ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { SHINee } Fiction | twinkle☺

    ลำดับตอนที่ #3 : MINKEY | F L Y ~ ♪

    • อัปเดตล่าสุด 10 ต.ค. 53



    Title: F L Y ~ ♪
    Paring: Minho x Key
    Genre: Romantic, Best in true
    Rate: PG-13
    Story: Geeratii


    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -












    ‘เขาทำให้หัวใจของผมเต้นตึกตักอยู่เสมอเลย….’


    “ทำไมเดี๋ยวนี้ปริ้นต์รูปท้องฟ้าออกมาเยอะจัง..” เค้าน่ะ ถามผมแบบนี้
    จะให้ตอบว่าอะไรดีล่ะ ความจริงมันก็ยากที่จะเข้าใจไปหน่อย

    แต่ ..


    ก็ .. อยากจะบินน่ะสิ !” ผมส่งเสียงตอบ
    แสร้งทำเป็นหัวเสียนิดหน่อยแล้วเดินหนี ปีนขึ้นบันไดจากเตียงชั้นที่หนึ่งไปบนที่ของตน

    “บินขึ้นไปบนนี้น่ะ ต้องมีความสุขมากแน่ๆเข้าใจมั๊ยมินโฮ??”


    “ไม่มีปีกจะบินได้ยังไง?” หมอนั่นว่า


    เฮ้อ .. นายนี่


    “ไม่เกี่ยว !! ถึงไม่มีปีก แต่ใครสักคน .. แค่มีใครสักคนฉันก็สามารถบินได้ !!

    “ใคร?”

    “ทำไมฉันต้องบอกนายเล่า
    ไปนอนเลยไป๊ !!!



    ซื่อบื้อเอ๊ย



    ชเว มินโฮ ..

    คนๆนั้นน่ะ .. รู้ๆอยู่





    ก็นายไง …





    .





    ‘เขาทำให้ผมรู้สึกดีๆ อย่างไม่มีเหตุผล….’




    เราเกิดปีเดียวกันเลย

    จำได้ .. ก็ตอนนั้น ตอนที่เจอกันแล้วต้องแนะนำตัว มีแค่นายกับฉันเท่านั้นแหละ
    ที่เกิดปี 1991 เหมือนกัน เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่สุด .. แต่ทำไมถึงได้รู้สึกดีจังก็ไม่รู้


    มีแค่มินโฮกับคีย์ที่เกิดปี 91 เหมือนกัน
    มีแค่นายกับฉันที่เกิดปี 91 เหมือนกัน


    แค่นายกับฉัน …



    “เน่ .. จงฮยอน หยิบไอ้ตุ๊กตาที่วางอยู่ตรงนั้นมาให้หน่อยดิ”

    ในขณะที่ทุกคนนั่งอยู่ที่หน้าจอทีวี สายตาจดจ่อไปที่จอภาพอย่างตั้งอกตั้งใจก็เกิดหนาวขึ้นมากะทันหัน
    เป็นแบบนั้นถึงต้องหันไปหาคนที่มีศักดิ์เป็นพี่ แล้วก็ไหว้วานให้หยิบไอ้เจ้าโลมาที่ว่างจากการกอบกุมของบรรดาเมมเบอร์นั่นมาให้ที

    แต่แทนที่คนที่ถูกสั่งจะยอมทำตามอย่างว่าง่ายให้เรื่องจบๆไป กลับ..


    “เรียกให้มันดีๆหน่อย ฉันเป็นพี่แกนะโว้ย !” จงฮยอนว่า
    แล้วก็ปาเจ้าตุ๊กตาโลมาสีฟ้าใส่หน้าคีย์ดังปุป


    “เฮ๊ย !!!” คนตัวเล็กถึงได้ส่งเสียงร้องโวยวายขึ้นมาทันที รีบเถียงกลับแบบไม่มียอมแพ้ “อะไรกันก็เป็นเพื่อนกัน !!”


    “เป็นเพื่อนกันแต่ขนาดฉันยังเรียกพี่อนยูว่าพี่เลยนะ !!”


    “เฮ๊ย อย่าเอาฉันไปเกี่ยวดิ๊..” บุรุษที่สามหันหน้ามาออกปากว่าเข้าให้
    ก่อนที่จะหันกลับไปสนใจรายการตลกที่โลดเล่นอยู่ภายในจกกระจกใสนั้นต่อ
    ไม่ได้คิดที่จะห้ามปรามศึกใหญ่ที่กำลังปะทุขึ้นนี้เลยแม้แต่น้อย


    เนื่องจาก เรื่องปกติ ...


    เป็นสถานการณ์ที่ปกติธรรมดาเกินไปแล้วล่ะ ..
    มันสองคนไม่ทะเลาะกันสักวันสิแปลก !



    “ไม่เกี่ยว มันก็แล้วแต่ว่าใครจะคิด ใครจะทำ !!!”


    จริงๆแล้ว .. คีย์ก็เคยเรียกจงฮยอนว่าพี่แหละ

    แต่เพราะอยู่ด้วยกันมานาน เล่นกันมาก สนิทกันมากอย่างทุกวันนี้
    อันตราความอ่อนน้อมถ่อมตนที่รู้สึกว่าจะไม่ได้เหมาะสมกับคู่กรณีเท่าไหร่เลย
    ทำให้สรรพนาอื่นนอกจากชื่อ หดหายไปทีละนิด ทีละนิด ..


    จริงๆแล้วจะไม่ต้องเก็บเอามาคิดก็ได้นะ ก็เพื่อนๆกันหนินา

    น่าหมั่นไส้ชะมัด !!



    “ไม่ได้โว๊ย แบบนี้ฉันเสียเครดิทหมด คนอื่นก็หมดความเชื่อถือกันพอดี” จงฮยอนว่า
    ทำหน้าตาจริงจัง คิ้วขมวดกันเป็นปมจนคีย์เริ่มที่จะหงุดหงิดขึ้นมาบ้างจริงๆ


    “อย่างนายใครเค้าจะไปเชื่อถือห๊ะ !!!!!!”


    “มินโฮยังเรียกฉันว่าพี่เลย !!!!”


    “แล้วเกี่ยวอะไรกันกับมินโฮ??”



    ฮึ๊ย !


    ทำไมต้องเอาชื่อนั้นเข้ามาอ้างห๊ะ



    จงฮยอน จงฮยอน จงฮยอน ..

    จะเรียกมีอะไรมั๊ยวะ !!??



    “ก็มินโฮกับนายอายุเท่ากัน เกิดปีเดียวกัน เพราะงั้นขนาดมินโฮยังเรียกฉันว่าพี่เลยนะ
    นายน่ะหัดเอาแบบอย่าง มีสัมมาคารวะแบบมินโฮซะมั่ง !!!”


    “ไม่เกี่ยว !!! เกิดปีเดียวกันต้องทำอะไรเหมือนกันด้วยเหรอ นี่มันเหตุผลส่วนตัวนะ !!”


    อย่าหาเหตุผลพันนี้มาอ้างไอ้มะ



    จงฮยอน .. ไอ้จงฮยอน ..
    ไอ้บ้าจงฮยอนน !!



    “หัดเอาอย่างมินโฮสิ !! นายต้องเรียกฉันกับพี่อนยูว่าพี่เพราะว่าเราสองคนเป็นพี่
    เรียกแทมินว่าน้องได้เพราะว่าเป็นน้อง ส่วนคนที่นายจะเรียกชื่อเฉยๆได้ ..
    ก็มีแค่มินโฮคนเดียวเท่านั้นเข้าใจมั๊ย !!”



    “…”



    คราวนี้คีย์เงียบ


    หือ?

    ว่าไงนะ?



    คนที่ฉันจะเรียกชื่อเฉยๆได้ก็มีแค่มินโฮคนเดียวเท่านั้นเหรอ?



    ยุติธรรมเหรอห๊ะ



    แต่ว่า ..




    “เพราะงั้น เรียกฉันว่าพี่เลย พูดออกมาซะดีๆ เร็วๆ !!”


    “ไม่มีเหตุผลเลย..”


    เหตุผลบ้าบอนั่น .. ทำให้คีย์เสียงอ่อนลงจนได้


    อะไรวะเนี่ย บ้าเกินไปแล้ว !!
    ฉันจะเถียงแพ้จงฮยอนก็เพราะนายนะ มินโฮ ไม่น่ามายุ่งเลยให้ตายสิ !!!

    (มินโฮยังไม่ได้พูดอะไรสักคำนิหนา)



    “เร็วๆๆๆๆๆๆๆๆๆเร็วๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”


    “เออ !!! โว๊ย !!!! ไอ้พี่จงฮยอนเอ๊ย ไอ้บ้า พอใจรึยัง ห๊ะ !!!”


    จากนั้นคีย์ก็เดินสะบัดก้นออกไปจากห้องนั่งเล่นเฉยเลย
    ทิ้งไว้แค่เสียงบ่นง๊องแง๊งๆของจงฮยอนแถมด้วยตุ๊กตาตัวอื่นๆที่เหลือบนโซฟาปาตามมาสองสามตัว



    เพราะว่าเกิดปีเดียวกัน .. เพราะว่าอายุเท่ากัน

    เพราะว่าต้องเรียกอนยูกับจงฮยอนว่าพี่เหมือนกัน
    เพราะว่าต้องเรียกแทมินว่าน้องเหมือนกัน ..


    คนที่คีย์จะเรียกชื่อเฉยๆได้น่ะมีแค่มินโฮคนเดียวเท่านั้น


    งั้นก็แสดงว่า
    คนที่มินโฮจะเรียกชื่อเฉยๆได้น่ะ ก็มีแค่เค้าคนเดียวเหมือนกันน่ะสิ



    ดีจังเลย ..





    งั้นต่อไปจะเรียกนายว่าพี่ก็ได้ ไอ้บ้าจงฮยอนเอ๊ย !





    .





    ‘เขาทำให้ผมกลายเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลขึ้นมา….’




    “นายเอาสีอะไร”


    “สีอะไรก็ได้”


    “ไม่ได้ !! ก็เลือกไปสักสีสิ ที่เหลือจะได้ให้คนอื่น !! แต่สีชมพูฉันจองแล้วนะ !!” คีย์ว่า


    หลังจากที่วันนี้พี่ผู้จัดการพาเขาออกไปซื้อผ้าปูที่นอนมาให้เปลี่ยนใหม่ทั้งหมด
    แล้วก็พอดีว่าเป็นเค้าและมินโฮแค่สองคนที่อยู่บ้านพอดี ถึงได้มีโอกาสเลือกสีและลายที่ตัวเองถูกใจได้ก่อน
    แต่จริงๆแล้วเพราะเป็นคนออกไปซื้อเองนี่ล่ะ สำหรับคีย์น่ะซื้อลายที่ตัวเองชอบมาไว้อยู่แล้ว

    ส่วนมินโฮ พอให้เลือกก็ไม่ยอมเลือก อะไรเนี่ย
    ก็เลือกไปซิ๊ จะไปตามใจคนอื่นทำไมนักวะ


    ฮะ ?!!!!???


    “สีไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ” คนตัวสูงว่าต่อ
    ทำให้คีย์ที่เริ่มหงุดหงิดขึ้นมานิดๆ เปลี่ยนเป็นหงุดหงิดเต็มกำลัง


    “โว๊ย !! ไม่เหมือน !!! อย่างฉันน่ะถ้าผ้านวมเป็นสีอื่นที่ไม่ใช่สีชมพูแล้วมันนอนไม่หลับเข้าใจมั๊ยห๊ะ
    ไม่เลือกก็ไม่ต้องเลือก ดี งั้นสีน้ำเงินลายฟุตบอลที่นายชอบนี่ก็เอาไปให้จงฮยอนซะเลย น่าหมั่นไส้จริงๆ”


    หา??



    ก็ใช่น่ะซิ๊ !!

    ตอนที่ซื้อก็อุตส่าห์เลือกสีน้ำเงินลายฟุตบอลอย่างที่มินโฮน่าจะชอบมาให้



    เหตุผลไร้สาระง่ายๆ



    ก็แค่สีชมพูกับสีน้ำเงินหรือฟ้าน่ะ .. มันคู่กัน



    จะได้เข้าคู่กัน .. ก็เท่านั้นแหละ




    ไอ้ซื่อบื้อ แค่นี้ก็ไม่เข้าใจ !!!!



    พอหลอกให้เลือกแล้วไม่ยอมเลือกแบบนี้นี่มันน่าหงุดหงิดนัก
    เออ ดีเอาสีขาวลายตุ๊กตาหมีที่ซื้อมาให้แทมินนี่ไปแทนเลยแล้วกัน
    เออ ดี เข้ากันมาก


    เข้ากับนายมากจริงๆ !!!!!!!!



    “งั้นฉันเอาสีน้ำเงินก็ได้” มินโฮว่า ทำเอาคีย์คิ้วกระตุก


    “ไม่ได้ ฉันยกให้จงฮยอน เอ๊ย พี่จงฮยอนแล้ว !!”


    “อาว .. ถ้างั้นเป็นสีอื่นก็ได้”


    เห้ย เห้ย เห้ย

    อะไรจะตัดใจง่ายปานนั้น?



    ชเว มินโฮ๊ !!!!!!!



    “มะ .. ไม่เอาดีกว่า คิดไปคิดมาพี่จงฮยอนมันคงไม่มีรสนิยมผ้าปูที่นอนบ้ากีฬาแบบนี้หรอก
    เดี๋ยวจะมาโวยวายทีหลังอีก นายแหละเอาไปเลย เอาไปๆๆ”



    มินโฮหัวเราะ

    แล้วคีย์ก็เดินหอบเอากองผ้านวมกองใหญ่ออกไปวางไว้ที่โซฟา
    รอเวลาให้เจ้าของของมันเข้ามารับเอาไป



    จริงๆแล้วน่ะ ..
    ของพวกนี้ฉันก็เป็นคนเลือกเองทั้งหมดแหละ


    จริงๆแล้วก็ไม่ได้ขยันมากมายอะไรนักหรอกนะ
    แต่พอต้องไปซื้อของใช้ทีนึงก็ยอมเป็นคนออกไปซื้อให้ทุกที ..


    ที่ทำเนี่ยก็แค่จะหาโอกาสเลือกของๆนายให้เข้าคู่กันกับของๆฉันเท่านั้นแหละ….


    ถ้าเป็นแบบนั้น



    จะไปซื้อให้ก็ได้
    ข้าวขอทุกอย่างใบบ้านน่ะ




    ฉันจัดการเอง ..





    .





    ‘เขาน่ะทำให้ผมรู้สึกไปต่างๆนาๆ….’




    ตอนนี้คีย์มีรูปท้องฟ้าที่ตัวเองสนใจติดอยู่เต็มหัวเตียงเลย
    ก่อนหน้านี้ก็เอาเชือกมาร้อยไว้แล้วหนีบรูปของตัวเองหรือว่าเมมเบอร์ลงไป
    พอมันเต็มสุดท้ายก็เลยต้องตัดสินใจเอามาแปะที่ผนังห้องจนได้

    ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นรูปท้องฟ้ามากมายเต็มไปหมด มองๆไปก็สวยดี
    เหมือนกันว่าที่หัวนอนของเค้า มีบานหน้าต่างบานหนึ่งที่พอเปิดออกไปแล้วจะได้เจอกับก้อนเมฆสีขาว
    บนท้องฟ้าสดใสหลายๆที่ในโลก ..


    ดูวิเศษชะมัดเลยน๊า



    Fly ..



    บินไปได้มั๊ยนะ



    ถ้าไม่มีปีก



    จะบินไปได้มั๊ยนะ





    นายคือคำตอบ ..




    เพราะว่ามินโฮตัวสูงมากเกินไปหน่อย
    ตอนที่ยืนอยู่ข้างๆเตียงก็ระดับสายตาเทียบเท่ากันกับเตียงชั้นสองพอดี
    ถึงได้มองเห็นคีย์นั่งแปะรูปที่เพิ่งปริ้นต์มาใหม่นั้นลงไปที่ฝาผนังได้ชัดแจ้งแจ่มแจ๋ว
    เลยอดออกปากทักไปไม่ได้


    “รูปเต็มแล้วนี่” มินโฮว่า
    เรียกให้สายตาคีย์หันมาหาผู้ที่มาใหม่


    “อือ” คีย์ตอบ ไม่ได้พยายามที่จะสนใจอีกฝ่ายเท่าไหร่
    พยายามไม่สนใจ
    ต้องพยายามรู้มั๊ย?


    ก็เพราะเพียงแค่นายเข้ามาใกล้


    หัวใจของฉันมันก็



    บินไปแล้ว



    มินโฮ



    Fly ..





    “ไม่เห็นมีรูปฉันเลย?”

    ห๊ะ!?


    และเป็นอีกหนึ่งประโยคที่ทำให้คีย์สะดุดกึก คนน่ารักหันกลับมามองเพื่อนร่วมวงช้าๆ
    พยายามแสดงสีหน้าปกติ แบบ อะไรนะ?

    ว่าไง ตะกี้ .. ได้ยินไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ??


    “ก็รูปที่แขวนไว้นั่น เห็นมีแต่รูปนายกับรูปที่ถ่ายคู่กับแทมินหรือพี่จงฮยอน” มินโฮบอกแล้วชี้มือไป
    คีย์เงียบอยู่ได้ไม่เท่าไหร่ก็รีบหาเหตุผลมาแย้ง(จริงๆแล้วมันไม่ใช่เหตุผลสักหน่อยนึง)


    ทีรูปพี่อนยูไม่ค่อยมีเค้ายังไม่มาท้วงฉันเลย


    ไอ้บ้า



    อย่าพูด


    แล้วทำทีท่าว่าน้อยใจอย่างนั้นสิ



    “อ่อ ..”

    มินโฮส่งเสียงในลำคอ ก่อนที่จะละสายตาออกมา .. ก้มลงหยิบหนังสือจากบนชั้นเล่มใดเล่มหนึ่ง
    แล้วหายลับเข้าไปที่ใต้เตียงของคีย์ .. ที่นอนของมินโฮอยู่ตรงนั้น

    เตียงเดียวกันแต่ว่า .. คีย์นอนชั้นบน มินโฮนอนชั้นล่าง



    คีย์รู้สึกแปลกๆ

    จะบอกว่ารู้สึกผิดน่ะเหรอ? อะไรเล่า ทำไมต้องรู้สึกแบบนั้นด้วย
    ไม่ใช่ว่าไม่มีรูปมินโฮสักหน่อย ก็รูปชายนี่นี่ไง ครบวงเลยเห็นมั๊ย?
    นายไม่ได้อยู่ในรูปเร๊อะไงห๊ะ พูดบ้าๆ



    พูดอย่างนั้นได้ยังไง ..



    แล้ว


    แล้ว



    นายน่ะ ไม่รู้เองต่างหากมินโฮ



    แล้วคนอื่นทำไมเค้าไม่มาท้วงกันล่ะ
    อย่างเช่นว่า



    ใต้หมอนฉันน่ะ






    ทำไมถึงมีแต่รูปนาย ?





    .





    ‘เขาน่ะทำให้ผมคิดถึงอยู่ตลอดเวลาเลย….’




    “มินโฮ ตื่น”

    “อืม ..”

    “มินโฮ ลุกๆ ลุกเร็ว ไปอาบน้ำ ทำงาน !!!”

    “อีก 5 นาทีนะ”

    “ไม่ได้ๆ นี่อุตส่าห์ปลุกเป็นคนสุดท้ายแล้วนะ เร็ว !!”

    “ไม่เอา .. ไม่อยากไปเลย”

    มินโฮ๊ !!!!!!!!!!



    สุดท้ายก็จบอย่างนี้ประจำ ..


    คีย์ต้องขึ้นเสียงจนได้สิน่า ก็เพราะว่ามินโฮเอาแต่งัวเงียงอแงไม่ยอมลุกขึ้นมาจากหมอนสักที
    พอเสียงดังขึ้นอย่างนี้อีกคนถึงได้มีพฤติกรรมดีขึ้น คือลุกขึ้นมาขยี้ตาปรือออกมอง



    “ไปดิ ไปๆๆๆอาบน้ำ”

    “นายไปอาบก่อนสิ”

    “ฉันอาบแล้ว”

    “งั้นพี่จ”

    “พี่อนยู พี่จงฮยอน และแทมินอาบน้ำกันหมดแล้ว !!”

    “อืม ..”



    มินโฮ๊ !!!!!!!!


    นั่งหลับอีกแน่ะ = =’

    ไอ้คนปลุกยากนี่ ..
    น่าจะส่งไปแข่งนอนหลับมาราธอนในโอลิมปิกจริงๆซะแล้วมั้ง

    คีย์ดึงแขนมินโฮให้ลุกขึ้น จนท้ายที่สุดแล้วมินโฮถึงต้องเดินโซซัดโซเซเข้าห้องน้ำไปจนได้



    ก็คนง่วงนี่นะ



    ก็คนมันเพิ่งตื่นน่ะสิถึงได้ไม่เคยจะมาสังเกตเลยว่า ..
    ทั้งจงฮยอน อนยู และแทมินที่คีย์ว่าน่ะ
    ยังนอนหลับอุตุอยู่ เสียงกรน(น่าจะเป็นของไอ้พี่จงฮยอนคนเดียว)ดัง คร่อก คร่อก ..


    โธ่ มินโฮเอ๊ย
    โดนหลอกไปอีกวัน



    ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า !!!!!!!



    แต่ไม่เป็นไรหรอก ก็ตอนที่นายง่วงนอนน่ะจะลืมทุกอย่างไปทันที
    ทั้งๆที่พอออกมาจากห้องน้ำแล้วเจอพวกพี่ๆและแทมินที่เพิ่งตื่นต่อคิวเข้าไปทำธุระบ้าง
    ถึงได้รู้ว่าถูกหลอกซะแล้ว .. แต่พอเช้าวันใหม่เข้าไปปลุกนายทีไร
    ใช้เหตุผลเดิมๆ นายก็ลืมไป คิดว่าตัวเองน่ะ ตื่นเป็นคนสุดท้ายแล้วจริงๆอยู่ดีนั่นแหละ


    งี่เง่าชะมัด



    คนที่งี่เง่าน่ะ .. ฉันเองแหละ

    แต่ก็แค่ความสุขเล็กๆน้อยๆ ให้กันหน่อยเถอะ




    ก็แค่ตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมา



    อยากเจอนายคนแรก
    อยากให้นายเห็นฉันเป็นคนแรก



    อยากคุยกับนายเป็นคนแรก
    อยากให้นายคุยกันฉันเป็นคนแรก





    เพราะฉะนั้น ให้ฉันปลุกนายเถอะนะ ..





    .





    ‘เขาน่ะทำให้ผมกลายเป็นคนลำเอียงไปได้ง่ายๆ….’




    “เอ้า กินๆๆ กินได้โลด !!” คีย์ว่าหลังจากที่วางจานอาหารจานสุดท้ายลงบนโต๊ะกลางวง
    สมาชิกคนอื่นๆที่รอเวลาอยู่แล้วก็รีบวิ่งแจ้นเข้ามานั่งประจำที่ของตนเองทันที


    แต่



    เห่ย !!

    แต่แล้วคีย์ก็ต้องร้องออกมาเสียงหลง ตอนที่จงฮยอนนั่งลงไปเก้าอี้ที่ไม่คุ้นเคยนั้น


    “พี่ไปนั่งที่มินโฮทำไมน่ะห๊ะ แล้วงี้มินโฮจะไปนั่งไหน ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย !!”
    คีย์ว่าก่อนที่จะเคาะเอาทัพพีที่ถือติดมืออกมาลงไปที่ศีรษะของจงฮยอน

    ถึงจะเรียกว่าพี่ก็เหอะ แต่ลามปามได้ตลอด .. จงฮยอนคิด= ='


    “ไม่!! วันนี้ขอตรงนี้เป็นที่ฉันแล้วกัน”

    “โว๊ย !!! ไม่ได้ !!! ทำไมมีแต่พี่คนเดียวที่ชอบมีปัญหาห๊ะ !!” คีย์เริ่มหงุดหงิด


    จริงๆ


    จริงๆ


    ไอ้พี่จงฮยอนเนี่ย มีแต่ปัญหาคนเดียวจริงๆ


    โว๊ย อยากจะอัดสักเปรี้ยง !!!



    ก็แกดูสิ .. แกตักข้าวไม่เท่ากัน !



    ห๊ะ?



    “ของมินโฮเงี๊ย เยอะกว่าใครเชียว ฉันไม่ยอมหรอกนะ”


    เฮ๊ย !!

    ไอ้บ้า !!!!





    แล้วจะพูดออกมาทำไม๊ !!!!!\\\



    “ห๊า จริงด้วย ออมม่าลำเอียง..” แล้วแทมินที่ชะโงกหัวเข้าไปดูบรรดาจานข้าวด้านหน้าบ้างก็รีบร้องออกมาตามๆกัน
    ไหนจะพี่อนยูที่เหล่สายตามาหาเขาอย่างระแวดระวังนั่นอีก



    โหย ไอ้พี่จงฮยอนนนนนนนนนนนนน ~

    ถ้าหุบปากลงได้จะกลายเป็นคนที่ประเสริฐเลิศเลอมาก !!!



    “มะ ไม่ได้ลำเอียง !!! ก็แค่ตักพลาดไปเท่านั้นเอง แล้วถ้ามันเยอะกว่าแล้วยังไงเล่า
    ยังไงพวกนายก็ขอเติมชามที่สองกันอยู่ดี มินโฮดิไม่เคยขอเลย ยังไงพวกนายก็ได้กินมากกว่าเห็นๆ”


    “เออว่ะ”



    เป็นไอ้คนปากเสียคนเดิมนั่นล่ะที่ร้องอุทานออกมา
    คีย์อยากจะตรงเข้าไปอัดกบาลสักทีสองทีจริงๆเลย
    จากใจ !


    แต่ว่ายังไงก็เหอะ ..



    “ทีนี้นั่งที่ได้ยังห๊ะ?”

    “โอเคๆ”


    มินโฮที่เดินเข้ามาทีหลังไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยก็จุ่มปุ๊กลงที่ที่ประจำของตัวเองในทันที
    เออ ให้มันไม่รู้อย่างงี้แหละดีแล้ว

    ไม่งั้นก็แย่สิ ……..



    ก็มินโฮน่ะ .. ถึงจะสูงมากก็เถอะ แต่จริงๆแล้วผอมจะแย่
    แล้วแทนที่จะกินข้าวเยอะๆกว่าใครเขากลับไม่เคยขอเติมเลย(หรือว่าไม่อร่อยวะ??)
    กลับเป็นไอ้พี่จงฮยอนนี่ดิ เบิ้ลฯแล้วเบิ้ลฯอีกเหมือนกินเผื่อคนทั้งตระกูล
    พี่อนยูนานๆที(จะไม่เติม) ส่วนแทมินเด็กกำลังโตก็ควรกินเยอะๆน่ะถูกแล้วสมเหตุสมผล


    สรุป ไอ้พี่จงฮยอนกินมากเกินไป
    และนาย
    ชเวมินโฮ
    กินน้อยเกินไป


    ห้ามเถียงเด็ดขาด !!!!!



    พอทำเนียนพูดขึ้นมาหน่อย ก็กะแล้วล่ะวะว่าต้องได้คำตอบเบสิกๆแบบนี้(ฟังแล้วหงุดหงิดชะมัด)

    “ไม่เป็นไร ฉันอิ่มแล้วนี่”

    ทำไมนายไม่เอาอย่างพี่จงฮยอนมันมั่งวะ มันกินมาสี่ชามแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะพูดคำว่าอิ่มออกมาเลย บ้าเอ๊ย !
    แต่ช่างเหอะ สงสัยอยากจะฟิตหุ่นนายแบบล่ะมั้ง= =’


    ฉันจัดการเองก็ได้ ..


    เพราะอย่างงั้นแหละ ถึงได้แอบตักข้าวให้เยอะกว่าใคร
    ไม่ได้ลำเอียงซะหน่อย .. ก็คนอื่นขอเพิ่มได้นี่ แต่มินโฮไม่เคยขอ
    เพราะฉะนั้นชามแรกที่จำเป็นต้องกินให้หมดก็ต้องเยอะๆสิถึงจะถูก !


    ไม่ได้ลำเอียง ไม่ได้ลำเอียง ไม่ได้ลำเอียง !



    เห่ย .. แต่ช่างเหอะ หิวแล้ว ..
    ถึงยังไงนายก็คงจะไม่ได้สังเกตล่ะมั้ง
    อ่า .. ดีแล้ว ถ้าสังเกตก็คงจะเป็นเรื่องขึ้นมาเหมือนเมือกี้นี้น่ะสิ


    แต่ว่าจริงๆแล้ว ถ้าไม่อยากให้นายรู้ฉันจะทำไปเพื่ออะไรนะ เฮ้อ ..



    มินโฮ

    จริงๆแล้วน่ะนะ ..


    สังเกตบ้างหรือป่าว ว่าในจานอาหารเช้าน่ะนายจะได้ข้าวเยอะกว่าใคร

    แถมไข่ดาวของนายก็ทอดสวยที่สุดในบรรดาทุกอันด้วย

    ไส้กรอกฉันก็ทำเป็นรูปปลาหมึกนะ เฉพาะของนาย .. รูปร่างมันจะต่างออกไปสังเกตหรือป่าว?


    รู้มั๊ยว่าแซนวิสของนายน่ะ ซอสที่อยู่ข้างในฉันก็อุตส่าห์วาดเป็นรูปหัวใจ

    เขียนชื่อนายกับฉันไว้ด้วย




    ก่อนกินก็หัดมองดูซะมั่งซิ๊



    ฉันน่ะ

    ฉัน



    จะได้ไม่ต้องทนเก็บความรู้สึกทั้งหมดในใจเอาไว้แบบนี้





    บางทีมันก็รู้สึกทรมานนะ ..





    .





    ‘เขาน่ะทำให้ผมวุ่นวายใจจนแทบทนไม่ไหว….’




    'ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ..'

    แต่ก่อนก็เคยคิดนะแบบนี้น่ะ แต่ตอนนี้แย่รึป่าวถ้าจะบอกว่า ชิน?



    โรคจิตเร๊อะไงวะ?


    ทำไม ..
    ชอบไปโอบๆกอดๆใครเค้าอยู่เรื่อย ..



    เพราะเป็นซะแบบนั้นน่ะสิ ..



    “คีย์เดินเร็วดิ จะสายแล้วนะ”

    “เออๆ ก็รีบอยู่เนี่ย กระเป๋ามันหนักไม่เห็นไง๊ !”

    หนักซะเมื่อไหร่เล่า
    ก็แค่เรียกร้องความสนใจ


    หันมาสิ

    หันมาสิ


    เร็วๆ




    “เดี๋ยวช่วยถือ”


    สำเร็จ !


    คีย์อยากจะกำหมัดแล้วเหวี่ยงไปมาแรงๆตรงสีข้าง
    พร้อมทั้งตะโกนออกมาดังๆว่า “อิ๊ซซซซซ! เยสเซอร์ !!”

    แต่ว่าทำไม่ได้หรอก แบบนี้ที่ทำมาทั้งหมดก็เป็นอันได้ล่มกันพอดี= =’


    ตอนที่มินโฮลดจังหวะของฝีเท้าลง จนคนที่อยู่รั้งท้ายอย่างเขาเดินตามมาทันก็ใจเต้นตึกตักแทบบ้า
    เห็นแล้ว แต่แกล้งทำเป็นบ่น เป็นพูดกะไอ้พี่จงฮยอนต่อไปอย่างงั้นล่ะ ..
    แต่พอตอนที่เดินไปถึงตัวอีกฝ่ายแล้วคนที่ว่านั่นยื่นมือเข้ามาหวังว่าจะช่วยถือไอ้กระเป๋าที่เขาบ่นว่าหนักนักหนักหนาให้นี่สิ


    ไม่ด๊ายยยยยยยยยยย !
    ก็จริงๆแล้วน่ะมันหนักซะทีไหนกันเล๊า !


    นายจะมาทำเป็นคนดีเกินไปทำไมเนี่ย มินโฮ๊ !



    “ไม่ ไม่ ไม่ต้องมายุ่งกับของๆฉันเลย”

    แง่ว แต่มายุ่งกับฉันแทนก็ดี
    เข้าใจอะไรบ้างมั๊ย


    ฉัน .. ลุ้นอยู่นะ \\\



    แล้วก็ .. ห๊า จุดพลุฉลองเลยดีมั๊ย?
    หรือว่าเหมาโต๊ะจีนเลี้ยงทั้งค่ายดี?

    อารมณ์ประมาณว่ามิชชั่นนี้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามเลย?


    ก็เมื่อฝ่ามืออุ่นๆนั่นเอื้อมเข้ามาดักหลังเขาไว้ให้เดินหน้าไป
    ก่อนที่มันจะลื่นไหลมาจับเอาไว้ที่ .. เอว


    เหย !!!


    ถึงแม้ว่ามันเป็นแค่สัมผัสผิวเผินแผ่วเบา แต่ว่านะมินโฮ



    ฉันกำลังจะบิน ..



    เหมือนว่าลอยได้แล้ว



    ยังไงก็ได้โปรดจับฉันเอาไว้ทีเถอะนะ



    ปีกกางออกแล้วล่ะเห็นมั๊ย




    นาย



    เพราะนาย ..



    ฉันถึงบินได้ ...





    คีย์ไม่ว่าอะไรหรอกถ้าเพราะแทมินที่สายโด่งเด่งกว่าใคร
    จะรีบวิ่งตาลีตาเหลือกตามพวกเขาเข้ามาเพื่อไปให้ถึงรถพร้อมๆกัน

    ไม่เป็นไรหรอกถ้ามินโฮจะปล่อยมือ ปล่อยเอาสัมผัสแผ่วเบาที่แทบจะไม่รู้ถึงมันได้เลยนั่นออกไปจากเขา ..



    แล้วก็ตรงเข้าไปกอดไหล่คนเป็นน้องแทน
    ทำทีท่าว่าพยายามฉุดดึงให้คนตัวเล็กรีบเดินขึ้นมาอีกสักนิดนึงก็ยังดี ..



    ก็


    ก็


    มันเป็นเรื่องปกติ


    มันเป็นนิสัยของนายที่ชอบทำกับคนอื่นแบบนี้
    มันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งแหละ กับทุกคนด้วยที่นายจะกอดไหล่เค้า ที่นายจะเดินเข้าไปโอบเอวเค้า

    ไม่เว้นแม้แต่ฉัน ..


    แต่ฉัน
    คิดมากเกินไปเท่านั้นเอง



    ผิดเองแหละถ้าจะรู้สึกเสียใจ ผิดหวัง เจ็บปวด
    ก็ทำตัวเองหนิ ไม่บริสุทธิ์ใจเอง งี่เง่าเอ๊ย




    รู้มั๊ย ?


    ฉันน่ะไม่ใช่พวกที่โอ้เอ้อะไรแบบนั้นหรอกนะ ออกจะไฮเปอร์กว่าคนทั่วๆไปด้วยซ้ำ

    แต่แล้วไง ที่เดินช้าๆ ..


    ก็เผื่อว่านายจะได้เข้ามาตามไงล่ะ ..

    ก็เผื่อว่านายจะเดินเข้ามาช่วยถือของ
    ก็เผื่อว่านายจะมีน้ำใจเข้ามาดึงตัวฉันไป



    เดินไปด้วยกันกับนาย




    แต่ว่าฉันมันก็แค่คนโง่เองจริงๆ
    ที่ไม่เคยตระหนักสักที
    ว่านายน่ะ

    มีน้ำใจกับทุกๆคน





    มินโฮ ..



    ถ้าปีกของฉัน มันหนักอึ้งจนขยับเขยื้อนไม่ไหวล่ะก็


    ตอนนี้ .. ได้โปรดเถอะ



    รู้สึกมั๊ยมินโฮ?
    มองเห็นฉันไหม?




    ปล่อยมือออกมาจากเขาเถอะนะ


    แล้วช่วยหันกลับมาเหนี่ยวรั้งตัวฉันไป




    อย่าว่าแต่บินเลย
    แม้แต่จะก้าวเท้าเดิน ตอนนี้ ฉันก็รู้สึกว่า




    ทำมันไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ..





    .





    ‘เขาน่ะทำให้ผมกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวมากขนาดนี้….’




    หรือว่าคิดมากเกินไป?

    ถึงเวลาแล้วล่ะมั้ง ที่จะต้องตระหนักได้สักทีว่า ..
    ไอ้ความรู้สึกที่สะสมมาตลอดนี้ มันมากเกินจะรับไหวเข้าจริงๆ?


    คีย์จ้องรูปโปสการ์ดแผ่นใหม่ที่ได้มาในมืออยู่นาน ก่อนที่จะติดมันเอาไว้ตรงมุมหนึ่งของหัวนอน
    เป็นโปสการ์ดรูปท้องฟ้า .. แบบที่ตอนนี้เขากำลังชื่นชอบอยู่พอดีเลย(ไม่รู้ว่าวันหน้าจะเบื่อไหม)
    มันพิเศษนิดหน่อย


    ตรงที่



    มินโฮเป็นคนให้……




    จริงๆแล้ว ..
    จริงๆแล้วน่ะนะ พวกเราได้กลับบ้านกันเพื่อพักผ่อนมาหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ
    และเพราะอย่างนั้นมาเจอกันอีกทีถึงได้มีนู่นมีนี่มาฝากเพียบ ..

    อย่างเช่นว่าเขาซื้อโมเดลกระดาษสามมิติที่ต่อเป็นรูปไดโนเสาร์มาให้ไอ้พี่จงฮยอน
    (มันบอกว่าต่อไปจะไม่เรื่องมากกับเขาอีกแล้ว รู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆ – เอ้อ จะคอยดู !!!!)

    หรือว่าซื้อการ์ตูนเรื่องที่พี่อนยูชอบแบบบ็อกเซตมาให้ เพราะเจ้าตัวเคยบอกว่าหาซื้อไม่ได้
    แล้วพอดีเค้าไปเจอเข้าว่ามีคนเอามาวางขาย ราคาไม่แพงมากเท่าไหร่เลยซื้อมาฝาก

    หรือว่าจะเป็นหุ่นยนต์บังคับก็ซื้อมาให้แทมินเหมือนกัน ก็มันเหมาะกับแทมินมากเลยนี่




    แล้วก็ ..


    ของมินโฮเลือกยากหน่อย ตอนแรกว่าจะไม่ซื้ออะไรให้แล้วเชียว
    ก็ .. มันไม่ได้จำเป็นจะต้องมีของฝากอะไรนี่ ก็แค่กลับบ้าน ..
    ของคนอื่นที่ซื้อก็เป็นเพราะแค่บังเอิญเจอแล้วนึกถึงก็เท่านั้น


    มินโฮน่ะ


    จะเอาอะไรดี


    ถ้าจะให้



    ก็คงท่วมโลกแล้วล่ะมั้ง





    เค้ามองอะไรก็นึกถึงแต่มินโฮ..




    สุดท้ายก็เลยซื้อขนมมาฝาก(บ้าที่สุดเลย= =’)

    มินโฮก็ทำท่าทางดีใจนิดหน่อย ซึ่งสงสัยจะทำไปตามมารยาทมากกว่า= =’
    แต่ที่น่าประหลาดใจมากกว่านั้นก็ตอนที่เจ้าตัวยื่นกระดาษแข็งแผ่นหนึ่งเข้ามาให้
    พอคีย์รับไว้ถึงได้รู้ ว่านั่นแหละ .. โปสการ์ดรูปท้องฟ้าที่มินโฮบังเอิญไปเจอมาแล้วก็เลยซื้อมาฝากเขา



    จริงๆแล้วน่ะนะ



    ก็มีโปสการ์ดของพี่อนยู ของพี่จงฮยอน กับโปสการ์ดของแทมินเหมือนกันแหละ
    เป็นรูปอื่นๆแตกต่างกันออกไป ..




    จนถึงตอนนี้คีย์ชักนึกอยากจะได้ปีกขึ้นมาแล้วจริงๆ



    อะไรจะยากกว่ากันนะ ?



    หาปีกมาติดหลังแล้วบินไป



    หรือว่า



    หาใครสักคน



    อย่างที่เขาเคยว่า ?



    บางทีถ้าคีย์ต้องการปีก .. เพื่อบินให้ได้จริงๆล่ะก็นะ
    บางทีอาจจะง่ายกว่าการตามหาใครสักคนๆนั้นเพื่อทำให้เขาบินขึ้นไปได้หรือป่าว?


    แม้แต่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้น่ะ

    มันยัง




    จะง่ายกว่าหรือป่าว ?





    อา .. ร้องไห้ทำไมเนี่ย ฮึก ..




    หลังจากที่คีย์แปะโปสการ์ดที่ได้มาใหม่นั่นลงกับผนังมุมหนึ่งเสร็จเรียบร้อย
    ก็ล้มตัวลงนอนแล้วก็ดึงผ้านวมสีชมพูขึ้นมาคลุมทับไว้ทันที
    นอนหงาย หลับตาลง ทว่ากำลังสะอื้นอยู่ .. ร้องไห้ น้ำตากำลังหลั่งไหลออกมาไม่หยุด


    ทำไมนะ ทำไมทรมานใจได้ขนาดนี้



    หยุดร้องสักที

    ไม่เห็นเป็นไรเลย ..



    แค่นี้ก็พิเศษมากๆแล้ว ..

    การที่มินโฮจำได้ว่านายน่ะ ชอบรูปท้องฟ้าบ้าบอพวกนี้
    เขาซื้อโปสการ์ดมาให้นาย นายต้องดีใจสิ ดีใจมากๆเลยสิ

    โปสการ์ดของคนๆอื่นน่ะ ..
    ไม่ได้เป็นรูปท้องฟ้าหรอกนะ


    แสดงว่า นายพิเศษ


    แค่นี้ก็พิเศษแล้ว


    เล็กน้อยไปหน่อย แต่เขาก็คิดถึงนาย ..



    อย่าไปคิดถึงส่วนของคนอื่นเลย
    คิดแค่นี้ก็เพียงพอ
    นายมีความสุขมากๆแล้วเข้าใจไหม?





    ฮึก .. ฮือ
    ทำไมไม่หยุดร้องสักทีเล่า โธ่เอ๊ย ..





    คีย์อยากจะยิ้ม
    ในใจจริงๆแล้วน่ะ เค้าก็ดีใจจริงๆนั่นแหละ อย่างน้อยจริงๆ
    คือมินโฮก็จำได้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร อย่างน้อยตอนที่มินโฮเห็นรูปใบนี้


    มินโฮก็นึกถึงเขา



    อย่างน้อย ..




    คีย์น่ะคิดบ้างมั๊ยนะ .. ตัวเองก็ทำแบบที่มินโฮทำนี่นา
    นายเองก็ซื้อของมาให้ทุกคนนั่นแหละ สำหรับทุกคน คิดถึงทุกคน เหมือนๆกัน

    แล้วทำไมถึงได้เห็นแก่ตัว
    คิดจะให้มินโฮนึกถึงแต่ตัวเองคนเดียวล่ะ


    นายไม่ได้แสดงออกเลยนี่นา ว่าเขาพิเศษสำหรับนาย

    แล้วอย่างนี้ทำไมถึงได้หวัง
    ว่านายจะพิเศษสำหรับเขาไปได้ล่ะ



    ไอ้เด็กโง่เอ๊ย





    ฮ่าๆ .. ฮึก .. ฮือ

    อยากจะหัวเราะเยอะตัวเองให้ดังๆเสียจริง





    มินโฮ ..


    ฉันน่ะ .. ดีใจมาก
    ถ้านายเห็นรูปท้องฟ้าพวกนี้แล้วนึกถึงฉันขึ้นมาแบบนี้

    ก็ดีใจนะ



    ถ้าอย่างงั้น
    อย่าว่าอะไรเลยแล้วกัน ถ้าฉันจะขอมากกว่านี้หน่อย ..


    อย่างน้อย



    เปลี่ยนเป็นท้องฟ้าเลยจะได้ไหม



    ทุกครั้งที่เห็นมัน

    นึกถึงฉันบ้างได้ไหม?



    จะได้เหมือนกันกับฉันไง


    ฉันน่ะถึงแม้ว่าจะแสดงออกไปได้แค่นี้ .. แต่จริงๆแล้ว


    มากเสียยิ่งกว่าท้องฟ้าอีก
    แต่ทุกๆอย่าง .. ไม่ว่าจะทำอะไร ไปที่ไหน มองเห็นอะไรอยู่ฉันก็


    คิดถึงแต่มินโฮ


    มีแต่มินโฮ




    รู้มั๊ย?





    .





    ‘เขาน่ะ .. บางทีอาจจะมีผลต่อจิตใจผมจนมากเกินไปแล้ว….’




    ถึงหน้าหนาวแล้วจริงๆ อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด
    เป็นแบบนั้นถ้ามีเวลาว่างล่ะก็แทนที่จะออกไปชอปปิ้งซื้อเสื้อผ้าอย่างเคย
    ทั้งคีย์ จงฮยอน(แกนนำทั้งสอง)และคนอื่นๆจึงเลือกที่จะคุดคู้อยู่ในหอพักแทน
    ไม่ออกไปเที่ยวตะลอนเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้


    “พี่มินโฮไปไหนเหรอฮะ?” เป็นแทมินที่ถามขึ้นในขณะที่ทุกคนหอบผ้านวมออกมานั่งคลุมโปงดูทีวีกันกลางห้องนั่งเล่น

    “ไปเดินแบบมั้ง .. อะไรทำนองนั้นแหละ” คีย์ตอบ ..
    เอ่อ จริงๆแล้วไม่ได้อะไรนะก็แค่ได้ยินมาจากพี่ผู้จัดการอีกทีน่ะ



    เฮ้อ .. เบื่อ


    นิสัยแย่จริงๆ แค่ไม่มีมินโฮไม่เห็นต้องเบื่อเลย
    โธ่เอ๊ย คีย์ เดี๋ยวเขาก็กลับมา


    ในระหว่างที่หงุดหงิดๆกับความคิดไร้สาระของตัวเอง
    เสียงเปิดรายการที่ทุกคนรอคอยก็เรียกเอาความสนใจของคีย์ให้กลับไปอยู่ที่จอทีวีอีกครั้ง


    อ่า …
    เป็นรายการที่มินโฮประจำอยู่น่ะนะ
    วันนี้พวกเราว่าง มินโฮไม่อยู่พอดีอีก เลยมานั่งรอดูกัน

    เอาน่าถึงตัวจริงจะไม่อยู่อย่างน้อยก็ยังเห็นในทีวี
    คีย์เริ่มรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย(มั้ง) ว่าแล้วก็หันไปดู ..


    เหอะ ๆ ๆ


    โธ่ .. ไอ้หล่อ


    นายหนิ .. ดูดีจริงๆเลยน้า !~
    แบบนี้ล่ะสิถึงได้ป๊อปปูล่า ผู้หญิงคนไหนเห็นก็ต้องชอบอยู่แล้วล่ะ
    อย่างฉันเขาคงอารมณ์เอ็นดูกันมากกว่า= =’





    หวงชะมัดเลย ..


    นายเกิดปีเดียวกับฉันนะ
    นายยืนข้างๆฉันตลอดเลย
    เวลานั่งก็นั่งข้างกันด้วย

    นายนอนชั้นล่าง ฉันนอนชั้นบน บนเตียงเดียวกันนะ

    ฉันเป็นคนปลุกนายตอนเช้า นายต้องคุยกับฉันก่อนใครทุกวัน เราต้องคุยกันก่อนคนอื่น

    นายได้กินข้าวเยอะที่สุดก็เพราะฉันนะรู้มั๊ย?
    แถมกับข้าวของนายน่ะ หรูกว่าใครๆ

    ดูข้าวของของนายในบ้านสิ เป็นสีน้ำเงินหมดเลยใช่มั๊ยล่ะ
    จริงๆแล้วก็ไม่ค่อยแน่ใจหรอกว่านายจะชอบเท่าไหร่ ..
    แต่นายก็ต้องใช้ตามที่ฉันซื้อมาให้นั่นแหละ จริงๆแล้วมันดีออกจะตายไป
    เห็นไหม คู่กันกับของสีชมพูของฉันเลย ..

    ที่จริงไอพอดของนายก็แอบเอาเพลงที่ฉันชอบใส่ไปเยอะเหมือนกัน เราจะได้ฟังเพลงเดียวกันไง

    ตอนเช้าที่ต้องบีบยาสีฟันไว้ให้ ก็ไม่ใช่เพราะนายตื่นสายจนต้องรีบร้อนกว่าใคร
    แต่ก็แค่ตั้งใจทำไว้แต่แรกแล้ว

    อีกอย่างนะ .. ตอนซักผ้าปูที่นอนของเราก็ต้องไปซักพร้อมๆกันจะได้มีกลิ่นเดียวกัน
    เมซเซจทั้งหมดในมือถือฉัน .. ก็เลือกไม่ลบเฉพาะที่เป็นของนาย

    คำพูดเล็กๆน้อยๆของนายฉันก็เก็บมาคิดตลอดล่ะ ถึงแม้ว่านายจะไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งอะไร
    แต่ยังไง .. ฉันก็แอบมีความสุขกับมันอยู่ดี……..

    บางเรื่องนายก็ตามใจฉันซะเหลือเกิน ถึงคนอื่นจะทำเหมือนๆกันแต่ทำไมนายถึงพิเศษกว่านะ
    ก็ฉันคิดถึงแต่เรื่องที่นายทำ


    จริงๆแล้วน่ะ ฉัน ..


    ฉันน่ะลำเอียงมากเลย……..



    ไม่ใช่แค่นี้นะมินโฮ อีกมากมาย เยอะแยะเลยที่ฉันแอบทำ .. อย่างไม่บริสุทธิ์ใจ


    'คนพิเศษน่ะ .. ยังไงก็พิเศษ'


    เห็นมั๊ยล่ะ ฉันดีกับนายแค่ไหน
    แฟนคลับมินโฮครับ ช่วยรักผมมากๆด้วยนะ ดูสิผมทำเพื่อเขาถึงขนาดนี้




    บอกเขาที



    หันกลับมามองผมบ้างสิ …






    รักผมสักที .. ได้มั๊ย?





    .





    ‘เขาทำให้ผมไม่รุ้ว่าจะมีชีวิตต่อไปได้ยังไง ถ้าไม่มีเขา….’




    อากาศหนาวมาก คีย์รู้ดีแต่ตอนนี้เพราะต้องการอยู่คนเดียวจริงๆ
    ถึงได้แอบหนีออกมาบนดาดฟ้าของตึก ที่นี่ไม่มืดเท่าไหร่หรอกเพราะอยู่กลางเมืองใหญ่
    แสงไฟจากด้านล่างสว่างสไวมากมายไปหมด

    แต่คีย์กลับแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ..


    รู้สึกคุ้นเคยกับภาพแบบนี้ขึ้นมาแม้ว่าจะเป็นเวลากลางคืนก็ตาม
    จะว่าไปที่หัวนอนเขายังไม่เคยมีรูปท้องฟ้าตอนกลางคืนเลยนี่นา .. จริงๆน่าจะพกกล้องขึ้นมาสักหน่อย


    คนตัวเล็กเดินตรงเข้าไปอีก




    บ้ามากเลย



    แปลกมากๆไม่รู้ทำไมน้ำตาถึงได้ไหล ..



    คีย์รู้สึกว่าคนเราบางทีน่ะ ก็อาจจะเป็นบ้าตายเพราะความรักขึ้นมาก็ได้
    เพราะตอนนี้เค้ากำลังรู้สึกแบบนั้นอยู่


    การแอบรัก .. มันเป็นเรื่องปกติธรรมดามากๆเลย เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับใครก็ได้
    แล้วสำหรับคีย์ที่มันได้เกิดขึ้นมานานมากมายแล้วนี่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่ใช่ปัญหาอะไร
    ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเจ็บปวด เสียใจ หรือร้องไห้


    เพราะคนที่คีย์รักน่ะยังยืนอยู่ข้างๆเขาในทุกๆวัน
    ยังได้พบเจอและได้ทำเพื่อกันและกันอยู่ตลอด
    คีย์ว่า .. บางทีการแอบรักของเขาอาจจะดีกว่าการแอบรักของคนอื่นๆอยู่มากเลยด้วยซ้ำ
    มินโฮเอง .. หากจะไม่รักเขา
    แต่ก็ไม่เคยมีใคร

    มันไม่ได้มีเรื่องราวร้ายแรงหรืออุปสรรคหนักหนาสาหัสอะไรเลย
    ไม่ได้มีเรื่องที่ย่ำแย่ สมควรที่จะเสียใจ ร้องไห้



    แต่คีย์จะร้องไห้ทำไมเล่า .. น้ำตา ไหลออกมาทำไม



    ทำไมถึงไม่เป็นเหมือนเดิมต่อไป ทำไมเค้าถึงได้อยากให้มันเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้
    ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีมากแล้วใช่ไหม แต่ทำไมคีย์ถึงได้ทะเยอทะยานอยากจะบินขึ้นไปนักไม่รู้



    ไม่ได้ .. ไม่ได้อกหักเสียหน่อย

    ไม่ได้มีจุดเปลี่ยนผันอะไรที่ทำให้การแอบรักที่ว่านี้มันขาดสะบั้นลงเพราะทนไม่ไหว


    ให้เขาทนต่อไปได้ มันมีความสุขดีแต่ว่า
    คีย์ .. ไม่ต้องการ




    คีย์ก็รู้ดีว่าการบินด้วยปีก กับการที่รู้สึกว่าบินได้เพราะใครสักคนน่ะ
    มันต่างกันลิบลับ
    ถึงจะมีปีกบินออกไป ก็ใช่ว่าจะมีความสุขได้
    แต่การที่บินได้เพราะใครคนนั้นน่ะ มันต้องมีความสุขแน่นอน


    มันต่างกัน
    ถึงอย่างนั้น


    ถ้าเขาไม่สามารถมีใครคนนั้นได้จริงๆล่ะก็นะ


    ถ้ามีปีกล่ะก็ ..
    จะมีความสุขหรือไม่มีความสุขเลยก็ได้


    คีย์ขอมันได้ไหม ?


    เพื่อบินหนีไปจากที่ตรงนี้



    ไม่เอาแล้ว


    ไม่อยากทนอีกแล้ว


    ไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้แล้ว


    ไม่อยากเป็นเพื่อนกันแล้ว


    ไม่อยากทำเพื่อนายอยู่ฝ่ายเดียวอีกแล้ว


    ไม่อยากจะเก็บความรู้สึกเอาไว้อีกต่อไปแล้ว


    ไม่อยากจะทรมานอีกแล้ว



    ไม่อยากเห็นหน้านายอีกแล้ว !!




    คีย์ !!!!


    เสียงมินโฮ .. ฮึก


    ทำไมยังต้องเป็นนายอีกนะ เป็นนายทุกที ออกไปจากชีวิตฉันเดี๋ยวนี้เลย !!!



    “คีย์ !! ทำบ้าอะไรเนี่ย !!”


    มินโฮเข้ามาทันเวลาพอดี ไม่รู้แน่ชัดเท่าไหร่หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น
    แค่คีย์ที่ยืนอยู่อย่างหมิ่นเหม่ที่ขอบดาดฟ้าของตึกนั้น กำลังกางแขนทั้งสองข้างออก
    กางรับลมหนาวที่พัดเทเข้ามา แรงมากจนคล้ายๆกับว่ามันกำลังจะพัดพาคนตัวเล็กนี้ตกลงไป


    หัวใจของมินโฮแทบที่จะหล่นวูบลงไปอยู่ที่ปลายเท้า ..


    แต่จริงๆคีย์ไม่ได้คิดเรื่องอะไรแบบนั้นหรอก

    ก็แค่อยากจะบินน่ะ .. เผื่อว่าสวรรค์จะเห็นใจให้ปีกเขาไงล่ะ
    ตอนที่ร้องไห้ฟูมฟายเป็นเด็กผู้ชายน่าสงสารคนหนึ่งแบบนี้


    บ้าไปแล้ว .. บ้าไปแล้วจริงๆ



    “คีย์ คีย์ ..” พอมินโฮดึงเข้ามากอดคีย์ถึงได้ร้องไห้ออกมาหนักหนากว่าเก่า
    ร้องไห้ออกมาเยอะแยะมากมายแถมยังเสียงดังมากๆด้วย แต่มินโฮก็ไม่ได้ว่าอะไรลูบหัวเล็กๆนั้นไปมา

    สักพักพอเห็นว่าคนตัวเล็กนั้นสงบลงได้ ทั้งๆที่อยากจะถามออกไป

    แต่ก็เป็นคีย์ซะได้ที่ชิงพูดขึ้นก่อน ..



    “ฉันบินไม่ได้”


    คนตัวเล็กบอก เสียงนั้นฟังออกยากเล็กน้อยเพราะจนถึงตอนนี้คีย์ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากอ้อมกอดอบอุ่นนั่นเลย


    “บ้าหรือไง .. ใครก็บินไม่ได้ทั้งนั้น” มินโฮตอบ ไม่ได้จริงจังมากนัก
    หัวเราะออกมาน้อยๆ แล้วก็ลูบหัวคนตัวเล็กเล่น


    “ไม่จริง .. เพราะว่า เพราะว่าฉันเคยรู้สึก .. นิดๆน่ะ บางครั้งก็รู้สึกว่าฉันบินได้”


    “อืม ..”


    “ตอน .. ตอนที่นายกอดฉัน .. ฉันคิดว่า .. คิดว่าเหมือนตัวเองกำลังลอยอยู่”


    มินโฮหัวเราะ


    “ไม่เชื่อเร๊อะไง”


    “ป่าว .. ทำไมจะไม่เชื่อล่ะ”


    “ตอนนั้นฉันก็ได้ปีกมาแล้วล่ะ แต่ว่านะ .. เพราะ เพราะนายคนเดียวเลย .. ปีกฉันถึงได้หัก”


    “โทษกันนี่”


    “ใช่สิ .. ก็ถ้านาย ถ้านาย ฮึก .. ถ้าไม่ได้ทรมานฉันซะล่ะก็ จะตายรึไงห๊ะ ฮึก ..
    ตอนนี้ฉันจะไม่หวังอะไรแล้ว ตอนนี้ถึงนายกอดฉัน ฉ ฉันก็จะบอกตัวเองว่านี่น่ะแค่ภาพลวงตา
    มันไม่ได้ทำให้นายบินได้หรอกนะ นาย .. ให้ปีกฉันไม่ได้หรอก มินโฮ ไม่ใช่นาย ..”


    คีย์ร้องไห้อีกแล้ว ไม่ได้รุนแรงเหมือนเก่าแต่เหตุผลที่พรั่งพรูออกมานั้นกลับทำให้มินโฮรู้สึกเจ็บหนักอย่างเหลือเชื่อ



    “รู้มั๊ยมินโฮ .. จะบอกให้นะ
    ที่คนเราไม่มีปีก แต่สามารถบินได้ .. ก็ .. ก็ต่อเมื่อเขามีใครสักคน


    ที่รักมากๆ
    สำหรับฉันแล้วคนๆนั้นน่ะ


    รัก .. รักมากๆ จนเหมือนกำลังกำลังล่องลอยไปไกล
    วิเศษมากๆ เหมือนช่วยกางปีกให้ฉันได้


    บินได้แล้วไงรู้มั๊ย?


    ก็มีความสุขมากๆน่ะสิ .. เข้าใจยากไปหน่อยนะ
    แต่ถ้านายหาใครคนนั้นเจอ ใครสักคนนั้นน่ะ ก็จะเข้าใจเอง

    คนที่ทำให้นายบินได้น่ะ .. จริงๆแล้วมันวิเศษ
    มากกว่านายมีปีกเองซะอีกนะ


    แค่นายอยู่ใกล้ๆเขา นายก็มีความสุขแล้ว นายก็ลอยได้แล้วแค่เขากอดนาย นาย .. ฮึก”


    “คีย์ ..”



    “บางทีฉันก็คิดว่า ลองเสี่ยงดูดีมั๊ยนะ?
    ถ้าเขาเป็นไม่ใช่ปีกของฉันจริงๆล่ะก็ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันทำ .. ก็ปล่อยมันเสียไปทั้งอย่างนั้นเถอะ”



    ไม่อยากเป็นเพื่อนกันอีกต่อไปแล้ว ..



    ทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว



    ที่ยืนอยู่ข้างกันทุกวัน
    ที่นอนบนเตียงตัวเดียวกันทุกวัน
    ที่ฉัน .. รักนายมากมายขนาดนี้


    จะให้ทนเก็บไว้จนถึงเมื่อไหร่ …………………


    ทำไมถึงไม่รู้สึกตัวสักที ….



    ตอนนี้มันมากไป
    รักมากไป



    ช่วยมาแบ่งมันไปที รับเอาไปจากฉันที มินโฮ ..




    ฉันรักนาย .. มินโฮ ฉันรักนาย




    บางทีเรื่องที่คีย์พูดอาจจะเข้าใจได้ยากจริงๆ
    แต่มันจะรู้สึกได้ง่ายมากเลยเมื่อใครก็ตามพบเจอกับปีกนั่นเข้าจริงๆสักวัน

    รักมากจริงๆ บินขึ้นไปได้จริงๆนะ ไม่ว่าทีไหน


    ถ้ามีเขา ..



    “คีย์”


    คีย์กอดมินโฮตอบ ไม่มีความรู้สึกใดๆเลย ตอนนี้หัวใจของเขาเต็มไปด้วยแรงสั่นไหวที่มีมากจนเกินไป
    และความกดดันทั้งหมดภายในใจทำให้เหนื่อยล้า
    ถ้าหากมินโฮจะพูดอะไรกลับมา คีย์ก็ยังไม่แน่ใจกว่าเขาจะได้ยิน
    รู้สึกเหมือนว่าทั้งหมดที่กดทับอยู่บนร่างเล็กๆของเขานี้
    เป็นความรู้สึกที่มากจนเกินทนไหว


    จนถึงตอนนี้ ถึงตอนนี้จะได้พูดออกไป
    มันก็ยังหลงเหลือความเจ็บช้ำที่มากเกินไปนั้นอยู่ดี


    ไม่น่าเชื่อเลยว่าสาเหตุทั้งหมดนั่นน่ะ จะเป็นเพียงแค่เรื่องธรรมดาเล็กน้อยนิดเดียวเท่านั้น


    ‘หัวใจของคนเราบอบบางมาก .. หัวใจมักจะเจ็บปวดจากสิ่งเล็กๆน้อยๆ เสมอ’



    ‘ความรัก’





    ใช่ไหม?




    “ไม่ต้องมีปีกแล้วนะ”

    “ฮึก .. ฮือ”

    “คีย์ .. ต่อไปนี้”




    มีแค่ฉันก็พอ



    ‘เขาน่ะทำให้ผมบินได้….’



    ฉันรักนาย





    “หิมะตก .. มินโฮ”

    “หิมะแรกของปี”

    “อย่างนี่ก็แย่ซี่ ~~”

    “แย่ยังไงล่ะ” มินโฮหัวเราะ

    “หิมะตกแบบนี้แล้วจะบินได้ยังไง หนาวตาย”



    ไม่เกี่ยวสักหน่อย .. แค่มีเราสองคน ยังไงก็บินได้


    แน่นอน ..



    Fly ..









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×