คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5 [ปรับขนาดอักษรค่ะ]
7 ปีต่อมา
บ้านสองชั้นหลังเล็กติดกับโรงแรมหรูชื่อดัง บริเวณหน้าบ้านเป็นสวนดอกไม้น่ารักสำหรับนักท่องเที่ยวแวะถ่ายรูป ภายในบ้านชั้นหนึ่งเป็นร้านอาหารเล็กๆ ซึ่งเต็มไปด้วยขนมเค้กมากมาย เครื่องดื่ม ชา กาแฟ โดยตบแต่งด้วยเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ จากเปลือกหอยทะเล ผ้าปูโต๊ะสีชมพู เก้าอี้สีขาว นักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนทะเลในปูซาน เมื่อเห็นแล้วจึงอดไม่ได้ที่จะต้องเข้ามาถ่ายรูปหรือแวะทานขนม ส่วนชั้นสองเป็นห้องพักส่วนตัว สองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำสำหรับสองแม่ลูกที่อาศัยอยู่
“กลับมาแล้วครับ คุณแม่” เสียงหนุ่มน้อยวัย 6 ขวบที่ดูฉลาดเกินตัว ดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดออก แล้ววิ่งเข้าหาหญิงสาวนั่งทำบัญชีอยู่ริมหน้าต่าง
ซูยองเงยหน้าจากกองเอกสารและยิ้มให้กับลูกชายที่วิ่งถลาเข้ามาในอ้อมกอดพร้อมกับหอมแก้มฟอดหนึ่งใหญ่ๆ “ตัวเหม็นเชียว ไปอาบน้ำ ทำการบ้านให้เสร็จ แล้วค่อยลงมาทานข้าวกัน เดี๋ยวแม่ทำบิบิมบัพรอ”
“วันนี้ไม่มีการบ้านครับ ผมขอไปว่ายน้ำที่โรงแรมได้ไหมครับ” โรงแรมที่ลูกชายตัวเองหมายถึงคือโรงแรมอินซานที่ติดอยู่กับบ้านของเธอ เมื่อเห็นว่าไม่มีการบ้านอะไรให้ทำ ซูยองจึงอนุญาติเพราะซูวอนไปว่ายน้ำหรือวิ่งเล่นภายในบริเวณสนามของโรงแรมเป็นประจำอยู่แล้ว
แต่ได้ยินพนักงานโรงแรมที่เป็นลูกค้าร้านเค้กของเธอพูดกันว่าโรงแรมอินซานได้ถูกซื้อไป เธอจึงไม่แน่ใจว่าต่อไปซูวอนจะไปวิ่งหรือว่ายน้ำได้เหมือนเคยไหม เพราะตั้งแต่เธอตัดใจตั้งรกรากอยู่ที่ปูซาน ซึ่งห่างไกลกับโซลพอสมควร ด้วยจำนวนเงินที่เธอได้มาจากเงินปันนผลของหุ้นที่พ่อเธอให้ไว้เป็นมรดก และด้วยการดูแลกิจการของซีวอนที่ดูแลทุกอย่างได้ดีเกินไป จนเธอสามารถนำเงินมาซื้อที่ดินพร้อมกับสร้างบ้านเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ติดทะเลได้ เพราะฉะนั้นคงเป็นเวลาเกือบ 7 ปีแล้วที่เธอตัดสินใจหนีปัญหาและทิ้งหัวใจตัวเอง แต่ก็เป็นเวลา 7 ปีที่เธอมอบรักใหม่ให้กับคนๆ หนึ่ง นั่นไม่ใช่ใครที่ไหน ถ้าไม่ใช่ลูกชายของเธอเอง
ซูวอนเติมโตที่ปูซานพร้อมๆ กับบ้านที่ติดโรงแรมหลังนี้ ดังนั้นจึงค่อนข้างสนิทกับพนักงานทุกๆ คนในโรงแรมแห่งนี้ บางทีลูกชายของเธออาจจะอัธยาศัยดีไปเพราะพนักงานบางคนเธอยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ แต่คำโบราญว่าลูกชายหน้าตาเหมือนพ่อจะอาภัพ คำนี้คงใช้ได้จริงกับลูกชายของเธอ เพราะถึงแม้ซูวอนจะเป็นที่รักและเอ็ดดูของทุกๆ คน แต่จนป่านนี้ซูวอนก็ยังไม่เคยเจอกับพ่อแท้ๆ ของตัวเองสักครั้ง จนเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ทำให้ดวงตตาที่สดใสกลับมาหมองหม่นอีกครั้งเพราะลูกชายของเธอเป็นเด็กดีเกิดไป ซูวอนเคยถามเรื่องพ่อกับเธอแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อตอนไปโรงเรียนใหม่ๆ แต่เธอกลับร้องไห้ออกมาซะอย่างนั้น ตั้งแต่นั้นมาซูวอนก็ไม่เคยถามเรื่องพ่ออีกเลย คงเพราะไม่อยากให้เธอเสียใจ
โรงแรมอินซานเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวติดทะเล แต่เนื่องจากปัญหาเรื่องสุขภาพของผู้บริหารโรงแรม ทำให้ต้องขายหุ้นส่วนหนึ่งของโรงแรมทิ้ง เพราะลูกชายของเขาชอบที่จะเป็นศิลปินจิตรกรวาดเขียนมากกว่างานบริหาร จึงทำให้ไม่มีใครดูแลกิจการต่อ ดังนั้นถ้าจำเป็นต้องขายหุ้นส่วนหนึ่งออกไป เพื่อให้คนรุ่นใหม่มาบริหารงานแทน เขาจึงไม่ลังเลเลย ถ้าจะขายให้กับตระกูลชเว ที่กำลังขยายกลุ่มในเครือโรงแรม แถมยังประกาศอีกว่าจะเปลี่ยนจากโรงแรมระดับ 4 ดาว ให้เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ภายในระยะเวลา 1 ปี และด้วยศักยภาพของชเว ซีวอนแล้ว เขามั่นใจมากว่านักบริหารหนุ่มคนนี้สามารถทำได้
“ตั้งแต่นี้ไป ห้องนี้จะเป็นห้องทำงานของหลานนะ ลุงเก็บข้าวของลุงออกไปหมดแล้ว” โจว คิมฮยอน อดีตซึ่งกลายเป็นผู้บริหารเจ้าของโรมแรมแห่งนี้เอ่ยอย่างใจดี แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าดวงตาทั้งสองข้างเศร้าหมองเพียงใด เพราะถึงแม้จะยังเหลือหุ้นให้กับตัวเองและลูกอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ด้วยความผูกพันธ์ก็อดที่จะใจหายไม่ได้
“ความจริงแล้วลุงไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้นะครับ ผมทำงานห้องอื่นได้ ส่วนห้องนี้ลุงอยากเข้ามา หรืออยากเปลี่ยนไปทำอะไรก็ได้ครับ” ซีวอนยื่นขอเสนอออกไป เพราะตัวเขาเองถึงแม้จะเป็นผู้บริหารคนใหม่แล้ว แต่ก็ไม่อยากผลักไสผู้บริหารคนเก่าที่เคารพนับถือ และเขาก็คงอยู่ที่โซลเป็นหลัก คงมีแต่ปีนี้เท่านั้นที่อยู่ที่ปูชานนานหน่อย เพราะมีโครงการยกระดับโรงแรม คงต้องมีการปรับหรือต่อเติมโรงแรมครั้งใหญ่
“ไม่ได้ๆ ห้องนี้เป็นห้องที่ดีสุด แล้วลุงก็ไม่ได้เป็นผู้บริหารแล้วด้วย จะมานั่งเล่น นอนเล่น ในชั้นผู้บริหารได้ไง ยังไงเดี๋ยวลุงไปก่อนนะ ถ้ามีอะไรสงสัยหรือมีปัญหาอะไรก็ปรึกษาลุงได้เสมอ” โจว คิมฮยอน บอกอย่างใจดีก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป จึงเหลือเพียงแต่ซีวอนที่ตอนนี้เป็นผู้บริหารคนใหม่อยู่ภายในห้องคนเดียว
ความจริงแล้วตัวเขาเองไม่ได้ตั้งใจที่จะซื้อโรงแรมแห่งนี้เท่าไหร่ ถ้าไม่บังเอิญพบว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินของซูยองที่ปูซาน แต่เมืองปูซานก็กว้างใหญ่เกินไปกว่าที่จะหาตัวเจอ จึงได้แต่ภาวนาพระผู้เป็นเจ้าขอให้เขาได้เจอซูยอง ได้ชดเชยสิ่งที่ทำผิดไปเท่านั้น คงอย่างที่ว่ากันไว้ กว่าจะรู้ว่ารัก ก็รู้ว่าได้สูญเสียสิ่งนั้นไปแล้ว แต่แล้วซีวอนก็สลัดความคิดนี้ออกไป เพราะเมื่อเขาซื้อกิจการโรงแรมแล้ว เขาต้องดูแลรับผิดชอบพนักงานทั้งหมด จึงโฟกัสแต่เรื่องงานเท่านั้น การที่จะยกระดับโรงแรมได้ควรต้องยกระดับสิ่งปลูกสร้างบริเวณรอบๆ โรงแรมด้วย หนึ่งในนั้นคือร้านกาแฟสองชั้นหลังเล็กที่ชื่อว่าซูวอน เห็นว่าแม่ม่ายลูกหนึ่งดูแลกิจการอยู่ ซึ่งมองจากชั้น 20 ห้องทำงานที่เขาอยู่ก็จะเห็นว่ามีคนเดินเข้าร้านบ้างแต่ส่วนมากจะเห็นถ่ายรูปบริเวณหน้าร้านซะมากกว่า ที่ทำอยู่คงเป็นเพราะใจรักจริงๆ เพราะอ่านจากรายงานแล้วอาหารเครื่องดื่มราคาไม่แพง สามารถถ่ายรูปบริเวณร้านได้โดยไม่คิดเงิน แถมลูกค้าเมื่อซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มยังสามารถนั่งสบายๆ ได้โดยไม่จำกัดเวลาอีกด้วย ถ้าบริหารแบบนี้มีแต่เสมอตัวหรือไม่ก็ขาดทุนเท่านั้น การติดต่อซื้อขายกิจการของคนที่ทำด้วยใจรักนั้นยากมาก มีอีกหนทางคือขอให้ร้านซูวอนขยายร้านให้ดูหรูขึ้น ไม่ใช่เพียงแต่ร้านเล็กๆ น่ารักๆ นั่งสบายเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าเจ้าของยอมตกลงบางทีเขาอาจต้องหาคนช่วยบริหารเพราะไม่งั้นอยู่ไม่ได้แน่นอน และเขาก็ไม่อยากใจร้ายเกินไปกับคนหาเช้ากินค่ำมากนัก
เมื่อเสร็จจากการทำงาน ซีวอนอดไม่ได้ที่จะเดินรอบๆ บริเวณโรงแรมอีกครั้งอาจเป็นเพราะบรรยากาศหรือตัวเขาเองที่อยากรู้อยากเห็นบริเวณโรงแรมมากที่สุด โดยไม่ทันตั้งตัวก็มาโผล่บริเวณสระว่ายน้ำของโรงแรมเข้า จึงเห็นเด็กที่ดูแล้วอายุน่าจะ 6 – 7 ขวบ ว่ายน้ำดำผุดดำโผล่อยู่ คงเป็นลูกค้าโรงแรม แต่ทำไมถึงอยู่คนเดียวไม่มีผู้ปกครองมาอยู่ดูแล ทำให้เขาอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ และบริเวณนี้ก็ไม่มีใครอยู่ด้วย อย่างแรกที่ต้องทำคือจ้างยามหรือผู้ดูแลสระว่ายน้ำเพิ่มเผื่อมีลูกค้ามาว่ายน้ำแล้วเกิดอุบัติเหตุ ระหว่างที่เขานั่งดูเด็กน้อยว่ายน้ำก็อดคิดถึงตัวเองตอนเด็กไม่ได้ ว่าชอบเล่นน้ำ ว่ายน้ำขนาดไหน แต่เพราะหน้าที่การงานทำให้เวลาที่จะหาความสุขให้ตัวเองลดลง
“คุณลุงครับ ว่ายน้ำด้วยกันไหมครับ” ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ซูวอนว่ายน้ำมายังที่ฝั่งซีวอนนั่งอยู่ และชวนซีวอนมาว่ายน้ำด้วยกัน เพราะเล่นคนเดียวน่าเบื่อออก อีกทั้งซีวอนก็จ้องมองมาทางเขาตลอดเวลา ด้วยความคิดเด็กๆ ลองชวนคนมาว่ายน้ำเป็นเพื่อนก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน
“ชวนลุงหรอครับ” ซีวอนที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อนจึงถามซูวอนกลับไปและเมื่อเห็นซูวอนตอบว่าใช่จึงบอกต่อว่า “ลุงเล่นน้ำไม่ได้หรอกครับ ลุงไม่ได้เอาชุดมา”
“ว้า… นึกว่าจะมีคนว่ายน้ำเป็นเพื่อน” ซูวอนตอบด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
“พรุ่งนี้ยังอยู่ไหมครับ เดี๋ยวลุงมาว่ายน้ำเป็นเพื่อน” ซีวอนถามกลับไป เพราะพอเห็นหน้าเศร้าของเด็กคนนี้แล้ว ใจเขาหวิวอย่างบอกไม่ถูก ส่วนซูวอนถึงจะงงกับคำถาม แต่เมื่อได้ยินว่ามีคนจะว่ายน้ำเป็นเพื่อนแล้ว จึงไม่สนใจคำถามกับซีวอนเท่าไหร่ แสดงแต่อาการดีใจออกไปเท่านั้น
“จริงนะครับ พรุ่งนี้จะมาว่ายน้ำกับผมจริงๆ นะครับ” ซูวอนถามย้ำอีกครั้งอย่างดีใจ แล้วรีบขึ้นจากน้ำพร้อมทั้งหยิบผ้าเช็ดตัว เพราะเขาก็ว่ายน้ำเล่นมานานแล้ว แถมยังเจอคุณลุงที่คุยกันถูกคออีก
“จริงครับ ลูกผู้ชายสัญญาแล้วไม่คืนคำ” ซีวอนตอบกลับ และอดไม่ได้ที่จะลูบหัวเด็กน้อยตรงหน้า ปกติแล้วเขาไม่ได้เป็นคนชอบเด็กเท่าไหร่นัก ออกจะเฉยๆ มากกว่า แต่กลับเด็กนี้เหมือนกับมีภาพของใครบางคนซ้อนเข้ามา รวมถึงภาพของตัวเขาเองตอนเด็กๆ ด้วย ทำให้เขารู้สึกชอบเด็กคนนี้เป็นพิเศษ และคงไม่ต่างจากความคิดซูวอนมานัก ที่รู้สึกชอบคุณลุงคนนี้อย่างบอกไม่ถูก คงเป็นเพราะหน้าตาที่เป็นมิตรแถมยังใจดีอีกต่างหาก จนทำให้อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเขามีพ่อ พ่อเขาจะใจดีแบบนี้ไหม
“เป็นอะไรครับ ไม่ดีใจที่ลุงจะเล่นด้วยในวันพรุ่งนี้หรอ” ซีวอนที่อยู่ๆ ก็เห็นใบหน้าหม่นๆ ของซูวอนจึงถามอย่างสนใจ หรือเป็นเพราะว่าพรุ่งนี้เด็กคนนี้ไม่ได้พักอยู่ที่นี่แล้ว แต่ยังไม่ทันได้ถามออกไป รอยยิ้มที่สดใสของเด็กน้อยกลับมาสดใสอีกครั้ง
“ไม่ใช่ครับ ผมดีใจมากเลย คุณลุงอย่าลืมนะครับ” ซูวอนย้ำอีกครั้งก่อนที่จะโค้งหัวลา เพราะนี่เย็นมากแล้วถ้าไม่รีบกลับเดี๋ยวแม่จะเป็นห่วง “ผมกลับก่อนนะครับ เดี๋ยวแม่จะเป็นห่วง”
ซีวอนพยักหน้ารับเล็กน้อยและมองตามเด็กน้อยที่วิ่งไป ก่อนที่เด็กน้อยจะหันหลังกลับมาตะโกนบอกชื่อตัวเองและถามชื่อของเขา
“ผมชื่อซูวอนครับ คุณลุงชื่ออะไรครับ”
“ลุงชื่อซีวอนคับ”
****************************
*ยิ้มหวานประจบรีดเดอร์* กลับมาแล้วค่ะ พอดีวันนี้อ่านฟิคซูยองกับซีวอนเรื่องหนึ่งเข้า โครงเรื่องคล้ายกันเลย เลยเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องนี้ต่อ ก็เลยได้มาหนึ่งตอน อิอิ
http://writer.dek-d.com/aomzaangel/writer/view.php?id=1014219 <<< เรื่องนี้เลย ไม่ได้เจอฟิคซูยองกับซีวอนในเด็กดีมานานละ (หรือเพราะเป็นคนหาฟิคอ่านไม่เก่งก็ไม่รู้) พอเจอแล้วแถมสนุกอีกเลยดีใจ อิอิ
ปล. ข้ามๆ ตอนมาม่าไปก่อนเนอะ บทหนักๆ ข้ามๆ ไปก่อน มาดูความสดในน่ารักของซูวอนกันดีกว่า
ความคิดเห็น