกำลังจะฆาตกรรมกันในร้านเหล้าแล้วมันก็ชวนให้อยากยิ้มขึ้นมาเสียอย่างนั้น(?) ร่างบางขอตัวเดินออกมาจากบรรยากาศสงครามโลกและความอึดอัดจากสายตาของผู้ชายที่ชื่อคยูฮยอน

     

    บรรยายกาศหลังร้านเงียบเชียบจนได้ยิ้นแม้แต่เสียงลมหายใจ นัยตาสวยมองไปรอบๆก่อนจะเดินไปยืนพิงที่โต๊ะม้าหินเย็นเยียบจากอากาศในช่วงเข้าสู่ฤดูหนาว

     

     

     

     





     

    “งานเลี้ยงไม่สนุกหรอครับ?”

     

    เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านข้างขายาวเดินเข้ามาใกล้แต่ก็เว้นระยะหว่างไว้พอสมควรเพราะรู้ดีว่าหากเข้าไปใกล้กว่านี้ร่างบางตรงหน้าคงจะผูกปมคิ้วมากขึ้นกว่าที่เป็น ซองมินชักสีหน้าไม่พอใจหน่อยๆคนที่เขาอุตส่าห์หลีกมาตอนนี้กำลังยืนยิ้มอยู่ข้างๆ

     

     

    ตามมาทำไม..?

     

     

    “...................”

     

    “เพื่อนของคุณอัธยาศัยดีนะ ผมรู้สึกดีที่ได้รู้จักกับพวกคุณ”

     

    “...................”

     

    “จะไม่พูดกับผมสักหน่อยหรอ?”

     

    “...................”

     

    “ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วที่คุณทำเหมือนไม่เห็นผม..”

     

    ร่างบางเชยตามองคนร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านข้าง หยัดยิ้มออกมาอย่างไม่ยี่หระกับคำพูดของคนที่เพิ่งรู้จักชื่อได้ไม่นานนัก

     

    “คุณเป็นเพื่อนของซีวอนไม่ใช่ผมนี่ครับ คุณโจคยูฮยอน” ซองมินเน้นย้ำชื่อของร่างสูง หวังจะให้เจ้าตัวได้รู้ว่าเขาอยากจะจบการเสวนานี้ลงเร็วๆ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือรอยยิ้มขำราวกับไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดที่แนบความนัยของเขาเลย

     

    “เย็นชาจังเลยนะครับ คุณพูดกับคนที่เพิ่งรู้จักแบบนี้ทุกคนเลยหรือเปล่า?”

     

    “....................”

     

    “....................”

     

    “.....ต้องการอะไร?”

     

    “ครับ?”

     

    “สนใจอะไรงั้นหรอ?”

     

     

     

     









    “คุณกำลังหมายถึง...ผมสนใจคุณ...อย่างนั้นหรือเปล่าครับ”

     

     

     



     

     

     

    ++++++++++++++++

     

     

     





     

     

    บ้าหรือเปล่า

    หงุดหงิดแม้กระทั่งเรื่องไร้สาระ..

     

     




     

     

                “คราวหน้ากูจะไม่ไปแดกเหล้าเด็ดขาดถ้าไอ้เหียกซีวอนไปด้วย” คิ้วเรียวขมวดขึ้นจนเห็นชัด ปากก็บ่นไม่หยุดตลอดทางเดินตั้งแต่ตื่นยันเดินเข้ารั้วมหาลัย

     

    “มึงเองไม่ใช่หรอที่ไม่ยอมกลับ”

     

    “กูผิด?” นิ้วเรียวชี้เข้าหาตัวเอง แล้วก็ได้รับสายตาจากซองมินซึ่งแปลออกมาเป็นคำพูดก็คือ

     

    ไม่น่าถาม

     

    เดินมาเรื่อยๆจนถึงหน้าตึกเรียนก็ยกนาฬิกาเรือนโปรดขึ้นดูเวลาซึ่งในอีกครึ่งชั่วโมงถึงจะมีเรียนคลาสแรกของวัน ฮยอกแจขอแยกตัวไปตรงนั้นเพื่อไปหาอะไรลองท้องกับอีทึกก่อนจะหิวตายเสียก่อน ร่างบางจึงเลือกที่จะเดินขึ้นตึกไปนั่งรอยังห้องเรียน

     

    อยู่แค่ชั้นสองเดินขึ้นบันไดเอาละกันถือซะว่าช่วยโลกกำลังจะเดินขึ้นบันไดไปก็พบเข้ากับบุคคลที่เขาไม่อยากเจอเข้าจนได้ ร่างสูงที่ยืนพิราวบันไดอยู่ยกยิ้มขึ้นมาจางๆที่มุมปาก เดินมายืนอยู่ตรงหน้าคั่นบันไดที่สูงกว่าร่างบางสักเล็กน้อย

     

     

    จะยืนข่มส่วนสูงกันหรือไง?

     

     

    “มายืนรอซีวอนหรอ?” เอ่ยถามออกไปทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่แน่ๆ แต่ก็เพราะไม่รู้จะพูดอะไรออกไปนั่นแหละ

     

    “เปล่าครับ ผมยืนรอเพื่อนของผมน่ะ...บังเอิญนะครับที่เรียนตึกเดียวกันผมเลยได้เจอคุณ”

     

    ร่างบางเสมองไปทางอื่นลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ก็นั่นสิทำไมผู้ชายคนนี้จะต้องมายืนรอเขาด้วยในเมื่อก็เป็นแค่คนที่รู้จักกันแค่ชื่อ

     

     

    ผิดหวังที่เขาไม่ได้มายืนรอหรือไงอีซองมิน

     

     

    ใบหน้าที่ดูราวกับขัดใจของอีซองมินยิ่งทำให้คยูฮยอนรู้สึกดี... ใจจริงแล้วก็มารอร่างบางนี่แหละแค่บังเอิญที่เขาก็ต้องรอเพื่อนตรงนี้ด้วยเช่นกันเท่านั้นเอง

     

    “อา.. นั่นไงครับ พูดถึงก็มาพอดี ทงเฮอ่า” คยูฮยอนมองไปยังข้างหน้ายกมือขึ้นเพื่อทักทายเพื่อนของเขา ร่างบางหันกลับไปมองด้านหลังเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขอตัวแล้วเดินขึ้นบันไดไปโดยไม่สนใจกับคำกล่าวลาจากร่างสูง

     

     

    อะไรกัน? นี่เขากำลังหงุดหงิดอยู่หรือไง?

     

     

     




     

    ++++++++++++++++++

     

     





     

     

    เมื่อคืน..

     

     

     

     

    “คุณกำลังหมายถึง...ผมสนใจคุณ...อย่างนั้นหรือเปล่าครับ”

     

    ร่างบางชะงักไปกับคำพูดของคนที่เพิ่งรู้จัก เพราะคำพูดของคยูฮยอนกำลังทำให้หัวใจของอีซองมินเต้นแรงมากขึ้น...มากขึ้นเรื่อยๆ น่าขำที่ได้ยินคำพูดนั้นจากปากร่างสูงและไม่คิดว่าจะพูดออกมาตรงขนาดนี้

     

    ใช่...เขากำลังหมายถึงเรื่องนั้น

     

    “ตอบมาสิ” ร่างบางกำลังรีดเอาคำตอบจากร่างสูง

     

    “คุณอาจจะไม่ชอบคำตอบของผมในตอนนี้ก็ได้นะ”

     

    “อย่าอ้อมค้อมได้ไหม? ต้องการอะไรก็พูด ฉันไม่ชอบเดา”

     

    คยูฮยอนเงียบไปโดยฉับพลันหลังจากประโยคนั้นของคนที่เขาคิดว่าน่าสนใจหลุดออกจากริมฝีปากระเรื่อยนั่น ไม่คิดว่าจะเป็นคนที่ตรงไปตรงมาขนาดนี้เป็นคนที่ชอบความชัดเจนเกินไปหรือเปล่านะอีซองมิน คงไม่ง่ายสินะ

     

    “คุณรู้อยู่แล้ว... เพียงแต่คุณไม่อยากคิดถึงมันมากกว่า”

     

    ขายาวก้าวถอยหลังก่อนจะหันกลับแล้วเดินออกไปจากตรงนั้นโดยทิ้งคำพูดที่คลุมเครือไว้ให้อีกคนได้คิดหนัก ไม่ชอบเลยจริงๆเวลามีคนมาพูดเรื่องที่ต้องให้วิเคราะห์ถึงมันจะชัดเจนอยู่เป็นนัยแล้วก็เถอะ แต่แค่พูดตรงๆมันจะเป็นอะไรหรือไง?

     

    อีซองมินเบื่อ...

     

    เบื่อคนที่ไม่ชัดเจน...

     

     

     

     


     

    +++++++++++++++++

     

     

     



     

    ถ้าหลับตาแล้วใจสงบ

    ผมคงหลับฝันเห็นทุ่งทานตะวันไปนานแล้ว

     




     

     

     

                หิมะจากนอกหน้าต่างกำลังเทลงมาจากท้องฟ้าสีคลึ้มอากาศที่หนาวเย็นขนาดนี้มันทำให้อยากจะอยู่แต่ในหอเท่านั้นทั้งอุ่นและสงบกว่าออกไปข้างนอก มือเรียวจับพู่กันอย่างเบามือขยับปลายนิ้วบังคับเฉดสีไปอย่างชำนาญจนค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

     

                แก้วบรรจุน้ำสีใสถูกแต้มจนกลายเป็นสีฟ้าอ่อนจากการล้างน้ำจากพู่กันขนอ่อน ภาพที่เขากำลังวาดอยู่นั้นมันชวนให้นึกถึงบรรยากาศเย็นๆที่หลังร้านเหล้าในวันนั้นขึ้นมา...

     

                จู่ๆมือเร็ยวก็วางพู่กันลง อามรณ์ที่คิดว่าจะวาดรูปเพื่อแก้เหงายามที่ฮยอกแจไม่อยู่จบลงเพียงเพราะนึกถึงผู้ชายที่ชื่อ โจคยูฮยอน

     

    อีซองมินคงจะประสาทไปแล้วที่นึกถึงผู้ชายคนนั้น

     

    ถ้าหากโจคยูฮยอนชัดเจนกว่านี้อีกสักนิดเขาอาจจะมองร่างสูงในมุมมองใหม่ก็ได้แต่นี่อะไรกันบางครั้งก็ทำเป็นเหมือนจะสนใจเขาแต่บางครั้งก็ดูไม่ใส่ใจ มันน่าอึดอัดจริงๆ

     

    ยอมรับได้ว่าส่วนหนึ่งในความรู้สึกของเขากำลังมองหาร่างสูงคนนั้นอยู่ แต่เพราะความคลุมเคลือนี่แหละ ที่ทำให้รู้สึกไม่ชอบใจ

     

     

     

     

    Rrrrrrrr!

     

     

     

    เสียงโทรศัพท์ดังเรียกความสนใจขึ้นมาร่างบางลุกจากเก้าอี้เดินไปหยิบเครื่องมือสื่อสารที่ต๊ะหัวเตียง

     

     


     

    เบอร์: ไม่รู้จัก

    Calling….

     

     


     

     

    ใคร?

     

     

    คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เบอร์ที่ไม่คุ้นนี่ทำให้เขาไม่อยากจะกดรับสายประสบการณ์ที่มีผู้ชายโทรมาขอมีเซ็กส์ผ่านโทรสายโทรศัพท์คราวก่อนนั้นยังคงชวนให้ขนลุกจนถึงตอนนี้ คิดชั่งใจอยู่นานจนปลายสายตัดไป เห็นว่าสายตัดไปแล้วจึงจะวางเก็บไว้ที่เดิมแต่เสียงเรียกก็ดังขึนอีก

     

    บางทีอาจจะเป็นฮยอกแจยืมโทรศัพท์ใครโทรมาก็ได้ อาจจะมีเรื่องด่วน... กดรับสายแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นแนบใบหู

     

    “........................”

     

    /นั่น....กระต่ายรับสายใช่ไหมครับ?/

     

    “นั่นใคร?”

     

    เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ไม่คุ้นและคำถามแปลกๆจากปลายสายก็คิดที่จะกดวางทันทีแต่ปลายสายก็พูดขึ้นมาซะก่อน

     

    /เมื่อวานผมไม่ได้เจอคุณเลย คิดถึงจัง/

     

    เชี่ยนี่ใครวะ!?

     

    “ซีวอน นี่มึงกับพี่ทึกจะแกล้งอะไรกูห้ะ? ว่างมากก็ไปม่อสก๊อยไป!

     

    /จำผมไม่ได้หรอครับ? เราไม่ได้เจกันวันเดียวเองนะ/

     

    ................................

     

    ...................

     

    ..........

     

    .....

     

    ..

     

    .

     

     

                “โจ คยูฮยอน...”






    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++








    Talk with (K) yu

    วันนี้มาอัพเล็กน้อย ตอนนี้ยังอยู่ในโหมตคลุมเคลือในความคิดของอีซองมินขนานแท้ ครวาหน้าจะมาต่อ คิดว่าซองมินอาจจะเปิดใจมากขึ้น (มั้ง) = =




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×