คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7 [ปรับขนาดอักษรค่ะ]
ช่วงบ่ายของวันจะมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาถ่ายรูปหรือซื้อเครื่องดื่มเสมอ แต่วันนี้ร้านเธอกลับพิเศษกว่าวันอื่นคือมีผู้ช่วยร่างสูงเป็นพนักงานเสิร์ฟแถมหน้าตาหล่อเหลาเสียด้วย ทำให้ลูกค้าสาวๆ ที่ส่วนมากถ่ายรูปเล่นบริเวณร้านเปลี่ยนเป็นถ่ายรูปพนักงานเสิร์ฟของร้านเธอแทน
“เหนื่อชะมัด จะถ่ายอะไรกันนักกันหนา” คยูฮยอนบ่นกับซูยองเมื่อเห็นว่าไม่มีลูกค้าอยู่ภายในบริเวณร้าน
“ขอบใจนะ” ซูยองยิ้มให้คยูฮยอนบางๆ เพราะทำไมเธอจะไม่รู้ว่าคยูฮยอนรำคาญขนาดไหน ที่มีคนมากรี๊ดกร๊าดขอถ่ายรูป แต่ก็ยังยิ้มแย้มไม่โวยวายกลับไป แล้ววันนี้ลูกน้องของเธอดันลางานเสียอีก คยูฮยอนจึงอาสาที่จะช่วยงานแทนทำให้เธอเบาแรงไปมาก
“ไม่เป็นไร ก็สัญญากับซูวอนแล้วไงว่าวันนี้จะเป็นองครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิง” คยูฮยอนพูดติดตลก เพราะซูยองดูเกรงใจเขาเหลือเกิน ทั้งที่เป็นเพื่อนกันมานาน
ยังไม่ทันที่ซูยองจะตอบอะไรกลับไป เสียงกระดิ่งที่ประตูดังขึ้น ทำให้คยูฮยอนมองชายหนุ่มที่ใส่สูทเต็มตัวเดินเข้ามาในร้านอย่างสงสัย เพราะผู้ช่วยของซีวอนมาทำอะไรที่ร้านกาแฟเล็กๆ แห่งนี้
“สวัสดีครับ คุณคยูฮยอน” ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาในร้านทักทายคยูฮยอนก่อน เพราะเจอกันบ่อยครั้งเมื่อตอนซีวอนติดต่อเจรจาซื้อขายกิจการโรงแรมอินซาน
“ผมลี ทงเฮ ครับ” ชายหนุ่มหันมาแนะนำตัวเองกับหญิงสาวก่อนที่จะถาม “คุณซูยองใช่ไหมครับ”
ซูยองงเล็กน้อยก่อนจะตอบรับกลับไป เพราะเธอไม่รู้จักชายหนุ่มผู้นี้เลย แต่ดูท่าแล้วไม่น่าจะเป็นคนไม่ดี
“พอดีผมเป็นตัวแทนของเจ้านาย มาขอเจรจาธุรกิจกับร้านซูวอนครับ” ทงเฮยังไม่กล้าพูดอะไรมาก การเจรจาธุรกิจไม่ควรพูดต่อหน้าบุคคลที่สาม และตัวเขาเองไม่แน่ใจว่าคยูฮยอนเกี่ยวข้องอะไรกับซูยอง อีกทั้งคยูฮยอนยังเป็นถึงลูกชายอดีตเจ้าของโรงแรม ทำให้ทงเฮไม่กล้าแนะนำตัวกับซูยองว่าเขาเป็นผู้ช่วยซีวอนเจ้าของโรงแรมคนใหม่ เพราะเขาไม่รู้ว่าคยูฮยอนคิดอย่างไรเกี่ยวกับการขายกิจการ ถึงแม้จะพอทราบมาว่าคยูฮยอนไม่ต้องการบริหารต่อ แต่การแนะนำตัวอย่างนั้นในแง่หนึ่งอาจมองว่าเป็นการทับถมกันเรื่องธุรกิจก็เป็นไปได้
“มีอะไรพูดมาได้เลยค่ะ คยูฮยอนอยู่ฟังด้วยกันนะ” ซูยองมองหน้าคยูฮยอนแว๊บหนึ่งก่อนพูดออกมาเพราะเธอไม่มีหัวทางธุรกิจเท่าไหร่ที่ทำอยู่เพราะใจรักมากกว่า ถึงคยูฮยอนจะไม่ชอบทางด้านนี้แต่น่าจะรู้เรื่องมากกว่าเธอ
ทงเฮจึงอธิบายว่าเจ้านายของเขาต้องการยกระดับโรงแรมเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ดังนั้นจึงต้องยกระดับสิ่งปลูกสร้างบริเวณรอบๆ โรงแรมด้วย
“จากที่ผมอธิบายคือทางเราไม่ได้บังคับร้านซูวอน เพียงแต่ขอความร่วมมือจากทางร้านเท่านั้น จากข้อเสนอเบื้องต้นถ้าคุณซูยองไม่ต้องการให้โรงแรมเป็นเจ้าของหุ้นร่วม ก็สามารถกู้เงินจากทางโรงแรมเพื่อปรับปรุงร้านได้ โดยดอกเบี้ยจะเป็นเรทที่ถูกกว่าธนาคารมาก หรือคุณซูยองต้องการเสนอเงื่อนไขอื่น ทางเราก็ยินดีที่จะรับฟังครับ”
“ถ้าจะให้ตอบเบื้องต้น ทางเราคงต้องขอปฏิเสธค่ะ เพราะที่ยังเปิดร้านนี้เป็นเพราะใจรักมากกว่าหวังกำไรค่ะ ขอโทษจริงๆ นะคะ” ซูยองตอบปฏิเสธกลับไป เพราะเธอมีความสุขกับร้านเล็กๆ ที่มีสวนดอกไม้รายรอบ
“ยังไม่ต้องรีบตอบก็ได้ครับ ผมอยากให้คุณซูยองพิจารณารายละเอียดและไตร่ตรองดูก่อน เพราะทางเราไม่คิดที่จะเอาเปรียบคุณเลย” ทงเฮยื่นเอกสารทั้งหมดให้กับซูยองเพื่อเก็บไว้พิจารณาดูอีกครั้ง
“ส่วนนี่นามบัตรของผมครับ ยังไงผมขอตัวก่อนนะครับ คุณซูยอง คุณคยูฮยอน”
หลังจากที่ทงเฮออกจากร้านไป ซูยองจึงถอนหายใจพร้อมกับขอคำปรึกษาจากคยูฮยอนเพราะเรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่
โดยส่วนตัวแล้วเธอไม่มีปัญหาเรื่องเงินเพราะเงินก้อนใหญ่ที่ถอนออกมาสามารถเป็นค่าเล่าเรียนซูวอนได้จนจบมหาวิทยาลัยแบบสบายๆ แต่ถ้านำเงินนั้นมาปรับปรุงร้านจากที่เงินเป็นเรื่องเล็กก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที แต่จะให้กู้ยืมเธอก็ไม่มีหัวทางธุรกิจเท่าไหร่ เพราะพอเรียนจบก็ทำงานการกุศลให้กับจีอูแม่ของซีวอนทันที ซึ่งเป็นงานที่มีแต่ให้ไม่หวังผลกำไร
หลังจากที่ทงเฮติดต่อเจรจากับซูยองเสร็จ จึงกลับโรงแรมเพื่อรายงานผลให้แก่ซีวอน ซึ่งก่อนหน้านั้นซีวอนก็คาดการไว้อยู่แล้วว่าเจ้าของร้านน่าจะปฏิเสธ แต่ที่เขาคิดไม่ตกคือเขาเคยเห็นหน้าซูยองจากที่ไหน ซึ่งพยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก
ทงเฮเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของซีวอนหลังจากที่เลขาหน้าของห้องซีวอนได้โฟนบอกซีวอนว่าทงเฮของเข้าพบ
“เป็นไง ถูกเจ้าของร้านปฏิเสธใช่ไหม” ซีวอนถามทงเฮทั้งที่พอจะเดาคำตอบได้อยู่แล้ว
“เจ้านายก็รู้อยู่แล้ว จะถามผมทำไม” ทงเฮตอบกลับอย่างกวนๆ เพราะซีวอนเป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนในคราวเดียวกัน
“ถามไปงั้นๆ มีเรื่องอะไรอย่างอื่นน่าสนใจไหม” ซีวอนถามกลับ เพราะทงเฮคงไม่มาหาเขาเพียงแค่บอกว่าเจ้าของร้านกาแฟปฏิเสธเป็นแน่
“นิดหน่อย อย่างแรกคือเจ้าของร้านกาแฟสวยและหน้าคุ้นมาก” ทงเฮเล่นลิ้น เพราะรู้อยู่แล้วว่าซีวอนไม่สนใจกับคำว่าสวยหรือหน้าคุ้น
“แล้วไง” ซึ่งเป็นจริงอย่างที่ทงเฮคิด เพราะซีวอนเริ่มออกอาการหงุดหงิด
“เจ้าของร้านกาแฟดูเหมือนจะคบหากับอดีตเจ้าของโรงแรมนี้ ไม่สิ ต้องลูกของอดีตเจ้าของโรงแรม”
“ลูกอดีตเจ้าของโรงแรม… คยูฮยอน… จิตกรวาดเขียนคนดัง” ถึงแม้ตัวซีวอนจะไม่ค่อยได้พูดคุยกับคยูฮยอนนักแต่ใช่ว่าจะไม่รู้จัก เพราะชื่อเสียงของคยูฮยอนดังใช่เล่น
“ใช่ แต่ไม่แน่ใจว่าถึงขนาดคบหาหรือป่าว แต่ดูแล้วน่าจะสนิทกันมาก” คำพูดของทงเฮทำให้ซีวอนเริ่มวิตก เพราะนั้นอาจทำให้การเจรจายากขึ้น การที่มีคยูฮยอนเป็นแบล็คอยู่ข้างหลังแสดงว่าร้านกาแฟแห่งนี้ไม่น่าจะมีปัญหาทางด้านการเงิน การเจรจาคงใช้เงินเป็นปัจจัยในการหว่านล้อมไม่ได้
“คงต้องค่อยๆ พยายามหว่านล้อมไปเรื่อยๆ อย่างที่บอกแต่ต้นงานนี้ฝากจัดการด้วยนะ” ซีวอนบอกกับทงเฮ นั่นหมายความว่าเรื่องนี้เขาจะไม่เกี่ยวข้อง เป็นเพียงแค่ที่ปรึกษาเท่านั้นเหมือนหลายๆ โครงการที่ผ่านมาที่ทงเฮเป็นแม่งานใหญ่ เพราะเขาเพียงคนเดียวคงทำไม่หมด
หลังจากที่คุยงานต่างๆ กับทงเฮจบ ซีวอนเดินมาที่ลานสระว่ายน้ำตามที่นัดกับเด็กซูวอน จะว่าไปแล้วซูวอน? เหมือนกับเคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหน?
ส่วนซูวอนเมื่อกลับถึงบ้านก็รีบเก็บของเนื่องจากสัญญากับซีวอนไว้ว่าวันนี้จะไปเล่นน้ำด้วยกัน แต่ก็ไม่วายเป็นห่วงซูยองเพราะเรื่องฝันร้ายเมื่อคืน
“ลุงคยูยังไม่ไปไหนใช่ไหมครับ” ซูวอนถามคยูฮยอนก่อนที่จะขออนุญาติซูยองเพื่อที่จะไปว่ายน้ำ เพราะถ้าซูยองไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน เขาจะได้รีบไปบอกลุงซีวอนว่าวันนี้ขอยกเลิกนัด
“ยังไม่ไปไหนครับ” คยูฮยอนตอบซูวอนกลับไป
“แล้วลุงคยูจะอยู่ที่นี่จนถึงกี่โมงครับ” ซูวอนถามคยูฮยอนก่อนขยายความด้วยคำพูดแก่แดด “ถ้าลุงคยูยังอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ ผมจะได้ขอคุณแม่ไปว่ายน้ำครับ แต่ถ้าลุงคยูรีบกลับก็ไม่เป็นไรครับ ผมยกเลิกนัดได้”
ถึงแม้จะเสียดายที่อดเล่นกับซีวอน แต่สำหรับซูวอนแล้วแม่ของเขาสำคัญที่สุด
“ได้ครับ ลุงยังไม่ไปไหน เดี๋ยวลุงคงอยู่คุยงานกับคุณแม่อีกนาน ซูวอนไม่ต้องห่วงครับ” คยูฮยอนตอบซูวอนกลับไป เพราะยังติดคุยงานกับซูยองเรื่องการเจรจายกระดับโรงแรมแล้วมีผลกระทบกับร้านกาแฟแห่งนี้
“คุณแม่ครับ ผมขออนุญาติไปว่ายน้ำนะครับ” ซูวอนหันไปขออนุญาติซูยองหลังจากที่ได้ยินคำตอบจากคยูฮยอนว่ายังไม่ไปไหน
“ได้ครับ แล้วอย่าเล่นเพลินจนลืมกลับมาทานข้าวเย็นนะครับ” หลังจากที่อนุญาติให้ซูวอนไปว่ายน้ำเล่นได้ ซูยองไม่วายเตือนซูวอนเรื่องกลับมาทานข้าวเย็นให้ทัน เพราะด้วยความเป็นเด็กบางทีก็เล่นเพลินจนลืมหิว และยิ่งเห็นซูวอนนัดแนะเพื่อนชวนกันไปว่ายน้ำแบบนี้แล้ว ทำให้ซูยองรู้สึกได้ว่าซูวอนน่าจะเจอเพื่อนใหม่ถูกใจเข้าให้แน่นอน
เมื่อตกปากรับคำซูยองเรียบร้อย ซูวอนจึงรีบวิ่งไปยังสระว่ายน้ำ
“สวัสดีครับ คุณลุงซีวอน” ซูวอนวิ่งเข้ามาหาชายหนุ่มพร้อมกับโค้งหัวทักทายอย่างมีมารยาท ทำให้ซีวอนอดยิ้มน้อยๆ ไม่ได้
“สวัสดีครับ พร้อมหรือยัง ลุงพร้อมแล้วนะ” ซีวอนถามซูวอนว่าพร้อมที่จะว่ายน้ำหรือยัง เพราะยังเห็นซูวอนใส่ชุดลำลองอยู่ ส่วนตัวเขาพร้อมที่จะเล่นน้ำกับเด็กหนุ่มแล้วเหลือเพียงแค่ถอดชุดคลุมออก
“พร้อมแล้วครับ” ซูวอนถอดชุดลำลองออกเพราะใส่กางเกงว่ายน้ำไว้ข้างใน จึงบอกกับซีวอนแล้ววิ่งกระโดดลงไปในสระ ทำให้ซีวอนถอดชุดคลุมออกบ้างและลงสระตามไปเล่นน้ำกับเด็กน้อยที่รู้สึกถูกชะตา
ภาพชายหนุ่มร่างกายกำยำสมส่วนกับหนุ่มน้อยน่ารักเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ทำให้ใครที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวบริเวณสระว่ายน้ำอดที่จะรู้สึกสนุกไปด้วยไม่ได้ แถมทั้งคู่ยังมีหน้าตาละม้ายคล้ายกันอย่างบอกไม่ถูกทำให้ลูกค้าโรงแรมบางคนเข้าใจผิด แม้แต่พนักงานที่ส่วนมากรู้จักซูวอนเป็นอย่างดี ยังอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมเจ้านายใหม่ของพวกเขากับซูวอนถึงดูละม้ายคล้ายกันอย่างกับเป็นพ่อลูกกัน
“ไง เหนื่อยหรือยัง” ซีวอนถามหนุ่มน้อยที่เล่นน้ำด้วยกันอย่างสนุกสนาน เพราะนี่ก็เล่นน้ำกันมาเกือบชั่วโมงแล้ว สำหรับตัวเขาออกกําลังกายอย่างสม่ำเสมอแค่นี้จึงไม่ทำให้เหนื่อยได้ แต่กับเด็กน้อยคนนี้ ถึงแม้จะยังดูไม่เหนื่อยแถมยังดูสนุกอยู่ แต่ด้วยความเป็นเด็กมือจึงเริ่มเปื่อย
“ยังครับ” ซูวอนตอบกลับไป เพราะยังสนุกอยู่อย่างที่ซีวอนคิด
“แต่มันเริ่มเย็นแล้ว ลุงว่าเราขึ้นจากสระกันเถอะ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา” ซีวอนแนะให้ซูวอนเลิกเล่นน้ำเพราะกลัวเป็นหวัด ทำให้ซูวอนลังเลนิดหนึ่งเนื่องจากอยากเล่นก็อยากเล่น แต่ก็เข้าใจว่าซีวอนเป็นห่วงมันแม้ในใจจะเชื่อมั่นว่าตัวเองไม่เป็นหวัดง่ายๆ แต่ก็ยอมขึ้นจากสระว่ายน้ำแต่โดยดี ดังนั้นซีวอนจึงอดคิดไม่ได้ว่าเด็กคนนี้ว่านอนสอนง่ายและดูเป็นผู้ใหญ่เกิดตัว
“งั้นเดี๋ยวเราไปทานข้าวด้วยกันดีกว่า เดี๋ยวลุงเลี้ยงเอง” ซีวอนเอ่ยชวนซูวอนทานข้าวด้วยกัน เพราะเล่นน้ำมาเหนื่อยๆ น่าจะหิวเอาการอยู่
“ไม่ได้ครับ ผมต้องกับไปทานข้าวกับแม่ที่บ้านครับ” ซูวอนบอกกับซีวอนระหว่างเดินทางไปยังห้องอาบน้ำ “บ้านผมเป็นร้านกาแฟที่ติดกับโรงแรมข้างๆ นี้ครับ”
จากคำพูดของซูวอนทำให้ซีวอนรับรู้ว่าเขาเคยได้ยินชื่อซูวอนจากไหน ถ้าไม่ใช่ชื่อร้านกาแฟข้างๆ โรงแรมที่ชื่อเดียวกันกับเด็กคนนี้ และจากที่ทงเฮเล่าเมื่อตอนบ่าย แสดงว่าเด็กคนนี้น่าจะเป็นลูกของคยูฮยอน
“แล้วคุณลุงละครับ พักที่ไหน” คำถามของซูวอนทำให้ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์
“ลุงพักอยู่ที่โรงแรมนี้ครับ พักอยู่ชั้นบนสุดเลย”
พอได้ยินคำตอบของซีวอนทำให้ซูวอนเศร้าลงถนัดตา
“แบบนี้ไม่นานคุณลุงก็ต้องกลับไปแล้วใช่ไหมครับ”
“ไปไหนครับ” ซีวอนไม่ค่อยเข้าใจคำถามของเด็กน้อยเท่าไหร่นัก
“คุณลุงมาเที่ยว คุณลุงก็ต้องกลับบ้านไม่ใช่หรอครับ” ซูวอนชอบเพื่อนใหม่คนนี้ ชอบมากกว่าเพื่อนคนไหนๆ ทั้งหมด เพราะเมื่ออยู่ด้วยแล้วรู้สึกทั้งมีความสุขและอบอุ่น จึงอดที่จะเสียใจไม่ได้เมื่อรู้ว่าซีวอนต้องกลับบ้านเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ และส่วนมากก็จะไม่ได้มาเจอกันอีก
“ลุงมาทำงานครับ อีกนานเลยกว่าลุงจะกลับ” เมื่อได้ยินคำพูดของซีวอนทำให้ซูวอนกระโดดโลดเต้นดีใจ ที่ซีวอนยังอยู่ด้วยกันอีกนานไม่ได้กลับไปบ้านเหมือนเพื่อนคนก่อนๆ
“ถ้าดีใจขนาดนี้ ต้องอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับลุงทุกวันนะครับ” ซีวอนเมื่อเห็นซูวอนดีใจก็อดที่จะรู้สึกดีใจตามไม่ได้
“ได้เลยครับ ผมจะรีบทำการบ้านแล้วจะรีบมาหาคุณลุงทุกวันเลย” ซูวอนยิ้มตาหยีให้กับซีวอน
หลักจากที่ทั้งคู่อาบน้ำเสร็จ จึงพากันเดินจูงมือมายังล็อบบี้ของโรงแรม ซึ่งตอนแรกเขาตั้งใจจะไปส่งซูวอนที่บ้าน แต่เนื่องจากวันนี้ทงเฮพึ่งเจรจาเรื่องยกระดับโรงแรมเป็นโรงแรม 5 ดาว ดังนั้นเจอเขาในฐานะเจ้าของโรงแรมอีกครั้งคงไม่ดีเท่าไหร่นัก รอให้การเจรจาลงตัวก่อนดีกว่า
“ซูวอนกลับบ้างเองได้ใช่ไหมครับ” ซีวอนถามทั้งที่แน่ใจอยู่แล้วว่าซูวอนกลับบ้านเองได้ เพราะเมื่อวานก็มาเองกลับเอง แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี
“ได้ครับ นี่ก็ยังไม่มืดด้วย” ซูวอนตอบซีวอนกลับไป
“งั้นลุงไม่ไปส่งนะครับ เดี๋ยวลุงต้องไปทำงานต่อ แล้วพรุ่งนี้ขออนุญาตคุณแม่มาทานข้าวเป็นเพื่อนลุงนะครับ” ซีวอนบอกให้เด็กน้อยขออนุญาตผู้เป็นแม่เพื่อมาทานข้าวเย็นกับเขา ทำให้ซูวอนคิดนิดหนึ่งก่อนปฏิเสธออกไป
“ไม่ได้ครับ ถ้าผมมาทานข้าวกับคุณลุง คุณแม่ก็จะต้องทานข้าวคนเดียว” ซูวอนพูดอย่างเสียดาย
“แล้วคุณพ่อล่ะครับ ไม่ได้อยู่บ้านหรอ” ซีวอนอดคิดไม่ได้ว่าคยูฮยอนไปไหน เพราะวันนี้ทงเฮยังบอกว่าเจอคยูฮยอนอยู่เลย หรือพวกจิตกรวาดเขียนจะอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง
“ผม… ไม่มีพ่อครับ”
ความคิดเห็น