ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { SHINee } Fiction | twinkle☺

    ลำดับตอนที่ #1 : MINKEY | A butterfly

    • อัปเดตล่าสุด 10 ต.ค. 53



    Title: A butterfly
    Paring: Minho x Key
    Genre: A/U, Romantic
    Rate: PG-13
    Story: Geeratii
    BGM: Butterfly - G-DRAGON


    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -









    It's about you a butterfly.


    มันเป็นความรู้สึกที่คล้ายกับว่าเธอกำลังยืนอยู่กลางทุ่งหญ้าสีน้ำตาล..
    ที่กว้างๆ ไกลสุดลูกหูลูกตา มองไปจนสุดก็เห็นแต่เพียงท้องฟ้า
    ลมพัดแรง ศีรษะเธอโน้มรับ กางแขนทั้งสองข้างออกราวกับว่ากำลังจะโอบกอดมัน


    Every time I come close to you (Every time I’m feeling you)


    และเธอได้พบเจอกับใครอีกคนหนึ่ง..
    ที่อยู่ตรงนั้น และทำให้ตรงนี้ ณ ที่นี่มีเพียงคนสองคน
    ใครอีกคน..ที่ช่างแสนบอบบาง แต่แลดูสว่างสไว
    น่าถนุถนอม เป็นความรู้สึกที่มองเห็นแล้วปรี่ขึ้นมาที่หัวใจ
    ทำให้รู้สึกอบอุ่น แต่ก็อิสระเย็นสบาย ตอนนั้นเธอคงไม่ต้องคิดอะไร..
    นอกจากว่า นี่..

    เป็นดั่งเช่นความฝัน...


    Feel like I’m gonna dream every time
    I get butterfly






    มินโฮตื่นขึ้นมา และค่อยๆกระพริบตา
    ปรับให้สามารถทนต่อความสว่างจ้า ที่ลอดผ่านม่านเข้ามาจนถึงตัวเขาได้

    มือใหญ่กดปิดเสียงเตือนอัตโนมัติ ที่ดังมาจากนาฬิกาปลุกอันเก่าตรงหัวเตียง
    จากนั้นก็ได้แต่นั่งเงียบๆรวบรวมความคิด..


    เขาฝันอีกแล้ว..



    จะเรียกว่ามันเป็นความฝันได้มั๊ย?
    หรือว่านั่นเป็นเพียงความนึกคิดจากจิตใต้สำนึกที่ทั้งสั่งทั้งย้ำให้วกวนอยู่กับมันไม่ไปไหน


    ภาพของเขาเอง และเพื่อนสนิท..

    เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร เหมือนโรคจิต



    เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกุมใบหน้า เป็นความรู้สึกที่อธิบายออกมาได้ยากอย่างบอกไม่ถูก
    มันก้ำกึ่ง..ระหว่างอยากที่จะไล่เรื่องพวกนี้ออกไปจากหัว
    และอีกครึ่งนึงคืออยากจะเก็บมันไว้ไม่ให้มีวันที่ต้องจางหายไปไหน..

    เค้าไม่มีวันลืม..



    ใช่แล้วล่ะ นี่คือความจริง



    จะเรียกว่าฝันได้ยังไง ถูกมั๊ย?
    ก็ในเมื่อ แม้จะไม่ได้หลับไหล เค้าก็ยังคงคิดถึงแต่มัน..
    คิดถึงคนๆนั้น




    คีย์..









    ก่อนโรงเรียนเข้าทุกเช้า มินโฮจะต้องแวะเข้าไปที่ห้องผู้อำนวยการใหญ่
    เข้าไปรับเรื่องราวจำพวกงานราชงานหลวงต่างๆ รวมไปถึงปัญหานู่นนี่อะไรทำนองนั้นของโรงเรียนมาจัดการ
    แน่ล่ะ .. ก็มันเป็นหน้าที่ของ 'ประธานนักเรียน' คนดีอย่างที่ทุกคนเขาว่ากันนั่นละ

    แต่ในวันนี้ แม้ว่ากริ่งเตือนจะดังขึ้นได้สักพัก ร่างสูงกลับไม่ได้พยายามที่จะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นสักเท่าไหร่..
    ปล่อยให้เวลาและความรีบเร่งของทุกสิ่งอย่างรอบตัวเดินผ่านเขาไป
    สายตายังคงเหม่อลอย..มองหาใครสักคนคนนั้น



    คีย์..



    คีย์..




    ไปไหนนะ...





    เมื่อถึงที่หมาย ประตูห้องถูกเคาะ 2-3 ทีและไม่ต้องรอเสียงขานรับ
    มินโฮก็ผลักมันออกและสาวเท้าเข้าไปอย่างเคยชิน


    แต่ครั้งนี้เด็กหนุ่มต้องแปลกใจ


    และเสียใจด้วยซ้ำที่ทำตัวเอื่อยเฉื่อยอยู่นานกว่าจะเดินมาถึงนี่ได้



    ก็ในเมื่อคีย์อยู่ที่ตรงนี้..

    อยู่นี่เอง..



    ตามที่เขาได้เห็น ร่างเล็กๆ ผอมบางของเด็กผู้ชายคนหนึ่งนั้นยืนหันหลังมาให้เขา
    แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่แน่นอนว่ามินโฮจำได้ว่านั่นคือใคร

    เด็กหนุ่มคนนั้นกำลังมีสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างหนัก มองออกไปที่ด้านนอก
    ไม่ได้สนใจชายสูงอายุที่เอ่ยปากพูดนู่นนี่ไม่หยุดกับตนเองสักเท่าไหร่


    อีกแล้วสินะ...



    "ผอ.ครับ?" มินโฮจึงรีบเอ่ยปากทัก
    ทำให้คนที่โตกว่าละสายตาออกมาจากคนตัวเล็กเพื่อสนทนากับเขาแทนได้
    คีย์เองก็หันมา แต่สีหน้าอย่างนั้นช่างยากที่จะคาดเดาความรู้สึก..



    "อ่อ.. มาก็ดีแล้วมินโฮ ดูเพื่อนเธอหน่อยสิ"


    "มีอะไรเหรอครับ?"


    คนตัวสูงหลุดคำตอบกลับไปอย่างคนที่กระตือรือร้นกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากๆ
    คีย์คิ้วกระตุกหันกลับมามองตามเสียงนั้นทันที


    ทว่าตอนนั้นมินโฮไม่ได้สบสายตากับอีกฝ่ายเลยสักนิด
    ก็เพราะว่าเขารู้ .. รู้ดีว่าคีย์ไม่ชอบแบบนี้.. ที่เค้ารีบตอบรับ
    ที่เค้าทำทีท่าว่าสนใจ ที่เค้าดูเหมือนว่ากำลังเป็นห่วงเป็นใยเรื่องของอีกฝ่ายอย่างนี้น่ะ!


    นั่นล่ะคีย์



    ถึงแม้ว่าจะแลดูเป็นเรื่องที่เข้ายากจริงๆที่คนๆหนึ่งมีความรู้สึกแบบนั้น แต่มินโฮก็อยู่กับคีย์มานานมาก..
    มากพอที่จะเข้าใจเรื่องทุกสิ่งทุกอย่างของคีย์นั้นยิ่งกว่าใคร


    รู้ดีอยู่แก่ใจหรอก ก็คนตัวเล็กน่ะ ..



    ดื้อดึงแค่ไหน ..
    เอาแต่ใจเท่าไหร่ ..


    แต่จะอะไรมินโฮก็ยอมได้ทั้งนั้นแหละ เว้ยเสียแต่นิสัยข้อหนึ่งที่ทำให้เค้าหนักใจจบแทบไม่เป็นทำอะไร


    คิม คิบอมไม่ชอบให้ใครมาสนใจ มาทำทีว่าเป็นห่วงเป็นใย ..
    ไม่ต้องการ ไม่ต้องการ ไม่ต้องการ ..


    ข้อเดียวที่มินโฮไม่รู้
    ไม่รู้จริงๆว่าภายในความรู้สึกจริงๆของจิตใจคีย์เป็นเช่นไร


    ถึงแม้ว่จะหยิ่งยโส ถือตัวแต่ไหน
    ถึงแม้ว่าจะ ไม่ชอบให้ใครเข้ามาเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิต
    ไม่ชอบถูกสั่ง ไม่ชอบที่จะอ่อนแอยังไง


    แต่ทำไมต้องพยายามทำตัวให้ดูเหมือนว่าตัวเองไม่มีใครด้วย
    ทั้งๆที่คีย์มีเขาอยู่ .. ตลอดเวลา



    ขัดกับในความคิดคีย์


    ที่แบบนั้นคีย์ไม่ชอบ
    ไม่ชอบจริงๆนั่นล่ะ ใครจะมาเข้าใจได้ยังไงล่ะก็คนเรามันไม่เหมือนกันนี่นา
    ต่างคนก็ต่างนิสัย ต่างความคิด ..


    เขาที่ไม่ชอบให้ใครมาสงสารน่ะ ไม่เอา..เข้าใจไหม?
    ไม่ต้องมาทำทีเป็นห่วง เวทนา หรือสนใจเลย อย่าล่ะ .. เรื่องอะไรคีย์จัดการได้เอง
    ไม่จำเป็นต้องพึ่งใคร


    ก็เพราะว่าถ้าเป็นแบบนั้น มันทำให้คนตัวเล็กรู้สึกว่า ตัวเองน่ะอ่อนแอซะจริงๆ




    คิดแบบนี้ผิดสินะ..




    แต่สำหรับมินโฮน่ะเหรอ?


    แล้วยังไงล่ะ มินโฮก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกไปด้วยความรู้สึกนั้นอยู่ดี
    ไม่ได้คิดอะไรด้วยซ้ำ ไม่ชอบให้ใครเป็นห่วงก็ได้ .. แต่เว้นเค้าไว้สักคนไม่ได้รึไง


    เขาเป็นห่วง





    "เอาอีกแล้วน่ะสิ เพื่อนสนิทเธอแท้ๆ ทำผิดกฏโรงเรียนทำไมไม่รู้จักตักเตือนกันบ้าง
    นี่โดนตัดคะแนนความประพฤติครั้งที่เท่าไหร่แล้วล่ะ คิม คิบอม..
    จะไม่เหลือสักคะแนนให้ครูตัดแล้วนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงต้องเรียกผู้ปกครอง"


    "จะยังไงก็เอาเถอะครับ"


    คีย์โต้กลับทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ
    และก่อนที่เรื่องจะยาวไปกว่านี้มินโฮจึงต้องรีบเข้ามาสะสางแทน



    "เอ่อ ต่อไปนี้จะไม่เป็นแบบนี้อีกแล้วครับ อาจารย์ ผมสัญญา คง.. ไม่ถึงกับต้องเรียกผู้ปกครอง? ..ใช่มั๊ยครับ?"


    คนตัวเล็กยืนเงียบกริบ ไม่ปริปากพูดใดๆ
    ถึงแม้ว่าภายในใจนั้นน่ะ .. อยากจะขัดขึ้นมาเสียแทบแย่ เกลียดนักน่ะอะไรแบบนี้

    อยากทำอะไรก็ทำเลย เค้าไม่ชอบขอร้องใคร..
    ไม่ชอบอ้อนวอนใคร



    คงต่างจากมินโฮมากนักล่ะ



    ชายสูงไวมองหน้านักเรียนของตนทั้งคู่แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
    ก่อนจะยกมือขึ้นโบกปัดๆ


    "เอาเถอะ .. ไปๆ ไปกันได้แล้ว ที่เรียกมาก็แค่อยากจะตักเตือนเท่านั้น
    คิบอม.. ความหวังดีที่คนอื่นเค้าหยิบยื่นให้น่ะ รู้จักยิ้มรับมันซะบ้าง มันไม่ได้ทำให้ตัวนายด้อยค่าลงไปหรอกนะ"



    อ่อ .. ใช่


    คีย์คงจะคิดแบบนั้นล่ะมั้ง?



    "ผมไม่ได้ขอร้องให้ครู.."


    "ไม่ใช่จากครู.."


    "ห๊ะ.."


    "ครูหมายถึงจากมินโฮ"









    เป็นไปตามคาดที่คีย์ไม่ยอมพูดกับมินโฮเลยหลังจากที่เดินออกมาจากห้องผู้อำนวยการ
    จนกระทั่งเข้าเรียน หรือแม้แต่ตอนพักกลางวันทั้งๆที่ยังนั่งกินข้าวบนเก้าอี้ตัวตรงกันข้ามกันอยู่


    แต่จะว่าไปก็ชินแล้วล่ะ..



    คีย์เป็นลูกคนเดียว ตอนเด็กๆคุณแม่เสียไปทำให้ในครอบครัวเหลือเพียงคนตัวเล็กและคุณพ่อสองคนเท่านั้น
    เพราะอย่างนี้ล่ะคีย์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนักหนาสาหัสทีเดียวสำหรับคนเป็นพ่อ
    เพราะอย่างนี้ล่ะถึงได้ตามใจชนิดที่ว่าไม่ลืมหูลืมตาไม่ว่าเรื่องอะไร
    และถึงแม้ว่าจะพอรู้อยู่หรอกว่าบางทีมันก็เป็นข้อผิดพลาดร้ายแรงที่ได้ทำลงไป แต่ก็จะทำยังไงได้..


    รักมาก

    ยอมทุกๆอย่าง..



    คีย์ถึงได้โตมาเป็นเด็กที่เอาแต่ใจ แต่นิสัยที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ไม่ยอมแพ้ใครแบบนี้
    ไม่สักนิด ประกอบกับฐานะทางบ้านที่ดีเลิศใช่ย่อยนั้นยิ่งช่วยส่งเสริมให้
    คิม คิบอม สามารถใช้ชีวิตได้ง่ายดายโดยไม่จำเป็นต้องมีคนอื่น หรือพึ่งพาอาศัยใคร..
    หยิ่งยโส เป็นคุณหนูที่บางคนก็คงแอบหมั่นไส้หรือเกลียดชังอะไรได้เลยล่ะมั้ง

    แน่นอนคีย์ไม่ได้แคร์อะไร



    แต่กับมินโฮ เรียกว่าเพื่อนเพียงคนเดียวของคีย์ก็ได้
    มินโฮเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะงั้นถึงได้สนิท และได้คุยกัน
    ก็คีย์ตอนนี้น่ะ ถ้าจะให้ไปหาหรือสร้างเพื่อนใหม่ๆคงยากพอๆกับให้ไปเกิดใหม่ซะ ก็ทำนองนั้น

    ไม่ยอมนอบน้อม ไม่ยอมอ่อนให้ ไม่เคยเข้าหาใคร ไม่ยอมก้มหัว..
    และอีกความคิดหนึ่งซึ่งร้ายกาจนัก ที่คีย์ไม่จำเป็นต้องมีใครเลย นั่นคือ..


    มีเพียงแค่มินโฮคนเดียวก็พอแล้วนี่




    ส่วนมินโฮเอง
    แม้ว่ามินโฮเองจะไม่ได้เป็นคนที่ดื้อเพ่งขนาดคีย์ แต่ก็ไม่ใช่พวกที่ร่าเริงไปทั่วอะไรอย่างนั้น
    นิสัยจริงๆก็เป็นคนเงียบๆอยู่แล้ว แต่เพราะเป็นคนช่วยเหลือคนอื่นและทำงาน
    ใครเข้ามาคุยด้วยก็ดีกลับไปเสมอทำให้มีคนรักมาก คนรู้จักก็เยอะ
    แน่ล่ะ เพราะนอกจากมินโฮจะเป็นถึงประธานนักเรียนคนเก่งแล้ว ยังเป็นนักกีฬาของโรงเรียนอีก
    รูปร่างหน้าตาดี เรียนหนังสือเก่ง ทำงานเก่ง เล่นกีฬาเก่ง
    บรรดาเด็กผู้หญิงยิ่งกรี๊ดกร๊าดเห็นดีเห็นงาม


    คิดแล้วก็ขำเมื่อนึกถึงหน้าคีย์ตอนที่บ่นรำคาญเรื่องพวกนี้เป็นประจำ..





    "เลิกงอนนะ .. เดี๋ยวตอนเย็นพาไปเที่ยว"


    "..."


    คีย์ยังคงเงียบ แต่ที่เงียบแบบนี้ล่ะ
    มินโฮคนเดียวที่รู้ความหมาย
    แปลว่า ง้อต่อสิ !


    "อยากไปมั๊ย?"


    คนตัวเล็กรีบตอบทันที "ไม่!"
    แต่ถึงอย่างนั้นมินโฮก็หัวเราะให้กับใบหน้าสวยที่พองแก้มสองข้างแบบเด็กๆอยู่


    "น่านะ .. เดี๋ยวเลี้ยงไอติมด้วย"


    "เห็นชั้นเป็นคนเห็นแก่กินใช่มั๊ย?"


    "คีย์..." มินโฮรั้งแขนของอีกคน ยิ้มให้ ทำให้คนที่ถูกมองหน้าฮึดฮัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    ยอมจำนนอย่างช่วยไม่ได้



    "ก็ได้ ฮึ่ย.. "


    ว่าแล้วก็ก้มลงไปกินข้าวต่อ ทำเป็นมองนู่นมองนี่
    ทำทีเป็นไม่เห็นมินโฮที่ยิ้มแฉ่งอย่างเปิดเผยตอนนี้เลยสักนิด..




    ถ้าเปรียบคีย์ให้เป็นสิ่งใดอื่นนอกจากนี้แล้วล่ะก็ มินโฮก็คงมองเห็นคีย์เป็นผีเสื้อแสนสวยตัวหนึ่ง

    ที่ถึงแม้ว่าจะบินโฉบเฉี่ยว อยู่ใกล้เหมือนกับว่าเขาสามารถที่จะสัมผัสเก็บความสวยงามนั้นมาใกล้

    แต่ไม่ว่าจะเอื้อมมือเข้าไปมากเท่าไหร่

    มันก็ไม่มีวันคว้าความงดงามนั้นมาได้เสียที



    คีย์น่ะ .. เป็นดั่งฝัน



    Every time I come close to you (Every time I’m feeling you)
    Feel like I’m gonna dream every time

    I get butterfly










    แม้ว่าจะใกล้หมดหน้าฝนแล้ว แต่วันที่ 29 กันยายนยังมีฝนตกลงมาอย่างหนัก
    เนื่องจากมีใต้ฝุ่นเข้า มินโฮกับคีย์ที่หลังจากเลิกเรียนได้ออกไปเที่ยวกันแถวริมแม่น้ำ
    ที่ทุ่งหญ้าที่เคยหนีเรียนไปด้วยกันบ่อยๆ ตอนนี้กำลังยืนหอบแฮ่กๆ
    เพราะวิ่งหนีสายฝนที่จู่ๆก็กระหน่ำเทแบบไม่ทันให้ได้ตั้งตัวนั้นเอง


    และหนึ่งชั่วโมงต่อมาฝนก็ยังไม่ซาลงสักนิด
    เป็นร้านอาหารที่ปิดประตูเงียบลงไปแล้ว นั่นคือที่ที่ทั้งสองคนใช้เป็นที่กำบัง
    คีย์ยืนนิ่งหลังพิงติดกับกำแพง ในขณะที่อีกคนกลับยืนซ้อนทับหันหน้าเข้าหาคนตัวเล็กเพื่อบังฝนให้อีกที


    แรกๆคีย์ก็หงุดหงิดออกปากว่าอย่างงู้นอย่างงี้อยู่หรอก
    แต่พอนานเข้าก็รู้ว่า .. ถึงจะพูดไปมินโฮก็ยังจะทำเหมือนเดิมอย่างนี้อยู่ดีล่ะ เลยเลิก


    พูดเรื่องอื่นแทน


    ยิ้มโฮก็แค่ยิ้มรับฟัง
    ปากเล็กๆช่างจ้อนั่น .. ส่งเสียงหวานใส





    ทุ่มกว่าๆแล้วฝนก็ยังไม่หยุดตก
    จนในทีสุดเครื่องมือสื่อสารสีชมพูสวยในกระเป๋าก็มีสัญญาณดังขึ้นจนได้
    คีย์ไม่แปลกใจเลย คงเป็นคุณพ่อที่โทรมาตามตัวกลับบ้าน


    คนเดียวที่คีย์ยอมให้มาทำเป็นห่วงเป็นใยก็คือพ่อนี่แหละ

    คีย์รักพ่อมากๆ



    แต่น่าแปลกที่ไม่เป็นอย่างที่คิด กลับเป็นเบอร์แปลกจากไหนสักที่แทน
    คนตัวเล็กกดรับด้วยความงุนงง



    "ฮัลโหล?"



    เสียงสาดเทของสายฝนยังดังไม่มีหยุดเลยแม้กระทั่งตอนนี้

    หนวกหูจัง..



    "คุณคิม คิบอมใช่มั๊ยคะ?"


    และเป็นเสียงเล็กๆของหญิงสาวที่ไหน ใครสักคนหนึ่งดังขึ้นมาจากปลายสาย
    คีย์พยายามเงี่ยหูฟังและกดโทรศัพท์ให้ติดหูเข้าไปอีกนิด
    แต่เพราะเสียงของเม็ดฝนที่หล่นลงกระทบพื้นที่ว่านี้ล่ะ ทำให้มันไม่ง่ายเลยที่จะรับฟัง


    "เอ่อ.. ใช่ครับ พูดเสียงดังหน่อยได้มั๊ย ไม่ได้ยินเลย?"


    เสียงนั้นดังขึ้นตามที่สั่ง ทว่ากลับดูรีบร้อนกว่าเก่า
    ทำเอาความรู้สึกของคีย์นั้นผิดแปลกไป


    "คุณคิมคิบอมคะ.."



    "..."



    หืม?



    "คุณพ่อของคุณได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์"



    "..."




    "ขณะนี้อยู่ที่โรงพยาบาลนะคะ ถ้ายังไงกรุณารีบมา.."




     



    *กึก*



    อะไร?



    พูดว่ายังไงนะ?





    ไม่ทันจบประโยคยาวยืด คีย์ก็ปล่อยน้ำหนักที่มือทั้งหมดลงข้างลำตัวเสียก่อนแล้ว
    ในมือยังคงถือโทรศัพท์ไว้ แต่คล้ายกลับว่าสมองจะไม่ประมวลเหตุการณ์หรือรับรู้สิ่งใดไปชั่วขณะ..


    ถ้าเดาไม่ผิด ตอนนี้หูเขากำลังหนวก ตาบอดมืดมิดมองไม่เห็นอะไร
    เป็นใบ้ แขนขาก็ไม่มีแรง สมองก็ไม่สั่งการ
    เค้ากลายเป็นอะไรไปแล้วไม่รู้..


    ไม่รู้เลยสักอย่าง


    ไม่รู้หรือไม่อยากรับรู้กันแน่นะ





    นี่มันอะไรกัน ?


    จากประโยคที่ได้ฟังเพียงแค่ประโยคเดียว ?


    "คุณพ่อของคุณได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์"





    ดวงตากลมเบิกกว้างแต่ดูเลื่อนลอยนั้นทำให้มินโฮต้องรีบร้องถาม ทว่าคีย์ไม่ได้ยินอะไรเลยจริงๆ
    แม้ว่าเสียงหยาดฝนที่เทกระหน่ำลงมาจะดังอื้ออึง ทั้งๆที่ตอนแรกบ่นกับมินโฮว่ามันช่างน่าหนวกหู
    แต่ตอนนี้.. ทำไมทุกสิ่งทุกอย่างมันถึงได้เงียบเชียว หนาวเหน็บ.


    มินโฮคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาจากมือเล็ก ก่อนจะแนบลงกับหู จนในที่สุดก้ได้รับรู้เรื่องราวความเป็นจริง
    เค้ากดปิดมัน แล้วดึงอีกฝ่ายมากอดไว้ และคีย์ก็สะบัดตัวออก


    ร้องไห้ออกมา..




    ร่างสูงเอื้อมมือเข้าไปหวังจะช่วยเช็ดน้ำตา
    แม้ในใจจะรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำแบบนั้นเลย แต่ก็ทำ
    และแน่นอนนอกจากจะถูกปัดออกอย่างไม่ใยดีแล้วคีย์ยังมีทีท่าจะวิ่งออกไป
    น้ำตายังคงหลั่งไหลไม่หยุด



    "พ่อ.. พ่อ ฮือ ไม่.."



    "คีย์.. ใจเย็นสิ..เดี๋ยวอย่าเพิ่งออกไป.."



    มือหนาตรงเข้าฉุดรั้งร่างเล็กๆ คีย์ไม่ได้พยายามผลักไสมันอีกแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ได้สนใจมันเลยต่างหาก
    ใบหน้าสวยร้องไห้ฟูมฟาย ปากเล็กนั้นยังตะโกนซ้ำๆไม่หยุด


    พอหลุดไปจากการกอบกุม วิ่งไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ล้มลงไม่เป็นท่า
    คีย์ร้องไห้ ตะโกน เสียงดังไม่เท่าไหร่เมื่อเทียบกับฝนฟ้า



    ทว่ามินโฮกลับได้ยินมันกึงก้องอยู่ภายในใจ..


    ทำไมเค้าถึงได้เจ็บถึงเพียงนี้ ..
    มินโฮเท่านั้นที่รู้คำตอบของทั้งหมดนี้ดี


    จะมีประโยชน์อะไรถ้าหากเค้ากำลังมีความสุข แต่คีย์ไม่มี

    ก็ในเมื่อความสุขทั้งหมดในชีวิตเค้า



    มันฝากไว้ที่คีย์นี่นา..





    ร่างสูงตรงเข้าไปโอบกอดอีกคนไว้ อ้อมกอดแนบแน่นไม่ได้ทำให้ความหนาวเหน็บทั้งกายและใจในตอนนั้นลดลงได้
    แต่มินโฮก็ยังอยากที่จะทำ อยากที่จะทำแบบนั้นเพื่อให้คีย์ยอมรับ
    เพื่อให้คีย์รู้ว่าตอนนี้อีกคนไม่ได้อยู่คนเดียวเสียหน่อย คีย์ยังมีเค้าอยู่..


    ตอนที่คีย์ร้องไห้ เค้าเองก็กำลังร้องไห้
    ตอนที่คีย์เจ็บปวด เค้าเองก็เจ็บปวด
    มันเป็นความเจ็บปวดที่คล้ายคลึงกันที่สุดเลยไม่ใช่เหรอ ก็ในเมื่อ..


    คีย์กำลังเจ็บปวดเรื่องของตัวเองอยู่
    และมินโฮก็กำลังเจ็บปวดเรื่องของคีย์เช่นกัน..


    ไม่ใช่เพราะพ่อของคีย์ แต่เป็นเพราะคีย์ต่างหาก..





    ในที่สุดร่างเล็กก็ยกมือขึ้นมาโอบกอดอีกคนกลับ
    และมินโฮโยกเอาทั้งตัวนั้นไปมา ข้างหนึ่งกอดปลอบประโลม ส่วนอีกข้างหนึ่งก็ลูบแผ่นหลังนั้นช้าๆ
    กดจูบลงที่กลุ่มผมหนาอันเปียกชื้น บอกผ่านสัมผัสทั้งหมดว่าเค้าเป็นห่วงคนตรงหน้ามากมายแค่ไหน


    กอดเอาไว้.. แนบแน่นจนเหมือนว่าทั้งคู่กลืนกันจนกลายเป็นเพียงคนๆเดียว





    เมื่อผีเสื้อแสนสวยตัวหนึ่งถูกสายฝนกระหน่ำพัดพา และตกลงมาอยู่ในอ้อมกอดของเขา

    มินโฮไม่ดีใจสักนิดที่ในตอนนี้ เขาสามารถแตะต้องความฝันอันเติมเต็มความว่างป่าวในสมองนั้นมาได้ดั่งใจ

    เพราะความโศกเศร้า บาดแผล ความเจ็บปวดนั้นทำให้ทุกการกระทำต่อจากนี้จะไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไปแล้ว

    ถึงตอนนี้แหละมินโฮจึงได้เข้าใจ ว่าความปรารถนาที่แท้จริงของเขาไม่ใช่การที่จะต้องได้อีกฝ่ายมากสวมกอดไว้เสียหน่อย


    จริงๆแล้วน่ะ .. มินโฮก็เพียงแค่ต้องการให้


    ผีเสื้อตัวนั้นมีความสุข


    ต่างหากล่ะ



    Every time I come close to you (Every time I’m kissing you)
    Feel like I’m gonna dream every time (I get butterfly)


    beautiful girl...





    .








    หมดหน้าฝนแล้ว ฝนหลงฤดูเองก็หาบวับไปจากฟากฟ้าแล้วเช่นกัน
    มินโฮเหม่อมองออกไปที่ด้านบนเหนือหัว ช่างเป็นท้องฟ้าที่สว่างสดใส แทบจะไม่มีแม้แต่ก้อนเมฆ
    มีเพียงสายลม ถ้านับจากวันนั้นล่ะก็ งั้นนี่คงเรียกว่าฟ้าหลังฝนได้


    ไม่นานร่างเล็กๆของใครบางคนก็กระโดดลงมาจากรถยนต์คันโตและตรงดิ่งเข้ามาหาเขา
    มินโฮยิ้มทักทาย ทำให้อีกฝ่ายอดไม่ได้ที่จะยิ้มกลับมาให้..


    ทั้งคู่เดินเข้าเรียนพร้อมๆกัน
    สนธนาเรื่องนู่นนี่ตามประสา




    "นี่.. มินโฮ ตอนบ่ายวันนี้ไม่อยากเรียนเลย ไปเที่ยวกันนะ" คนน่ารักยิ้มสวยในขณะที่ยังเคี้ยวข้าวกลางวันตุ้ยๆ
    มินโฮหัวเราะ เอาแล้วไงล่ะ คุณหนูคิม คิบอม


    ชวนประธานนักเรียนโดดเรียนซะนี่..



    "ขาดเกินโควต้าแล้วไม่ใช่เหรอ นายน่ะ"


    คำพูดนั้นถึงกลับทำให้อีกคนหุบยิ้มไป กระแทกช้อนดังกึกใหญ่
    ช่างประชดประชันนักล่ะ..


    "ตามใจ.. งั้นชั้นไปคนเดียว จะชวนไปเลือกดอกไม้สวยๆไปฝากคุณพ่อก็เท่านั้นเอง.."


    มินโฮหัวเราะ เอาแต่ใจจริงๆ



    ตอนนี้คุณพ่อของคีย์ไม่เป็นไรแล้ว หลังจากการผ่าตัดก็พ้นขีดอันตราย
    ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่หายดีจนไปทำงานเหมือนปกติได้ แต่ก็แข็งแรงมาก นอนพักรักษาตัวอีกไม่นานก็คงได้กลับบ้าน
    เพราะอย่างนี้มินโฮกับคีย์ถึงได้ไปหาที่โรงพยาบาลทุกวัน
    คีย์อยากจะนอนที่นั่น แต่แน่นอนว่าคุณพ่อไม่ยอม ..ให้กลับบ้าน
    มินโฮก็เลยมีหน้าที่บังคับแล้วก็พาคนตัวเล็กกลับไปส่งถึงที่ไปในตัว


    ถึงอย่างนั้น บางทีมินโฮก็ค้างด้วยบ้าง
    หรือไม่คีย์ก็ตามไปที่บ้านเค้าแทน


    เพราะงั้นนอกจากโรงพยาบาลก็ไม่ได้ไปเที่ยวที่อื่นกันเลย


    มาสักพักแล้ว..




    คนตัวสูงวางช้อนลง ยกมือขึ้นขยี้หัวอีกฝ่ายเบาๆด้วยความเอ็นดู


    "องค์รักษ์จะยอมให้คุณหนูไปไหนมาไหนคนเดียวได้ไงเล่า โธ่.. อย่างอนสิ"
    นั่นไง กะแล้ว คีย์หัวเราะคิกคักแล้วก็กินข้าวต่อไปได้อย่างปกติสุข


    "มินโฮ งั้นก่อนหน้านั้น ไปทุ่งหญ้าริมน้ำที่แต่ก่อนเคยไปกันนะ"


    มินโฮพยักหน้าหงึกหงักยิ้มๆ









    มันเป็นความจริงที่ว่า เขากำลังยืนอยู่กลางทุ่งหญ้าสีน้ำตาล..
    ที่กว้างๆ ไกลสุดลูกหูลูกตา มองไปจนสุดก็เห็นแต่เพียงท้องฟ้า
    ลมพัดแรง ศรีษะของเด็กหนุ่มโน้มรับ กางแขนทั้งสองข้างออกราวกับว่ากำลังโอบกอดมัน


    และเมื่อหันไปใกล้ๆ ก็ได้พบเจอกับใครอีกคนหนึ่ง..
    ที่อยู่ตรงนั้น และทำให้ตรงนี้ ณ ที่นี่มีเพียงคนสองคน


    ใครอีกคน..ที่ช่างแสนบอบบาง แต่แลดูสว่างสไว
    น่าถนุหนอม เป็นความรู้สึกที่มองเห็นแล้วปรี่ขึ้นมาที่หัวใจ
    ทำให้รู้สึกอบอุ่น แต่ก็อิสระเย็นสบาย ตอนนั้นมินโฮคงไม่ต้องคิดอะไร..
    นอกจากว่า นี่..



    เป็นความจริง...




    คีย์….







    "มินโฮ!!!" เสียงของคีย์ดังขึ้น
    ทำให้มินโฮหลุดออกจากภวังค์ ทั้งๆที่เค้ากำลังมองใบหน้าหวานของอีกคนพร่ำพูดอะไรสักอย่างอยู่


    แต่จิตใจกลับไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างงั้นเหรอ ?



    "เหม่ออะไร.. หนอยแน่ะ นึกว่าฟังที่ฉันพูดอยู่ซะอีก"


    คุณหนูเอาแต่ใจฮึดฮัดขึ้นมาในที่สุด นั่งกระแทกก้นลงกับพื้นหญ้าก่อนที่จะสะบัดตัวไปมาเหมือนเด็กๆ..


    "ไม่ได้ฟังอยู่.. แต่กำลังคิดถึงอยู่นะ.."



    พอเป็นแบบนั้นคีย์ถึงได้แต่เงียบ ก้มหน้างุดๆ ทำเป็นเก็บดอกไม้มาผูกกันเป็นแหวนเล็กๆอย่างที่ชอบทำ
    มินโฮหัวเราะใหญ่ ได้ใจก็เลยทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ แล้วพูดอีก




    "เมื่อเช้าฉันฝันด้วย"



    คีย์เลิกคิ้วขึ้น มองหน้าอีกคน ท่าทีสนอกสนใจ



    "ว่าไงเหรอ?"



    "อืม.. แยกไม่ออกว่าเป็นความฝันหรือว่าความจริงกันแน่
    ฝันมาตลอดเลย.. ว่าฉันน่ะ หลงรักผีเสื้อตัวนึงเข้า.."



    "โห.........."



    "ผีเสื้อตัวนั้นนะ สวยมากๆ สำหรับคนอื่นอาจจะสวยจนน่าอิจฉาเลยล่ะ
    แต่สำหรับฉันน่ะ ฉันรู้ ว่าผีเสื้อตัวนั้นน่ะ ถึงแม้ว่าภายนอกจะหยิ่งยโส
    ทำตัวเข้มแข็งขนาดไหน แต่จริงๆแล้ว ข้างในนั้นน่ะบอบบางมากๆ


    ถึงแม้ว่าจะมีสีสันฉูดฉาด แต่สำหรับฉันมันอบอุ่นมากๆเหมือนกัน


    ถึงแม้ว่าทุกครั้งที่ฉันเอื้อมมือเข้าไปหา ผีเสื้อตัวนั้นจะบินหนี ปฏิเสธความหวังดีหรือทุกสิ่งทุกอย่างจากฉัน
    แต่ฉันก็รู้อีกนั่นแหละ ว่าจริงๆแล้วผีเสื้อตัวนั้นน่ะ ต้องการฉัน..
    "



    เสียงมินโฮเงียบลง ก่อนที่เขาจะเหลียวไปมองใบหน้าสวยของคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น
    คีย์ที่ตอนนี้กำลังนั่งบิดก้านดอกไม้ไปๆมาๆทำทีว่าไม่สนใจ แต่แก้มทั้งสองข้างน่ะ แดงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว


    คนตัวเล็กก้มหน้างุดๆเอ่ยปากพูด



    "ขี้ตู่.. ไม่ได้ต้องการสักหน่อย"




    มินโฮหัวเราะชอบใจ ยังพูดต่อ..


    "อืม.. นอกจากั้นยังปากไม่ตรงกับใจด้วยนะ"


    "เอ๊ะ! มินโฮ!!"



    ทำไมคีย์จะจำไม่ได้ล่ะ


    มินโฮก็เคยบอกว่าเขาน่ะ เหมือนพวกผีเสื้อเลย ..



    แต่พอถามต่อไปว่า ทำไมล่ะ ?


    มินโฮก็เอาแต่ส่งยิ้มบางๆกลับมาให้




    ไม่มีคำตอบเหรอ?


    ป่าว ..




    เพียงแต่คีย์เพิ่งจะรู้และเข้าใจมันต่างหากล่ะ




    "แต่ว่าฉันน่ะ.. ชินแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ
    ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอผีเสื้อตัวนั้นน่ะ
    ฉัน.. มีความสุขตลอดเลย


    ถ้าหากผีเสื้อตัวนั้นเศร้า ฉันเองก็เศร้าด้วย
    แต่ถ้าวันไหนที่ผีเสื้อดีใจ ฉันก็ดีใจเหมือนกัน


    ฉันน่ะ อยากจะปกป้องผีเสื้อตัวนั้น
    ไม่ให้ต้องเจอกับเรื่องร้ายๆ ไม่ให้ใครมาทำอะไรได้


    ฉัน.. ฉันหยุดคิดถึงไม่ได้เลย..



    ฉัน.."




    มินโฮกำลังจะพูด
    กำลังจะพูดความจริงออกไป ทั้งๆที่ในใจยังมีข้อขัดแย้งกันอยู่ตั้งมากมาย


    แต่ว่า..



    คีย์จะเข้าใจมันมั๊ยนะ?


    แล้วจะยอมรับมันรึป่าว?




    "แล้วไงต่อ"


    คนตัวเล็กว่า ตอนนี้ในมือไม่ได้ขยุกขยิกพันก้านดอกไม้ไปมาเหมือนเก่า
    แต่กลับหยุดนิ่ง ยังคงก้มหน้าแล้วก็เงียบเพื่อให้รู้ว่ารอฟังคนตัวสูงอยู่..



    เดินมาถึงนี่แล้ว จะหยุดได้ยังไงกัน ?


    เป็นไงเป็นกันสิ มินโฮหลับตาลงแล้วพยายามกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
    ก่อนที่จะปริปาก..



    คายเอาความรู้สึกที่อัดแน่นภายในใจออกมา






    "ฉันรักคีย์"





    คำเดียว


    คำเดียวเท่านั้นล่ะ มินโฮก็หมดคำพูดใดๆเพื่ออธิบายความเป็นจริงในใจทั้งหมด



    คีย์ยิ้ม.. ยิ้มให้กับดอกไม้ในมือที่ก้มหน้ามองมันอยู่
    จากนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาจากไหนไม่รู้มากมายขนาดนั้น มินโฮตกใจใหญ่
    รีบเอื้อมมือออกไปหวังจะรั้งคนตรงหน้าเข้าหา ..



    “คีย์ .. คือ .. ขอโทษ อย่าร้องไห้นะ คีย์ …”



    "ไม่ .. ฉัน..ฮึก ฉันขอบคุณมากๆเลย"



    "..."






    "ฉัน .. ก็รักมินโฮเหมือนกัน"




    คำเดียว


    คำเดียวกัน



    คำเดียวเท่านั้นแหละที่เป็นดั่งแสงสว่างที่จุดขึ้นภายในจิตใจ ที่เกือบจะดับวูบลงอยู่แล้วกับสถานการณ์ตรงหน้า
    มินโฮเปลี่ยนใจจากที่ว่าจะเอื้อมมือไปซับน้ำตา คนตัวโตกลับรั้งทั้งร่างนั้นเข้ามาโอบกอดไว้


    จะว่ายังไงดี


    จะให้อธิบายยังไงดี ..



    ทั้งดีใจ มีความสุข ตื้นตัน หรือ อบอุ่น โหยหา สว่างสไวไปจนถึงขั้วหัวใจ ..


    ไม่ว่าใครก็คงไม่เข้าใจ






    นอกจากมินโฮกับคีย์





    "ฉันก็รัก รักมาตลอดเลย รักคีย์มากจริงๆ"



    ถ้าเธอได้เผลอมองลงมาที่ตรงนี้บ้าง .. สักนิดหนึ่งล่ะก็นะ
    เธอก็จะรู้ได้เลยว่า .. ในทุกๆเวลานั้นน่ะ ฉันอยู่ใกล้ๆเธอ อยู่ตรงที่ข้างๆเธอเสมอ..
    รู้สึกถึงแต่เธอ..
    เฝ้าจุมพิตเธอ..


    ไม่ใช่แต่เพียงแค่ในความฝัน .. แต่ความรู้สึกทั้งหมดของฉันนั้น คือความจริง


    ก็ฉันน่ะ..


    รักเธอ


    Every time I come close to you (Every time I’m loving you)
    Feel like I’m gonna dream every time


    I get butterfly







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×