คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ▶S.E.X. NYM▐ ▐ -09-
-09-
เสียงยางล้อรถเบียดลงบนพื้นถนนลาดยางดังเอี๊ยดอ๊าด แบคฮยอนที่เอาแต่ร้องไห้ด้วยความน้อยใจจนดวงตาเริ่มเห่อแดง ร่างเล็กนั่งนิ่งเหม่อมองไปนอกกระจกรถบานใส ตั้งแต่พูดผิดใจจนถึงขั้นทะเลาะกับพี่ชานยอลที่ฟาร์มม้า คนตัวสูงก็เล่นนั่งเงียบโดยที่ไม่ยอมพูดจาอะไรออกมาสักคำ
ทั้งๆที่ตอนอยู่ที่ฟาร์มนั่น พี่ชานยอลก็แสดงท่าทีดูแลเขาอยู่ตลอดเวลา ทั้งบังแดดบ้าง พัดลมบ้าง เรียกได้ว่ายุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมกันเลย
แต่ทำไมไม่คิดจะพูดง้อกันบ้างเลย
แบคฮยอนเองก็เริ่มร้องสะอื้นตั้งแต่ขึ้นรถ จนป่านี้แล้วเสียงสะอื้นเบายังคงดังอยู่ไม่ได้ขาดสาย ร่างหนาทำได้เพียงนั่งนิ่งบังคับพวงมาลัยรถไปอย่างเอื่อยๆ โดยที่ไม่สามารถทำอะไรไปได้มากกว่านี้ เพราะรู้ว่าถ้ายิ่งปลอบแบคฮยอนจะยิ่งร้องหนักขึ้นแน่
ชานยอลนั่งคิดทบทวนความคิด ความจริงความผิดคงเป็นที่ตัวเขาเอง เพราะเขาไม่ชัดเจนน้องเลยทำตัวไม่ถูก รู้อยู่ว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับแบคฮยอน
แต่สิ่งที่ยากกว่าคือ เขาที่ต้องทำเป็นไม่รู้สึก ทั้งๆที่ข้างในมันรู้สึกมากจนแทบจะล้นทะลักออกมานอกหัวใจ
เวลา 20.12 น. รถคันหรูค่อยๆเลื่อนล้อมาจนเทียบหน้าโรงรถ
แบคฮยอนรีบย้ายร่างออกจากเบาะรถด้วยอารมณ์ขุ่นมัว คนตัวเล็กไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงหลังจากที่เหมือนจะโดนปฎิเสธมาอย่างนี้ จะปล่อยตัวทำตามหัวใจเลยดีมั้ย ?
หรือถ้าไม่ไหวก็ควรหยุดไว้เพียงแค่นี้
ชานยอลพาตัวเองเดินตามแผ่นหลังไหวๆของแบคฮยอนมาติดๆ ขณะที่แบคฮยอนกำลังคิดมากชานยอลก็มีกำลังมีความคิดที่หลายหลากอยู่ในหัวสมอง
ในห้องนอนห้องเดิม มือหนาค่อยๆปลดนาฬิกาสีเงินเรือนหรูอย่างเบามือ ตาคมปลายมองร่างบางที่นั่งหน้าง่ำงออยู่ตรงปลายเตียงนั่น แก้มใสทั้งสองข้างเปียกเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
เด็กน้อยคนนี้น่าเอ็นดูจริงๆ
“คุณ… ผมขอโทษครับ” เสียงแหบห้าวตัดสินใจพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบที่แสนยาวนานและน่าอึดอัดนั่น
“…...” คนตัวเล็กไม่ตอบกลับ ทำเพียบเบนใบหน้าหวานหนีไปอีกทาง
“หยุดร้องเถอะครับ ถ้าคุณปวดหัวขึ้นมาจะแย่เอานะครับ” คนปลอบคนไม่เก่งอย่างชานยอล ทำได้แค่ส่งฝ่ามือหนาขึ้นลูบปอยผมสีน้ำตาลอ่อนให้ลู่ลงตามกรอบหน้าหวานเพียงเท่านั้น
“…..” เสียงสะอื้นหนักเริ่มดังขึ้นอีกครั้งเมื่อคนที่เพิ่งจะบอกปฏิเสธมา แสดงพฤติกรรมที่ทำเป็นจะให้ความหวังเขาอีกครั้ง
แบคฮยอนเอี้ยวตัวหลบสะบัดดวงหน้าให้พ้นจากฝ่ามือของอีกคนทันที รู้สึกไม่อยากพูด ไม่อยากฟังคำพูด คำหวานจากคนๆนี้อีกแล้ว
“หยุดร้องเถอะครับ คนดี” ชานยอลพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง หวังเพียงจะให้เด็กน้อยยอมใจอ่อนลงเท่านั้น
“เมื่อไหร่ อึก จะ จะ อึก พากลับ” แบคฮยอนพูดพร้อมสูดน้ำมูกฟืดใหญ่ ก่อนจะยกหลังมือขาวขึ้นมาปาดคราบน้ำตาของตัวเองออกอย่างลวกๆ ดวงตาแดงก่ำช้อนมองคาดโทษคนตัวสูงอย่างน้อยใจ
“อยู่กับพี่” ชานยอลพูดแค่นั่น
ก่อนจะดันร่างแกร่งโอบรัดเด็กขี้น้อยใจเอาไว้แน่น
“ชานยอล… อึก ถ้าไม่ชอบกัน ก็อย่างทำแบบนี้ อย่ามา อึก กอด” ว่าจบร่างน้อยก็พยายามดันตัวมาอีกคนออก ชานยอลใจร้ายที่ทำแบบนี้ ‘เผื่อเลือกเผื่อทิ้ง’ สินะ
ไม่รัก แต่ก็ไม่ปล่อย
“ชอบหรือไม่ชอบมันสำคัญเหรอครับ ผมกำลังกอดคุณอยู่นี่ไง”
“คนใจร้าย อึก ฉะ ฉันชอบนาย นะ อึก นายรู้แล้วใช่มั้ย” ร่างน้อยในอ้อมเลือกที่จะยอกย้ำความรู้สึกตัวเองให้อีกคนรู้อีกครั้ง
“…….” ร่างสูงนิ่งเงียบ แต่ก็ไม่ยอมคลายกอดออกเลยแม้แต่นิด
“อะ อึก ถะ ถ้าชานยอลพูดว่าไม่เคยรักกัน….. ฉันจะตัดใจ”
“…….” ชานยอลเหมือนยืนเคว้งอยู่บนทางแยก จะเลือกอะไร
ถูกต้อง หรือ ถูกใจ คำถามมากมายถูกสาดเข้ามาในคราเดียวกันเหมือนคลื่นยักลูกใหญ่ ในหัวเขาคิดมากเหมือนจะระเบิดออกมาให้ได้สักต้องนี้เลย
“พี่ชานยอล” เพียงแค่เสียงใสก่นเสียงชื่อเขาออกมาเบาๆ คำว่ารักที่เคยไม่เคยกล้า มันกลับดูชัดเจนมาขึ้น
“ถ้าพี่พูดว่า ‘รัก’ เราทั้งคู่จะลำบากมากขึ้นไปอีกนะครับ”
“ลำบากอะไร อึก ถ้าพี่ชานอยลบอกว่ารัก แบคฮยอนจะอดทน จะไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่เถียง ไม่ร้องไห้ แล้วก็ไม่เอาแต่ใจอีกแล้ว”
“แบคฮยอนไม่อยากให้พี่อึดอัด อยากให้เรามีความสุขนะ” ” เด็กน้อยพูดพร้อมกับกดร่างตัวเองให้ลงไปในอ้อมกอดอีกคน
ได้ยินคนตรงหน้าพูดออกมาอย่างนั้น
ยิ่งทำให้ชานยอลอยากจะกอดร่างนี้เอาไว้ให้นานแสนนาน แต่ความเป็นจริงของโลกนี้ ‘ เราทุกคนไม่อาจได้ทุกอย่างที่เราต้องการ’
หากเลือกที่จะรัก ก็ควรต้องกล้าที่จะปล่อย
“พี่รักแบคฮยอน” ชานยอลอยพูดขึ้นเสียงสั่น “แต่พี่ก็รักคนอื่นอยู่ด้วย”
ชานยอลบอกออกไปอย่างนั้น
บอกออกไปทั้งที่มันไม่ใช่ความจริง
เขามีคยองซูอยู่แล้วก็จริงแต่มันเป็นความเคยชินที่ต้องอยู่ด้วยกัน ‘มันไม่ใช่ความรัก’
“อึก ทำไมคุณทำกับผมแบบนี้ คุณไม่เคยคิดจะ ฮึก รักกัน แล้วคุณมาทำให้ผมรักทำไม” แบคฮยอนพูดพลางดันตัวเองออกจากอ้อมกอดอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว มือไม้เล็กสั่นเทายกขึ้นปาดน้ำตาที่เปรอะแก้มขาวออกอย่างลวกๆ แล้วระดมทุบเข้าที่แผงอกอีกฝ่ายอย่างไร้สติ
ชานยอลนั่งนิ่งให้คนตัวเล็กทุบตีอยู่แบบนั้น เขาเองก็เหนื่อยเกินที่จะขยับร่างกายแล้วในตอนนี้ สุดท้ายแล้วมันคงจะจบแบบนี้สินะ ‘เขาทำร้ายร่ายกายผม ส่วนผมทำร้ายจริงใจเขา
“หยุดเถอะครับ เราสองคนควรจบกันแค่ตรงนี้เถอะครับ” ชานยอลพูดขึ้นพลางรวมแขนเล็กเอาไว้ ไม่ให้ทุบตีเขาอีก
“ใช่!!
นายพูดถูก
เพราะเราสองคนไม่ควรมาเจอกันด้วยซ้ำ” แบคฮยอนกัดปากพูดออกมาก่อนจะบัดข้อมือทิ้งทำท่าจะลุกหนีออกไปแต่ก็ถูกชานยอลรั้งเอาไว้
“คุณไม่ต้องไปไหน เดี๋ยวผมไปเอง” ชานยอลพูดปิดท้ายพร้อมกับลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง ถึงแม้จะเป็นแค่นั้น
แต่ทำไมแบคฮยอนรู้สึกว่าเขาคนนั้นกำลังจะเดินจากไปไกลแสนไกล
หลายอาทิตย์ต่อมา แบคฮยอนกลับมาอยู่กรุงเทพเรียบร้อยแล้ว
แต่หลังจากคืนนั้นแบคฮยอนก็ไม่เห็นชานยอลอีกเลย ส่วนคนที่มารับเขากลับจากต่างจังหวัดในวันนั้น กลับเป็นจงอิน
แบคฮยอนเองก็กระอักกระอ่วนใจไม่กล้าถามออกไปว่าจงอินรู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่ที่นั้น แต่ก็ได้แต่ปล่อยให้ผ่านเลยไป
ต่อจากนี้เราทั้งคู่ควรมีชีวิตใหม่ทั้งผมและเขา ผมทั้งรักและเกลียดเขา ผมรู้สึกขอบคุณที่เขาเข้ามาเพราะทุกอย่างมันแฟร์เกมส์ ผมหายจากโรคนั่นเพราะเขา
และผมก็รักเขาเพราะเขาด้วยเหมือนกัน
“แบคครับ” เสียงเรียกของจงอินทำให้แบคฮยอนหลุดจากห้วนความคิด แล้วทำเพียงหันไปส่งรอยยิ้มบางๆให้กับคนข้างๆ “วันนี้เราไปทานอาหารญี่ปุ่นกันมั้ย? เห็นแบคบ่นอยากทานมาหลายวันแล้ว”
“ก็เอาสิ แบคอยากปลาดิบอยู่พอดี” แบคฮยอนตอบกลับโดนไม่ลืมยิ้มหวานให้กับคนที่เขาพยายามจะรักตรงหน้า
“โอเค งั้นเราไปกันเลยมั้ย?
นี่ก็จะเที่ยงแล้ว” จงอินพูดขึ้น
“ไปงั้นเลยก็ได้
แต่ขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ
ชุดนี้ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่”
แบคฮยอนพูดขำๆก่อนจะชี้นิ้วเรียวให้อีกคนมองที่ชุดนอนที่เขาสวมอยู่แบบติดตลก
@ห้างสรรพสินค้า
จงอินจูงมือแบคฮยอนเดินตรงไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหรูที่รู้ว่าจะต้องถูกใจคนรักของตัวเองเป็นแน่
“มากี่ท่านคะ” พนักงานต้อนรับสาวสวยพูดต้อนรับตามหน้าที่
“สองครับ” จงอินพูดขึ้นแต่เหมือนจะสะดุดตากับอะไรบางอย่างจนทำให้ริมฝีปากหยักยกยิ้มขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ
“งั้นเชิญด้านในเลยค่ะ” พนักงานสาวเดินนำทั้งคู่ที่ตรงโต๊ะที่ว่างก่อนจะเรียกพนักงานอีกคนให้มารับออร์เดอร์
จนไม่นานนักอาหารญี่ปุ่นชุดใหญ่ก็ถูกนำมาจัดวางไว้จนเต็มโต๊ะไปหมด
“จะสั่งอะไรมาเยอะแยะขนาดนี้เนี่ย ถ้ากินหมดนี้ก็อ้วนตายกันพอดี” แบคฮยอนพูดยิ้มๆโดยที่หารู้ไม่ว่ามีสายตาของใครอีกคนกำลังจ้องมองอยู่
CHANYEOL PART
“ชานยอล ทานนี่สิ!! คุณชอบไม่ใช่เหรอ” คยองซูคีบเนื้อปลาดิบขึ้นมาจ่อที่ปากคนรัก
เมื่อเห็นว่าชานยอลเหม่อไปมองโต๊ะตรงมุมสุดนั่นอีกแล้ว
“อ่อ
ขอบคุณครับ” แต่ชานยอลกลับใช้มือรับตะเกียบคู่นั้นมาแทนที่จะอ้าปากรับ ทำให้คยองซูรู้สึกหน้าเสียไม่น้อย
“ทำไมไม่กินของที่ผมป้อนล่ะครับ หรือว่าคุณรังเกียจ” คยองซูพูดขึ้นก่อนจะทำหน้างอ
“เปล่าครับ
ผมกลัวคุณจะไม่ได้ทานไง
เอานี่สิครับ อร่อยนะ” ชานยอลแกล้งเฉไฉเปลี่ยนประเด็นพร้อมกับคีบซูชิคำหนึ่งไปวางบนจานของอีกฝ่าย
“คุณมัวแต่มองอะไรอยู่ ตั้งแต่มาถึงผมเห็นคุณยังทานไม่ถึงสิบคำเลย” คยองซูแกล้งถามออกมาทั้งที่รู้อยู่แล้ว
เพราะเมื่อสิบนาทีก่อนเขาเพิ่งจะเห็นจงอินกับแบคฮยอนเดินเข้ามาในร้าน
“ผมไม่ได้มองอะไรทั้งแหละครับ ผมว่าเรารีบๆทานเถอะ จะได้รีบไป” ชานยอลตอบกลับคยองซูออกไปอย่างนั้น เพราะเขากลัวใจตัวเองมากกว่า
เห็นท่าทางที่มีความสุขดีของแบคฮยอนทั้งให้เขารู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาไม่น้อย
“จะรีบไปไหนกันล่ะครับ
ผมยังไม่อิ่มเลยว่าแต่คุณมัวแต่มองอะไรอยู่ได้” คยองซูแกล้งเขยิบตัวหันไปมองตามสายตาของอีกฝ่าย
“งั้นมันแบคฮยอนนี่นา” คยองซูแกล้งพูดขึ้นเสียงดัง
จนชานยอลมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย
“คุณรู้จักชื่อเขาได้ยังไง”
ชานยอลถามขึ้นเสียงเย็น
“ก็ผมเคยเจอเขาที่มหาลัย ทำไมเหรอครับ? คุณรู้จักเขาเหรอ?”
“เปล่าครับ เราไม่ได้รู้จักกัน” ชานยอลตอบกลับพลางมองไปที่ใบหน้าของแบคฮยอนด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
“แต่ผมรู้จักเขานะ ผมว่าเราควรไปทักทายเขาสักหน่อย” คยองซูไม่แค่พูดเฉยแต่กลับชักมือลากชานยอลให้เดินตามเขาไปติดๆ
END.
“สวัสดีแบคฮยอน
นี่เราคยองซูจำได้มั้ย? ที่เคยเจอกันที่มหาลัยเมื่อวันก่อน” แบคฮยอนท่าทางดูตกใจเล็กนิด แต่เมื่อใช้ความคิดสักแปปก็จำอีกคนขึ้นมาได้
“อ่อ
จำได้” แบคฮยอนตอบกลับด้วยท่าทียิ้มแย้ม “แล้วนั่นใครกันที่หลบอยู่หลังนาย เรารู้จักกันด้วยรึเปล่า” แบคฮยอนถามออกมาอีก
“แฟนเราเอง
ชื่อปาร์คชานยอล” แบคฮยอนถึงกับหน้าชาเมื่อคยองซูดึงร่างของอีกคนที่หลบอยู่ด้านหลังให้ออกมา
“สวัสดีครับ
ผมปาร์คชานยอลเป็นแฟนคยองซู” ชานยอลว่าเสียงเรียบแต่กลับมองหน้าแบคฮยอนด้วยสายตาที่เดาไม่ถูก
“ แล้วนั่นใครอ่ะ แฟนแบคฮยอนรึเปล่า” คยองซูชี้ไปที่จงอิน
“อื้ม
นี่จงอินแฟนเราเอง” แบคฮยอนตอบสียงเบาๆ
เพราะไม่เคยคิดว่าตัวเองจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน
“แล้วนี่ไม่คิดจะชวนเรากับแฟนนั่งก่อนรึไง” คยองซูพูดขึ้นอีก
“อ่อๆ งั้นนั่งสิ” แบคฮยอนขยับตัวเล็กน้อย
“งั้นเรานั่งข้างแบคฮยอนแล้วกัน
ถ้าขืนเรานั่งข้างจงอินล่ะก็ ชานยอลหึงเราตายแน่” คยองซูพูดขึ้นขำๆ ก่อนที่ชานยอลเองก็นั่งลงข้างจงอินเหมือนกัน
สถานการณ์บนโต๊ะค่อยข้างจะอึดอัดมากสำหรับแบคฮยอน
ชานยอลเองก็ไม่ได้มีท่าทีใส่ใจหรือหึงหวงอะไรเขากับจงอินเลย อาจเป็นเพราะอีกคนลืมเขาไปหมดแล้วก็ได้
ตึ๊ง!! เสียงเตือนข้อความเข้าจากโทรศัพท์แบคฮยอนดังขึ้น
ก่อนแบคฮยอนจะตัดสินใจเปิดอ่านเพราะบรรยากาศบนโต๊ะมันน่าอึดอัดเหลือเกิน
จากปาร์คชานยอล
สบายดีมั้ย? ตลอดเวลาที่ไม่ได้เจอคุณ ผมเป็นห่วงคุณมาก
คุยกับไรต์ : @mingkchk
TALK : ครบ 100% เราเขาโทษทุกคนนะ ที่หายไปนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แต่หลังจากนี้เราจะพยายามอัพให้บ่อยขึ้นนะ
เรื่องนี้มี 12 ตอนจบนะคะ ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยค่ะ
เอ็นจอย. #ชบติดเซ็กส์
ความคิดเห็น