คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4 [ปรับขนาดอักษรค่ะ]
เมื่อเข้ามาในบ้าน สิ่งที่เห็นคือซูยองนอนอยู่บนโซฟา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารอเขากลับบ้าน เขาใจร้ายกับเธอมากไปไหม คำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวทุกครั้งที่เห็นซูยองหน้าตาเศร้าหมองเมื่อโดนปัดเยื่อใย แต่ซูยองก็ไม่เคยโกรธ โมโห หรือตีโพยตีพาย แต่เงียบเหมือนทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนบางครั้งเขารู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ไปสัมมนาดูงานต่างประเทศโดยไม่บอกกล่าว จนทำให้คนที่เขาบอกตัวเองมาตลอดว่าเป็นน้องสาวต้องมานอนรอที่โซฟาบ้านแบบนี้ เห็นทีคงต้องทำอะไรบางอย่าง
“ซูยอง ซูยอง” ซีวอนก้มตัวลงไปปลุกซูยองเบาๆ ที่นอนอยู่บนโซฟา ทำให้เจ้าของชื่อเรียกสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาตอบรับอย่างงงๆ
“คะ” ซูยองที่อยู่ในอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น รับรู้เพียงแต่ว่ามีคนเรียก
“ขึ้นไปนอนในห้องไป นอนบนโซฟาแบบนี้เดี๋ยวก็ปวดเมื่อยหรอก” ซีวอนไล่ให้ซูยองให้ไปนอนในห้อง เพราะนอนโซฟาแบบนี้ท่าจะไม่สบายตัวแน่ ส่วนซูยองเองก็ตอนรับว่า “ค่ะ” และเดินโซเซขึ้นห้องไป ทำให้คนปลุกขำกับนิสัยการนอนขี้เซาไม่ยอมเปลี่ยน
“จะตกบันไดไหมเนี่ย” ซีวอนที่มองซูยองเดินโซเซขึ้นบันไดอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะผ้าห่มที่พันเข้งพันขาส่วนมือก็ถือหมอนทำให้ไม่ได้จับราวบันได จึงเดินตามขึ้นไปอย่างกังลเผื่อตกบันไดลงมาจะได้รับทัน พร้อมกับรู้สึกผิดอีกรอบอย่างบอกไม่ถูก ทั้งผ้าห่มทั้งหมอนครบขนาดนี้คงเป็นเพราะรอเขากลับบ้านตั้งแต่วันแรกจนถึงคืนนี้ก็ประมาณหนึ่งสัปดาห์ที่ซูยองต้องมานอนรอที่โซฟา คงถึงเวลาจริงๆ ที่ควรปรับความเข้าใจกัน
เช้าวันรุ่งขึ้นซูยองได้แต่งงว่าทำไมตัวเองถึงได้มานอนอยู่บนเตียงนอนได้ พยายามคิดยังไงก็คิดไม่ออก แต่โดยนิสัยเสียๆ ที่เกี่ยวกับการนอนของตัวเองแล้ว คงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่ตัวเธอเองอาจจะละเมอเดินเข้ามานอนในห้องก็เป็นได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นซูยองจึงลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว และลงไปข้างล่างเพื่อจัดการอาหารเช้าของตัวเอง เพราะวันนี้เป็นวันหยุดแถมซีวอนก็ยังไม่กลับ เธอจึงรีบร้อนเท่าไหร่นัก
“ทำไมมีกลิ่นกาแฟ” ซูยองพึมพำกับตัวเองเบาๆ พร้อมทั้งทำจมูกฟึดฟัดเพื่อตามหากลิ่น ซึ่งดูท่าแล้วจะลอยมาจากห้องครัว แต่แล้วเธอกลับเห็นคนสามีโดยนิตินัยที่เธอคิดว่าเขายังไม่กลับบ้าน
“พี่ซีวอน” ซูยองพูดด้วยน้ำเสียงตกใจแต่ไม่ดังมาก แต่นั้นก็ทำให้เจ้าของชื่อเรียกได้ยินและหันหลังกลับมามอง
“ตื่นแล้วหรอ” ซีวอนถามซูยอง พร้อมทั้งหันกลับมาจิบกาแฟและมองเครื่องปิ้งขนมปังที่ยังทำงานอยู่
ส่วนซูยองที่ตกใจตั้งแต่เห็นซีวอนอยู่ในห้องครัว และตอนนี้ยังตกใจที่ซีวอนหันมาคุยกับเธอ ถึงจะเป็นคำพูดสั้นๆ แต่ตั้งแต่แต่งงานกัน ซีวอนก็ไม่เคยสนใจหรือจะคุยอะไรกับเธออีกเลย “เออ… ตื่นแล้วค่ะ พี่ซีวอนไปนั่งก่อนไหมคะ เดี๋ยวซูจัดการให้เองค่ะ”
ซีวอนหันมามองซูยองแว๊บหนึ่งก่อนยิ้มให้และบอกขอบใจมาก แล้วเดินออกไปจากห้องครัวพร้อมกับถ้วยกาแฟ ซูยองที่ทำอะไรไม่ถูกตั้งแต่ซีวอนถามว่าตื่นแล้วหรอ และตอนนี้ยังพูดว่าขอบใจอีก ทำให้เกิดอาการงงเข้าไปใหญ่ จึงลองหยิกแขนตัวเองดู
“โอ๊ย ก็เจ็บหนิ พี่เค้าป่วยหรือป่าว” ซูยองถามตัวเองเบาๆ และเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อทำอาหารเช้าอย่างว่างๆ แต่ยังคงสงสัยว่าซีวอนมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมถึงยอมคุยกับเธอ
เมื่อทำอาหารเสร็จตัวเธอเองจึงยกอาหารออกไปจากห้องครัวและนำไปวางไว้ที่โต๊ะอาหาร “พอดีเห็นพี่ซีวอนปิ้งขนมปังไว้แล้ว เลยทำแซนวิชง่ายๆ ทานได้ใช่ไหมคะ” คำถามที่โดยปกติแล้วเธอจะไม่ได้รับคำตอบ แต่เธอก็ถามออกไปทุกครั้ง เพราะการที่คนหนึ่งนิ่งเฉยและอีกคนนิ่งตามมันจะกลายเป็นไม่มีบทสนทนาแล้วต่อไปก็จะเงียบไม่คุยกัน ต่างคนต่างอยู่ในที่สุด เธอไม่อยากให้เป็นแบบนั้น จึงพยายามชวนเขาคุยตลอด แต่ก็ล้มเหลวตลอดเหมือนกัน
“อืม ดีกว่าที่คิดไว้ตั้งเยอะ” ซีวอนหยิบแซนวิชที่ประกอบด้วยผักแฮมไข่ดาวขึ้นมากิน เพราะตอนแรกที่ตัวเขาเห็นซูยองยังไม่ตื่น ตั้งใจว่ากินขนมปังปิ้งเปล่าๆ เสียด้วยซ้ำ
ซูยองที่ได้รับคำตอบจากคำถามที่ปกติแล้ว คำตอบคือเงียบก็มองซีวอนอย่างตกใจ เธอควรลองคุยกับเขาอีกดีไหม เค้าจะตอบคำถามเธอหรือป่าว “แล้วพี่ซีวอนกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” ซูยองลองถามไปอีกครั้ง
“กลับมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เห็นเธอนอนอยู่บนโซฟา เลยปลุกขึ้นไปนอนในห้อง” ซีวอนตอบเสียงเรียบกลับไปเหมือนไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมาก่อน ส่วนซูยองที่ยังคงมองซีวอนอย่างสงสัยพร้อมทั้งทำหน้างงงวยไปเรียบร้อยแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับซีวอน ตอนไปต่างประเทศหัวกระทบกระเทือนอะไรเข้าหรือเปล่า ทำไมอยู่ๆ ก็คุยดีกับเธอ กลับมาเป็นพี่ชายคนเดิมคนเก่าที่เธอเคยรู้จัก แถมเมื่อคืนยังปลุกเธอไปนอนในห้องอีก
“ซูยอง” ซีวอนเรียกซูยองเมื่อเห็นว่าเธอมองมาที่เขาด้วยสายครุ่นคิดตลอดเวลา
“คะ” ซูยองตอบรับอย่างงงๆ เพราะเขาไม่เพียงแต่ยังคุยกับเธอ แถมตอนนี้ยังเรียกชื่อเธอ
“มีอะไรจะถามไหม” ซีวอนถามออกไป เพราะดูก็รู้ว่าซูยองมีคำถามอยู่ในหัวร้อยแปดพันเก้า ส่วนซูยองเองก็โลเลที่จะถาม เพราะยังไม่แน่ใจว่าถ้าถามไปบรรยากาศที่เขาก็คุยดีกับเธอจะเปลี่ยนไปไหม ถ้าเป็นไปได้เธออยากเก็บช่วงเวลาดีๆ แบบนี้ไว้ เพราะตลอดเวลาที่อยู่ในบ้านหลังนี้ที่เป็นเรือนหอของเขาและเธอ มีแต่เธอเท่านั้นที่พูดคุยกับเขา ส่วนเขาถ้าไม่นิ่งเงียบก็คือไม่อยู่ จนบางทีตัวเธอเองรู้สึกเหงาๆ จึงเดินไปบ้านหลังใหญ่ที่อยู่บริเวณรั้วเดียวกัน เพื่อคุยกับคุณป้าซึ่งเป็นแม่ของซีวอนแก้เหงา
“ตกลงมีอะไรจะถามไหม” ซีวอนถามย้ำอีกครั้ง เมื่อเห็นซูยองเอาแต่จ้องหน้าเขาแล้วยังไม่ยอมพูดอะไร ทำให้ซูยองสะดุ้งเล็กน้อยเพราะมัวแต่เหม่อลอยอยู่
“เออ… เออ… พี่ซีวอนหายโกรธซูแล้วหรอคะ” ซูยองถามอย่างอ้ำอึ้ง
“เรื่องอะไร เรื่องแต่งงาน” ซีวอนถามกลับไปทั้งที่รู้อยู่แล้ว ก่อนที่จะเดินไปหาซูยองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนที่จะย่อตัวลงมาเพื่อคุยด้วย “พี่ขอโทษ ขอโทษทุกอย่างที่ทำไว้ไม่ดีกับเธอ ทั้งที่การแต่งงานนี้คุณแม่เป็นคนจัดการ แต่พี่ก็ยังโทษไปที่เธอไม่ยอมปฏิเสธ ยกโทษให้พี่ได้ไหม”
ซูยองที่เริ่มร้องไห้ตั้งแต่เขาเริ่มขอโทษ เพราะเมื่อคืนตัวเธอเองยังท้อใจกับการที่ซีวอนไม่สนใจใยดี ไม่พูดคุยด้วยอยู่เลย จนเริ่มคิดถึงเรื่องหย่า แต่มาวันนี้อยู่ๆ ซีวอนก็บอกขอโทษกับ แล้วอ้อมกอดอบอุ่นนี่อีก อ้อมกอดของเขาที่โหยหายมาตลอด อ้อมกอดที่คอยปลอยโยนเวลาที่เธอเสียใจ หรือคิดถึงครอบครัวที่จากไป
“พี่อยากให้เรากลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม ส่วนเรื่องหย่าคงต้องรออีกสักปีสองปี คุณแม่คงเข้าใจว่าเราสองคนไม่ได้รักกันแบบนั้นจริงๆ” ซีวอนที่เริ่มพูดต่อ เพราะยังไงเขาก็รักเธอแบบน้องสาว อยู่ๆ จะให้มารักแบบคนรักคงไม่ได้ ส่วนซูยองถึงแม้จะรู้สึกดีใจและเสียใจจึงได้เพียงแต่พยักหน้าในอ้อมกอดของซีวอนเท่านั้น เพราะอย่างน้อยคงดีกว่าที่เขาเฉยฉากับเธอ
---------------------------------------------------------
แปลกใจตัวเองที่ตอนนี้ไม่มาม่าแฮะ :)
ความคิดเห็น