คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ▶S.E.X. NYM▐ ▐ -06-
-06-
บรรยากาศในห้องเริ่มเงียบสงัดลงอีกครั้ง ชานยอลยันตัวลุกขึ้นเมื่อจัดการกับเศษแก้วที่แตกกระจายอยู่เต็มพื้นเสร็จ
ตาเรียวมองทุกการกระทำของคนตัวสูงอยู่อย่างเงียบๆ จะว่าโกรธก็โกรธ จะว่าห่วงก็ห่วง ของเหลวสีแดงที่ซึมออกมาเป็นวงตรงเสื้อแขนยาวเริ่มแผ่อาณาเขตออกเป็นวงกว้าง
ชานยอลจัดแจงที่ทางตรงโต๊ะนั่นอีกครั้ง ไม่นานนักช้อนสแตนเลทคันใหม่กับโจ๊กร้อนๆถูกส่งมาจ่อตรงริมฝีปากบางน้อยอีกครั้ง
“สงบสติอารมณ์ได้แล้วก็กินซะครับ”
“ต่อจากนี้คุณต้องหัดใจเย็นซะบ้างนะครับ” ชานยอลว่าเสียงเรียบ
เพล้ง !!
คราวนี้เป็นชามโจ๊กถ้วยใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะ มือเรียวที่เพิ่งจะฟาดใส่ถามถ้วยใหญ่นั้นชักกลับมากระแทกดันแผ่นอกของชานยอลเข้าไปเต็มแรง
“อย่ามาสั่งสอนฉัน นายมันก็แค่หมาข้างถนนที่ฉันเผลอไปเจอก็เท่านั้น อย่าบังอาจมาสอนฉันอีก”
“ถ้าในเมื่อผมทำดีด้วยแล้วคุณไม่ชอบ ก็คงต้องใช้กำลังกันแล้วล่ะครับ” ว่าจบชานยอลก็ลุกขึ้นกระชากข้อมือเล็กของอีกคน ลากตัวไปที่ห้องนอนก่อนจะสะบัดร่างเล็กให้ล้มลงบนเตียง
“ทำบ้าอะไรของนาย ยังไม่ทันไรดีแตกซะแล้วเหรอ” มุมปากบางเผยอขึ้น ยิ้มเยาะคนตรงหน้าอย่างสะใจ
ชานยอลไม่ได้สนใจกับคำพูดของแบคฮยอนเลย มือหนาหยิบกระเป๋าหนังใบใหญ่ขึ้นมา เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋านั่นแบบลวกๆ
“ นี่ !! ปาร์คชานยอล หยุดเดี๋ยวนี้นะ ทำบ้าอะไรของนาย” แบคฮยอนลุกขึ้นพุ่งตัวเข้าหาร่างใหญ่ของอีกคน มือบางพยายามยื้อแย้งกระเป๋าใบนั่นออกจากมือของชานยอล
“หุบปากได้แล้ว เลิกโวยวายสักทีเหอะครับ” ชานยอลเค้นเสียงออกทางลำคอบอกปรามแบคฮยอนที่กำลังโวยวายแผดร้องเสียงดังจนแสบรูหูไปหมด
“มานี่ !! ไปกับผม” ว่าจบก็ออกแรงกระชากเรียวแขนขาวให้เดินตาม
“ไม่ ฉันไม่ไปไหนกับนายทั้งนั้น” ชานยอลไม่ได้สนใจคำพูดของแบคฮยอนแม้แต่นิด เขากลับออกแรงบีบแขนขาวนั่นมากขึ้นเหมือนเป็นการบังคับให้เดินตามมา
“ปล่อยฉันนะ ฉันจะบอกจงอินแล้วจากนั้นนายจะได้ออกไปจากชีวิตฉันสักที” แบคฮยอนแผดเสียงกราดพยายามบิดเรียวแขนไปหลุดจากเงื้อมของอีกคน
“หึ ถ้ากล้าก็ลองดูซิครับ”
ไม่นานนักทั้งคู่ก็ลงมาถึงชั้นจอดรถใต้คอนโดหรู ชานยอลที่เดินนำอยู่กระชากอีกคนให้ตามมาเร็วขึ้น กดสัญญาณปลดล็อคก่อนจะเปิดประตูรถยัดร่างเล็กลงไปตรงที่นั่งข้างๆคนขับ ร่างสูงเดินอ้อมไปอีกฝ่ายของรถจัดการยัดตัวเองลงตรงนั่งของคนขับ
พรึ่บ !!
กระเป๋าหนังในมือหนาถูกเหวี่ยงไปยังเบาะตรงด้านหลัง
“คาดเข็มขัดด้วยครับ” หลังจากที่เป็นแบคฮยอนเงียบมานาน ชานยอลก็เอ่ยขึ้นเองเพื่อทำลายความเงียบ
มือเล็กค่อยๆดึงสายเข็มขัดขึ้นมาคาดบนตัวอย่างว่าง่าย รถที่แล่นออกไปบนถนนยาว ภายในรถตอนนี้ไร้ซึ่งความพูดใดๆมีแต่ความเงียบกับเสียงเพลงคลอเบาๆที่ดังมาจากเครื่องเสียงหรูรถติดรถยนต์
ชานยอลที่ลอบมองคนตัวเล็กอยู่เป็นระยะๆ แบคฮยอนที่เอาแต่ก้มหน้ามาตลอดทาง แผ่นหลังบางที่สั่นกระเพื่อมขึ้นๆลงๆทำให้เขาเริ่มจับสังเกตได้ ยิ่งเห็นแบคฮยอนที่ยกมือขึ้นปาดป้ายตรงข้างๆแก้มอยู่บ่อยครั้งยิ่งทำให้เขาพอจะเดาสถานการณ์ได้ถูก
“หนาวรึเปล่าครับ” ทันทีที่ล้อรถหยุดหมุนอยู่หน้าไฟจราจร ชานยอลตัดสินใจเอ่ยถามอีกคนเพื่อทำลายความเงียบ มือหนาเอื้อมไปแตะฝ่ามือน้อยที่วางอยู่บนหน้าตัก
“อย่า อึก อย่าไม่ยุ่ง อึก” แบคฮยอนรีบขยับฝ่ามือหนี ดวงตาใสแดงก่ำ แก้มเนียนทั้งสองข้างเปรอะคราบน้ำตาไปหมด
“นาย อึก ทำให้ ฉะ ฉันกลัว” แบคฮยอนเหงยขึ้นประจันหน้ากับชายหนุ่ม พ่นคำพูดที่ยังคงติดเสียงสะอื้นออกมา
“ฉัน อึก เกลียดนาย”
ดวงตาคมที่เคยจ้องมองแบบเย็นๆอ่อนยวบลงอย่างเห็นได้ชัด
“ครับ เรื่องนั้นผมรู้แล้ว” ชานยอลตอบกลับเสียงเรียบก่อนจะส่งมือหนาข้างที่ไม่ได้บังคับพวงมาลัยขึ้นมาเกลี่ยคราบน้ำตาบนแก้มใสนั่นอย่างเบามือ
แบคฮยอนเองก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด ยอมปล่อยให้ฝ่ามือนั่นลูบที่พวงแก้มเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อชานยอลเห็นว่าอีกคนเริ่มอ่อนลงแล้ว มือหนาที่ลูบพวงแก้มอยู่ปอยๆเริ่มเลื่อนลงเปลี่ยนมากอบกุมมือเรียวคู่นั่นอย่างเงียบๆเอาไว้แทน
“อึก นายจะพา อึก ฉันไปไหน” แบคฮยอนถามขึ้นเสียงอ่อน
“ไปบ้านผมครับ ที่คยองกี”
“ไปทำไม อึก ฉันไม่ไปนะ” แบคฮยอนร้องค้านขึ้นมาเบาๆ
“ต้องไปครับ พาเด็กดื้อไปดัดนิสัย” คิ้วบางขมวดย่นเมื่อได้ยิน
“หึหึ แม่ผมคิดถึงคุณครับ ผมเลยอยากพาคุณไปหาท่าน” ว่าจบชานยอลก็ออกแรงบีบกระชับมือบางนั่นเบาๆ
“แม่นาย?”
“แม่จะมาคิดถึงฉันได้ยังไง รู้จักก็ไม่รู้จัก” แบคฮยอนร้องประท้วงให้กับคำพูดที่ไม่สมเหตุสมผลของอีกคน
“หึหึ อย่าถามมากนักสิครับ ผมขับรถอยู่เห็นรึเปล่า” ชานยอลแกล้งตึงหน้าดุใส่เมื่อคนตัวเล็กเริ่มถามซอกแซก
แบคฮยอนปั้นหน้างอนใส่ที่จู่ๆชานยอลก็หันมาตึงหน้าใส่เขา ใบหน้าสวยสะบัดหันมองออกไปตรงนอกกระจกรถ วิวกลางคืนบนทางด่วนสายยาวนี่มันช่างสวยจริงๆ ยิ่งมองตามแสงไฟข้างถนนที่ค่อยๆผ่านไปทีละดวงๆ มันมองเพลินจนเปลือกตาบางค่อยๆเปิดลงช้าๆอย่างห้ามไม่ได้
ชานยอลขับออกมาได้ราวประมาณ 7 ชั่วโมงแล้ว บนถนนที่เปียกชื้นมีเพียงเสียงเพลงจากเครื่องเล่นและเสียงลมหายใจอ่อนของอีกคนที่ดังอยู่สม่ำเสมอ ปลายตามองนาฬิกาตรงจอมอนิเตอร์รถยนต์ ตัวเลขดิจิตอลบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาตี 3 กว่า ชานยอลเหลือบไปมองแบคฮยอนที่กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเบาะที่นั่งข้างๆ มือหนากดปรับอุณหภูมิให้อุ่นขึ้นเมื่อเห็นร่างเล็กเริ่มคู้ตัวเป็นงอกุ้งเนื่องมาจากอากาศด้านนอกที่ชื้นขึ้นเพราะเม็ดฝน
โครก.....
เสียงโครกครากที่ดังขึ้นมาจากคนตัวเล็กทำให้ชานยอลตัดสินใจหักพวงมาลัยรถเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันข้างหน้านั่น เขาก็ลืมคิดไปว่า ตั้งแต่เย็นแบคฮยอนยังไม่ได้กินอะไรลงท้องเลยสักอย่างจนถึงป่านนี้ ถ้าไม่แวะหาอะไรให้อีกคนกินตอนนี้ มีหวังตื่นมาคงปวดหนักแน่
แปะๆ
ชานยอลตบลงบนแก้มนุ่มเบาๆเพื่อเรียกให้ตื่น
“คุณ คุณ คุณตื่น”
“งื้อ มีอะไร” แบคฮยอนตอบเสียงอู้อี้ แต่ก็ยอมลืมตาขึ้นมาเมื่อโดนปลุก
“ผมจะเติมน้ำมันรถ คุณไปหาอะไรกินก่อน” ชานยอลว่าพลางกดปลดล็อดประตูรถให้อีกคน
“ร้านอยู่ตรงนั้น ไปซื้ออะไรกินซะ” แบคฮยอนหันไปมองตามที่ชานยอลบอก เห็นร้านสะดวกซื้อเปิด 24 ชั่วโมงอยู่ไม่ไกล
“ไม่เอาอ่ะ ไม่หิว” แบคฮยอนโกหกออกไปคำโต ตอนนี้เขาหิวจนแสบท้องไปหมดแล้ว แต่ติดอยู่อย่างเดียวเพราะตอนออกจากคอนโดดันไม่ได้หยิบเงินติดตัวมาด้วยสักบาท
“ไม่หิวก็ไม่เป็นไร งั้นไปซื้อข้าวให้ผมหน่อย แล้วก็ซื้อบุหรี่มาให้ผมซองนึงด้วย” ชานยอลบอกพร้อมกับยื่นเงินแบงค์ให้
“เรื่องอะไร อยากกินก็ไปซื้อเองสิ” มือเรียวยกขึ้นกอดอก
“ผมขับรถมาตั้ง 7 ชั่วโมงในขณะที่คุณนอนหลับสบาย”
“ชิ ทำเป็นทวงบุญคุณ” แบคฮยอนจิ๊ปากก่อนจะบ่นออกมาเบาๆ ยื่นมือเรียวไปรับเงินมาจากชานยอลก่อนจะเอื้อมไปเปิดประตูรถ
“เดี๋ยวก่อนคุณ”
“อะไรอีกเล่า” แบคฮยอนสะบัดใบหน้าที่ยู่ๆหันไปถามอีกคน
“ข้าวอ่ะ เอาไม่เผ็ดไม่ผักนะ”
ก๊ากกกกกก.....
แบคฮยอนกราดเสียงหัวเราะใส่เมื่อได้ยินคนตรงหน้าพูด
“โตเป็นควายแล้วยังกินไม่ได้เผ็ด ปัญญาอ่อน”
“ครับ ผมปัญญาอ่อน”
“รีบลงไปซื้อได้แล้วครับ ผมหิว” ชานยอลบอกแค่นั้นก่อนจะดันร่างบางออกจากรถ
.
.
.
.
ชานยอลที่ยืนพิงกระโปรงด้านหน้าอยู่รีบเดินอ้อมไปเปิดประตูรถตรงข้างๆคนขับเมื่อเห็นแบคฮยอนหิ้วถุงพะรุงพะรังมาเต็มสองมือ
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะคุณ” ชานยอลที่เข้ามานั่งตรงตำแหน่งคนขับเรียบร้อยแล้วพูดท้วงขึ้นที่อีกคนซื้อของมาเยอะจนเกือบเต็มเบาะที่นั่งด้านหลัง
แบคฮยอนงอหน้าเป็นคำตอบ ก้มหน้าลงก่อนจะบ่นปากขมุบขมิบอยู่คนเดียวเบาๆ
“ชั่งเถอะ แล้วของที่ผมให้ไปซื้อล่ะครับ” ชานยอลแบมือออกทวง
“อ่ะ” แบคฮยอนยื่นถุงกล่องข้าวกับซองบุหรี่ให้อีกคน
ชานยอลที่กำลังสตาร์ทรถส่งมือข้างที่ไม่ได้บังคับพวงมาลัยหยิบเอาแต่ซองบุหรี่ไป
“เอานี่ ข้าวด้วย” แบคฮยอนยังคงยื่นถุงข้าวไปตรงหน้าคนข้างๆ
“ข้าวของคุณ กินซะครับ”
“ไม่เผ็ดแล้วก็ไม่ผัก เด็กอย่างคุณกินได้รึเปล่าครับ”
ชานยอลจัดการดันกล่องข้าวนั่นไปวางบนหน้าตัก แบคฮยอนที่แก้มสองข้างเริ่มร้อนผ่าวรีบก้มหน้าหนีซ่อนรอยยิ้มนั่นไว้ไม่ให้อีกคนเห็น
หึหึ
ชานยอลลอบมองอีกฝ่ายที่กำลังเขินอายได้แต่ก่นเสียงหัวเราะออกมาเบาๆในลำคอ
.
.
.
.
ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาถึง ไร่องุ่นที่มีอยู่เต็มสองทั้งทางทำให้แบคฮยอนเริ่มฉงนใจขึ้นมา
“บ้านนายทำไร่องุ่นเหรอ” แบคฮยอนถามออกไปอย่างอดสงสัยไม่ได้
“ของพ่อผมครับ ไม่ใช่ของผม” ชานยอลตอบแบบไม่ได้สนใจ ก่อนจะหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าตรงปากทางที่มีป้ายคำว่า PARK
ล้อรถหยุดสนิทอยู่ตรงหน้าบ้านสไตล์อิตาลีหลังใหญ่ บ้านที่ดูภายนอกแล้วตกแต่งได้อย่างหรูหรา ทั้งหมดนี้บอกถึงฐานะการเงินของอีกคนได้ดีจริงๆ
ชานยอลเปิดประตูลงจากรถก่อนจะเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อเปิดให้อีกคน มีคนกลุ่มใหญ่ยืนค่อยกันอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน แบคฮยอนเดินตามหลังชานยอลด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ เขาไม่ค่อยคุ้นชินกับการที่ต้องมาพบปะทักทายคนอื่นๆแบบนี้
“ชานยอล มาแล้วเหรอลูก” สาวสวยวัยสี่สิบต้นๆกวักมือเรียกลูกชายตัวเองอยู่ตรงประตูหน้าบ้าน
“สวัสดีครับ แม่” ชานยอลโค้งทักทายหญิงสาวกลางวัยที่ยังคงสาวสะพรั่ง
“แล้วน้องล่ะลูก” ฮโยริถามลูกชาย
“ออกมาเร็วคุณ ยืนหลบอยู่ได้กลัวอะไรครับ” ชานยอลว่าพลางดึงมือของคนตัวเล็กที่เอาแต่ยืนหลบอยู่หลังเขาตั้งแต่ลงจากรถแล้ว
“สะ สวัสดีครับคุณน้า” แบคฮยอนพูดออกไปอย่างเขินๆ มือเรียวยึดชายเสื้อของชานยอลไว้แน่นเพื่อคลายความประหม่า
“แบคฮยอนลูก นี่ลูกจริงๆเหรอลูก หนูสบายดีหรือเปล่าลูกหนูดูดีขึ้นนะ” ฮโยริแทบกั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ รัวสารพัดคำถามใส่แบคฮยอนที่ยืนงวยงงแบบไปต่อไม่ถูก
“ครับ ผมสบายดี” แบคฮยอนยิ้มตอบแห้งทั้งๆที่ยังงงกับสถานการณ์อยู่ไม่น้อย
“แม่ครับ อย่าถามรัวๆแบบนั้นสิครับ น้องงงไม่หมดแล้ว” ชานยอลพูดปรามหญิงสาวก่อนจะขอตัวพาแบคฮยอนไปล้างหน้าในบ้านเสียก่อน
ชานยอลจูงมือแบคฮยอนมาจนถึงห้องนอนของตัวเองก่อนจะแยกย้ายกันทำภารกิจส่วน ทั้งคู่อาบน้ำเสร็จก็พากันลงไปทานข้าวเช้าที่แม่ของชานยอลตั้งใจเตรียมไว้ให้
“ชานยอล มาแล้วก็ทานกับน้องไปก่อนเลยลูก เดี๋ยวแม่เตรียมของหวานอีกนิดหน่อย เสร็จแล้วจะไปทานด้วยนะจ๊ะ” ฮโยริที่วุ่นอยู่กับการเตรียมนู้นเตรียมนี่ตะโกนออกมาจากห้องครัว
“นี่…” แบคฮยอนสะกิดแขนของอีกคน
“มีอะไรครับ”
“ทำไมแม่นายทำเหมือนกับว่ารู้จักฉันมาก่อน แล้วที่ท่านเรียกฉันว่า น้อง น้อง น้อง อยู่ปาวๆนั่น หมายความว่าไง” แบคฮยอนกระแซะถาม รู้สึกตงิดใจนิดหน่อยกับสรรพนามที่โดนเรียก
“แม่ผมเคยรู้จักคุณครับ แล้วที่ท่านเรียกคุณว่าน้อง”
“เป็นเพราะท่านเคยเรียกคุณแบบนั้นครับ” ชานยอลตอบเรียบทำทีเป็นไม่สนใจ
คำตอบของชานยอลไม่ได้ทำให้แบคฮยอนคลายความสงสัยได้เลย แค่นั้นไม่พอแถมยังเพิ่มความสงสัยให้มากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
“ชานยอล” แบคฮยอนสะกิดเรียกอีกครั้ง ตั้งใจว่าวันนี้ต้องรู้ให้ได้ว่าเขากับชานยอลเคยมีความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่
“เราเคยรู้จักกันใช่มั้ย” ถามจบริมฝีปากบางเม้มเข้าแน่นรออีกคนตอบคำถาม
“ครับ เราเคยรู้จักกัน” ชานยอลที่ยังคงทำเป็นไม่ได้สนใจคำถามตอบขึ้นมาลอยๆก่อนจะคีบเนื้อหมูผัดเปรี้ยวหวานมาจ่อตรงปากของแบคฮยอน
“อ่ะ ลองกินนี่สิครับ ถ้าคุณทานน้อยแม่จะน้อยใจคุณเอานะ”
แบคฮยอนยอมอ้าปากรับอาหารตรงหน้านั่นพลางถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่ เหนื่อยใจที่อีกคนไม่ยอมบอกอะไรเขาเลย คิดจะโวยวายออกไปก็ไร้ประโยชน์มีแต่จะทำให้ชานยอลพาลโกรธเพราะความดื้อดึงของเขาไปด้วยเสียเปล่าๆ
กุก กักๆ
เสียงวิ่งที่ดังกุกกักๆมาแต่ไกล ทำให้ชานยอลหันไปมองตามเสียงว่าเกิดอะไรขึ้น
“ชยอลลลลล” เสียงใสของเด็กน้อยแทรกขึ้นมา ในขณะที่แบคฮยอนกำลังใช้ความคิด
แบคฮยอนหันไปมองตามต้นเสียงนั่น เห็นเด็กแฝดหน้าตาน่ารักกำลังวิ่งแข่งกันมาหาชานยอล
“ชยอล หนูคิดถึง” เด็กแฝดคนนึงพูดขึ้นก่อนจะเอาหัวถูๆตรงหน้าตักของชานยอล
แบคฮยอนเห็นภาพเหล่านั่นก็อดอมยิ้มไม่ได้ มันดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก ภาพผู้ชายตัวใหญ่ที่แพ้ทางให้เด็กน้อยขี้อ้อน มันดูน่ารักจริงๆ
“อุ้มหนู” แรงสะกิดเบาๆที่ต้นขาดึงสติแบคฮยอนให้กลับมาอีกครั้ง เด็กแฝดอีกคนที่น่ารักไม่แพ้กันกำลังยกแขนขึ้นสองข้าง เหมือนเป็นสัญญาณว่าจะให้อุ้ม แบคฮยอนที่กำลังหลงกับความน่ารักของเด็กน้อยรีบอุ้มร่างเล็กนั่นขึ้นมานั่งบนตักแบบไม่รอช้า
“หลานผมน่ะ ลูกพี่สาว วันเสาร์อาทิตย์พี่สาวผมจะเอาลูกมาฝากไว้ที่บ้านแม่” ชานยอลบอกอธิบาย
แบคฮยอนพยักหน้ารับก่อนจะก้มลงถามชื่อเด็กน้อยบนตัก
“หนูชื่ออะไรครับ” แบคฮยอนถามเบาๆพลาดหอมลงบนกระหม่อมบาง
“ซอออน” เด็กน้อยตอบก่อนจะเอาหน้าถูๆตรงแขนของแบคฮยอนแบบอ้อนๆ
“หนู หนูชื่อซอจุน” แฝดอีกคนที่นั่งอยู่บนตักชานยอลรีบชูไม้ชูมือขึ้นบอกชื่อตัวเองอย่างน่ารัก
“อ้าว สองแสบนี่มาได้ไงเนี่ย” แม่ชานยอลที่กำลังเดินถือของหวานมาจากห้องครัวพูดแทรกขึ้นแบบขำๆ
“ชานยอล วันนี้จะเข้าไปดูไร่รึเปล่าลูก” ฮโยริถามลูกชายพร้อมวางชามขนมหวานถ้วยใหญ่ลงบนโต๊ะ
“ครับ ว่าจะแวะไปดูสักหน่อย คงกลับเข้าบ้านเย็นๆล่ะครับแม่” ชานยอลตอบกลับพลางลอบมองปฏิกิริยาของอีกคนที่พามาด้วย แบคฮยอนชะงักนิดหน่อยเมื่อชานยอลตอบกลับไปแบบนั้น
“จะไปด้วยหรือเปล่าคุณ”
“ที่ไร่น่ะเหรอ ไม่อ่ะ” แบคฮยอนบอกออกไปเพราะเขาไม่อยากไปเจอแสงแดดร้อนๆที่ไร่นั่น
“ฉันอยู่เล่นกับหลานนายที่บ้านดีกว่า”
“กลัวร้อน?” ชานยอลเลิกคิ้วถาม
“เปล่าสักหน่อย” แบคฮยอนยู่หน้าใส่
“รีบกลับมานะ ไม่อยากอยู่คนเดียว” แบคฮยอนว่าออกมาเสียงเบา เหมือนเด็กงอแงไม่อยากให้พ่อแม่ออกจากบ้าน
“หึหึ แม่ผมก็อยู่ไง ว่างๆก็ให้แม่ผมสอนทำกับข้าวสิ หัดๆไว้บ้าง ผมไม่ชอบกินแกงถุง” มือหนายกขึ้นบีบที่แก้มนุ่มของแบคฮยอนเบาๆก่อนจะละมือออก
“รู้แล้วน่า ไปได้แล้ว” แบคฮยอนตะเบ็งเสียงไล่เพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินอาย
“ผมไม่อยู่เป็นเด็กดีนะครับ” ชานยอลวางมือบนหัวกลมโยกไปมาอยู่สองสามที ก่อนจะละออกแล้วเดินหายไปไหวๆทางหน้าประตูบ้าน
แบคฮยอนยกมือขึ้นลูบแก้มของตัวเองเบาๆ ทำไมชานยอลชอบทำให้เขาใจเต้นแบบนี้ทุกครั้งเลยนะ มันน่าโมโหจริงๆ มุมปากบางยกยิ้มขึ้นอย่างอดไม่ได้
“ชานยอล แม่ขอคุยด้วยหน่อยลูก” ฮโยริที่แอบเดินตามชานยอลมากวักมือเรียกลูกชายให้หันกลับไปคุยด้วย
“ครับแม่ มีอะไร”
“เรื่องแบคฮยอน ลูกคิดดีแล้วเหรอ ทำไมไม่บอกความจริงน้องไปล่ะลูก ถ้าแม่เป็นน้องแม่คงอึดอัดแย่ที่ไม่รู้อะไรเลย” ฮโยริถามออกไปด้วยความเป็นห่วงแบคฮยอนล้วนๆ
การที่ได้กลับมาเห็นแบคฮยอนอีกครั้ง มันเป็นเรื่องที่น่าดีใจมากก็จริง แต่ก็แอบผิดหวังอยู่หน่อยๆ ที่จนป่านนี้แล้วแบคฮยอนยังจำอะไรไม่ได้เลย เมื่อไหร่ความทรงจำของแบคฮยอนจะกลับมานะ อยากได้ยินเด็กคนนั้นเรียกว่าแม่อีกครั้ง
“ผมจะบอกทุกอย่างกับน้องเองครับ แม่ไม่ต้องเป็นห่วง” ชานยอลรู้ดีว่าแม่ของเขารักแบคฮยอนมากแค่ไหน แม่คงจะรู้สึกไม่สบายใจที่แบคฮยอนยังจำเรื่องราวของเราไม่ได้สักที
“ลูกยังรักน้องอยู่รึปล่า”
“รักครับ ผมรักน้อง” ชานยอลตอบออกไปแบบไม่ลังเล
“แต่ที่ผมกลับเข้าไปในชีวิตน้องอีกครั้ง ผมแค่อยากแก้ไขในส่วนที่ผมเคยทำผิดกับน้อง น้องหายป่วยเมื่อไหร่ ผมก็หมดหน้าที่ครับ”
“ชานยอลลูก แม่ไม่อยากให้ลูกต้องเสียน้องไปเป็นครั้งที่สอง”
“ถ้าลูกยังรักน้อง อย่าปล่อยน้องไปสิลูก”
“ตอนนี้หน้าที่นั่นมันเป็นของคนอื่นแล้วครับ ผมไม่มีสิทธิ์”
“ลูกหมายความว่ายังไง”
“น้องมีคนรักอยู่แล้วครับ ส่วนผมก็มีคนรักของผมอยู่แล้วด้วย แม่ก็รู้”
“ผมไม่อยากทำให้คยองซูเสียใจเพียงเพราะผมยังรักคนเก่าอยู่หรอกครับแม่ คยองซูไม่ผิด เพราะฉะนั้นเขาไม่ควรต้องเสียใจ”
“แล้วน้องล่ะลูก ถ้าน้องกลับมารักลูกอีกครั้งจะทำยังไง ถ้าชานยาลทิ้งคยองซูไม่ได้ แล้วน้องละลูก”
“พอถึงตอนจบ น้องจะรู้เองครับว่าควรจะเลือกใคร”
“ผมที่น้องรัก หรือ อีกคนที่รักน้องสุดหัวใจ”
สกรีมแท็ก : #ชบติดเซ็กส์
คุยกับไรต์ : @mingkchk
-แก้คำผิด-
TALK : อ่านเนื้อเรื่องไปเรื่อยๆก็จะรู้นะคะ ว่าใครควรจะคู่กับใคร
เรื่องควรจะจบแบบไหน ให้ความรู้สึกของตัวละครเป็นตัวตัดสินเถอะค่ะ
เรายังรอทุกคนที่แท็ก #ชบติดเซ็กส์ นะจุ๊บ สกรีมกันเยอะๆนะ เราไปส่องทุกวัน
เม้นหน่อยค่ะ #กราบ
เอ็นจอย. #ชบติดเซ็กส์
ความคิดเห็น