ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : MINKEY | THE VESPEЯBELL
Title: THE VESPEЯBELL
Paring: Minho x Key
Genre: A/U, Romantic, Drama, Valentine Mode
Rate: PG-13
Story: Geeratii
BGM: Close your eyes(English version) - Melody
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
" Good morning to you, Valentine; Curl your locks as I do mine
Two before and three behind. Good morning to you, Valentine."
♫
เช้าตรู่วันหนึ่ง จู่ๆคีย์ก็ฮัมเพลงนี้ขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่แม้แต่ตัวเองก็ยังประหลาดใจ เขาคิดท่วงทำนองเอื่อยเฉื่อยนั้นด้วยตนเอง แม้ว่าเนื้อร้องทั้งหมดจะคัดมาจากย่อหน้าหนึ่งในหนังสือที่บังเอิญเปิดอ่านอย่างไม่ได้ใส่ใจเมื่อไม่นานมานี้ก็ตาม
วันนี้ไม่ใช่วันวาเลนไทน์ และถึงแม้จะเป็นวันวาเลนไทน์มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรไปมากกว่านั้น
วันแห่งความรักของคนอื่น
ความรักของคีย์น่ะ .. อยู่ที่ไหนสักที่
ที่ยังคงหาไม่เจอ
อากาศหนาวและหิมะยังคงตก แต่คีย์ชินเสียแล้วกับวันแบบนี้เพราะตลอดฤดูหนาว 4-5 ปีที่ผ่านมา มันก็จะเป็นของมันอยู่อย่างนี้ไม่ได้เลวร้ายเกินไปหรือว่าลดน้อยลง เท้าเล็กๆที่ถูกห่อหุ้มด้วยบูทหนาเหยียบย่ำอย่างใจเย็น ค่อยๆก้าวหนีสิ่งกีดขวางที่ระรานตาด้านหน้า จนสุดท้ายเขาย่อตัวนั่งลงบนแท่นศิลาหินเก่าๆแต่ดูอบอุ่นใจ
คีย์พยายามกำจัดหิมะหนาหลายเซนต์ที่ร่วงหล่นลงมาปกคลุมหน้าหลุมศพออก สักพักก็วางดอกไม้สีขาวอันเพิ่งได้มาใหม่นั้นแทนที่ของเก่าที่เหี่ยวแห้งและชื้นแฉะแลดูน่าเศร้า ..
“วันนี้ผมจะอ่านเรื่องนี้ให้ฟัง .. เป็นหนังสือเกี่ยวกับเทพนิยายกรีก จริงๆผมชอบประวัติศาสตร์มากแต่สาบานได้ว่าไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องเหนือจริงพวกนี้เท่าไหร่ แต่ก็ไม่เป็นไร .. บางทีรู้ไว้มันก็ดี ใช่มั๊ยล่ะฮะ?”
คีย์ยิ้มและพูดคนเดียว
ใช่แล้วล่ะถ้าไม่ได้สังเกตสังกาอะไรเป็นพิเศษมันก็ดูจะเป็นอย่างนั้น แม้ว่าในความเป็นจริงเขาจะกำลังพยายามพร่ำพรรณาอยู่กับแผ่นศิลาและไม้กางเขนใหญ่ยักษ์ตรงหน้านั้นก็ตาม เขายกหนังสือปกสีแดงซีด หนาไม่มากไม่น้อยบนตักขึ้นมาแล้วตั้งต้นอ่าน
นานมากๆ มากกว่า 2 ชั่วโมงที่ร่างเล็กๆของเด็กหนุ่มยังคงอยู่ที่ตรงนั้น จนกระทั่งหิมะค่อยๆเริ่มต้นร่วงหล่นโปรยปราย
ครั้งแรกที่ได้พบกัน
“คุณ!!”
เป็นเสียงของใครสักคนที่ทำให้ร่างเล็กหันกลับหลัง ใครที่เขาไม่รู้จักกำลังชี้มือชี้ไม้มายังที่ที่เขานั่งและดูเหมือนว่าจะออกปากบ่น..
“กลับบ้านไปเถอะ หิมะตกหนักขนาดนี้อยากหนาวตายหรือไง”
“...”
“เอ้า ลุกซิ!”
คีย์ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ถ้าเขาพูดด้วยความเป็นห่วงล่ะก็นะ .. บางทีก็ควรที่จะน้อมรับความหวังดีนั้นเอาไว้
“โทษทีครับ” พูดขอโทษออกไปทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่าตนเองทำผิดอะไรให้โดนดุเหมือนกัน
ดูเหมือนเขาจะเป็นคนที่โบสถ์นี้ เพราะชุดคลุมสีขาวที่มีด้ายสีเงินรูปไม้กางเขนปักอยู่ที่กลางเสื้อ
คีย์คิดว่าไม่ใช่บาทหลวงนะ เขายังเด็กเกินไป เป็นเด็กผู้ชายรูปร่างสูงและหล่อเหลาเหมือนอยู่ในเทพนิยายเลย ..
อ่า ใช่เหมือนที่เพิ่งอ่านเจอในหนังสือเมื่อกี้ถอดแบบมาเปี๊ยบ
ความคิดที่ถือวิสาสะเปรียบเทียบนั้นทำให้คีย์เกือบเสียมารยาทหลุดหัวเราะอย่างพึงพอใจออกมาแล้ว
“คุณมาทำอะไร?” เขาถาม
คีย์ประมาณดูแล้วว่าคนๆนี้คงจะไม่ได้มีอายุอานามมากเกินไปกว่าเขาสักเท่าไหร่ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ถ้อยคำสนธนาที่เป็นทางการและสุภาพมากนัก แต่ว่านะ .. ดูเหมือนหมอนี่ก็จะเกินไปหน่อย
ดูเหมือนเขาพูดเป็นแต่ประโยคคำสั่ง!
“ขอโทษทีนะครับ ผมคิดว่าที่สุสานแห่งนี้ใครจะแวะมาเยี่ยมญาติก็ได้ทั้งนั้นเพราะมิยักกะเห็นว่าใครติดป้ายสั่งห้าม..”
เด็กหนุ่มเงียบเสียงลงไป ดูเหมือนว่าเขาจะไม่พอใจ และคีย์ก็ไม่พอใจ
เป็นการพบกันครั้งแรกที่ไม่ดีเอาเสียเลย ..
ลมหนาวพัดเป่าอย่างเอื่อยเฉื่อยอยู่รอบตัว ...
“แฟนคุณหรือไง?”
“ห๊ะ?”
“นั่งตากหิมะ อ่านเรื่องนิยายรักหน้าหลุดศพ .. ถ้าผมเป็นแฟนคุณคงไม่ปลื้มหรอกนะครับ แม้ว่าบางทีคุณอาจจะตามไปอยู่กับเค้าเพราะหนาวตายตรงนี้ก็เถอะ!”
ไอ้ทุเรศเอ้ย !!
คีย์อยากจะพ่นคำนี้ออกไปจริงๆเลย อยากจะพูดจริงๆเลยแต่
*ผลั่ว!!*
เขาขว้างหนังสือเล่มไม่หนาแต่ก็ไม่บางเลยในมือออกไป ตรงเข้าใส่ใบหน้าของคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งและมันก็กระแทกเข้าที่หางคิ้วเข้มนั้นเต็มๆจนดูเหมือนว่าจะเกิดรอยแผลที่ค่อยๆปริแตก
เขาจากไปพร้อมกันกับที่ทิ้งหนังสือปกสีแดงซีดเล่มนั้นไว้
เขาเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่มักจะเข้ามาอ่านหนังสือออกเสียงดังอยู่ภายในสุสานแห่งนี้ทุกวันอาทิตย์
ไม่มีใครรู้ เพราะไม่เคยมีใครสังเกตเห็น
แต่ผมรู้ ...
คีย์แทบจะร้องไห้ เมื่อเพิ่งจะตระหนักได้ว่าวันจันทร์ที่ถึงนี้จะมีเทสย่อยที่คะแนนเก็บนั้นไม่น้อยตามชื่อของมันเลย ปัญหาก็คือ .. มากมายเหลือเกิน มากมายหลายอย่างอาทิเช่น หนึ่ง เป็นเรื่องนิยายกรีกโบราณ นิยายปรัมปราที่คีย์เกลียด จริงๆแล้วไม่ถึงกับเกลียดแต่ไม่ค่อยชอบ
และสอง ... เขาเขวี้ยงหนังสือเล่มนั้นทิ้งไปแล้ว
เมื่อวันอาทิตย์ก่อน
นึกแล้วก็ได้แต่ทอดถอนหายใจ แต่ในเมื่อไม่เห็นทางออกทางไหนนอกจากจะต้องอ่านมันจนได้คีย์จึงตัดสินใจออกไปที่หอสมุด
หอสมุดที่ว่าเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในโบสถ์ มหาลัยแทบที่จะใช้ห้องสมุดรวมกับโบถส์ใหญ่นี้อยู่แล้ว
ที่ๆคีย์เรียนน่ะนะ .. เป็นมหาวิทยาลัยของคริสที่เก่าแก่และเน้นด้านประวัติศาสตร์ รองลงมาคือศิลปะและดนตรีโบราณหรือค่อนเทไปทางยุโรป ยกตัวอย่างให้ฟังไม่ได้เหมือนกันเพราะคีย์ก็ไม่ค่อยเข้าอกเข้าใจมันนัก(จริงๆคือไม่ได้สนใจเลยมากกว่า)
แต่คีย์ชอบประวัติศาสตร์
หลงใหล และรักที่จะอยู่กับมันมากๆ
คีย์ชอบเรื่องคลาสสิกและมีความรู้สึกกระตือรือร้นต่อเรื่องเหล่านี้อย่างน่าประหลาดและยากที่จะเข้าใจด้วย
ครั้งที่สองที่ได้พบกัน
รู้สึกเสียใจมากที่ก้าวเท้าเข้ามายืนอยู่ตรงนี้
จริงๆแล้วคีย์บอกได้เลยว่าตัวเขาเองออกจะสนิทสนมกับที่นี่เพราะชอบเข้ามาค้นหาหนังสืออะไรต่างๆนาๆอ่านเล่นอยู่บ่อยๆ ในหอสมุดแห่งนี้เป็นที่ๆดี อากาศอบอุ่นกว่าปกติมาก หนังสือมากมายเป็นหมื่นพันแถมยังเงียบสงบพอๆกันกับที่สุสานอีกด้วย
แต่วันนี้ .. คล้ายกับว่าจะไม่เป็นแบบนั้นและไม่มีวันเป็นแบบนั้นได้อีกต่อไปแล้ว
อย่างน้อยก็ในความรู้สึกของเขาน่ะนะ
ร่างสูงของเด็กหนุ่มผู้เป็นบรรณารักษณ์ในคราวนี้ทำให้คีย์หงุดหงิด
เพราะว่าเขานั้นช่างผอมและสูง มีในหน้าเรียวยาวและจมูกโด่งปลายแหลม
ริมฝีปากสีแดงและทั้งหมดถูกล้อมกรอบเอาไว้ด้วยผมเส้นเล็กดั่งไหมสีน้ำตาลเข้มดัดอ่อนๆ
ช่างเหมือนกับหลุดออกมาจากเทพนิยายที่คีย์ได้อ่านไม่ผิด
ไม่ผิดไปจากเมื่ออาทิตย์ก่อนเลยสักนิด เว้นเสียแต่ที่หางคิ้วข้างหนึ่งนั้นมีพลาสเตอร์สีน้ำตาลอ่อนแปะทับอยู่
ใช่แล้วเขาก็คือชายที่พบกันที่สุสานคนนั้นนั่นเอง .. แย่ที่สุด
ทั้งๆที่ในมือก็ขนหนังสือออกมาจากชั้นเตรียมจะยืมแล้วตั้งมากมายขนาดนี้ แต่พอมาถึงนี่กลับ .. อยากจะปล่อยมันทิ้งไว้แล้วเดินจากออกไปเสียเลย ให้ตายสิ
*ปึก!*
คีย์วางหนังสือจำนวน 3-4 เล่มนั้นลงไปอย่างแรงจนแม้แต่หญิงชราที่นั่งอยู่ไกลออกไปก็ยังเกิดอาการสะดุ้ง กระเด้งตัวขึ้นมามองอย่างตกใจ
“ยืม” พูดห้วนๆแล้วก็ดันบัตรประจำตัวส่งไปให้อีกฝ่าย
คนตรงหน้ารับไปทำอะไรสักอย่างแต่โดยดีอยู่สักพักจึงยื่นทั้งหมดกลับคืนมา
ทั้งหมด ..?
“ฉันยืมทั้งหมด 3 เล่ม นายส่งมาให้ฉันไม่ครบ”
“เล่มนั้นคุณมีแล้วนี่จะยืมไปอีกทำไม”
“ฉันปาใส่หน้านายไปเมื่อวันอาทิตย์ไงล่ะ!!” คีย์เหลืออด เขาพยายามเบาเสียงลงทว่าความโกรธกลับกระพรืบให้วอลลุมมันกลับกลายเป็นดังมากขึ้น
“ผมจะคืนให้คุณแล้วกัน”
“เสียงดังอะไรกันมินโฮ” มีเสียงหนึ่งของบุคคลที่สามขึ้น แต่เขาก็ย่อตัวลงมาพูดกับผม
“พรุ่งนี้ถ้าคุณไปที่สุสานผมจะเอามันไปคืนให้”
และเขาก็เดินหายเข้าไป
อืม ..
พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์
คีย์รู้สึกไม่อยากไปที่สุสานเลย ใช่แล้วเพราะว่าคนๆนั้น เพราะว่าจริงๆแล้วคีย์ไม่ได้อยากจะโอนอ่อนผ่อนตามอีกคนสักเท่าไหร่ ไม่ได้อยากจะไปตามนัดแต่ทำยังไงได้ล่ะ ก็คนๆนั้นดันมานัดเขาในที่และวันที่เขาจะต้องไปที่นั่นอยู่แล้วเป็นปกติ
เหมือนนายรู้เลยแฮะ ทำให้ฉันหลีกหนีที่จะเจอหน้าไม่ได้
นิสัย .. ทุเรศจริงๆ
พบกันครั้งที่สาม
แล้วคีย์ก็พบว่าคนๆนั้นยืนรออยู่ก่อนแล้ว
เขายังดูดีอยู่เสมอ เป็นเรื่องที่คีย์อยากจะปฎิเสธอย่างรุนแรงแต่ก็คงทำไม่ได้เพราะว่าความจริงเป็นเช่นนั้น
คีย์อยากจะไม่สนใจ คิดไว้แล้วว่าถ้าหมอนี่ไม่พูดอะไรเขาก็จะไม่พูดอะไรเลยสักคำล่ะคอยดู แต่ก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดเท่าไหร่
“หนังสือนี่ผมคืนให้”
คนตรงหน้าพูดขึ้นมาก่อน โอเค๊ คีย์รับคืนมาอย่างรวดเร็วทันใจ
“ขอบใจ!”
แล้วเขาก็ทำเป็นไม่เห็นร่างสูงใหญ่นั้นอีก คีย์วางดอกลิลลี่สีขาวที่เพิ่งได้มาใหม่แทนของเดิมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่ดอกไม้ที่เขาเคยได้เอามาวางไว้เมื่อครั้งก่อน มันไม่ใช่ดอกไม้สีขาวแห้งเหี่ยวอย่างที่ควรจะเป็นไป เขาจึงเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังอย่างตั้งคำถาม .. ?
“ของผมเอง”
เขาว่า เอาล่ะ .. ว่ามา นายอยากจะพูดอะไรก็ว่ามาเลย
“เป็นการขอโทษ ที่ครั้งก่อนผมไม่ให้เกียรติ”
อ่อ .. ขอบใจนะนาย แล้วไงอีก?
“ดี งั้นนายก็ไปได้แล้วล่ะ แล้วคราวหน้าหวังว่าจะไม่เจอกันอีก”
“คุณโกรธขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ป๊าวว!”
คีย์จำใจจะต้องวางช่อดอกไม้ของตนเองลงไปที่ข้างๆช่อดอกไม้ของใครคนนั้น เสียใจนิดหน่อยที่มันช่างดูเข้าอย่างกับว่าเตรียมมาไว้เพื่อการนี้
“อาทิตย์ที่แล้วเป็นวันวาเลนไทน์”
เร๊อะ .. คีย์ถอนหายใจ ปล่อยให้อีกคนพูดต่อไป
เอาหล่ะ แล้วไงๆๆๆๆๆ
“จริงๆแล้วมันก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งที่ใครสักคนตั้งมันขึ้นมาแล้วบอกว่า นี่คือวันแห่งความรัก”
“นายจะบอกอะไรก็ขอแบบไม่อ้อมค้อมเลยนะ!”
“ผมก็แค่คิดว่าคุณก็คงจะจมปลักกันความรักที่จากไปแล้วมากๆ ทำตัวเงียบเหงาอยู่คนเดียว นั่งอยู่กลางสุสานคนเดียว เฝ้าแต่พร่ำเพ้อ และผมไม่ชอบนั่นเลย .. ทั้งๆที่ถ้าเป็นแบบนั้นแสดงว่าความรักกำลังผูกมัดตัวคุณไม่ใช่ว่ามันทำให้คุณมีความสุข”
“...”
“แต่มันไม่ใช่..”
คีย์กลั้นหายใจ
"นี่หลุมศพแม่คุณไม่ใช่คนรักของคุณ ขอโทษนะครับ”
อยากจะหัวเราะออกมาดังๆ .. นายนี่มันทุเรศจริงๆ
“ฉันเกลียด .. คนที่ดูถูกความรักของคนอื่นที่สุดเลย”
คีย์พูดออกมา ในขณะที่พยายามดึงต้นหญ้าต้นเล็กๆที่ขึ้นแซมตามซอกศิลานั้นออกมาอย่างไม่มีจุดหมาย
“โดยเฉพาะเราก็ไม่ได้รู้จักกัน ขอพูดอะไรหน่อยนะ นายอยู่ในโบถส์แท้ๆ หนังสือ บทสวดก็ต้องอ่านไม่เคยได้ยินเหรอว่าพระเจ้าสอนให้เรารู้จักความรักน่ะ”
เขายิ้ม
รอยยิ้มที่ดูเหมือนจะหลุดออกมาจากเทพนิยาย
“ใช่ แต่ผมไม่เชื่อ”
“ทำไม?”
“ไม่รู้สิ .. พิสูจน์ไม่ได้ สัมผัสไม่ได้ แค่นี้ไม่พอเหรอ? แสดงว่ามันไม่ได้เป็นความจริง”
คีย์นอนไม่หลับทั้งคืนเลย ..
ไม่ใช่เพราะว่าเขาจำเป็นจะต้องอ่านหนังสือสอบ แต่เพราะคำพูดที่เปล่งออกมาด้วยความรู้สึกที่แสนจะธรรมดานั้นทำให้จิตใจเขาไหวสั่นอย่างน่ากลัว แต่มันเป็นความรู้สึกแย่มากกว่าที่จะเป็นไปในทางที่ดี
ความรัก .. พิสูจน์ไม่ได้?
สัมผัสไม่ได้?
ไม่เป็นความจริง?
เหรอ??
คีย์เชื่อในความเป็นจริง และนอกจากนั้นในใจลึกๆก็ยังรู้สึกแอนตี้อะไรที่เหนือธรรมชาติด้วยแต่ว่า
คีย์เชื่อในความรัก
ที่ถึงแม้จะอ้างอิงจากอะไรไม่ได้ แต่มันก็มีอยู่จริงนะ
หมอนั่น .. ไม่เคยรักใครเลยหรือไง ?
กลายเป็นว่าตอนนี้คีย์เจอคนๆนั้นสัปดาห์ละ 7 วัน
เขาชื่อ ชเว มินโฮ ...
“ทำไมคุณถึงชื่อคีย์ล่ะ”
วันๆเอาแต่ตั้งคำถาม ...
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง พ่อแม่ตั้งให้ยังไงก็ชื่ออย่างนั่นแหละ นี่ไม่มีอะไรทำแล้วหรือไงมินโฮ!”
เป็นคนที่น่าปวดหัวนิดๆ ...
“หนังสือเล่มที่คุณอ่านอยู่มันเขียนว่า ในประเทศเวลล์ ผู้ที่มีควมรักและชื่นชมในงานช้อนไม้แกะสลัก จะทำการแกะสลักช้อนและมอบให้เป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์”
มันเป็นบทความภาษาอังกฤษ ที่มินโฮอ่านออกมาเป็นภาษาอังกฤษ
คีย์รู้สึกว่าเสียงนั้นให้ความรู้สึกที่ดีมากๆเลย
มากเสียจนคนตัวเล็กเผลอจับจ้องอยู่ที่อีกฝ่ายและตั้งใจฟัง ..
“โดยจะสลักรูปหัวใจและรูปลูกกุญแจไว้บนช้อนนั้น ฮ่าๆ นี่ไงมีชื่อคุณด้วย คีย์”
ไม่เห็นจะตลกเลย!!!
คีย์รีบตะครุบปิดหนังสือเล่มหนาตรงหน้านั้นอย่างฉับพลัน
“มินโฮ .. ฉันเกือบจะปลื้มมันแล้วนะ!”
เขาหัวเราะ
ไม่เห็นจะตลกตรงไหนเลย อีกอย่างนะมันออกจะทำให้คีย์รู้สึกแย่หนักตรงที่
“เดี๋ยวสิยังอ่านไม่จบ .. อืม ความหมายของการสลักรูปลุกกุญแจไว้บนช้อน ..”
“...”
มินโฮมองมาที่เขา ทั้งๆที่ใบหน้าของเราทั้งคู่นั้นใกล้กันมากเสียจบแทบแนบชิด
ร่างเล็กถึงได้เผลอสะกดกั้นลมหายใจทั้งหมดเอาไว้ ไม่รู้เหตุผลว่าเป็นเพราะอะไร
และที่น่าแปลกไปว่านั้นคือ หัวใจของคีย์เต้นรุนแรงหนักหน่วง
“You unlock my heart”
เพียงไม่กี่วินาทีที่มินโฮพูดจบ เด็กหนุ่มก็ดูเหมือนจะจมหายไปกับเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่ง
“ตลกชะมัด .. คุณได้ไขหัวใจของผม ฮ่าๆๆ”
ใช่แล้ว ... มินโฮไม่เคยเชื่อในความรัก
และไม่เคยเลย
วันอาทิตย์คีย์ยังคงนั่งจับเจ่าอยู่คนเดียวภายในสุสาน แต่คราวนี้แปลกไปสักหน่อยเพราะเขาไม่ได้มาเพื่อนั่งอ่านบทความในหน้ากระดาษให้แท่นศิลาตรงหน้าฟังเหมือนเก่า แต่คีย์จำเป็นจะต้องจดอะไรบางอย่างลงในสมุดเล่มเล็กอีกเล่มในขณะที่อ่านบทความตรงหน้าพึมพำกลับไปกลับมาแผ่วเบา
“วันนี้เงียบจัง”
“เฮ๊ย”
ใช่ .. เกือบเงียบมากกว่า เกือบแล้วมินโฮ
“โผล่มาแบบนี้ได้ไง ฉันตกใจหมด”
“คิดว่าผีหรือไง?”
“เหมือนเลยยย”
มินโฮหัวเราะ และถือวิสาสะเอื้อมมือออกไปพลิกดูปกหนังสือบนตักคีย์อย่างว่องไว
“หืม? ทำไมยังอ่านเล่มนี้อยู่อีกล่ะ?”
ใช่ ปกติก็ไม่ได้อยากจะอ่านหรอก..
“ฉันต้องทำรายงานส่งนี่ .. เรื่องประวัติวันสำคัญ ...”
“วาเลนไทน์?”
“ฉันรู้นายคิดว่ามันไร้สาระเพราะฉะนั้นก็เลิกมองหน้าฉันแบบนั้นเหอะน่ะ มันเรื่องของฉัน!”
มินโฮหัวเราะ .. หัวเราะอีกแล้ว
หัวเราะแบบไม่มีความหมาย
คีย์รู้สึกเสียใจนิดๆ
ตามความรู้สึกจริงๆหลังจากวันนั้น เขาคิดสงสารมินโฮด้วยซ้ำแม้จะไม่มีสิทธิ์คิดแบบนั้นก็เถอะ ถ้ามินโฮไม่รู้จักความรักเขามีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ด้วยอะไรกันเล่า
คนที่เชื่อในความรักอย่างคีย์น่ะ อยากจะทำให้รู้เสียจริงๆว่ามันเป็นยังไง
แต่คีย์จะทำยังไง ..
ทำไม่ได้
แล้วตอนนี้ความอยากที่จะทำให้มินโฮรู้สึกรักใครสักคนดูสักครั้งก็ลดน้อยถอยลงมามากแล้วด้วย
เพราะนิสัยของมินโฮเป็นแบบนี้น่ะสิ !!!!
หยุดหัวเราะได้แล้วน่า ..
หัวเราะเหมือนเรื่องที่คีย์เชื่อเป็นเรื่องตลก
แน่นอน เพราะมินโฮไม่เชื่อในความรักนี่ ...
“นี่ .. มินโฮ”
พักหนึ่งที่คีย์ก้มลงไปชอตโน้ตใจความอะไรบางอย่างที่ได้จากหนังสือเล่มใหญ่ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งเงียบเป็นเพื่อนอยู่ข้างกายแล้วเอ่ยคำถาม
“หืม?”
“นาย.. ชอบอ่านหนังสือแบบไหนมั่ง”
หัวเราะอีกแล้ว
“ผมอ่านแต่บทสวด”
“เอ๊ะ”
“ผมคิดว่าผมจะเป็นบาทหลวงนะ”
ความนี้มินโฮยิ้ม แลดูจริงใจนะ และสวยงามมากเหมือนหลุดออกมาจากหนังสืออีกนั่นล่ะ
แต่มันทำให้คีย์รู้สึกไม่ดีเลย
ไม่รู้ทำไม ...
“นาย.. เหรอ ทำไมล่ะ” คีย์เกือบหลุดพูดออกไปแล้ว ว่า นายเป็นไม่ได้หรอก!
“ก็ไม่ทำไม”
“ต้องมีเหตุผลสิ ไหนชอบหาเหตุผลมาชี้แจงให้เรื่องที่ฉันพูดมันไม่เป็นความจริงนักไงล่ะ ทำไมล่ะมินโฮ..”
“ฮ่าๆ ไม่รู้..”
“งั้นนายอย่าเป็นเลย”
“ไม่เอาหน่า”
“นายเชื่อในพระเจ้า แต่นายไม่เชื่อในคำสอนของพระเจ้านะ รู้รึป่าว มันขัดกัน”
ฮ่าฮ่าฮ่า
นั่นไง .. กะแล้วว่าต้องหัวเราะเยอะฉัน ...
จะทำยังไง
ก็ทำให้มินโฮเชื่อไม่ได้หรอก ...
วันนั้นคีย์ทิ้งหนังสือเล่มหนึ่งไว้ให้มินโฮ ฝากไว้ที่บรรณารักณ์อีกคนหนึ่งของหอสมุดที่โบสถ์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเทพนิยาย ปรัมปรา ทั้งๆที่รู้ว่ามินโฮจะไม่มีวันอ่านมันอย่างแน่นอน...
“อาทิตย์ที่แล้วเป็นวันวาเลนไทน์”
“จริงๆแล้วมันก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งที่ใครสักคนตั้งมันขึ้นมาแล้วบอกว่า นี่คือวันแห่งความรัก”
มินโฮเคยพูดไว้แบบนั้นล่ะ .. รู้สึกว่ามินโฮคงจะเกลียดวันแห่งความรักเป็นพิเศษมากกว่าทุกวัน
เพราะอคติในหัวน่ะสิ นายมันบ้าจริงๆเลยๆๆๆๆๆ !!
จริงๆแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย .. มีใครสักคนตั้งมันขึ้นมาแล้วบอกว่า นี่คือวันแห่งความรักซะที่ไหนเล่า !!
“นี่แน่ะ .. ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 กรุงโรมได้เกิดสงครามขึ้นหลายครั้ง ผู้ชายโรมันหลายคนไม่ต้องการจากครอบครัวและคนอันเป็นที่รักไปเป็นทหาร จักรพรรดิคลอดิอุสจึงประกาศให้ยกเลิกงานแต่งงานและงานหมั้นทั้งหมดในกรุงโรม โอ...”
มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
คีย์ยังคงอ่านบทความนั้นต่อไป แม้ว่าจะอยู่ภายในห้องนอนอันแสนอุ่นสบายแบบนี้ แต่เพราะความเคยชินนั้นทำให้เผลอเปล่งเสียงอ่านออกมาเหมือนตอนที่อยู่ในสุสานทุกทีไปสิ
“ถึงกระนั้นก็ตามยังมีนักบุญผู้ใจดีคนหนึ่งซึ่งชื่อว่าท่านนักบุญวาเลนไทน์ ได้จัดให้มีการแต่งงานของคู่รักอย่างลับๆ ว้าว..”
คีย์อุทานออกมาแล้วบรรจงขีดเขียนถ้อยคำที่ว่านั้นลงบนกระดาษรายงาน
“ถ้าเล่าให้นายฟัง .. นายต้องไม่เชื่อแหงๆ”
พอนึกถึงสีหน้าน่าหมั่นไส้ของมินโฮแล้วคีย์กลับหัวเราะคิกคัก
เขาพลิกตัวลงนอนแผล่หลาลงกับหมอน มองออกไปที่บานหน้าต่างด้านข้างนั้นพอดี ท้องฟ้าวันนี้ยังคงดูปล่าวเปลี่ยว
“เป็นพระก็ยังเชื่อในความรักเลยรู้มั๊ย .. วันๆนายจะเอาแต่ล้างบาปหรือไง ..”
คีย์หลับตาลง แล้วเสียงหัวเราะที่แสนคุ้นเคยนั้นกลับดังขึ้นมาในมโนสำนึก
เป็นเสียงหัวเราะที่มีความสุขแบบแห้งแล้ง .. ของมินโฮ
“...”
จะทำยังไงให้นายเชื่อฉันดีมินโฮ ...
คีย์ส่งรายงานเล่มหนาที่ตั้งใจทำมากว่า 1 อาทิตย์นั้นไปแล้ว และพอมาถึงวันนี้กำหนดคืนหนังสือของเขาก็วนกลับมาบรรจบลงพอดิบพอดี คีย์เดินอย่างเงียบเชียบเข้าไปด้านในของหอสมุดใหญ่ บรรจงถอดเสื้อกันหนาวตัวหนาออก แล้วก็บังเอิญไปได้ยินอะไรดีๆเข้า
ดีจริงๆ .. เยี่ยม
“เด็กนั่นคือใครมินโฮ”
“เพื่อนผม”
เด็กนั่น ..
คีย์แค่นหัวเราะกับตัวเองเบาแสนเบา พอจะเดาได้กลายๆอยู่หรอกนะว่าเด็กนั่นคือใคร?
“รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ทำไมครับ?”
“แม่ถามก็ตอบ!”
คีย์รู้สึกไม่ดีเลยที่ตัวเองมาทำตัวเหมือนพวกโรคจิตแอบฟังแบบนี้ แต่ถ้าเด็กนั่นที่หญิงสาวคนนั้นและมินโฮกำลังพูดถึงคือเค้าตามลางสังหรณ์จริงๆล่ะก็ เค้าก็มีสิทธิ์รู้นิดๆ ว่าเด็กนั่นน่ะทำไมห๊ะ?
“เขาฝากหนังสือนี่ไว้ให้เธอน่ะ เดี๋ยวนี้อ่านเรื่องไร้สาระอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
โอ... เล่มที่ฝากไว้เมื่อวานนั่นเอง
นิยายปรัมปราของคีย์...
หึหึหึ
ไร้สาระจริงๆด้วย
“แม่ควรจะเอามาให้ผมก่อนนะ!”
“ไม่ต้องอ่าน!!”
*ปุป*
หล่อนโยนหนังสือเล่มนั้นลง และคีย์แน่ใจหลายล้านเปอร์เซ็นต์ว่าเสียงเกร๊งเล็กๆนั่นคือเสียงของกระดาษปึกหนาปกสีแดงเข้มที่กระทบลงกับขอบถังขยะก่อนที่จะตกลงสู่เบื้องล่าง เข้าเป้าพอดิบพอดีอย่างที่นางตั้งใจ
“แม่!!!”
“ทำตัวเถลไถล ... อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้นะ ที่ทุกอาทิตย์หายไปเล่นสนุก แบบนี้น่ะเหรอที่บอกจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อของเธอได้!!”
“...”
“เลิกทำเป็นเล่นๆได้แล้วมินโฮ คืนนี้ไปนั่งสำนึกผิดที่ห้องใต้หลังคา ทบทวนสิ่งที่ตัวเองทำแล้วเราค่อยคุยกันใหม่”
“...”
“อ่อ .. อีกอย่าง”
“...”
“เลิกคบซะ ก่อนที่อะไรๆมันจะแย่มากไปกว่านี้”
จากนั้นไม่นานเสียงฝีเท้าของใครสักคนก็ดังขึ้นและค่อยๆแผ่วเบาลงไป..
สาบานได้เลยว่างุนงงไปหมดและเขาแปลกใจมากที่ไม่ได้ยินเสียงมินโฮพูดอะไรตอกกลับไปเลยสักคำ
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้หัวใจของคีย์กำลังบีบรัดตัวเองอย่างหนักอยู่ในตอนนี้หรือป่าวนะ?
ทั้งๆที่ถ้าเป็นปกติหากเรื่องที่พูดอยู่มันไม่ตรงกับความคิดของตัวเองล่ะก็ คงจะหาเหตุผลร้อยแปดพันประการมาแก้ต่างจนความเป็นจริงบิดพลิ้วไปเสียด้วยซ้ำ แต่ครั้งนี้ทำไมนายถึงได้เงียบอยู่ได้ล่ะ?
เชื่อหรือไง แม่ของมินโฮพูดเหมือนอย่างกับว่าคีย์เป็นเด็กเกเรพาให้ลูกชายของหล่อนเสียหายไปด้วย
อย่างเช่นชวนไปร้านเกมส์ออนไลน์นั่งกดแป้นคีย์บอร์ดตลอดทั้งวันทั้งคืนไม่หลับนอนหรือชวนไปสูบบุหรี่ เสพยา เรื่องทำนองนั้น
ให้ตายเถอะ ..
เขาทำอะไรน่ะ
แย่อะไรขนาดนั้น ชักจะโมโหแล้วนะ
สุดท้ายเด็กชายตัดสินใจที่จะยกเสื้อหนาวตัวใหญ่ที่เพิ่งจะถูกถอดออกหมาดๆนั่นขึ้นพาดไหล่แล้ววิ่งจากไปท่ามกลางหิมะ
2 อาทิตย์หลังจากนั้นเขาไม่ได้เจอใครคนนั้นเลย
แล้วคีย์ก็ไม่ได้อยากเจอด้วย
... มั้ง?
เออ .. ใช่ ไม่ได้อยากเจอสักหน่อย !!
ทำไมต้องอยากเจอล่ะ !!!
แต่เมื่อเข้าอาทิตย์ที่ 3 สุดท้ายคีย์จำใจจะต้องไปหอสมุด ไม่ใช่เพราะต้องทำรายงานเรื่องใหม่ แต่เป็นเพราะว่าตั้งแต่วันที่เขาได้ยินมินโฮและแม่พูดถึงตัวเอง คีย์ก็ไม่ได้ไปที่นั่นอีก .. และแน่นอนสิ หนังสือยังไม่ได้คืน
ถูกปรับไปเท่าไหร่แล้ววะ .. แย่ที่สุดในโลก
นี่ไม่ใช่ความผิดเขาเลยสักนิด!
อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงคนตัวเล็กรู้สึกลุ้นนิดหน่อยอยู่เหมือนกันว่าบรรณารักษณ์ในวันนี้จะเป็นคนแม่ หรือคนลูก ..?
จริงๆเป็นคนอื่นไปได้เลยจะดีมากๆ แต่ดูเหมือนว่านั่นแหละที่เป็นไปไม่ได้
เฮ้อ ...
แล้วก็ได้แต่ทอดถอนลมหายใจ นั่นไง กะไว้แล้วว่าต้องเจอคนลูก บ้าเอ้ย งี้สิเรียกว่าสวรรค์มีตา !
*ปึก*
ไม่มีเหตุผลเลยที่คีย์ต้องพูดอะไร คนตัวเล็กก็แค่ทุ่มกองหนังสือหนาๆวางลงไปที่เคาเตอร์ด้านหน้าก็เท่านั้นแหละ
แต่มินโฮน่ะมีเหตุผลที่ต้องพูด .. เหตุผลที่ต้องพูด .. มีตั้งมากมาย
แก้ตัวสิว่าหายไปไหนมา ..
พูดให้เหมือนปกติสิ ว่าทำไมที่สุสานทุกวันอาทิตย์ถึงได้ไม่มีนาย
พุดออกมา ..
ใช่ และเพราะมินโฮไม่มีเหตุผลเลยในความคิดของคีย์ ทุกอย่างจึงเงียบเชียบ ... นิ่งสนิท
ไม่รู้ทำไมแต่คีย์อยากจะร้องไห้
เหมือนเด็กๆ
ที่ทุกอย่างไม่เหมือนเก่าอย่างนี้แสดงว่ามินโฮเชื่อคำพูดของแม่แต่ไม่เชื่อเขางั้นเหรอ?
เชื่อว่าเขาน่ะมันเลวร้ายงั้นเหรอ
อ่อ .. เหรอ ?
“เรียบร้อยแล้วครับ”
บรรณารักณ์ตัวสูงคนนั้นพูดแล้วดันเอาบัตรประจำตัวของเขากลับคืนมาให้
นายนี่มัน .. ทุเรศจริงๆ
“ฉันคืนหนังสือช้า 2 อาทิตย์นายไม่รู้หรือไง!”
คีย์แหว .. พูดอะไรบ้างสิวะ !!
“ไม่เป็นไร ไปเถอะ”
“ไม่! คิดเงินสิ!”
“คีย์ .. ไปได้แล้ว”
“บอกว่าไม่ไง!”
“มีอะไรกันมินโฮ”
นั่นไง .. ตัวการมาแล้ว คนที่ทำให้ความสัมพันธ์ที่เหมือนจะดีระหว่างเขาและมินโฮพังทลายลงเดินมาโน่นแล้ว
และคีย์ก็ใกล้ที่จะเก็บเอาน้ำตาไว้ไม่อยู่เสียแล้วด้วย เก็บความรู้สึกและคำพูดทั้งหมดไว้ต่อไปไม่ได้อีกแล้วด้วย!
“มินโฮ .. นาย .. จะบาทหลวงหรืออะไรนายก็เป็นไม่ได้หรอก ..”
ร้องไห้แล้ว ..
“นาย .. ไม่ดีพอ นิสัยแย่ ฮึก .. ไม่ใช่เพียงแค่นายไม่มีแม้แต่ความรัก แต่นายก็ยังไม่มีความเชื่อ ..”
นายมันทุเรศ ..
นายไม่มีเหตุผล ..
นายไม่เชื่อฉันมินโฮ ...
“นี่หนู!!” เป็นแม่ของเขาที่ฉุนเฉียวและพูดขึ้นเสียได้ แต่คีย์ไม่ได้คุยกับหล่อนเสียหน่อยนึง.. “นี่มันมากไปแล้ว เอาล่ะ ออกไปจากที่นี่ซะ”
“ผมไม่ได้พูดกับคุณนะ!!”
“เธอ!!!”
“คุณนั่นแหละที่หยุดพูดแทรกบทสนธนาของเราสักที”
หล่อนยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาและคีย์แน่ใจว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้ามันก้คงจะทาบลงอย่างแรงบนใบหน้าด้านใดด้านหนึ่งของเขาถ้า
ไม่มีมินโฮเข้ามาบังไว้
“มินโฮ!!”
“ขอโทษนะครับแม่”
คีย์ไม่ได้พูดอะไรอีก และมินโฮเองก็เช่นกัน หยุดอยู่เพียงแค่นั้นแล้วร่างทั้งร่างของเขาก็ถูกแรงกระชากของร่างสูงดึงให้ออกตามไป คีย์พยายามสาวเท้าให้เร็วเท่าเพราะเค้ารู้แล้วว่ามินโฮกำลังจะไปที่ไหน
ออกวิ่งกันเรื่อยไปจนถึงสุสาน
หิมะยังคงตก
“มีร่มหรือป่าว?”
“เอ๊ะ”
“นายพกร่มมาหรือป่าว”
“กะ .. ก็ .. มี” คีย์ยื่นสิ่งที่มินโฮถามหาให้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเอียงตัวลงพิงเข้ากับแท่นศิลาใหญ่ของใครสักคนอย่างไม่ให้ความเคารพแล้วกางร่มพกสีใสนั้นออก
มินโฮยื่นมือออกมากางมันไว้ที่เหนือหัวคีย์ที่ยื่นห่างออกไปประมาณ 1 ก้าวแต่เพียงคนเดียว ไม่ใช่ตัวของเขาเอง
“นายไม่ต้อง..”
“พ่อฉันเป็นบาทหลวงน่ะ ..” ยังไม่ทันที่คีย์จะพูดจบ มินโฮก็ตั้งต้นเล่าเสียแล้ว.. “และก่อนพ่อตายฉันสัญญากับท่านไว้ว่า ฉันจะเป็นบาทหลวงที่ดีแบบท่านให้ได้”
ตากลมๆนั้นเบิกขึ้นมองไปที่อีกฝ่าย ที่ได้ยินทำให้คีย์รู้สึกผิดนิดๆ ..
เขาเพิ่งพูดไปเมื่อเดี๋ยวเดียวนี้เองว่า อย่างมินโฮน่ะเป็นบาทหลวงไม่ได้หรอก
ใช่ .. แถมยังคิดมาตลอดตั้งแต่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ
เขาดูถูกความรักของมินโฮหรือป่าวนะ?
“แต่ฉันเป็นไม่ได้หรอก ใช่ไหม?”
มินโฮหัวเราะ .. คีย์ไม่ได้ยินเสียงนี้มานานแล้ว
และเหมือนมันกำลังบีบให้เค้าร้องไห้อย่างไร้เหตุผลที่สุดในโลก
“ขอโทษ .. ฉัน ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นจริงๆหรอกนะมินโฮ”
“ป่าวหรอกนายพูดถูกแล้ว”
“ไม่ ไม่ นายมีความเคารพรักในพ่อของนายใช่มั๊ย ฉัน แค่อยากให้นาย เอ่อ ยอมรับมันมากกว่านี้ มัน ก็ไม่ได้เลวร้าย”
แล้วมินโฮก็ยิ้ม คีย์เพิ่งสังเหตุตอนนี้เองว่ามินโฮไม่ใช้คำพูดสุภาพเกินคนอายุ 19 กับเขาเหมือนเก่า..ถูกแล้วล่ะ
"ไม่เป็นไรหรอก .. ขอโทษนะที่ทำให้นายรู้สึกไม่ดีไปด้วย"
"ป่าว .. ป่าว"
"ไปโบสถ์กันไหม?"
"ห๊ะ .."
คีย์เงยหน้าขึ้นพร้อมกันกับที่พยายามยกมือขึ้นมาปัดคราบน้ำตาที่ดูไม่ดีออกไป
"ไปทำไม ..?"
"ก็ปกติเขาไปทำอะไรกัน"
โบถส์น่ะเป็นสถานที่ที่คีย์ชอบ .. ชอบตรงที่ดีไซน์ของมัน ชอบบรรยากาศ ชอบ .. ชอบหลายๆอย่าง
ส่วนคนอย่างมินโฮเอง .. ก็คงจะชอบที่นี่อยู่เหมือนกันเพราะว่าอยากจะเป็นบาทหลวง ?
นี่สมเหตุสมผลหรือป่าวนะ(ไม่เกี่ยวกันเลย) ?
แล้วทำไมคีย์จะต้องคอยแต่คิดเรื่องเป็นเหตุเป็นผลแบบนี้ด้วย ... เพราะใคร เพราะใคร !!!
“ฉันเคยได้ยิน มีคนพูดว่า ความรักน่ะไม่มีเหตุผล ถ้าอย่างนั้นฉันก็คิดว่าความรักที่ว่านั่นมันเชื่อไม่ได้หรอกเพราะมันไม่เป็นความจริง รู้ไหมความจริงต้องเป็นเหตุเป็นผล”
คีย์พยักหน้า
โอเค .. รู้แล้วล่ะว่าเพราะใคร ต่อไปฉันจะไม่พยายามพูดกับนายเรื่องนี้อีก
ให้ตายเหอะ .. เหมือนวนมากัดกันอยู่เรื่อย
"แต่เพิ่งมาตระหนักได้ว่าทุกอย่างก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลล่ะมั้ง แล้วบางทีฉันเองก็ทำอะไรอย่างที่ไม่มีเหตุผลอยู่เหมือนกัน"
"มากมายเลยล่ะ"
เขาหัวเราะอีกแล้ว ... หัวใจของคีย์ เต้นตึกตักรุนแรงอย่างที่ไม่ควรจะเป็น
จนร่างเล็กเผลอยกมือขึ้นมากุมเอาไว้ที่หน้าอก ..
คีย์บอกไม่ได้หรอกว่าเสียงหัวเราะแบบนี้น่ะ เหมือนกันกับในเทพนิยายอย่างที่เขาเคยว่ามานั่นหรือป่าว
เพราะหนังสือไม่ได้บอกเอาไว้ว่ามันเป็นยังไง ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ..
มันก็ดีมากๆ .. มากๆ เขาดีใจที่ได้ยินมันอีกครั้ง
มากจนเผลอคิดไปถึงคำว่า .. ตลอดไป ..
"แล้วมันก็ถือเป็นเรื่องที่ผิดด้วย ยกตัวอย่างเช่น มีเหตุผลอะไรล่ะที่ฉันจะต้องไปที่สุสานทุกวันอาทิตย์?"
"เอ๊ะ!!"
มินโฮยังคงหัวเราะ ...
"มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องไม่ชอบให้นายนั่งตากหิมะ"
"..."
"มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องโกงเงินค่าปรับตอนที่นายคืนหนังสือช้าไป 2 อาทิตย์ด้วย.."
ความนี้เป็นคีย์ที่หัวเราะด้วย
"ใช่ไหมล่ะ .. มีเหตุผลอะไรกันที่ฉันจะต้องพูดจาไม่ดีใส่แม่"
"..."
"และเหตุผลอะไร ... ที่ฉันจะต้องอ่านหนังสือนิยายกรีก"
คีย์มองอีกฝ่ายตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินทั้งหมดนี้ผ่านออกมาจากริมฝีปากของมินโฮ
แน่นอน .. ตอนที่มันถูกเขวี้ยงลงถังขยะ เขารู้สึกแย่มากถึงมากที่สุด
แต่ก็คิดปลอบใจตัวเองไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่ามินโฮไม่มีทางอ่านมันหรอก .. ใช่ไหม?
โกหกใช่ไหม?
"แล้ว"
เขากลั้นหายใจเฮือกใหญ่ แววตาที่จับจ้องมองอยู่ที่อีกฝ่ายนั้นกำลังสั่นไหว .. แล้วถ้าอย่างนั้น
"ถ้าอย่างนั้น"
อย่างนั้น ..
"เหตุผลของนาย .."
"ก็คือคีย์"
และมินโฮพูดมันออกมาเป็นภาษาอังกฤษ
ด้วยน้ำเสียงแบบที่คีย์ชอบ ..
“You unlock my heart”
"แต่งงานกันมั๊ย?"
!!!!!!!!
ไม่ ไม่ เดี๋ยวนะ พูดอะไรของนายวะ
!!!!!!!!
"อะ อะ อะ อะ อะไร มินโฮ พะ พูดอะไรห๊ะ" ตอนนี้ดูเหมือนว่าคีย์จะไม่ได้รู้ตัวเท่าไหร่ว่าเท้าทั้งสองข้างของเขานั้นกำลังพยายามที่จะถอยหนีออกห่างจากมินโฮไปเรื่อยๆเรื่อยๆ...
จนในที่สุดมินโฮจึงจำเป็นจะต้องเอื้อมมือเข้าไปดึงตัวของอีกฝ่ายกลับมาไว้ที่ข้างกายเหมือนเก่า
"ตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ"
ฮ่าฮ่าฮ่า
นั่นหัวเราะแบบนี้อีกแล้ว .... พูดเล่นใช่มั๊ย !!
นายนี่มันทุเรศจริงๆ !!!!
"ทุเรศ บ้าเอ๊ย อย่าล้อเล่นแบบนี้อีกนะ !!"
โอย ... คนๆนี้
"ไม่ได้ล้อเล่น มาถึงโบสถ์แล้วนี่นา"
เขาชื่อ ชเว มินโฮ ...
"มินโฮ .. ขอร้อง เลิกแกล้งฉันซะ .. นะ"
วันๆเอาแต่ตั้งคำถาม ...
"รู้รึป่าวคริสตวรรษที่ 3 สมัยจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 แห่งกรุงโรมได้มีการห้ามให้มีการแต่งงานและการหมั้นเกิดขึ้น"
เป็นคนที่น่าปวดหัวนิดๆ ...
"ปัดโธ่เอ๊ย..."
มินโฮยิ้มและยังคงพูดต่อเหมือนทุกบรรทัดในหนังสือที่คีย์ให้ไปเด๊ะๆไม่ผิดแม้แต่ประโยคเดียว
"ถึงกระนั้นก็ตามยังมีนักบุญผู้ใจดีคนหนึ่งซึ่งชื่อว่าท่านนักบุญวาเลนไทน์ ได้จัดให้มีการแต่งงานของคู่รักอย่างลับๆขึ้น.."
"โอเคๆ รู้แล้ว"
มันน่ามั๊ยล่ะ ...
"ขณะที่ทำพิธี.."
"...?"
"คู่บ่าวสาวจะกระซิบรักและถ้อยคำสาบานต่อกัน.."
"....."
เขาชื่อ ชเว มินโฮ ...
รูปร่างผอมสูง และที่ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนกับว่าหลุดออกมาจากนิยายปรัมปราไม่มีผิด ...
วันๆเอาแต่ตั้งคำถาม ...
เป็นคนที่น่าปวดหัวนิดๆ ...
'และเขาเชื่อในความรัก'
"รักนาย"
คีย์พลาดไปเสียแล้ว .. ผิดเสียแล้วที่เอาแต่ยืนอยู่นิ่งๆ
"..."
พยายามสะกดเก็บทุกลมหายใจให้มันไม่ไหวติง พยายามควบคุมทุกๆสิ่งก่อนที่ริมฝีปากสีแดงสดนั้นจะขยับเลื่อนเข้ามาใกล้
"ฉันรักนาย...และนี่คือคำสาบาน"
และหลอมรวมกันเป็นเพียงหนึ่งลมหายใจ
You unlock my heart
Love from your Valentine.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น