คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ▶S.E.X. NYM▐ ▐ -11-
-11-
เพี๊ยะ!!
แบคฮยอนสะบัดข้อมือเล็กฟาดใส่ใบหน้าคมเต็มแรง
“นายคิดว่านายเป็นใคร ถึงกล้าพูดกับฉันแบบนี้” แบคฮยอนตะเบ็งขึ้นสุดเสียงจนรู้สึกแสบคอหอยไปหมด
“หึ ในสายตาคุณผมคงเห็นแก่ตัวมากเลยสินะ” ชานยอลก่นหัวเราะในลำคอพลางตวัดสายตามองดวงหน้าหวานอีกครั้ง
ใบหน้าของคนที่เขารัก มันกำลังแสดงสีหน้าราวกับโกรธเกลียดเขามากซะจนเต็มประดา
“ใช่
นายมันเลว” ขอบตาร้อนผ่าวรั้งน้ำตาอุ่นใสที่กำลังไหลลงมาอาบแก้มเนียนไว้ไม่ได้
“ทำไมไม่เคยคิดถึงใจฉันบ้างเลย” แบคฮยอนกัดฟันพูดออกมาอีก “นายจะดูถูกคนอย่างฉันไปถึงไหน”
ไม่อยากจะมีสักนาทีที่จะนั่งข้างคนๆนี้อีกต่อไป
“ผมยอมเป็นคนเลวเพราะผมรักคุณ….. ผมยอมเป็นคนผิดสัญญาเพราะผมรักคุณ….. ผมยอมเป็นคนโกหก เพราะผมรักคุณ….. ผมยอมตบหน้าแฟนของผม เพราะผมรักคุณ…..” ชานยอลพูดเสียงสั่นราวกับควบคุมคำพูดที่กำลังพรั่งพรูออกมาไม่ได้ “ที่ผมกำลังทำอยู่ทุกอย่างนี่เพราะผมรักคุณไง”
“แบคฮยอน” เสียงทุ้มค่อยๆเอ่ยชื่ออีกคนออกมาพลางส่งมือหนาเลื่อนลงมากอบกุมฝ่ามือเล็กเอาไว้
“……” แบคฮยอนนั่งสะอื้นอยู่ตรงหน้า พยายามคิดตามสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา ชานยอลรักเขา
หรือ รักตัวเองกันแน่น
“ผมยอมที่จะไม่เหลือใครเลยสักคน เพราะผมรักคุณคนเดียว” ดวงตานิ่งจองลึกลงไปนัยน์ตาหวานเหมือนกับอยากส่งความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้อีกคนได้รับรู้
“อึก อะ” แบคฮยอนร้องสะอื้นตัวโยนเหมือนหมดแรงที่จะต่อต้านหรือทำอะไรสักอย่างแล้วในตอนนี้
“ตอนนี้ผมไม่เหลือใครแล้ว” ชานยอลบอกออกมาเสียงแผ่ว
“อึก แต่ฉะ ฉันเจ็บมากพอแล้วนายก็รู้” ร่างเล็กสั่นเทาพูดตอบกลับ
“หึ ผมเหมือนหมาจนตรอกที่ซมซานมาขอความรักจากคุณ”
ชานยอลพูดเย้ยน้ำหน้าตัวเองที่ทำตัวได้น่าสมเพชถึงเพียงนี้ เรื่องนี้มันจะจบอย่างมีความสุขได้ยังไง ในเมื่อคนที่ชั่วมันคือตัวเขาเอง
“พอเถอะนะชานยอล
พอแล้ว…. เราสองคนควรพอสักที” ปากบอกห้ามแต่มือน้อยยังคงกุมมืออีกฝ่ายไว้แน่น
“ผมเคยบอกคุณว่าเราเคยรู้จักกัน คุณจำได้มั้ย”
ชานยอลเลือกที่จะพูดเรื่องในอดีตกับแบคฮยอน เขาเลือกที่จะทำร้ายแบคฮยอนอีกครั้ง เขารู้ดีหากความจำแบคฮยอนกลับมาคนตัวเล็กจะเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่เขาเลือกที่จะพูดมัน
เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะรั้งแบคฮยอนไว้ได้อีกครั้ง หากแบคฮยอนรู้ว่าเราเคยรักกัน
“นายรู้ใช่มั้ยว่า.... ถ้านายพูดมันออกมาฉันจะเจ็บ” หัวใจดวงเล็กกระตุกวูบ ทำไมชานยอลถึงเห็นแก่ตัวได้มากขนาดนี้
ความจริงเรื่องราวในอดีตนั่นแบคฮยอนรับรู้แล้ว
ตั้งแต่คืนที่ฝันร้ายนั่นกลับมาหลอกหลอนแบคฮยอนซ้ำแล้วซ้ำเล่าความทรงจำทั้งหมดก็ดูเหมือนจะกลับมาพร้อมกับเรื่องราวในความฝัน
“นี่! พวกแกรู้มั้ยว่าเห็นคุณหนูแบคฮยอนเรียบร้อยเงียบๆอ่ะ
เรื่องบนเตียงน่ะเด็ดเชียวนะจะบอกให้” เสียงคำนินทาดังออกมาจากเพื่อนผู้หญิงร่วมชั้นของแบคฮยอน
“แกรู้ได้ยัง ถึงกล้าไปว่าเขา” เพื่อนผู้หญิงอีกคนพูดขึ้น
“ก็แก๊งพี่ชานยอลแฟนแบคฮยอนไง เล่นป่าวประกาศเรื่องอย่างว่าของสองคนนั้นไปซะทั่วโรงเรียน
ว่าแบคฮยอนเด็ดอย่างนู้นเด็ดอย่างนี้ แว๊ะ!!
แค่ได้ยินก็อยากจะอ้วกแล้ว”
หญิงสาวปลายมองร่างเล็กที่นั่งกำปั้นแน่นด้วยท่าทีรังเกียจ
พรึ่บ!!
แบคฮยอนขบกรามแน่นพร้อมกับลุกขึ้นพรวดรีบตรงดิ่งไปยังห้องเรียนของแฟนหนุ่ม
“พะ พี่ชานยอล” เสียงใสเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีกลัวๆ เมื่อเห็นหนุ่มคนรักนั่งจับกลุ่มคุยเล่นกับเพื่อนผู้ชายกลุ่มใหญ่อยู่ในห้อง
“อ้าว!! แบคฮยอนมาไงเนี่ย” ชานยอลรีบตรงเข้ามาโอบเอวบางของแฟนตัวเล็กไว้แนบชิด
“ขอคุยด้วยหน่อย” แบคฮยอนก้มหน้าก้มตาพูดออกมา
เนื่องด้วยสายตาเพื่อนของพี่ชานยอลที่มองมาเหมือนจะโลมเลียร่างกายเขาซะให้ได้ยังไงอย่างงั้น
“ได้สิ… เห้ยพวกมึง!! เดี๋ยวกูมา” ชานยอลบอกพร้อมกับหันหน้ากลับไปบอกพวกเพื่อนๆ
@ดาดฟ้า
“พี่ชานยอล” แบคฮยอนเม้มปากเรียก
“อะไรครับหืม” ชานยอลตอบกลับพลางกดจมูกลงบนแก้มใส
“พี่ชานยอลได้พูดเรื่องของเราให้เพื่อนๆพี่ฟังรึเปล่าครับ” แบคฮยอนกัดฟันถามพร้อมกับเอี้ยวหน้าหนีใบหน้าอีกคนที่ทำทีจะโฉบขึ้นมาบนแก้มเนียนอีกครั้ง
“เรื่องของเรานี้หมายถึงอะไรอะไรล่ะครับ”
“ก็เรื่องที่เรามีเซ็กส์กันไง” คนตัวเล็กก้มหน้าก้มตาพูดออกมา คำว่าเซ็กส์นี่ทำให้เขาเสียงศูนย์ไปไม่ใช่น้อย
“ทำไมเราโกรธรึไงที่พี่เอาเรื่องแบบนั้นไปพูดกับเพื่อน เราเป็นเมียพี่นะ… พี่เป็นเจ้าของเราคนอื่นก็ควรที่จะรู้” ชานยอลว่าออกมาพร้อมกับดึงร่างเล็กเข้ามาแนบอก
“แต่เพื่อนพี่เขาพูดไม่ดีมากเลยรู้รึเปล่า” แบคฮยอนขมวดคิ้วแน่น เขาไม่ได้โกรธที่ชานยอลเอาเรื่องเซ็กส์ไปพูด เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชาย และแบคฮยอนเองก็เดาได้ว่าที่ชานยอลไม่ได้มีท่าทีโกรธหรือโมโหอะไรเทือกนั้นคงเป็นเพราะยังไม่รู้เรื่องที่คนอื่นเอาเขาไม่ว่าเสียๆหายๆแน่น
“มันพูดว่ายังไง”
ชานยอลเริ่มเสียงเย็นทันทีที่คนรักบอกออกมาอย่างนั้น
“เขาพูดกันว่าแบคเก่งแต่เรื่องบนเตียง
ไม่ได้เรียบร้อยอย่างที่เห็น” แบคฮยอนพูดพลางจับหน้าแฟนหนุ่มให้หันกลับมาหลังจากที่สบถไปแล้วหลายรอบ
“แม่ง… ไอ้เหี้ยพวกนี้” ชานยอลสบถด่าออกมาเหมือนอยากจะฆ่าพวกนั้นจนเต็มทน
“ไม่ต้องทำอะไรเขาหรอกนะ แค่บอกว่าอย่างให้เขาพูดอีกแล้วก็พอ” แบคฮยอนพูดปรามเพราะรู้ว่าชานยอลเป็นคนเลือดร้อนมากแค่ไหน ยิ่งเห็นท่าทีดาลเดือดของชานยอลแล้วแบคฮยอนยิ่งอดคิดไม่ได้ว่า เขาคิดผิดหรือคิดถูกกันแน่ที่มาบอกเรื่องนี้กับพี่ชานยอล
“ไม่ไปทำเขาหรอกนะพี่ชานยอล”
“ ไม่เอาถึงตายหรอก”
ว่าจบชานยอลก็รีบผละออกจากร่างเล็กวิ่งลงบันไดดาดฟ้าไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ร่างเล็กรีบสาวเท้าวิ่งตามไปแต่เหมือนว่าจะไม่ทันแล้ว เพราะห้องเรียนของที่ชานยอลว่างเปล่า เหลือแค่เพียงผู้ชายตัวเล็กคนนึงที่นั่งก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่ตรงมุมห้อง
“ขอโทษนะครับ รู้รึเปล่าว่าพี่ชานยอลไปไหนครับ” แบคฮยอนเอ่ยถึงชายคนนั้นอย่างร้อนใจ
“เห็นบอกว่าจะไปกระทืบคน” ชายนรินามตอบกลับเสียงเย็น
“แล้วเขาไปกันที่ไหนเหรอครับ” แบคฮยอนถามออกมาอีก เพราะกลัวเหลือเกินกลัวว่าชานยอลจะทำอะไรเกินเหตุ
“ที่ซ่องล่ะมั้ง เห็นบอกว่าไอ้มินโฮตัวปล่อยข่าวอยู่ที่นั่น”
“งั้น ขอบคุณมากเลยของครับ… แล้วเอ่อคุณชื่ออะไรครับ”
“ดีโอ.... นั่นแหละชื่อของฉัน” หนุ่มเงยหน้าขึ้นจากหนังสือก่อนจะเหยียดยิ้มเย็นขึ้นตรงมุมปาก ความลับที่ใครๆก็ไม่มีวันได้รู้ คือเขารักชานยอลและชานยอลก็ไม่ได้อยู่ที่ซ่องนั่น
น้ำตาใสไหลหยดลงบนผิวแก้มอีกครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องราวในอดีต แม้แบคฮยอนจะเจ็บปวดมากแค่ไหนแต่ก็รู้มันไม่ใช่ความผิดของชานยอล
“พี่ชานยอล พี่ไม่ผิดหรอกนะ” แบคฮยอนว่าออกมาทั้งน้ำตาเมื่อเห็นชานยอลชะงักไปเพราะได้รู้ว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
“ไม่สิ..
ทั้งหมดเหมือนเป็นความผิดพี่เอง
ถ้าพี่ไม่ทิ้งเราไว้คนเดียว
เราคงไม่โดนคนพวกนั้นข่มขื….”
“หยุดพูดสักทีเถอะ อึก”
ร่างเล็กสั่นเทาตะเบ็งเสียงพูดทั้งน้ำตา “พี่จะทำร้าแบคจนวินาทีสุดท้ายเลยใช่ไหม” แบคฮยอนพูดขึ้น
เหมือนหมดแรงที่จะรักผู้ชายคนนี้อีกต่อไป
“งั้นพี่ต้องทำยังไงแบคฮยอน” หัวหนักซบลงบนไหล่แคบ
ความรู้สึกชื้นที่ซึมผ่านเนื้อผ้าทำให้ทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกหวูบ
น้ำตาจะคนใจร้าย
แบคฮยอนได้สัมผัสมันแล้ว
“พี่ชานยอล” แบคฮยอนเผลอชื่ออีกคนออกมา “เราเป็นเหมือนไม่ได้แล้วหรอกนะ” แบคฮยอนบอกออกมาพลางยกมือขึ้นลูบปลอบตามไร้ผมอีกฝ่ายเบาๆ
“มันต้องมีทางสิ
ถ้าเราให้โอกาสพี่… พี่พร้อมจะทิ้งทุกอย่างเพื่อเรานะ” ชานยอลเงยหน้าขึ้นสบสายตาดวงน้อย
“มันไม่มีทางไหนแล้วพี่ แบคทิ้งจงอินไม่ได้และพี่ก็ไม่ควรทิ้งคยองซู” แบคฮยอนพูดพร้อมกับลูบคราบน้ำตาบนดวงหน้าชานยอลออกให้อย่างแผ่วเบา
“เราทิ้งจงอินไม่ได้ แต่เราทิ้งพี่ได้ใช่มั้ย”
“…….”
“เราอยู่ได้ถ้าไม่มีพี่ แต่พี่อยู่ไม่ได้หรอกนะ.. ถ้าไม่มีเรา”
“อึก แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่าแบคอยู่ได้ถ้าไม่มีพี่” แบคฮยอนโผล่ตัวเข้ากอดอีกร่างเอาไว้แล้วปล่อยหยาบน้ำตาให้ไหลออกมาอีกครั้ง “ถึงเราจะรักกันมากแค่ไหน
แต่หน้าที่เราเป็นใครเราควรจะทำมันให้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ”
“แบคทิ้งจงอินไม่ได้ มันเป็นหน้าที่ของแบคที่ควรจะทำ พี่เองก็เหมือนกัน”
“ที่พูดแบบนี้หมายความว่าเราสองคนจบกันแค่นี้แล้วใช่มั้ย”
“แบคอยู่กับเขา ไม่ได้หมายความว่าแบคไม่ได้รักพี่นะ” แบคยอนพูดออกมาพร้อมกับซุกอกหนานั่นให้แน่นขึ้น “พี่เข้าใจใช่มั้ยเราสองคนมันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”
“พี่เข้าใจแล้ว” ชายยอลบอกเสียงนิ่งพลางดันอีกคนออกจากอก ร่างสูงกลั้นใจลุกขึ้นพรวด “ถ้าพี่ไม่อยู่ใกล้ๆแล้ว เราก็ดูแลตัวเองด้วยนะ” ชานยอลตัดสินใจหันหลังให้คนตัวเล็ก ความรักที่แสนงดงามเขาจะเก็บมันไว้ในใจ สิ่งที่ควรทำต่อจากนี้คือก้าวเดินต่อไปข้างหน้า
“เดี๋ยวพี่ชานยอล” มือเล็กรีบรั้งข้อมือชานยอลเอาไว้ “ถึงเราไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่พี่จำเอาไว้นะ หัวใจนี่เป็นพี่ ร่างกายนี้ก็เป็นของพี่เหมือนกัน…. ดังนั้นถ้าไม่ใช่พี่แบคจะไม่ให้ใครแตะต้องมันหรอกนะ”
“งั้นให้พี่ได้สัมผัสมันครั้งสุดท้ายได้มั้ย”
“นะครับ แบคฮยอน”
-ต่อ-
แบคฮยอนสงสัยมาโดยตลอดว่า เซ็กส์ที่เกิดจากความรัก กับ เซ็กส์เกิดจากความใคร่มันต่างกันยังไง สุดท้ายมันก็จบลงที่ทั้งสองคนสุขสมกันอย่างนั้นไม่ใช่หรือ เซ็กส์มันเป็นตัววัดว่าเราใคร่มากแค่ไหนแล้วมันสามารถประเมินได้หรือเปล่าว่าเรามากแค่ไหน
สัมผัสในครั้งนี้ที่ชานยอลมอบให้มันต่างออกไป ชานยอลทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้สนองให้แค่ร่างกายแต่ในขณะเดียวกันมันช่วยปรนนิบัติหัวใจให้สมสุขไปด้วย
ถ้าหากโรคของเขาจะหายขาดก็เห็นคงจะเป็นสิ่งเดียวที่กำลังกระทำอยู่เวลานี้
สัมผัสที่ถูกลูบไล้มันบอกกำลังถามว่าร่างกายนี้เป็นใครและหัวใจดวงนี้เป็นของใคร
ความรู้สึกที่โหยหามาโดยตลอดในสถานบำบัดเรื่องราคะนั่น
วันนี้เขาได้เจอมันแล้ว
และต่อจากนี้เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเรารักกันโดยไม่ต้องคุยกัน ไม่ต้องเจอกัน
หรือไม่ร่วมรักกันได้มั้ย
สุดท้ายแล้วบทสรุปของเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่า ใครจะยอมเสียอะไรเพื่อให้หมดรัก แต่มันขึ้นอยู่กับว่า
เราทั้งคู่ยอมจะสละอะไรเพื่อให้รักครั้งนี้คงติดอยู่ในหัวใจได้นานแค่ไหนมากว่า
“พี่ชานยอล หากอีก5 ปีหรือ10
ปีข้างหน้าเรายังรักกันอยู่
และถ้าหากมันเป็นจริง”
“หมายความว่าพระเจ้าเห็นแล้วว่าเราคู่ควรกันมากแค่ไหน”
ในเมื่อเวลาไม่อาจย้อนคืนแต่ความรู้สึกลึกๆใจในยังคงย้ำเตือนว่า.......โอกาสของเราสองคนยังคงมีเสมอ
มีคนบอกว่าเราไม่ควรทรยศหัวใจตัวเอง แต่การที่จะต้องหักหลังใครเพื่อรักใครอีกคน
นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่แบคฮยอนจะทำมัน
หากพระเจ้าเป็นคนลิขิตว่าไม่ให้รัก แล้วถ้าหัวใจอยากจะรัก ‘พระเจ้าจะฝืนมันได้มั้ย’
.
.
.
.
.
2 ปีผ่านไป
“ม่าม๊า แกะอันนี้ให้หนูหน่อย” เด็กชายตัวน้อยที่กระตุกชายเสื้อยืดตัวโคร่งหยึกๆบอกคนที่นั่งนั่งเหม่ออยู่บนโซฟานั่น
“ครับ” คนที่ถูกเรียกว่าม่าม๊ายอมรับซองขนมตรงหน้ามาแต่โดยดี พร้อมกับยิ้มอ่อนๆมองดวงหน้าของเด็กน้อยที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็น่ารักไปหมดในสายตาของเขา
“ม่าม๊าถ้าหนูกินอันนี้แล้วหนูจะโตขึ้นใช่มั้ย”
เสียงใสร้องถามแจ่วขณะที่ในมือชูกล่องนมเปรี้ยวขึ้นให้แบคฮยอนดู
“ถ้าหนูอยากโตหนูต้องกินนมจืดสิ กินนมเปรี้ยวมันไม่โตหรอกนะ” เด็กตัวเล็กพลันหน้าเสียงลงทันทีพร้อมกับยู่ปากตอบกลับมา
“ก็ป๊างินบอกกินนมแล้วหนูจะตัวโตอ่ะ”
“ชานซองครับ หนูจะโตได้ต้องใช้เวลานะ.... กินนมแค่นี้มันช่วยอะไรไม่ได้มากหรอกครับ”
แบคฮยอนบอกเด็กตัวเล็กที่นั่งอยู่กลางหว่างขาด้วยเหตุผล
“งั้นหนูจะไปตีป๊างิน เพราะว่าป๊างินโกหกหนู” ว่าจบชานซองก็รีบกระโดดลงจากตักพร้อมกับวิ่งจู๊ดตรงเข้าไปในครัวเพราะคาดว่าป่าป๊าของเขาอาจทำกับข้าวอยู่ในนั้น
เห้อ!! แบคฮยอนถอนหายใจทิ้งเบาๆ ตั้งแต่มีชางซองเข้ามา ชีวิตในแต่ละวันก็เหมือนจะยุ่งยากเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
เด็กน้อยที่เอาแต่วิ่งเล่นถามนู้นถามนี่ทั้งวัน ทำไมไม่รู้จับเหน็ดเหนื่อยบ้างนะ
ดวงตาเรียวมองเด็กน้อยที่วิ่งเล่นจับตุ๊กตาหมียกขึ้นแสดงเป็นเครื่องบินอย่างระเหี่ยใจ ถึงชางซองจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของเขาจริงๆแต่เขาก็ยินดีที่จะรักเด็กคนนี้ให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้
ไม่ใช่แค่ตอบแทนจงอิน แต่
เด็กน้อยไม่ควรที่จะต้องรู้ว่าเขามีปัญหา
มินอาแม่แท้ๆของชางซอง เมื่อครึ่งปีที่แล้วผู้หญิงคนนี้ได้จูงมือเด็กน้อยเข้ามาในชีวิตจงอิน และนั่นก็ทำให้แบคฮยอนได้รับรู้ว่า ตลอดระยะเวลาที่คบกันมา ทำไมจงอินถึงยอมทนเขาได้
หลายปีที่คบกันมา ในขณะที่แบคฮยอนรังเกียจตัวเองทั้งตัดพ้อด่าทอตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าไม่คู่ควรกับจงอิน
แล้วสุดท้ายเขาก็ได้รู้ว่าที่จงอินยอมรับในตัวเขาได้ เพราะจงอินเองก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน
มินอาคือหนึ่งในผู้หญิงหรือผู้ชายที่โชคร้าย เพราะเธอดันท้องป่องมีลูกขึ้นมาสิ่งเดียวที่จงอินพอจะให้ผู้หญิงคนนี้ได้คือ รับเธอกับลูกไว้ในฐานะครอบครัวของเรา
แต่ถึงเรื่องมันจะดูยุ่งเยิงวุ่นวาย
ตัว แบคฮยอนเองก็ไม่เคยคิดโกรธแค้นจงอิน ที่สวมเขาให้เขามาตลอดหลายปี
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ชายต้องมีอารมณ์อย่างว่า และทั้งหมดนี้เป็นเรื่องแบคฮยอนจะยอมเข้าใจได้
เหตุการณ์ในครั้งนั้นมันก็ช่วยย้ำเตือนแบคฮยอนได้ดีว่าจริงๆแล้ว ความรักที่เขาควรจะมีให้จงอินมันควรจบ ไม่ใช่เพราะโกรธ แต่เหตุผลเดียวที่จะตอบได้คือคำสั้นๆ ที่บอกว่า ไม่เคยรักเลยต่างหาก
“ม่าม๊า วันนี้ม๊ามินอาบอกจะพาไปเล่นสวนน้ำ เย้ๆชางซองดีใจจัง”
“งั้นหนูก็รีบไปอาบน้ำสิ
เดี๋ยวม๊ามินอาดุเอา ม่าม๊าไม่รู้ด้วยนะ” แบคฮยอนแกล้งพูดขู่ทำให้เด็กน้อยกลัวจนรีบวิ่งจู๊ดเข้าไปในห้องน้ำทันที
“พี่แบคฮอยนคะ ชานซองไปไหนแล้ว” ทันที่หญิงสาวเข้าห้องในห้องก็ถามถึงลูกชายที่เพิ่งจะเล่นซนอยู่กับแบคฮยอนเมื่อกี้
“อยู่ในห้องน้ำนู้นแหละ เธอนี่นะชอบดุลูก ฉันเอาชื่อเธอมาขู่ทีไรเด็กน้อยเป็นอันต้องกลัวตัวสั่นแบบนั้นทุกที” แบคฮยอนพูดขึ้นคล้ายตำหนิหญิงสาวตรงหน้า
“ก็พี่กับพี่จงอินชอบให้ท้าย แบบนี้ลูกก็ดื้อกันพอดีสิคะพี่” มินอาตอบกลับออกมาบ้าง “เอ่อ
พี่แบคฮยอน
เรื่องไปสวนน้ำวันนี้ ฉันคงไปด้วยไปได้แล้วล่ะ” หญิงสาวหน้าเสียลงทันทีที่พูด
“อ้าว!!
ทำไมล่ะ”
“ก็งานด่วนอีกแล้วอ่ะพี่
ช่วงนี้น่าปวดหัวจริงๆ” มินอาพูดขึ้นเสียงหงุดหงิด “แล้วพี่ยังไปเป็นเพื่อนพี่จงอินกับชางซองใช่มั้ย” หญิงสาวทำเสียงอ้อนเพราะรู้ว่าพี่แบคฮยอนแพ้ทางเธอตลอด
“ก็แน่หล่ะสิ สงสารชานซองจริงๆที่มีแม่ไม่เอาไหนอย่างเธอ… บ้างานชะมัด” ถึงแบคฮยอนจะตอบเหวี่ยงๆออกไป แต่ก็ไม่ได้ถือโทษโกรธหญิงสาวตรงหน้า
แบคฮยอนก่นหัวเราะให้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบๆตัวอยู่นี้ ถ้าการจากกันของเขากับพี่ชานยอลในวันนั้นมันเป็นทุกข์ แต่สิ่งที่เขาก้าวข้ามมาเพื่อพบ มันกลับเป็นความสุขที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีได้
ทุกวันนี้เขามีความสุข และพี่ชานยอลก็ควรเป็นเช่นนี้เหมือนกัน สัญญาที่เคยมีให้ว่าอีก 5 ปีหรือ 10 ปีถ้าเรายังรักกันอยู่ มันยิ่งทำให้เขามั่นใจมากขึ้น
หากได้เจอกันอีกครั้ง และหากพี่ชานยอลยังรักษามันได้ พอถึงวันนั้น...
เราก็ควรได้รักกันจริงๆ
CHANYEOL PART
“ เซง อิล ชุก ฮา ฮับ นิ ดา เซง อิล ชุก ฮา ฮับ นิ ดา ซา รัง ฮา นึน .....ซออนนีซอจุนี เซง อิล ชุก ฮา ฮับ นิ ดา”
ฟู่!!
เสียงเป่าปากสองแฝดเป่าฟู่ใส่เปลวไฟแท่งเทียนสีสวยบนขนมเค้กพร้อมกับเสียงปรบๆมือขอญาติๆที่มาเป็นสักขีพยานในงานวันเกิดของเด็กน้อยทั้งสองคน
“ของขวัญปีนี้อยากได้อะไรกันห๊ะ
เจ้าสองแสบ” ชานยอลพูดพร้อมกับอุ้มตัวเด็กน้อยสองคนด้วยแขนทั้งสองข้างขึ้นมานั่งบนหน้าตักของเขา
“อยากได้โรโบ้คาร์ โพลิ”
เสียงซอออนพูดขึ้นแข็งขัน
“หนูๆๆๆๆ”
ซอจุนชูไม้ชูมือทำท่าจะตอบบ้าง
“ว่าไงตัวเล็ก อยากได้อะไรครับ” ชานยอลถามพลางก้มลงหอมแก้มนุ่มของเด็กน้อยตรงหน้า
“สวนน้ำ หนูอยากไปสวนน้ำ” ซอจุนพูดพร้อมอมยิ้มแก้มพอง “นะครับๆ
พาฮยองไปด้วย พาแม่ไปด้วย ไปด้วยกันหมดนี้เลย”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” ชานยอลรับปากหลาน
จะว่าไปมันก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ออกไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาบ้าง ทุกวันนี้เขาเองก็ทำงานอย่างหนักเพื่อตัวเองและครอบครัว
เรื่องสาวๆก็ยังคงมีเข้ามาไม่ขาดสาย แต่ที่ชานยอลยังไม่ตกลงปรงใจกับใครก็คงจะเป็นเหตุผลเดียว
ไม่ว่าจะไปที่ไหนดวงตายังคงสอดส่ายเพื่อมองหาใครคนนั่นอยู่ตลอดเวลา
เพราะหากมันเป็นเรื่อบังเอิญ แล้วเรื่องบังเอิญมีอยู่จริง...... ‘เราคงจะได้พบกันครับ บยอนแบคฮยอน’
คุยกับไรต์ : @mingkchk
TALK : ครบ 100% แล้วนะคะ ก่อนอื่นเราต้องเขาโทษทุกคนก่อนที่เราบอกว่า 50%สุดท้ายจะเป็น NC คือเราคิดว่าว่าถ้าเป็น NC อยากจะไม่คงเท่าไหร่ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้สองคนนี้ด้วยนะคะ
ตอนหน้าจะไม่เจอกันแล้วววว ตอนหน้าจะจบแล้ว เย้ๆๆ (อยากโกรธจงอินนะ คือนางก็เงี่.ยนเป็นไง 555)
เอ็นจอย. #ชบติดเซ็กส์
ความคิดเห็น