ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { SHINee } Fiction | twinkle☺

    ลำดับตอนที่ #5 : MINKEY | Snail

    • อัปเดตล่าสุด 10 ต.ค. 53



    Title:
    Snail
    Paring: Minho x Key
    Genre: A/U, Romantic, Drama
    Rate: PG-13
    Story: Geeratii
    BGM: 달팽이 –Kyuhyun


    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -





    บางครั้ง หนทางกลับบ้านนั้นมันช่างไกลเหลือเกิน
    บางครั้งฉันก็เหนื่อยจนแทบหมดแรง

    ฉันเปิดประตูออกแล้วหลับตาลง
    ยามตื่นขึ้นมา ก็ไม่พบเจอใคร







    ในห้องเช่าเล็กๆอันซอมซ่อนั้น
    แทบที่จะไม่มีสิ่งใดๆเลยที่กำลังเคลื่อนไหว
    ลมหายใจหนึ่งเดียวของฉันกำลังรวยริน ผะแผ่ว
    และแล้วก็ผลันเหลือบไปเห็นกระดาษโน๊ตยับยู่ยี่แผ่นหนึ่ง ณ มุมห้อง
    รู้ได้ทันที่ว่ามันคงจะถูกปาเข้ามาทางหน้าต่างเหมือนอย่างเคย

    เมื่อลองคลี่ออก กึ่งกลางหน้ากระดาษสีเหลืองเต็มไปด้วยรอยยับย่น
    ปากกาเมจิกสีดำขีดเขียนข้อความตวัดติดกันเรียงเป็นแถว



    “ฉันรอทำรายงานอยู่นะ คีย์
    --------------------            –มินโฮ”






    วันนี้ฝนตก เขาจึงกางร่มไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง
    ไม่ได้พูดว่าอย่างไรออกไปเลย ทำเพียงแค่กระชับอ้อมแขนให้แน่นหนาขึ้น
    พยุงเอาถุงอุปกรณ์ทั้งหมดที่ได้มาจากซุปเปอร์มาเก็ตให้แนบลำตัว ...เพียงแค่นั้น









    หยดน้ำที่กระจัดกระจายอยู่รายรอบตัวเรานั้นไม่ได้รุนแรงมากสักเท่าไหร่
    เขาพยายามชวนคุย แต่ก็เหมือนกับว่า แทบที่จะไม่ได้รับคำตอบกลับไปแม้เพียงสักเล็กน้อย

    ฉันยังคงยืนยัน ที่จะส่งเสียงงึมงำในลำคอบอกกลับไป
    เพียงเพื่อให้รู้ว่าเด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่กำลังเดินอยู่ด้วยกันนี้ยังคงมีลมหายใจ ...ก็เท่านั้น


    "อืม"





    เราแยกจากกันที่มุมตึก ฝนหยุดตกแล้ว

    หลังจากนั้น สังเกตเห็นดอกหญ้าเล็กๆชื้นน้ำที่ข้างต้นไม้ใหญ่
    ถึงได้รีบผุดลุกผุดนั่งลงไปฉวยเอาดอกสีซีดนั้นขึ้นมาเก็บไว้


    “นายชอบดอกไม้เหรอ?”


    เกือบจะสะดุ้งเฮือก ไม่คิดว่าเขาจะยังอยู่ตรงนี้
    ทำเพียงแค่พยักหน้ารับ แล้วรุดจากออกไปยังที่ของตนเองทันที





     





    คนเรามีหลายๆเรื่องที่ไม่จำเป็นจะต้องทำด้วยความเป็นเหตุเป็นผล
    ทั้งชื่นชอบ และเกลียดชัง มีบ้างที่ยอมตัดสินด้วยความรู้สึกและตัดเอาทฤษฎีความเป็นจริงนั้นออกไป


    มือเล็กๆปิดทับลงบนหน้ากระดาษ
    หลังจากที่วางเอาดอกหญ้าสีน้ำตาลซีดที่เพิ่งได้มาใหม่นั้นแทรกลงไป ก่อนจะรวบทั้งหมดเก็บเข้าชั้น







    สุดท้ายก็ไม่วายจะหันไปสังเกตเห็น กำกระดาษยับยู่ยี่ที่คงจะเพิ่งถูกปาเข้ามาใหม่อีกแล้วนั่นจนได้
    โน๊ตที่เขียนไว้บอกให้ อย่าลืมไปเรียนในตอนเช้า...





    เปิดประตูห้องน้ำที่อยู่ถัดไปทางด้านข้าง


    เมื่อนอนลงบนอ่างอาบน้ำเล็กๆนั่น


    เจ้าหอยทาก ก็ค่อยๆคลานเข้ามาใกล้ๆ
    และกระซิบบอกฉันด้วยน้ำเสียงเล็กๆของมัน




    "พรุ่งนี้เช้า อย่าลืมไปเรียน"












     





    คีย์เป็นนักเรียนทุนเรียนดีเด่นของมหาวิทยาลัย และคีย์รู้จักนิสัยของตัวเองดี

    เป็นคนที่ไม่สามารถยึดติดกับชีวิตได้ เงียบๆ และจริงจังมาก
    ลักษณะนิสัยไม่มีอะไรเลยที่เป็นพิเศษ ไม่ใช่ประเภทที่จะสนิทกับคนอื่นได้ทันที
    และจะเว้นระยะห่างให้ไกลตัวเสมอ เขาจึงไม่มีเพื่อนสนิท

    นอกจากตำราเรียนแล้ว ไม่มีความสามารถพิเศษ ไม่มีสิ่งที่สนใจเป็นพิเศษ
    สิ่งสำคัญที่พอจะนึกออกได้นั้น มีเพียงดอกไม้แห้งในหนังสือที่สะสมไว้
    และต้นกระบองเพรชเล็กๆที่ตัดสินใจเลี้ยงไว้ที่ริมหน้าต่าง


    สภาพจิตใจแห้งแล้ง เหมือนคนที่ปฏิเสธอาหาร

    แบ่งแยกสิ่งที่ชอบและไม่ชอบออกจากกันอย่างชัดเจน

    ชีวิตแต่ละวัน ... ขวนขายทั้งๆที่ยังไม่รู้ถึงจุดหมาย ไม่แม้แต่จะได้มีเวลามองดูบรรยากาศรอบกาย






    บนท้องถนนเนืองแน่นไปด้วยรถราแสนวุ่นวายนัก

    ฉันยืนอยู่ที่ร้านเล็กๆตรงหัวมุมถนน

    ไอศครีมในมือเริ่มที่จะละลายแล้ว ... ดวงอาทิตย์ที่อยู่ห่างออกไปไกลแสนไกลทอแสงมา



    ตัดเข้ากับเงาสะท้อนที่กระจกรถราที่วิ่งผ่าน

    ภาพตัวเองที่ได้เห็นนั้นช่างดูบิดเบี้ยวและเลือนลางเต็มทน...









    ทันใดนั้น เจ้าหอยทากตัวเล็กๆก็ค่อยๆคลานเข้ามา

    แล้วร้องบรรเลงเพลงให้ฉัน



    เพราะฝนเริ่มตก




    แรงฉุดที่แขนทำให้รู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง
    เขาจูงมือพาวิ่งออกมาเรื่อยๆ และดันตัวฉันให้เข้าไปหลบที่ภายในตู้โทรศัพท์
    ในขณะที่ไอศครีมในมือกลับละลายเลอะเปอะเปื้อนเต็มไปหมด

    เขาส่งเสียงหัวเราะ แล้วโน้มใบหน้านั้นลงสัมผัสปลายลิ้นเข้ากลับเรียวนิ้วที่กำลังสั่นไหว
    ครีมสีขาวถูกละเลียดและค่อยๆถูกดูดกลืนหายลับไป


    รับรู้ถึงรสชาตินั้นได้

    ตอนที่เราจูบกัน



    . . . . . . . .



    . . . . .



    . .



    .




    ผลักประตูออกเหมือนเก่า ก่อนที่จะค่อยๆเบียดตัวตามเข้าไป
    กระดาษแผ่นใหม่ยังคงถูกทิ้งเอาไว้ที่เดิมอีกครั้ง



    “บ่ายวันพรุ่งนี้เจอกันที่เดิม อย่าลืมไปทำรายงานนะคีย์
    ------------------------------------------------                        –มินโฮ”




    ทันใดนั้นเจ้าหอยทากตัวน้อยก็ส่งเสียงบรรเลงเพลงของมัน

    และชักชวนฉันให้เข้าไปอยู่ข้างในความฝัน











    สวนสาธารณะที่เคยนัดพบ กับรายงานคู่ที่ทำร่วมกันถูกกางออกเต็มที่ผืนผ้ารองนั่ง
    แต่จู่ๆ กลับได้ยินเสียงคุ้นหูแต่ผิดแปลกกันออกไป


    โมบายแก้วที่ถูกจับขึ้นมาผูกด้วยริบบิ้นสวย ถูกแขวนเอาไว้ที่ปลายกิ่งไม้ใหญ่
    ทั้งหมดนี้ทำให้รู้สึกกลัวขึ้นมา

    ตัวทั้งตัวกำลังสั่น และเริ่มต้นร้องไห้










    เขาวิ่งเข้ามากอดร่างทั้งร่างนี้เอาไว้ เอาแต่พร่ำซ้ำคำเดิมๆว่าฉัน “เป็นอะไร?”
    แต่ฉันเหมือนกับว่า ทุกสิ่งอย่างในความเป็นจริงบนโลกใบนี้กลับค่อยๆเลือนลางและจมหายไปต่อหน้า
    ถูกบดบังแทนที่ด้วยเรื่องราวอันแสนเลวร้ายที่ไม่คิดเลยว่าจะตระหนักมันขึ้นมาได้อีก


    เรื่องเศร้าที่เหมือนว่าจะลืมไปได้แล้วนั้น


    แต่ไม่มีวัน







    “แล้วพ่อกับแม่จะกลับมารับหนูนะ คีย์”


    คู่ชายหนุ่มและหญิงสาวที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีด้านหน้า กำลังส่งยิ้มอันแสนจะอ่อนโยนนั้นมาให้เขา
    เด็กชายจึงได้แต่จำต้องยิ้มรับกลับ ไม่รู้จริงๆว่าควรทำอย่างไรในตอนนี้?

    ก่อนที่มือหนึ่งจะยื่นเข้าไปรับเอาโมบายแก้วรูปร่างน่ารักนั้นเข้ามาไว้ พร้อมกับรับฟังคำพูดสุดท้ายของผู้เป็นแม่


    “หนูจะไม่เหงาหรอกนะจ๊ะ ตอนที่หนูได้ยินเสียงของโมบายนี้ก็เหมือนกับพ่อและแม่กำลังอยู่ข้างๆลูก”



    และเขาถูกทิ้งไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าทั้งๆที่ไม่ได้เป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุได้ 7 ขวบ

    คีย์ทำตาม ทุกอย่างที่แม่บอก


    จวบจนเวลา 10 ปีผ่านไป เฝ้าจับจ้องโมบายที่ริมหน้าต่างอย่างเดียวดายเรื่อยไป

    รอคอยว่าเมื่อไหร่พวกเขาจะกลับมา


    แต่แล้วนานวันเข้า คีย์ถึงได้รู้แล้วว่า พวกเขาพูดโกหก




    “หนูจะไม่เหงาหรอกนะจ๊ะ”



    แม่พูดโกหก





    เหงาสิ





    เหงา





    เหงาเหลือเกิน













    ยามที่เม็ดฝนเล็กๆกระเซ็นสาด คีย์เหงาจับขั้วหัวใจ
    โหยหา เรียกร้อง อ้อนวอนแต่ก็ไม่มีใครเลย ไม่มีใครนอกเสียจากตนเอง



    "ตอนที่หนูได้ยินเสียงของโมบายนี้ก็เหมือนกับพ่อและแม่กำลังอยู่ข้างๆลูก”


    มันเป็นเรื่องโกหกนั่นเอง





    วันแล้ววันเล่า



    นานมากจนชินชา

    ชินชากับความเหงา เดียวดาย และไม่มีใคร

    คีย์เคยถามตัวเอง ถามพระเจ้า ถามความว่างปล่าวที่ตรงหน้า




    ทำไมถึงต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ด้วยนะ??





    ฉันมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมี
    แต่ตอนนี้ทุกอย่างเลือนหายไปราวกับหมอกควัน
    ด้วยความเข้มแข็งที่ยังคงหลงเหลือ
    ฉันจะไปจากความเพ้อฝันนั้น

    ฉันจะลืมทุกสิ่ง ... ฉันจะลืมทุกๆอย่างที่ผ่านพ้น


    แล้วฉันจะข้ามท้องทะเลที่แสนกว้างใหญ่...





    มินโฮตระกองกอดร่างเล็กๆตรงหน้านั้นเอาไว้ ทั้งด้วยความรู้สึกสงสารและแสนที่จะห่วงใยจนแทบบ้า
    ประคองยกเอามืออีกคู่หนึ่งนั้นขึ้นแนบป้องปิดที่ใบหูของคนที่เต็มไปด้วยน้ำตาอย่างแผ่วผิว

    ก่อนจะกระชากเอาผ้าปูผืนบางนั้น ขึ้นกางห่มร่างของคนทั้งคู่











    รู้สึกขอบคุณแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปในที่สุด
    คีย์ถูกส่งที่หน้าตึกห้องเช่าของเขา




    บ่ายวันต่อมาทันทีที่ลืมตาตื่น ก็เจอเข้ากับโน๊ตแผ่นใหม่ที่มีใจความเรียกให้ออกไปหา


    มินโฮอยู่บนรถจักรยานคันเก่าของเขา แต่ตอนนี้มันแปลกตา
    ก็เพราะว่ามีดอกไม้ ดอกหญ้าน่ารักมากมายผูกติดประดับเอาไว้ด้วยเชือกและริบบิ้นสีสวย


    เขายกยิ้มแล้วโค้งตัวให้ ผายมือข้างหนึ่งออก
    เพื่อบอกให้คีย์นั่งลงที่เบาะด้านหลังนั้น











    ถนนทั้งเส้นกลายเป็นสีดำจัดเมื่อถูกอาบไปด้วยหยาดน้ำฝนที่น่าจะร่วงหล่นลงมาในยามเช้า
    คีย์ประมาณเหตุการณ์เอา เพราะหลับไปจนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาได้ก็เป็นช่วงบ่ายแก่ๆเข้าเสียแล้ว
    เขากระชับเสื้อโค้ทตัวใหญ่ของคนด้านหน้า เมื่ออีกฝ่ายกำลังถีบกงล้อขึ้นมาสู่เนินที่มีขนาดใหญ่
    ความชื้นของเนื้อผ้านั้นสร้างความสงสัย


    คีย์อยากรู้ว่ามินโฮมารอเขาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?




    เบรกถูกเหยียบเพื่อหยุดรถ
    คีย์รู้สึกตัวอีกที ตอนที่ได้ยืนอยู่บนถนนเส้นใหญ่ที่ปูยาวขนานกันไปกับชายหาด
    แววระยิบระยับในดวงตาคู่สวยนั้นทำให้มินโฮแทบหลุดยิ้ม


    เขาก้าวลงนำ แต่คีย์ก็ยังยืนนิ่งงันอยู่ที่เก่า
    ในที่สุดมินโฮจึงตัดสินใจยื่นมือข้างหนึ่งของเขาส่งไปให้ และแม้ว่าจะเต็มไปด้วยความรู้สึกลังเลใจ
    แต่คีย์ก็ยอมปล่อยน้ำหนักของฝ่ามือเล็กๆของเขาลงไปบนฝ่ามือใหญ่นั้นเสียแล้ว









    ทว่าตัดสินใจหยุดฝีเท้าลงอีกครั้งเมื่อถึงระนาบคลื่น คิ้วมินโฮขมวดมุ่น
    พยายามกระชับมือนั้นให้หนักแน่นกว่าเก่าอีกครั้งเพื่อบอกให้ไปต่อ

    และรู้สึกว่าจะเป็นครั้งแรกเลยล่ะมั้ง ที่มินโฮได้เห็นคนตัวเล็กแสดงความรู้สึคกออกมาทางสีหน้า
    ดวงตาคู่กลมที่หลุบต่ำกำลังสั่นไหว ก่อนที่จะช้อนขึ้นมาจ้องลึกกลับไปในดวงตาคมของอีกฝ่าย

    กระแสเว้าวอนอย่างนั้นมินโฮไม่เคยจะรู้สึกได้มาก่อน


    เขายกยิ้ม และปล่อยเสียงหัวเราะ





    กลัวทะเล?


    อย่างนั้นเหรอ?



    มินโฮเขยิบเข้าไปใกล้อีกหน่อย

    ใกล้เสียจนปลายเท้าของตนจรดชนกับปลายเท้าเล็กๆของคีย์



    “เหยียบสิ”



    คีย์ทำตาโตใส่ เขาไม่เข้าใจ



    “ยืนบนเท้าฉันสิ”




    นานทีเดียวกว่าเขาจะจำยอม


    คีย์ยกฝ่าเท้าข้างหนึ่งขึ้นวางไว้บนฝ่าเท้าใหญ่อย่างง่ายดาย
    และคราจะยกเอาเท้าที่สองตามขึ้นไปนั้นกลับทำให้ร่างทั้งร่างนั้นโอนเอนเซถลาแทบล้มคว่ำ
    มินโฮไม่วายหัวเราะก่อนจะเอื้อมออกไปประคองกอดเอวบางให้แนบชิดกันยิ่งกว่าเก่า
    ส่วนมืออีกข้างหนึ่ง ก็ตามจับเอาอ้อมแขนของคีย์วางพาดไว้ที่ต้นคอของตนเอง ไม่รีบร้อน

    คีย์จ้องตาเขาเขม็ง แต่มินโฮไม่มีทางรู้ได้หรอก
    ว่าความรู้สึกที่หลบซ่อนอยู่ภายในนั้นเป็นเช่นไร



    แล้วมินโฮเริ่มเต้นรำ








    ก้าวเท้าซ้ายบ้าง ขวาบางตามสเตป หนึ่ง สอง สาม
    จนเมื่อก้าวล้ำไปสัมผัสกันกับระลอกคลื่นคีย์ก็พลันสะดุ้งตะกายกอดเขาไว้แทบไม่ทัน
    ได้หัวเราะเรื่องที่ไม่ควรขึ้นมาอีกเสียแล้ว เขายอมผละมือข้างหนึ่งจากเอวบาง
    ขึ้นมาลูบไล้ไปที่ปลายเส้นผมสีอ่อนนั้นอย่างปลอบประโลม



    “ไม่ต้องกลัวนะ ... ฉันอยู่นี่ คีย์”




    มินโฮร้องเพลง


    ร้องออกมาเพียงเพราะว่าแค่อยากร้องด้วยความรู้สึกนึกสนุก
    แต่น่าแปลก คีย์กลับเริ่มรับรู้ ความรู้สึกมายมายเกิดขึ้นรายร้อมตัวเขา



    “เมื่อวันนั้นมาถึง ฉันจะไปถึงสุดขอบท้องทะเลแสนกว้าง
    ไปจากโลกที่แสนเจ็บปวดนี้
    ไปในที่ที่ไม่มีใครพบเห็น

    ฉันจะตามเสียงคลื่นที่ดังก้องกังวาน
    แล้วจากไปตลอดกาล...”




    น่าเสียใจที่รู้ตัวอีกทีว่ามันเป็นเพลงเศร้า

    ก็ในตอนที่คีย์ของเขากำลังร้องไห้




    “เมื่อถึงวันนั้น ... นายจะมีฉัน คีย์”




    คีย์ยิ้ม






    .
    .

    มินโฮรู้ดี ว่าคีย์เป็นคนแบบไหน?
    ลักษณะนิสัยไม่มีอะไรเลยที่เป็นพิเศษ เป็นคนแบบที่ไม่สามารถยึดติดกับชีวิตได้
    เงียบๆ และจริงจังมาก เว้นระยะห่างจากคนอื่นไว้เสมอ ทำให้ไม่มีเพื่อนสนิท

    นอกจากตำราเรียนแล้ว ไม่มีความสามารถพิเศษ ไม่มีสิ่งที่สนใจเป็นพิเศษ
    เย็นชาและเกือบที่จะเรียกได้ว่า ไร้ความรู้สึก



    แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันนะ ที่คนประเภทนี้เวลายิ้ม
    มันถึงได้ดูน่ารักสิ้นดี




    ให้ตายเถอะ















    ในบางครั้งหนทางกลับบ้านที่ดูแสนจะห่างไกลนั้นช่างใกล้เหลือเกิน
    บางครั้งการที่ความรู้สึกต่างๆมายมายกำลังรุมเร้าเราอยู่อย่างนี้ก็ทำให้แทบที่จะหมดแรง


    เมื่อเปิดประตูออก แล้วหลับตาลง
    ยามตื่นขึ้นมาก็ไม่พบใคร


    นอกเสียจากกระดาษโน๊ตยับยู่ยี่แผ่นใหม่ที่ถูกทิ้งไว้ใกล้กระบองเพรชต้นเล็ก ที่เดิม ข้างหน้าต่าง



    ที่ร้านไอศครีมเล็กๆตรงหัวมุมถนน บนรถประจำทาง ตู้โทรศัพท์
    หรือแม้แต่เมื่อนอนลงบนอ่างอาบน้ำเล็กๆนั้น




    เจ้าหอยทากก็ค่อยๆคลานเข้ามาใกล้ๆ
    กระซิบบอกข้อความ บรรเลงบทเพลงด้วยเสียงเล็กๆของมัน



    เพื่อฉัน





    ความรักที่เกิดขึ้นช้าๆ เหมือนกับการเดินทางของหอยทาก
    อย่างไรก็ตาม มันก็ยังสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ทั้งใบ











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×