คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [DYKM] : JERK! ,, secret ,, Sherk ,, พระเอาพายมาหนีบ = } Rewrite #1
Rewrite : )) #1 {06/04/09}
“เป็นไรซิน แหกปา....เห้ยยยยยยย” ฮันคยองและซีวอน ที่พึ่งเข้ามามองเห็นอัลบั้มรูปก็คว้าเข้าไปดูทันที
“น...นี่มันอะไรกัน ใครถ่ายยยย” ฮันคยองโวยวายทันทีเมื่อเห็นรูปที่เค้าและฮีชอลซบกันบนเรือถีบ
“มันไม่เกี่ยวกับใครถ่ายหรอกนะ มันเกี่ยวกับว่าพวกพี่คิดอะไรอยู่กันแน่” ซองมินเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
“แกถ่ายใช่มั้ยซองมิน??!!!” ฮีชอลหันมาทำตาเหลือกใส่
“แหม พี่ก็ไม่น่าถามเล้ยย” มินฮวานว่า ก็แน่ล่ะสิ รูปแบบนี้ใครมันจะไปถ่ายได้เล่า
“นั่นสิเนอะ ไม่น่าถาม เพราะงั้น หึหึ”
“ท...ทำไม หัวเราะอย่างงั้นอ่ะครับพี่ฮีชอล” ซองมินน่าเริ่มถอดสี ก็น่าจะรู้ว่าฮีชอลโกรธน่ะเป็นยังไง
“ก็ไม่ทำไมหรอกจ่ะ น้องซองมิน” ฮีชอลยิ้มหวานให้ แต่สรรพนามที่ไม่เคยใช่กับคนตัวเล็กก็ทำให้อีกฝ่าย เริ่มถอยหลังหนีได้เหมือนกัน
“แค่-จะ-กระ-ชาก-หัว-เด็ก-เอง” ฮีชอลพูดหนักแน่น เท่านั้นแหละซองมินก็ทะยานออกจากห้องทันที
“ช่วยด้วยยย ว๊ากกกกก” ซองมิน วิ่งไปทุกที่ จนรอบตึก แต่คนอึดอย่างฮีชอลก็ยังคงวิ่งตามไม่หยุด
“หยุดน้า” ฮีชอล ตะโกนไล่ เด็กทั้งรร.หันมองตามร่างคนทั้งสองที่วิ่งผ่านหน้าไป
“ขวางทำไมเล่า หลบสิวะ” ฮีชอลด่าคนที่มายืนขวางหน้า และผลักจนกระเด็น
“แง๊ ช่วยผมด้วยยยย พี่คังอินนนนนน” ซองมิน ตะโกนเรียกคนที่ นั่งอยู่ตรงม้าหิน
“อ้าวเห้ย ซองมิน” คังอินตกใจเพราะอยู่ๆ คนตัวเล็กก็วิ่งมาเกาะหลังเค้าไว้แน่น
“ฮ...ฮีชอล” ซึงฮยอนที่นั่งอยู่ข้างๆ ลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นคนที่ตัวเองแอบรักวิ่งตามมา
ฮีชอลหยุดทันทีเมื่อเห็นซึงฮยอน
“ช...ชั้นไปก่อนนะ” ปกติก็เข้าหน้ากันติดดีหรอก หรือจะเรียกได้ว่าทะเลาะกันซะมากกว่า แต่พอรู้ว่าอีกฝ่ายชอบตัวเอง ก็ไม่รู้จะมองหน้ายังไงน่ะสิ
“เห้อ...” ซึงฮยอน ถอนหายใจก่อนจะนั่งฟุบลงกับโต๊ะ
“แล้วเจ้าเปี๊ยกเนี่ย หนีใครมาห้ะ” คังอินหันไปถามซองมินที่เลิกหลบหลังจากที่ฮีชอลเดินกลับไปแล้ว
“แหม จะใครล่ะห้ะ ที่วิ่งมาเมื่อกี้ ดีนะเนี่ยที่พี่เทมอยู่ไม่งั้นคงไม่ไป” คำพูดของซองมินมันไปสะกิดซึงฮยอนเข้าอย่างจัง
“ซองมิน” คังอินมองอย่างดุๆ
“ขอโทษห้ะ” ซองมินพยักหน้ารับผิด
“ไม่เป็นไรหรอก ซองมินพูดความจริงนี่หน่า เค้าคงจะเกลียดชั้นมากว่ะ ไปก่อนนะ” ซึงฮยอนที่คังอินสังเกตได้ว่า มีน้ำตาคลอเบ้า เดินออกไปทันที
“ง่า ผมผิดอีกแล้ว” ซองมินหงอยทันที
“นั่นน่ะสิ แล้วนี่ไปทำอะไรให้ฮีชอลมันโกรธเอาล่ะนั่น”
“แหะๆ ก็พี่เค้าเห็นรูปที่ผมแอบถ่ายตอนไปสวนสนุกไงล่ะ” ซองมินยิ้มแหยๆ
“เฮ้ยยยย”
“ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นหรอก”
“ชั้นไม่ได้ตกใจเรื่องนี้ แต่ที่เฮ้ยน่ะ เพราะล้างรูปมาแล้วทำไมไม่บอก เอามาดูมั่งสิ” ที่แท้ คังอินก็ห่วงดูรูปใช่มั้ยเนี่ย
“ไอ่พี่บ้า” ซองมินผลักอกอย่างแรง
“เฮ้ย เจ็บนะเว้ยย” คังอินโวย พลางลูบหัวซองมิน
“แหมๆๆๆ เด็กใหม่คิม ยองอุนหรอเนี่ยยย” เสียงแซวที่ดังมาจากนอกรั้ว ข้างๆ ทำเอาทั้งสองต้องหันไปมอง
“เห้ย นี่พวกแก” คังอินเมื่อเห็นว่า แขกไม่ได้รับเชิญเป็นใคร ก็รีบลุกขึ้นทันที
“แหม ทักทายเพื่อนคนนี้ดีๆหน่อยสิครับ” คนข้างๆ คนที่พูดนั้น หัวเราะอย่างสะใจ
“ใครเพื่อนแก...ต้องการอะไร”
“ก็ปล๊าวว เห็นกำลังสวีทกับเด็กใหม่เลยแวะมาทักทายเฉยๆ น่ะ น่ารักดีนะเว้ย 555”
“ไอ่แทยัง แกหุบปากไปเดี๋ยวนี้เลย”
“แหม หวงซะด้วย มาคบกับพี่มั้ยจ๊ะ น้องซองมิน” แทยังยิ้มตาหยี
“รู้จักหรอ” คังอินหันขวับมาถามคนข้างๆทันที
“แหะๆ คือ....”
“ก็บอกเค้าไปสิจ๊ะ มินๆ ว่าเราน่ะสนิทกันมากขนาดไหน ถึงขนาดนอนเตียงเดียวกันมาแล้วด้วย” คังอินมองอย่างไม่เชื่อสายตา
“จริงหรอ” คังอินถาม ซองมินก็ต้องพยักหน้าตามความจริง คังอินเดินหนีไปทันที
“เห้ย...พี่คังอิน โธ่เว้ยย ฝากไว้ก่อนนะพี่แท ไม่จบง่ายๆ แน่” ซองมินชี้หน้าก่อนจะรีบวิ่งตาม
“555 นี่แหละน้า ไอ่คังมันต้องคิดอะไรกับน้องกูแน่ๆ เลย” แทยังหัวเราะก่อนจะเดินนำเพื่อนของตัวเองไป
“พี่คังคร๊าบบบ” ซองมินวิ่งมาดักหน้า
“อะไร”
“ง่ะ โกรธหรอ”
“ปล่าวซักหน่อย” คังอินเบือนหน้าหนี
ซองมินยื่นนิ้วก้อยไปให้
“ติ๊งต๊องหน่า”
“ฮ่าๆๆ” ซองมินเอามือลงโดยดี
“แล้วตกลงรู้จักกับมันได้ไง อย่าบอกนะว่า...”
“ก็อย่างที่พี่คิดล่ะห้ะ”
“เห้ยยยย”
“อ่าวร้องทำไม แล้วพี่คิดอะไรเนี่ย” ซองมินโวย คังอินต้องไม่คิดเหมือนเค้าแน่
“อ้าว ก็นายไม่ได้เคยเป็นเด็กมันหรอ”
“เห้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ซองมินร้องเสียงดังลั่น
“เบาๆ สิ เดี๋ยวใครเค้าก็คิดว่าพี่ลวนลามนายหรอก”
“นั่น คิดไปนู่น มีพี่คนเดียวแหละที่คิด ผมไม่ได้เป็นเด็กพี่แทยัง” ซองมินบอก
“งั้น...ก็คงเป็นแค่คู่นอนใช่มั้ย”
“โว้ยย ฟังกันก่อนได้มั้ยโว้ยยย” ซองมินตะหวาดจนร่างสูงชะงัก
“ฟังดีๆนะ ผม-เป็น-น้อง-พี่-แท-ยัง ชัดมั้ย?”
“น้อง ? ไม่ยักรู้ไอแทมีน้อง” คังอินหน้างงนิดๆ
“ก็ไม่ได้แท้หรอก ลูกพี่ลูกน้องน่ะ” ซองมินขยายความ คังอินก็พยักหน้าเข้าใจ
“แหม พี่นี่ก็เชื่อคนง่ายชิบเป๋งเลย ยังงี้ถ้าใครเดินมาบอกว่า ผมไปขายตัวตามผับ พี่คงจะเชื่อแน่ๆเลย” ซองมินพึมพำ
“ไม่เชื่อหรอก เพราะนายน่ะ หึหึ” คังอิน หัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์
“อะไร”
“เพราะนายมันไร้เดียงสาเกินไปน่ะสิเด็กน้อย” กระซิบข้างหูก่อนจะเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี
“ไอ่ๆๆๆ” ไม่รู้จะด่าว่าอะไร มันตันไปหมดแล้ว
.
.
.
“คิม คิบอม” เสียงใสตะโกนเรียกคนที่อยู่ข้างๆ
“ไร อยู่กันแค่นี้จะตะโกนทำไม” คิบอมว่าแต่ตาก็ยังจรดอยู่ที่หนังสือ
“อะไรกัน ผีเด็กเรียนเข้าสิงอีกแล้ว ไม่เห็นเหมือนวันเสาร์เลยน้า” ดงเฮหัวเราะคิกคัก
“ทำไม”
“ทุกคนนน” ดงเฮตะโกนเรียกเพื่อนทั้งห้องให้หันมา
“เมื่อวันเสาร์นะ พวกชั้นน่ะไปเที่ยวสวนสนุกมา แล้วรู้มั้ยเกิดอะไรขึ้นในบ้านผีสิง” ดงเฮ ทำหน้าตาใคร่คิดอย่างกวนๆ
“อะไรอ่ะด๊อง”
“ทำไมหรอ นายจูบกะคิบอมในบ้านผีสิงหรอ” เพื่อนเริ่มเดากันไปต่างๆนาๆ
“บ้าหรอ ก็คิบอมน่ะสิ...” ดงเฮยังคงทำท่าทางกวนๆ พลางเหล่มองคิบอมเล็กน้อย
“ลีดงเฮ !!” คิบอมเอ่ยเสียงดุ
“คึคึ แหมๆๆ คิบอมรู้เหรอ ว่าเค้าจะบอกว่าอะไรน่ะ” ดงเฮยังคงหัวเราะคิกคักอย่างไม่รู้ชะตากรรมตนเอง
“หึ่ยยย” คิบอมเดินปึงปังออกจากห้อง พร้อมกับมือดีที่ไม่วายคว้าคนใกล้ตัวออกมาด้วย
“อิอิ เอาไว้วันหลังจะเล่าให้ฟังนะ”
“โห่ยยยย” เพื่อนๆ ต่างพากันโห่
.
.
.
“นี่!” ฮยอกแจส่งเสียงขัดขืน
“นี่ คิมคิบอม” ฮยอกแจเรียกชื่อ พลางพยายามยื้อยุดฉุดกระชากแขนของคิบอมให้หยุดเดิน
“อะไรล่ะครับ” คิบอม ปล่อยมือก่อนจะเดินไปนั่งที่ใต้ต้นไม้
“นายจะลากชั้นมาทำไมเนี่ย” ฮยอกแจโวย
“อ้าว ก็นึกว่าอยากมาด้วยนี่หน่า” คิบอมยิ้มระรื่น
ยิ้มที่ใครไม่ค่อยจะได้รับนัก
“เห้อ....นี่เราจะโดดเรียนรึไง” ฮยอกแจ นั่งลงข้างๆ
“ก็คงงั้นมั้ง” คิบอมอมยิ้ม ก่อนจะก้มลงอ่านหนังสือ
“นี่ นายใช่ คิม คิบอม เด็กไอคิวสูงรึปล่าวเนี่ย” ฮยอกแจหันมามองอย่างไม่ค่อยเชื่อสายตา
“ทำไมอ่ะ”
“นายโดดเรียนเนี่ยนะ ทั้งๆ ที่ทั้งชีวิตนายหมกมุ่นอยู่แต่กับหนังสือ” ฮยอกแจพูดเพราะยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี
“นี่นายคิดว่าชั้นตั้งใจเรียนขนาดนั้นเลย”
“อ้าว ถ้าไม่ตั้งใจแล้วนายจะได้ที่ 1 ของรร. มาทุกปีได้ไงอ่ะ”
“ก็ทำๆไปก็เท่านั้น ไม่ได้คิดอะไรมาก” คำตอบของร่างสูงเล่นเอาร่างบางตาโต
“พระเจ้า ทำๆ ไป นี่ขนาดชั้นตั้งใจคิดเกือบตาย นายที่แค่ทำๆไปยังได้มากกว่าชั้นเลย” ฮยอกแจบ่นไม่หยุด
“ฮ่าๆ” คิบอมได้แต่ หัวเราะกับท่าทางของร่างบาง
“คิม คิบอม” อยู่ดีๆ น้ำเสียงของร่างบางก็เข้าโหมดหวานซะงั้น
“ห...หือ”
“ทำไม?”
“ห้ะ?”
“ทำไมตอนนี้ นายไม่เหมือนเดิม”
“ชั้นว่าช้นก็เหมือนเดิมนะ” คิบอมอธิบาย
“ไม่ใช่ ตั้งแต่เราขึ้นม.ปลายน่ะ นายไม่เหมือนเดิม” ตั้งแต่ขึ้นม.ปลาย คิม คิบอม ก็กลายเป็นคนที่เย็นชาใส่ลี ฮยอกแจ
เป็นเพราะ
คิบอมเบื่อเค้า
คิบอมรำคาญเค้า
หรือเพราะ
คิบอมเป็นแฟนกับดงเฮ
“ก็...” คิบอมเงียบเหมือนใช้ความคิด
“ก็?” ฮยอกแจ มีท่าทีลุ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่รู้สิ คือจริงๆก็รู้ ต...แต่” คิบอมนี่ยังไงนะ ชอบให้ลุ้นอยู่เรื่อย
“แต่อะไร”
“แต่ชั้นบอกนายไม่ได้” คิบอมพูดอย่างแผ่วเบา พลางตาก็หลุบลงมองที่หนังสือ
แต่ใครจะรู้ ว่าร่างสูง ไม่ได้ก้มลงอ่านหนังสือ แต่เพียงแค่ ต้องการหลบสายตาที่พยายามค้นหาคำตอบนั้น…
“เอาเถอะ” ฮยอกแจพูดอย่างถอดใจ
“พร้อมเมื่อไรก็บอกมาละกันนะ” แล้วร่างบางก็ลุกเดินจากไป ปล่อยไว้เพียงคิม คิบอม ที่มองตาม ด้วยสีหน้าที่แสดงได้ถึงความอึดอัดใจอย่างมาก
.
.
.
.
“อ้าว ฮยอก ไม่เข้าเรียนหรอ” เสียงรุ่นพี่ผู้ใจดีทักขึ้น
“อ๋อ ก็ผมมาเข้าห้องน้ำน่ะครับ” คำแก้ตัวที่ใครฟังก็คงเชื่อ
“หรอ อือ แล้วทำไมมาคนเดียวล่ะ”
“เอ๊ะ?” ฮยอกแจ เอียงคอสงสัยอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
“ก็ปกติ จะมี คิม คิบอม กับ ลีดงเฮ ด้วยไง” ฮันคยองแก้ความสงสัยให้
“คือ พวกนั้นเด็กเรียนนะฮะ แหะๆ”
“นั่นน่ะสิ อย่างเจ้าคิบอมนั่น”
“ว่าแต่ แล้วพวกพี่ไม่เข้าเรียนหรอฮะ” ฮยอกแจถามกลับบ้างเมื่อมองไปข้างหลังร่างสูงก็เห็น รุ่นพี่อีกประมาณ 4 คน 2 ในนั้น ก็คือ ซีวอน และ ฮีชอล รวมอยู่ด้วย
“อ๋อ พี่มีเตรียมงานแสดงประจำรร.นิดหน่อยน่ะ”
“งานแสดง??” รร.เค้า งานแสดงมันจะมีเทอม 2 ไม่ใช่หรอ
“อ๋อ ยังไม่รู้ล่ะสิ ปีนี้เค้าเปลี่ยนมาเป็นเทอมนี้แล้วน่ะ แล้วอีกอย่าง ปีนี้ เข้มงวดมาว่าจะต้องแสดงทุกห้อง” เมื่อได้ยินอย่างงั้นฮยอกแจก็หน้าเหยเกทันที
ก็ห้องเค้า หาเรื่องเลี่ยงทุกครั้งเลยน่ะสิ
แล้วจะทำไงล่ะทีเนี้ย
“ง่า แล้วห้องพวกพี่ทำอะไรล่ะฮะ”
“คือพวกปีสามทั้งหมดให้เป็นพวกจัดเวที พิธีกร พนักงานต้อนรับ บลาๆๆ”
“ดีจังเลยเนอะ งั้นผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ” ฮยอกแจว่า ฮันคยองพยักหน้าก่อนที่ร่างบางจะเดินกลับไปยังตึกของตัวเอง
.
.
.
“อ่าย ก่ายยยย แกไปไหนมา ห้ะ” เสียงยานคางของ ลี ดงเฮ ถามเพื่อนซี้ จนไม่รู้จะซี้ยังไง ขึ้น
“เอ่อ แหม ก็แวะไปคุยกับพวกพี่ๆ เค้ามาน่ะ” ฮยอกแจบอกปัดๆไป แต่ก็ไม่ได้โกหกหนิ ก็ไปคุยกับพี่ฮันมาจริงๆ
“อ้าว นี่แกลืมไปแล้วหรอว่าตอนคิบอมลากแกไปน่ะชั้นก็อยู่นะเว้ย” เออว่ะ ฮยอกแจคนนี้ลืมไปซะสนิทเลย
“แหะๆ” ฮยอกได้แต่โชว์เหงือก
“แล้วนี่แกเอาแฟนชั้นไปหมกอยู่ที่ไหนเนี่ย” ดงเฮทำท่ามองหา
“นี่ แฟนแกมันเป็นคนนะเว้ย ไม่ใช่ปลาร้า จะได้หมกจะได้หมัก” ฮยอกแจแว๊ใส่
“เอา เข้าข้างกันจริ๊ง ไปเป็นแฟนมันแทนเลยไป ไม่เป็นไรหรอก ไปกินข้าวกันปล่อยมันไป” ดงเฮที่ตอนแรกทำเป็นหาคิบอม แต่ตอนนี้ไม่สนแล้วไปไหนๆก็ไปๆ
“จะบ้าหรอ” ฮยอกแจบ่นตลอดทางที่ถูกลากไป
.
.
.
“เออซิน แล้วไอ่รูปแกกับไอ้....” ซีวอนหยุดประโยคที่ตัวเองกำลังจะพูดทันทีเมื่อมือบางชี้มาทางปากเค้าพร้อมส่งสายตาอาฆาตให้
“แหะๆ ไม่พูดก็ได้วุ้ย” ซีวอนบอกอย่างหัวเสีย
“มาช่วยทาสีตรงนี้หน่อยดิซิน” ฮีชอลเดินไปตามที่ฮันคยองเรียก แต่ก่อนจะไปถึง
โครม~
“อุ้ยขอโทษที เดินเพลินไปหน่อย” เสียงสมน้ำหน้าถูกส่งมาให้คนที่ถูกกระป๋องสีหกเลอะเต็มขา
“หวังว่าสีแค่นี้คงล้างออกง่ายเหมือนยางอายของแกนะ” พูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินหัวเราะคิกคักกับเพื่อนไปอย่างไม่สนใจ
ปล่อยให้ร่างบางนิ่งค้างพลางกัดฟันกรอดด้วยความแค้น ก่อนจะยิ้มร้ายอย่างคิดอะไรออก ฮันคยองและซีวอนมองหน้ากันอย่างรู้งาน อยู่เฉยๆ ไว้ดีที่สุด อาเมน~
“ว่าตัวเองทำไมน่ะ!!!” ฮีชอลตะโกนเสียงดังพอจะให้สองสาวที่มีแจจุงคั่นกลางได้ยิน
“เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ” แจจุงหยุดหัวเราะและหยุดเดิน ก่อนจะค่อยๆหันกลับมา
“หูแกก็มีสองข้างทำไมชั้นพูดแค่นี้ไม่ได้ยินรึไง” ฮีชอลยิ้มอย่างเยาะเย้ย
“หนิ อย่ามาด่าคนอื่นเค้าลับหลังได้มะ ป๊อดไม่กล้าด่าชั้นตรงๆ ก็บอกมาซี่” แจจุงยังคงไม่ลดความพยายามที่จะต่อกรกับคนตรงหน้า
“นี่ ว่าแต่คนอื่นแล้วทีตัวเองล่ะ แกก็ไม่กล้าเจอกับชั้นซึ่งๆหน้าเหมือนกันนั่นแหละดีแต่คอยกลั่นแกล้งชั้นลับหลัง” ฮีชอลตอกกลับก่อนจะเดินเข้าไปประชิดตัวแจจุงมากขึ้น
“อะไรอย่ามากล่าวหากันมั่วๆนะ” แจจุงยังคงดึงดันไม่ยอมรับ
“ไม่ได้กล่าวหา แต่เผอิญคนมันฉลาดอ่ะนะไม่โง่เหมือนใครบางคน” ฮีชอลกระแทกเสียงตรงคำว่าโง่อย่างชัดเจน
“นี่แก!!”
“ทำไม๊? ใครกันแน่ที่มันไม่มียางอายน่ะ รู้ว่าเค้าไม่ชอบก็ยังหน้าด้านมาเสนอให้เค้าอีก” ฮีชอลมองขึ้นมองลงที่ตัวของแจจุงอย่างดูถูก
“แล้วแกคิดว่าเค้าจะเอาคนปากจัดอย่างแกหรอ ทำเป็นผู้ดีไป” แจจุงไม่ยอมแพ้ ความอดกลั้นที่จะทำเป็นนางเอกต่อหน้าฮันคยองได้หมดไปแล้ว
“อย่ามาทำเป็นปากเก่งไปหน่อยเลย ชั้นไม่สะท้กสะท้านหรอกนะ เพราะที่แกด่าๆ ชั้นมาน่ะ ชั้นว่า มันก็เข้าตัวแกหมดนั่นแหละ!!!”
“นี่แก”
“พูดเป็นคำเดียวหรอ ที่ชั้นไม่ด่าแกมากอ่ะนะ เพราะชั้นคงไม่คุ้นเคยกับพวกคำชั้นต่ำของแกหรอก อย่านึกนะว่าชั้นไม่รู้ว่านายน่ะทำงานอะไร” ฮีชอลจ้องตากลมโตคู่นั้นอย่างไม่วางตา
“ก...แก”
“ทำไม เริ่มพูดไม่ออกแล้วงั้นสิ อย่างแกน่ะมันไม่มีใครเค้าอยากเป็นเพื่อนด้วยหรอก ดูสิ นังนกสองหัวเมื่อกี้ที่ยืนอยู่กับแกสองตัวก็เตลิดไปแล้ว หึ นี่น่ะหรอที่เรียกว่าเพื่อน” แจจุงกันไปมองเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ยอมสลด
“แล้วอย่างแกกับฮันคยองน่ะ นั่นน่ะหรอที่เรียกว่าเพื่อน” แจจุงย้อนได้อย่างเจ็บแสบ
“ก็ชั้นเรียกว่าเพื่อน อย่างแกไม่เคยมีเพื่อนก็คงไม่เข้าใจว่ามันรู้สึกยังไง” ฮีชอลพูดเสียงเย็น ก่อนจะหันหลังคว้าแขนซีวอนกับฮันคยองที่ยืนเอ๋ออยู่ไปทางห้องน้ำชาย
“นี่ชั้นไม่เห็นแกเป็นงี้นานแล้วนะเนี่ย” ซีวอนทัก
“ถ้าอยากเห็นทุกวันก็ลองพูดอีกทีสิ” ฮีชอลพูดพลางยิ้มให้น้อยๆ
“เห้อ นี่ละนะแกน่ะ เวลาไม่พอใจอะไรก็จะยิ้มๆๆๆๆๆๆ จนหน้าจะเป็นแป๊ะยิ้มและ” ซีวอนบ่น
“นี่ไอ่วอน อย่าเอาบ้านชั้นมาเล่นนะเว้ย แป๊ะยิ้มน่ะออกจะน่ารัก” ฮันคยองโวย
“เหอะ ไม่พอใจที่เอาเมืองจีนมาเล่น หรือไม่พอใจทัชั้นว่าไอ่ซินกันแน่วะ” ซีวอนพูดจี้จุด
“เหอๆ ก็ซินน่ะก็เพื่อนชั้นนะเว้ย” ฮันคยองเฉไฉ
“เออๆ เพื่อนให้มันนานๆ นะเฟร้ย” ซีวอนพูดก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
“อ้าว ยืนเซ่ออยู่ทำไมไปล้างขาเซะ” สงสัยอาการเขินจะทำให้ฮันคยองเปลี่ยนเป็นคนละคน เล่นเอาฮีชอลต้องรีบทำตามคำสั่ง
“มันแห้งแล้วว่ะ ล้างไม่ออกแน่เลย เล่นซะขาแข็งเลย” ฮีชอลบ่นกระปอดกระแปด
“ฮัน ฉลากข้างกระป๋องหนะ ชั้นเก็บมาเผื่อสีหมดจะได้ซื้อถูก อ่านให้ฟังหน่อยสิ” ฮีชอลยื่นให้ ก่อนจะหยิบสายยางข้างห้องน้ำมาขัดๆ ขาตัวเอง
“สี เกาะเยี่ยม ชื่อแปลกๆ แฮะ คุณสมบัติ เมื่อแห้งแล้วเกาะติดทนทานลอกยาก
คำเตือน ท่าโดนผิวหนังควรรีบล้างออกทันที ถ้าแห้งจะเอาไม่ออก เอ่อซิน ออกมั้ย” ฮันคยองหันไปถามร่างบางที่ขัดซะหน้าดำหน้าแดง
“แห่กๆ ไม่!! ย๊ากกกกก” ฮีชอลหันมาตอบก่อนจะหันกลับไปเอากิ่งไม้แคะสีที่เกาะตัวกันเป็นก้อนหนา
“ทำไงละทีนี้” ฮันคยองถาม
“นั่นน่ะสิ ขืนเดินไปไหนมาไหนด้วยสภาพนี่อัปรีตายเลย”
“เห้ย แต่ชุดรร.เราขายาวนะ”
“แต่เราต้องทำงานกันทุกวัน เพราะงั้นต้องพับขาตลอด TT”
“อ้าว ซินยังไม่ออกหรอวะ โห นี่มันเกาะหนายังกะเฝือกเลย” ซีวอนที่ออกมาจากห้องน้ำทัก
“ใช่ เฝือก ไอ่วอนชั้นรักแกว่ะ” ฮีชอลไม่ว่าปล่าวกระโดดขึ้นจุ๊บแก้มซีวอนไป 1 ที
เล่นเอาซีวอนรีบแย่งสายยางจากมือร่างบางมาล้างหน้าตัวเองอย่างเร็ว
“นี่รังเกียจขนาดนั้นเลย”
“ปล่าว”
“ขยะแขยง ตะหาก” ฮีชอลวิ่งไล่ด้วยท่าทีทุลักทุเลทันที
.
.
.
.
“อ้าว เจ๊มาอีกและ บ้านตัวเองไม่มีอยู่รึไง” เด็กหนุ่มทักขึ้นเมื่อมองเห็นพี่ชายของตนมาพร้อมกับพี่ชายอีกสองคน
“มีย่ะ แต่ชั้นอยากมาแกมีปัญหาอะไรมั้ยไอ่คยู” ฮีชอลเดินเอาไม้ค้ำเข้ามาภายในบ้าน
“อ้าว ขาไปโดนไรมาล่ะ ก็บอกแล้วว่าแก่ ให้เดินระวังๆ หน่อย นี่คงจะไปเดินตกท่อที่ไหนมาล่ะสิ เล่นซะขาหักเลย” คยูมองพลางทำหน้าล้อเลียน
“หนอยอิเด็กบ้า ชั้นออกจากเฝือกเมื่อไรแกเละเป็นโจ๊กแน่” ฮีชอลชี้หน้า
“ผมได้ยินมาว่าคนที่เค้าเข้าเฝือกนะหลายเดือนกว่าจะหายนะเจ๊”
“แต่เผอิญขาชั้นไม่ได้หักย่ะ”
“อ้าวแล้วจะกระแดะใส่เฝือกทำไมล่ะ”
“นี่แกด่าชั้นว่ากระแดะหรอ เดี๋ยวเจอถีบหรอเฝือกยิ่งหนักๆอยู่ลองเอาไปกระแทกหน้าหน่อยมะ” ฮีชอลยื่นขาที่หุ้มเฝือกหนาให้คยู
“เกรงใจอ่ะ”
“แล้วนี่แกทำไรอยุ่อ่ะคยู” ฮันคยองถาม มองไปรอบๆ ไม่เห็นมีไรเลย
“ก็นั่งรอพวกพี่อ่ะแหละ มีเรื่องจะบอก” คยูยิ้มแป้น
“ชั้นล่ะเกลียดเวลาแกยิ้มจริงๆ” ฮีชอลส่ายหัวไปมา
“เชอะ ไอ่รูปที่..”
“หยู๊ดดด แกจะพูดถึงมันทำไม” ฮีชอลพูดเสียงเข้ม
“ฟังก่อนสิ นี่เรื่องใหญ่นะ” คยูทำหน้าจริงจัง ซึ่งเป็นเรื่องแปลกสำหรับพี่ๆทั้งสามคน ก็ไอ่นี่มันเคยทำอะไรจริงจังที่ไหนเล่า
“ว่ามา”
“รูปพวกนั้นอ่ะ ตอนนี้มีคนหลายคนแล้วนะที่รู้อ่ะ โดยเฉพาะพวกแฟนคลับ” คยูบอก เล่นเอาคนฟังทั้งสามตาโตตามๆกัน
“ถึงว่าล่ะ พวกนั้นมันเลิกระรานไปนานแล้วนะ เพราะอิรูปพวกนั้นแท้ๆ เลย แหม เออ! แล้วพวกนั้นเห็นได้ไงอ่ะ”
“ก็เพราะซองมินเป็นตากล้องประจำรร.ก็เลยมีห้องล้างรูปส่วนตัว แล้วเวลาไอ่เจ้านั่นมันล้างเสร็จก็จะเอาไปตากตรงระเบียง ชาวบ้านชาวเมืองเค้าเดินผ่านก็เห็นหมดน่ะสิ” คำตอบของคยูเล่นเอาฮีชอลแทบจะบึ่งไปกระชากหัวซองมินถึงบ้านเลย
“ไอ่ซองมินนนนนนนน” ฮีชอลวี๊ดลั่น
.
.
.
“ฮัด เช่ยยย!!!” เด็กหนุ่มที่กำลังนั่งทำความสะอาดกล้องของตัวเองอยู่ จามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ไม่สบายหรอไอ่มิน” แจจินที่วันนี้มาซ้อมดนตรีที่บ้านซองมินถามขึ้น
“ไม่รู้ใครมันนินทา นี่ไอแจจิน ชั้นบอกแกกี่ทีแล้วว่าอย่าเรียกมินเฉยๆ มันงงนะเว้ย ว่าแกจะเรียกชั้นหรือไอ่มินฮวาน” ซองมินอธิบาย
“แกงงก็เรื่องของแกชั้นจะเรียกอ่ะ แล้วอีกอย่างแกก็น่าจะรู้นะว่าชั้คงไม่เรียกสุดที่รักชั้นว่ามินเฉยๆหรอก มันต้องมีคำอ่อนหวานกว่านั้นเว้ยย” แจจินหันไปส่งสายตาปิ๊งๆ ให้มินฮวาน
“เหอๆ”
.
.
.
.
“งั้นเอาเรื่องอะไรดีล่ะ” หัวหน้าห้องถามในขณะที่ทุกคนกำลังช่วยกันคิดหัวข้อเกี่ยวกับงานแสดงครั้งนี้
“เจ้าหญิงนิทรา”
“สโนไวท์”
“ซินเดอเรลลา”
“เจ้าชายอสูร”
“พินอคคิโอ่”
“อาละดิน”
“ลิตเติ้ลเมอร์เมด”
“หมูสามตัว”
“หนูน้อยหมวกแดง”
“มู่หลาน”
“โพคาฮอนทัส”
“นี่พวกแกจะขุดมาทั้งวอล์ตดิสนี่กันเลยใช่มั้ย” หัวหน้าห้องบ่น
“101 ดัลเมเชี่ยน”
ป้าบ~
คนที่เสนอความคิดอย่างฮยอกแจโดนหัวหน้าห้องเบิ๊ดกะโหลกทันที
“อ้าว ตบชั้นทำไมอ่ะ”
“แกจะบ้าหรอ ห้องเรามีแค่ 30 คนเองนะ แล้วแกจะไปหาหมาอีก 71 ตัวมาจากไหน” หัวหน้าห้องพูดให้คิด
“เออจริงด้วย งั้นเอาเรื่องไรดีล่ะ”
“เชร็ค!!” หัวหน้าห้องพูด
“ห้ะ!? ” ทั้งห้องอุทานพร้อมกันร่วมถึงดงเฮที่เงยหน้าขึ้นมารับฟังด้วย
“ใช่ ตกลงเอาเรื่องนี้แหละ เรามาหาตัวละครกันดีกว่า” หัวหน้าห้องหยิบสมุดออกมาจด
“ไอ่ไก่ ปีก่อนแกเป็นหิน ปีนี้ชั้นจะเลื่อนระดับให้แก” ฮยอกยิ้มร่า กูจะได้เป็นตัวเด่นๆแล้วโว้ยย
“แล้วนี่เราจะเล่นภาคไหนกันอ่ะ”
“ภาคพิสดาร” คำตอบของหัวหน้าห้องเล่นเอาลูกน้องอึ้งกันไปเป็นแถบๆ
“เพราะงั้นไอ่ไก่ ชั้นจะให้แกเป็นมังกร”
“เห้ย เดี๋ยวก่อนดิ มังกรมันเป็นผู้หญิงนะเว้ย” ฮยอกแจโวยวาย ถ้าให้เล่นงี้สู้กลับไปเป็นก้อนหินยังดีซะกว่า
“แหม นั่นแหละ แกหล่ะเหมาะและ มังกรมันก็มีปีกเหมือนไก่ บินได้เหมือนกัน เพราะงั้นอย่าบ่น”
T[]T ทำม๊ายยยย
“แดซอง”
“ฮะ”
“ชั้นว่าหน้าแกบานเหมาะจะเป็นเชร็ค” หัวหน้าห้องบอก แดซองเถียงเล็กน้อยก่อนจะต้องรับแต่โดยดี
“ดงเฮ”
“ชั้นขอเป็นต้นไม้” ดงเฮรีบพูดทันควัน
“ไม่ได้ๆ ชั้นให้แกเป็น ฟีโอน่า” ดงฌอตาเหลือกทันที
“อย่าเพิ่งตกใจ ชั้นให้แกเป็นฟีโอน่าภาคสัตว์ประหลาด” นั่นยิ่งทำให้ดงเฮตาลีตาเหลือกเข้าไปใหญ่
“โอเคนะ ต่อไปคิบอม อ้าว ไอ่คุณชายคิมมันไปไหนล่ะเนี่ย” หัวหน้าห้องและทุกคนต่างพากันมองหา
“แห่กๆ ขอโทษที่มาสาย ทำไรกันอยู่หรอ” คิบอมรีบวิ่งเข้ามาภายในห้องทันที
“พวกเราจะเล่นละครกันเรื่องเชร็คเพราะงั้น แกเป็นเจ้าชายชาร์มมิ่ง” คิบอมพยักหน้ารับแต่โดยดี เกิดมาหล่อแต่ดันเป็นตัวโกง แต่แหม พระเอกมันไม่ได้มีความหล่อเลยหนิ - -
“เห้อ ทำไมกูต้องเป็นมังกร” ฮยอกยังโอดครวญไม่เลิก
“นี่ไอ่ไก่ ถ้าแกไม่อยากเป็นมังกรงั้นชั้นมีอีกอย่างให้แกเลือก”
“อะไรๆๆ บอกมาเลยๆ” ฮยอกยิ้มร่าเป็นอะไรก็คงจะดีกว่ามังกร
“นางฟ้าแม่ทูนหัว” คำตอบของหัวหน้าทำเอาฮยอกหุบยิ้มทันที
จะเป็นอะไรดีวะ มังกรก็ต้องบิน นางฟ้าก็ต้องบิน
แต่นางฟ้าตัวไม่ดี มังกรตัวดี
แต่ถ้าเป็นมังกร ก็ต้องมีลูกกะไอ่ลานั่น แล้วไอ่ลานั่นมันคือครายยย
ปิ๊งป่อง รุ้แล้ว
“ชั้นขอเป็นลา” ฮยอกแจตอบ หัวหน้าห้องคิดซักแปป ก่อนจะพยักหน้าตกลง
“ยะฮู้วว อย่างน้อยกูก็เล่นเป็นอะไรที่แมนๆ” ฮยอกกระโดดโลดเต้น
“แกอย่าลืมสิ ว่านี่มันเชร็ค ภาคพิสดาร” สิ้นคำพูดของหัวหน้า ฮยอกก็หน้าซีดเล็กน้อย นี่กูจะต้องทำอะไรม่างเนี่ยยยยย
ว๊ากกกกก
.
.
.
.
“ซองมิน” เสียงคุ้นหูเรียกคนที่ไปเข้าพระอินให้ตื่นจากห้วงนิทรา
“อื้อ~…” ร่างบางงัวเงียตื่นขึ้นมา
“ปลุกทำไมอ้ะ จารย์ยังไม่เข้ามาเลย” ซองมินเริ่มโวยวาย ตามนิสัยของคนที่ถูกปลุก
“ก็นั่นอ่ะ หัวหน้าห้องเค้ามีเรื่องพูดน่ะ” คยูชี้แจง
“อืม ฝากฟังด้วยละกัน” ซองมินบอกปัดๆ ก่อนจะนอนต่อ -*-
“ลี ซองมิน!!!” เสียงที่นับไม่ถ้วนว่ากี่หลอดดังผ่านเด็กที่นั่งกันอยู่มาจนถึงหลังห้อง
“หา!!” ซองมินตกใจกับเสียงเรียก
“นายต้องตั้งใจฟัง จะนอนไม่ได้เข้าใจมั้ย” เสียงที่ถูกส่งมาฟังดูเหมือนขู่เข็ญเป็นอย่างมาก
“อื้อ” ซองมินครางรับในลำคออย่างขัดใจ
“55 โดนด่าเลย” คยูฮยอนแซว
“โจ คยูฮยอน!!!” เสียงพิฆาตถูกส่งมายังคนแซวเช่นเดียวกัน
“จ๋า”
“อย่าไปชวนมันคุย!!!” ตวาดซะคนทั้งห้องสะดุ้ง
“จ...จ่ะ” คยูยิ้มแหยๆ
“เอาล่ะทุกคน ชั้นจะไม่ให้เราออกความเห็นเพราะชั้นขี้เกียจฟัง” หัวหน้าห้องประกาศก้อง
“อ้าว ยังงี้มันไม่แฟร์นะเว้ยยย” คยูโวยวาย แต่ก็ทำได้เพียงแค่นั้นเพราะสายตาพิฆาตได้ถูกส่งมา
นี่มันพี่น้องกะเจ๊ปล่าววะ -*-
“พวกเราจะแสดงเรื่อง...”
“เรื่อง...” ทั้งห้องต่างพากันลุ้น
“ก่อนอื่นทุกคนต้องรู้ก่อนนะว่า ที่เอาเรื่องนี้เพราะมันไม่มีใครเคยดูแน่ๆ แล้วอีกอย่างมันเป็นอะไรที่แปลกใหม่น่าประทับใจ แล้วอีกอย่าง ชั้นชอบ” ข้อสุดท้ายนี่ไม่เป็นที่ ยินยอมของคนทั้งห้องเท่าไร แต่ก็เอาเอถะใครมันจะไปกล้าขัดวะ
“เรื่องไรก็บอกซะทีดิ” แจจินที่วันนี้ไม่ไปอยู่ที่ห้องดนตรีบ่นขึ้น
“เออๆ เราจะแสดงเรื่อง พระอภัยมณี!!!”
“ห้ะ พระเอาพายมาหนีบ” คยูฮยอนทวนอย่างงงๆ
“ไม่ใช่เว้ย แกนี่โง่จริง ไม่เคยไปประเทศไทยล่ะสิ บ้านลาวนะเนี่ย” หัวหน้าห้องหัวเราะอย่างชอบใจ
“อ้าว แล้วเกี่ยวไรกับประเทศไทย”
“แหม ไอ่นี่ ก็เนี่ยเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยมากเลยนะ เพราะว่าท่านสุนทรภู่ บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เรื่องมันก็เป็นอย่างงี้...อ...อ้าว” กว่าจะสาวความยาวไปถึงสมัยสุนทรภู่เกิดเสร็จ ทั้งห้องก็ต่างพากันหลับไหลแล้ว
“ตื่นนนนนน!!!!!!!!!!!!” ทุกคนตื่นแล้วนั่งตัวตรงกันทันที
“หึ่ย พวกแกเนี่ยนะ ไม่มีอารมณ์สุนทรีกันเลย เอาหล่ะ ตกลงเราจะเล่นเรื่อง พระอภัยมณี ตอน พระอภัยหนีนางผีเสื้อนะ” หัวหน้าห้องบอก แต่ถึงจะบอกไปคนทั้งห้องก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
“อ่า” ทั้งห้องอ้าปากรับ
“เริ่มด้วยพระอภัยมณีก่อนละกัน ชั้นว่าให้ โจ คยูฮยอนเป็นละกัน” คยูสะดุ้งทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องเป็นพระเอกแน่ๆ แหม ก็ชื่อเรื่องมันก็พระอภัยมณีหนิ
“ขอค้าน” คยูยกมือขึ้น
“ไม่มีสิทธิ์” เสียงเย็นชาถูกส่งมาเล่นเอาคนที่ยกมืออยู่ต้องรีบเอาลงทันที
“ต่อไป นางเงือก เอิ่ม... ใครดีล่ะหว่า” หัวหน้าห้องจ้องมองไปรอบๆ
“ฮ่า! รู้แล้ว แกละกัน ยูริ” หัวหน้าห้องหันไปบอก
“ง่า เป็นต้นไม้ไม่ได้หรอ” ยูริบ่น
“ไม่!” หัวหน้าห้องตอบอย่างไม่สนใจ
“ต่อไป อันนี้ตัวเด่น ซองมินแกเป็นละกัน”
“เป็นอะไรอ่ะ” บอกแต่ตัวเด่นแต่ไม่เห็นบอกเลยว่าคืออะไร
“ผีเสื้อสมุทร!!!”
.
.
.
“หา! พี่เสื้อสมุทร” เสียงที่ประสานโดย ฮีชอล ซีวอน และที่ขาดไม่ได้ 55 คงไม่ต้องบอก
“ช่ายย” คยูพยักหน้า
“วะฮ่าๆ หัวหน้าห้องแกนี่คิดได้เนอะ กร๊ากกกกกก” ซีวอนเอามือกุมท้องก่อนจะหัวเราะอย่างไม่ยั้ง
“พี่รู้จักด้วยหรอ” คยูฮยอนถามผู้เป็นพี่
“อ๊ะแน่นอน พวกชั้นเคยสั่งมาดูเว้ย แบบว่าถ้าแกรู้ว่าผีเสื้อสมุทรมันเป็นยังไงนะคยู พี่ว่าแกต้องกร๊ากมากแน่ๆ” ฮันคยองแนะนำ
“เอามายืมดูมั่ง เดี๋ยวเอาไปเปิดที่ห้องซ้อมดีกว่า”
.
.
.
“อ้าว ว่าไงพ่อเด็กเรียน นานทีปีหนถึงจะลงมาอยู่ทีห้องนี้ได้นะเนี่ย แล้ววันนี้มีไรอ่ะ” เรียววุคเอ่ยแซว
“แล้วนี่ถ้าชั้นไม่เรียน ใครกันจะให้พวกแกลอก” คยูทวงบุญคุณ
“เออว่ะ” มินฮวานตอบ
“วันนี้เอานี่มาให้ดู” คยูชูสิ่งที่อยู่ในมือ ดีวีดี เรื่องพระอภัยมณี พากษ์ เกาหลี
“พระอภัยมณี” ทั้ง 4 อ่านหน้ากล่องพร้อมกัน
“อ่าห้ะ จะได้รู้ว่าบทของเราเป็นยังไง” เมื่อพูดจบก็ตรงไปที่เครื่องคอมแล้วจัดการเปิดทันที
แต่ละคนอยู่ในท่าทีที่สบาย แจจินนอนตักมินฮวานที่นั่งอยู่บนโซฟา เรียววุค นั่งติดมินฮวานอยู่ข้างๆ ส่วนซองมิน เอาผ้ากับหมอนมาปูนอนดู ติดับโซฟา แต่ดีที่มินฮวานกับเรียววุคเอาขาขึ้นไปข้างบน ส่วนคยู หนุนเอวซองมิน แล้วเหยียดตัวเต็มความสูงมาทางคอม
เมื่อหนัวเริ่มฉายทุกคนก็ใจจดใจจ่ออยู่กับการดู
“เห้ย ย ชั้นหล่อเว้ย วะฮ่าๆ” คยูดีใจที่บทที่ตัวเองได้หล่อ แถมยังพระเอกด้วย
“ไอ่เรียว แกเป็นไรนะ” คยูตะโกนถามเพื่อนที่อยู่ด้านหลัง
“เอิ่ม...สิน...สินสมุทรมั้ง” เรียววุคตอบแต่ไมค่อยมั่นใจ
“นั่นไงๆๆ น่ารักดีนะเว้ยย” ซองมินยิ้มให้
“เห้ย มิน ผีเสื้อสมุรมันกลับร่างเดิมแล้วว่ะ เอิ่ม....” มินฮวานอึ้งเมื่อเห็นผีเสื้อสมุรแปลงกายกลับร่างเดิม
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ซองมินเมื่อเห็นดังนั้นจึงแหกปากดังลั่นทันที
“ใจเยนเว้ยมินๆ แกอาจจะไม่ต้องแต่งี้ก็ได้ แต่อาจจะน่าเกลียดกว่า” แจจินหัวเราะอย่างสะใจ
“ไอ่เวร แล้วแกล่ะเป็นอะไร กร๊ากกก เป็นเฒ่าเงือกนี่หว่า 55555 หนักกว่ากูอีก” ซองมินได้ทีหัวเราะ ถึงใจจิงจะคิดว่าของตัวเองแย่ที่สุด แต่ก็ต้องหาอะไรย้อนไอ่แจจินให้ได้ล่ะน่า
“เหอๆ ในใจแกมันบอกว่าของชั้นดูดีกว่าใช่มั้ยล่ะ” แจจินเหมือนจะรู้ทัน
“นี่ หุบปากแล้วนั่งดูกันเหอะ” เรียววุคบอก ทุกคนจึงยอมทำตาม
.
.
.
.
.
“แล้วตกลงอิเชร็คภาคพิสดารของพวกพี่นี่ไปถึงไหนันแล้วอ่ะ” คยูที่กำลังนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง โดยมีโทรศัพท์แนบหูอยู่
“ฮ่าๆ ไม่รู้เหมือนกัน หัวหน้าห้องมันไม่ยอมบอกเลย บอกแต่ว่าพรุ่งนี้จะให้บทมาซ้อม” เสียงหวานตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี
“55 ห้องผมก็ไม่รู้เนี่ย หลังจากทีลองดูเรื่อง พระอภัยมณี ไอ่ซองมินก็แทบจะกินยาแก้ปวดหัววันละ 30 เม็ด” คยูพูดไปพลางคิดถึงหน้าซองมินก็อดขำไม่ได้
“ตายแระ เลวร้ายขนาดนั้นเลย”
“คงงั้น ใครจะไปสู้พี่ได้ล่ะ คิกๆ ได้เป็นถึงเจ้าหญิงฟีโอน่า แต่ดั๊น ได้เป็นตอนสัตว์ประหลาดซะหนิ” คยูได้ทีแซวบ้าง
“แหมๆ ก็ตอนสวยก็ต้องให้ผู้หญิงเค้าเป็นกันสิ” ดงเฮตอบตามความจริง
“แล้วอย่างงี้คนดูไม่งงแย่หรอ” คยูถาม
“งงอะไรอ่ะ”
“ก็ฟีโอน่าตอนเป็นสัตว์ประหลาดน่ารักยังกะนางฟ้า” คยูพูดด้วยเสียงเซ้กซี่ -0-
“บ้าหรอ 55 จิงอ่ะ” คำแรกเหมือนจะด่า แต่หลังๆนี่วกกลับมาชมตัวเองรึปล่าว
“แหม จิงสิคร๊าบบ”
คยูรู้สึกจะหยอดคำหวานจีบดงเฮใหญ่ อิอิ ว่าแต่ พวกแกไปเอาเบอร์กันมาตอนไหนเนี่ยย
“งั้นไปนอนก่อน พร่งนี้ผมไปรับ กินข้าวกันๆๆ” คยูเอ่ยชวน ถึงจะฟังดูแปลกๆก็เหอะ
“ก็ได้ หวัดดีครับ” ดงเฮพูดขำๆ
“หวัดดีคร๊าบบ” คยูกดวางอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหลับตาพริ้ม สงสัยคืนนี้ฝันถึงดงเฮแง๊ๆ
.
.
.
:::: สวัสดีอีกครั้ง แหม ห่างหายไปนาน กลับมาอีกครั้งกับดีเจเสียงดีคนนี้ 55 อีกไม่กี่เดือนก็งานโรงเรียนแล้วน้า แต่ละห้องคงแสดงอะไรกันมันส์เลยสิถ้า นี่ห้องดีเจ ดีเจยังไม่รู้เลยว่าทำอะไร - - 55 ก็แหม คนมันมัวแต่สนใจเทอผู้เป็นที่รักน่ะสิ คริคริ พูดแล้วเขินนน จริงๆแล้ว มัวแต่ยุ่งเรื่องการจัดการเสียงในวันงานน่ะ มา วันนี้อยากฟังไร รีเควสกันมา แต่อย่าลืมนะ ไม่ต้องส่ง เอสเอ็มเอส ไม่ต้องโทรมาขอแต่อย่างใด แค่ก้าวท้าวมาตึกกระจายเสียงแล้วเคาะกระจกบอกกันได้เลย::::
“ไอ้เรียว เมื่อไรจะตอบพี่แกไปวะ” แจจินเมื่อฟังเสียงตามสายของเยซองจบก็หันมาตบหัวเพื่อนรักเบาๆ
“นั่นสิ ปล่อยให้พี่แกพร่ำเพ้ออยู่นั่นแหละ” มินฮวานเสริม
“นี่ไอ่มิน ถ้าไอ่แจจินมันพูดแล้วแกไม่ได้เสริมเนี่ย มันจะเป็นอะไรวะ” เรียววุคไม่ตอบ แต่หันกลับไปวี๊ดใส่มินอวานแทน
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ตอนนี้ชั้นเห็นพี่แกเค้าหายๆไป พี่แกเค้าทำไรให้แกมั่งป่ะ” ซองมินที่นั่งฟังอยู่ช่วยพูดมั่ง
“ก็...ก็ ไม่มีหรอก” เรียววุคพูดอย่างมีพิรุธเต็มที่
“บอกมาไอ่เรียว” ซองมินขู่เสียงเขียว
“แหม ก็แค่กุหลาบแดงทุกเช้าวันละดอกเท่านั้นเองน่า” เรียววุคบิดไปบิดมา
นี่แกเขินหรอ =[]= นี่คือความคิดของเพื่อนทั้ง 3
“โห พี่แกลงทุนนะเนี่ยย”
“ไม่หรอก บ้านพี่แกอาจจะปลูกต้นกุหลาบ” เรียววุคพยายามหาขอแก้ตัว
“โห ถ้ามันงอกดีขนาดนี้ก็เอาไปประกวดได้แล้วมั้งแก” แจจินสวนเข้าให้
“ง่า แต่จริงๆแล้วมีอยู่เรื่องที่ชั้นไม่ได้บอกพวกแกว่ะ” เรียววุคอยู่ดีๆก็พูดขึ้น
“อะไร!!” พอถึงเรื่องแบบนี้ทีไร ต่อมความอยากรู้จะต้องทำงานทุกที
“ชั้นได้กุหลาบแบบนี้มาตั้งแต่ ม.ต้น ปี 1 แล้ว ก่อนๆ ปิดเทอมใหญ่อ่ะ” เรียววุคบอก
“ให้ตายเถอะโรบิ้น ให้สิ้นเถอะโรเบิร์ท” ซองมินอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“งั้นก้อแปลว่า...” มินฮวานเว้นช่วง นับนิ้วซักนิดนึงก่อนจะ
“...ถ้าเกือบปิดเทอมใหญ่ปีนี้ ก็ 3 ปีอ่ะดิ” แจจินพูดซะเสียงดัง
“อ...อืมม” เรียววุคก็เหมือนจะอึ้งๆ ก็เค้าไม่เคยนับหนิ
“รักจริงขนาดนี้ แถมยังมุ่งมั่นขนาดส่งดอกกุหลาบมาติดต่อกันทุกวันเป็นเวลา 2 ปี ไม่รักไม่ได้แล้ว” ซองมินสรุป
“อ่าาาาาาาา” จริงๆ ก็ไม่อยากจะบอกหรอก ว่าก็เริ่มมีความรู้สึกดีๆให้ตั้งแต่ จูงมือกันอยู่ที่สวยสนุกแล้ว
ก๊อกๆๆ เสียงประตูห้องถูดเคาะขัดจังหวะ
“เห้ย ตายยากเว้ย ออกไปหาพี่เค้าดิเรียว” อีกฟากของประตูมีร่างสูงของเยซองยืนโบกไม้โบมือพลางยิ้มหน้าแป้นอยู่
ร่างบางจำต้องลุกออกไปหา
“รุ่นพี่มีอะไรหรอ”
“เอ่อ คือออ พี่ทำคุ้กกี้มาฝากน่ะ ลองชิมดูสิ” เยซองยื่นกระปุกแก้วที่มีคุ้กี้บรรจุอยู่ให้ร่างบาง
“โห พี่นี่แม่บ้านแม่เรือนดีจังเลยอ่ะ” เหมือนจะเป็นคำชม แต่คนฟังนี่รู้สึกเหมือน
น้องเค้าหาว่าเราตุ๊ดหรอวะ
“เห้ยย อร่อยย” เมื่อได้กัดเข้าปากก็เอ่ยชมทันที
“จริงหรอดีใจจัง งั้นพี่ไปนะ อย่ากินมากหล่ะ เดี๋ยวอ้วน” เยซองโบกมือลาก่อนจะเดินเอามือล้วงกระเป๋าจากไป
“แหมๆๆๆๆ” เมื่อเปิดประตูห้องกลับเข้ามา ไม่ต้องเดาหรอกว่าจะเจออะไร
“อะไรเล่า”
“อย่ากินมากหล่ะ เดี๋ยวอ้วนแล้วพี่ไม่รัก” แจจินล้อเลียน
“พี่เค้าไม่ได้พูดอย่างงั้นซักหน่อย” เรียววุคแย้ง
“พี่เค้าคิดในใจเว้ย” มินฮวานเสริม
“เชอะ ไม่ให้กินด้วยหรอก” เรียววุคกอดโหลแก้วนั้นไว้แน่น
“เห้ย พี่เค้าก้อพูดเมื่อกี้ ว่าอย่ากินเยอะ เพราะงั้นต้องแบ่งๆกันเว้ย”
“โด่ แกอ่ะแหละ กินมากอ้วนเป็นหมูไอ่มินฮวานมันไม่รักนะเฟร้ยย” เรียววุคได้ทีย้อน
“เหอๆ ปันยาอ่อนและ” แจจินทำท่ามะเหงกใส่หัวเรียว
“พวกแกมัวแต่เถียงกันชั้นกินเอง” ซองมินแย่งกระปุกไปตอนไหนก็ไม่รุ้ แต่ว่าคงจะซัดไปซัก 2 ชิ้นแล้วมั้งน่ะ จากที่ดู
“แกก็เหมือนกัน กินเยอะเดี๋ยวพี่คังอินเค้าไม่รักนะ” แจจินแซว
“พรวดดดดดดดดดดด” เศษคุ๊กกี้ตอนนี้ได้ไปจารึกอยู่บนหน้าของมินฮวานเรียบร้อยแล้ว
“ตัวเองงงงงงงง” มินฮวานแหกปากเรียกแจจินเสียงดัง จนคนถูกเรียก ต้องรีบวิ่งเข้าไปโอบกอดทันที
“มาโทษอะไรเค้าหล่ะ นู่นไอ่ซองมินนู่น” แจจินโยน
“เห้ยๆ ได้ไงๆ แกพูดให้พุ่งเองนะเว้ย” ซองมินก็โยนกลับมา
“หยุด ไม่ต้องพูดแล้ว ตัวเองพาเค้าไปล้างเดี๋ยวนี้เลย” มินฮวานทำหน้างอน
“ได้จ่ะ ที่รักของ แจจิน ฟอด~” แจจินได้โอกาส ฉวยความหอมจากแก้มของร่างบางไปทีนึง ก่อนที่แทบจะอุ้มกันออกไป
“555 เจอแซวนิดเดียวถึงกับพุ่ง” เรียววุคหันมาหัวเราะซองมินต่อ
“เดี๋ยวเหอะๆ ก็มันติดคอพอดี” ซองมินแก้ตัว
“แกนี่ขุ่นกว่าชั้นอีกนะ” เรียววุคหมายถึงการแก้ตัว
“แต่ก็คงหวานน้อยกว่าแกกะรุ่นพี่ละกัน 555” ซองมิน แลบลิ้นใส่ก่อนจะวิ่งออกจากห้องไป
“ไอ่ๆๆๆ >///<”
.
.
.
“ถ้ามันครบ 999 ดอกเมื่อไหร่ ผมจะบอกรักพี่เอง แต่กว่าจะถึงวันนั้น พี่จะยังรอผมได้อยู่รึปล่าว”
ความคิดเห็น